What is under the moonlight

6.8

เขียนโดย kang

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.09 น.

  11 ตอน
  49 วิจารณ์
  17.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 13.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) อีกคนที่ยอมเชื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่เสียงคำราม และเสียงปืนเงียบหายไป ทหารในสนามเพลาะต่างพากันยืนนิ่งด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ทิมที่กำลังออกเดินตรวจเวรถึงกับยืนนิ่ง ตาค้างด้วยความตกใจ จนเขาไม่ได้ให้สนใจจอห์นสันที่กำลังเรียกชื่อเขาอยู่เลย

“ทิม เราจะทำยังไงกันต่อ?”

จอห์นสันพูดเสียงดังจนเกือบตะโกน ทำให้ทิมได้สติอีกครั้ง เขาทำตาหรี่พร้อมกับหันมาจ้องมองจอห์นสันด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ แล้วพูดออกมาช้าๆ

“เมื่อกี้ แกเรียกฉันยังไงนะ?”

จอห์นสันถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วฝืนใจพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สุภาพยิ่งขึ้น

“ท่านครับ เราจะทำยังไงกันต่อดีครับ”

                “เฝ้าต่อไปเถอะน่า สนใจเรื่องตัวเองเถอะ เอาตัวเองให้รอดก่อน” ทิมพูดอย่างดูถูกแล้วออกเดินต่อไป ทำให้    จอห์นสันเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา

                “แล้วพวกจ่ารอสล่ะ?” จอห์นสันพูดเสียงดังผสมอารมณ์โกรธ จนทิมเผลอหันมาตอบกลับอย่างลืมตัว

                “ก็ช่างพวกมันสิ ตอนนี้ฉัน...” ทิมเผลอหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงงรีบหยุดพูดแล้วเริ่มแสดงอาการกังวลออกมาเล็กน้อย แล้วจกานั้นทิมจึงหันมาจ้องมองจอห์นสันกับมาร์คัสด้วยสายตาที่จริงจัง แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

                “ไอ้คางคกขึ้นวอ*เอ้ย” จอห์นสันพูด พร้อมส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจในการกระทำของทิม

                ***คางคกขึ้นวอ หมายถึงคำพูดเปรียบเทียบ คนที่มีฐานะต่ำต้อย   พอได้ดีแล้วก็มักแสดงกิริยาอวดดีลืมตัว

                “เอาเถอะน่า เรามีเรื่องต้องห่วงกว่าเยอะ” มาร์คัสพูดพร้อมกับตบไหล่เพื่อปลอบใจเพื่อน จอห์นสันพยักหน้าให้เล็กน้อยอย่างเข้าใจ และจอห์นสันยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เริ่มยิ้มออกมาราวกับคนที่คิดสิ่งที่ดีๆออกมาได้ เขารีบหันไปหามาร์คัส แล้วพูดออกมาอย่างมีความหวัง

                “มาร์คัส ฉันคิดออกแล้ว มีอีกคนที่เจอเรื่องแปลกๆมาไม่พวกแพ้เราเลย เขาต้องเชื่อเราแน่”

“ใครเหรอ?” มาร์คัสหันมาถามย่างสงสัย

จอห์นสันยิ้มออกมา แล้วเอ่ยชื่อคนๆหนึ่งที่มาร์คัสไม่เคยคาดคิดว่า เขาคนนั้นจะคิดเชื่อเรื่อง มนุษย์หมาป่า

“วิลเลี่ยมไง !”

เมื่อจอห์นสันเอ่ยชื่อวิลเลี่ยมออกมา มาร์คัสถึงกับตาคต้างด้วยความตกใจ

“นายจะบ้ารึไง จอห์นสัน ? วิลเลี่ยมเป็นหมอ เขาไม่ยอมเชื่อเราหรอก” มาร์คัสเอ่ยพูดด้วยเสียงที่คัดค้านอย่างเต็มที่

“เชื่อสิ เพื่อน ใครกันล่ะที่รักษาแดนนี่ ใครกันล่ะที่อยู่กับมันในคืนที่มันอาละวาด” จอห์นสันพูดออกมาอย่างมีความหวัง

“คอยดูทิมด้วยนะ เชื่อมือฉันได้ รอก่อนนะ” จอห์นสันพูดแล้วตบไหล่มาร์คัสด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง แล้วจานั้นเขาจึงออกวิ่งเพื่อไปยังเต็นท์พยาบาล

จอห์นสันแอบวิ่งก้มตัวหลบมาตามมุมของสนามเพลาะเพื่อตรงไปยังเต็นท์พยาบาลอย่างระมัดระวัง โดยที่เขาคอยมองบริเวณรอบข้างอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่า ทิม ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น

จนในที่สุดเมื่อจอห์นสันมาถึงทางเลี้ยวไปยังเต็นท์พยาบาล  จอห์นสันใช้หลังพิงกับขอบสนามเพลาะแล้วค่อยๆยื่นๆหน้าออกไปมอง และภาพที่เขาได้เห็นคือ วิลเลี่ยมกำลังเถียงกับทิมอย่างดุเดือดอยู่ ซึ่งจอห์นสันพอจะจับใจความได้ว่า

“นายบ้ารึไงวะ นายให้คนเจ็บออกมาเฝ้าเวรเนี่ยนะ” วิลเลี่ยมตวาดเสียงลั่นด้วยอย่างไม่พอใจ จากนั้นทิมก็ตวาดกลับทันควันด้วยเสียงดังระดับเดียวกัน

“ก็พวกนั้นมันหายดีกันแล้วนี่หว่า นายจะปล่อยให้มันนอนสบาย ขณะที่คนอื่นต้องมาลำบากเฝ้าค่ายเนี่ยนะ”

“หายบ้าอะไรวะ พวกนั้นยังไม่ทันหายดีด้วยซ้ำ”

“เอ็งเงียบปากไปเลยดีกว่าไป ตอนนี้เราเหลือแค่ 10 คนแล้ว ตักเอ็งกับฉันออกก็เหลือ 8 คนเอง แล้วหักพวกนั้นออกไปอีกจะเหลือกี่คน”

“แกอย่าบ้าให้มากได้มั้ยทิม หา ไอ้คางคกขึ้นวอ” ทันทีที่วิลเลี่ยมพูดจบ ทิมก็ได้ชกเข้าที่หน้าของวิลเลี่ยมอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธ จนวิลเลี่ยมล้มลง แว่นที่เขาใส่อยู่ถึงกับกระเด็นหลุดออกจากใบหน้าของเขา

“จำใส่กบาลเอาไว้นะ ที่นี่ ตอนนี้ ฉันใหญ่โว้ย” ทิมตวาดอย่างโอหังเกินตัว แล้วเดินจากไปด้วยท่าทีหลงตัวเอง

เมื่อวิลเลี่ยมสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง เขารีบใช้มือทั้งสองข้างควานหาแว่นตาบนพื้นดิน แต่ด้วยการที่เขาเป็นคนสายตาสั้นทำให้เขามองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก

“เอ้า นี่ วิลเลี่ยม” เสียงอันคุ้นหูของวิลเลี่ยมดังขึ้น พร้อมกับที่เขาเห็นมือของใครบางคนกำลังยื่นอะไรบางอย่างให้แก่เขา วิลเลี่ยมยื่นมือไปรับของสิ่งนั้นมาแล้วเมื่อได้สัมผัสวิ่งนั้น เขาจึงได้รู้ว่ามันคือแว่นตาของเขา

เมื่อวิลเลี่ยมสามารถมองเห็นภาพทุกอย่างได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง ภาพที่เขาเห็นคือจอห์นสันกำลังยื่นมาให้แก่เขาเพื่อช่วยฉุดให้เขาลุกขึ้น

“จอห์นสัน มีอะไรเหรอ?”วิลเลี่ยมเอ่ยถามพร้อมกับที่จอห์นสันฉุดให้เขาลุกขึ้น

“มากับฉันหน่อยlb” จอห์นสันพูดพร้อมกับโบกมือไปทางด้านหน้า แล้วรีบออกเดินนำหน้าเขาไปทันที

                วิลเลี่ยมเดินตามหลังจอห์นสันมาติดๆ จนกระทั่งจอห์นสันพาเขามาจนถึงบริเวณที่มาร์คัสกำลังยืนเฝ้าเวรอยู่

“พวกนายมีอะไร เรียกฉันมาทำไม?”วิลเลี่ยมถามอย่างสงสัยทันทีที่มาถึง

จอห์นสันถอนหายใจออกมาเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะพูดในสิ่งที่เป็นไปได้ยากว่า อีกฝ่ายจะยอมเชื่อในสิ่งที่เขากำลังจะพูด จากนั้นเขาจึงหันกลับไปหาวิลเลี่ยมแล้วพูดออกมาช้าๆ

                “วิลเลี่ยม พวกฉันมีเรื่องจะบอก มันฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ฉันขอยืนยันได้ว่า มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”

“อะไรของพวกนาย ?” วิลเลี่ยมเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย จอห์นสันจึงเริ่มพูดออกมาอีกครั้ง

                “วิลเลี่ยม จำวันที่แดนนี่ ถูกกัดและอาละวาดได้มั้ย?”

วิลเลี่ยมพนักหน้ารับ จากนั้นจอห์นสันจึงเริ่มพูดต่อ

“วิลเลี่ยมฟังนะ แดนนี่ มันเป็นมนุษย์หมาป่า” เมื่อจอห์นสันพูดจบวิลเลี่ยมทำหน้ายิ้มๆแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

                “พวกนายเพ้อเจ้ออะไรกันเนี่ย?” วิลเลี่ยมพูดอย่างนึกขันในสิ่งที่ได้ยิน แล้วทำท่าจะเดินกลับ จอห์นสันจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วเพื่ออธิบายให้อีกฝ่ายยอมเชื่อ

                “วิลเลี่ยม นายจำได้มั้ย แดนนี่มันเปลี่ยนไปขนาดไหน หลังจากที่โดนกัด แรงมันเยอะขึ้นใช่มั้ย มันฉีกเชือกขาดได้ง่ายๆ มันอาละวาดอย่างผิดมนุษย์และที่สำคัญนะ นายจำได้มั้ยที่นายบอกพวกฉันว่า มันพยายามจะทำร้ายคนเจ็บจนนายต้องฉีดยานอนหลับให้มัน” จอห์นสันพูดย้อนถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นซึ่งวิลเลี่ยมล้วนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

                “คิดว่าแค่นั้น จะทำให้ฉันเชื่อว่า เป็นมนุษย์หมาป่าเหรอ ?” วิลเลี่ยมพูดออกมาด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปราวกับว่า เขาได้ปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้

เมื่อจอห์นสันไม่สามารถเปลี่ยนใจวิลเลี่ยมได้ มาร์คัสจึงถามวิลเลี่ยมด้วยคำถามที่จะทำให้วิลเลี่ยมต้องเปลี่ยนใจ

                “วิลเลี่ยม ฉันถามนายอีกอย่างสิ วันที่แดนนี่ถูกกัด แผลของมันเหมือนรอยเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย?”

วิลเลี่ยมถึงกับชะงักทันทีที่เขาได้ยินคำถามที่มาร์คัสเอ่ยถาม เขาค่อยๆหน้ากลับมามองมาร์คัสอย่างตกตะลึง เพราะเขาจำได้ดีว่า มาร์คัสไม่ได้เข้าไปในเต็นท์พยาบาลเลยในวันที่แดนนี่ถูกกัด และวันที่ทหารเยอรมันบุกโจมตี มาร์คัสก็ไม่มีทางสามารถเห็นรอยแผลของแดนนี่ได้อย่างแน่นอนเพราะเขาได้ทำแผลและเอาผ้าพันบาดแผลให้แก่แดนนี่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาร์คัสก็ไม่มีทางรู้จากจอห์นสันอย่างแน่นอน เพราะจอห์นสันก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า ตัวอะไรที่กัดแดนนี่

วิลเลี่ยมยืนก้มหน้านิ่งอยู่ชั่วขณะก่อนที่เขาจะเริ่มพูดขึ้นอย่างช้าๆ

                “ใช่ ฉันเก็บเอาไว้ไม่บอกใคร เพราะคิดว่าไม่มีใครเชื่อ รอยกัดมันเหมือนรอยเขี้ยวของหมาป่า ตั้งแต่นั้นมันก็มีอาการแปลกๆ ชอบอาละวาดตลอด วันนั้นที่พวกข้าศึกบุกมา มันนอนอยู่ดีๆจู่ๆก็ลุกวิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว แถมบางครั้งมันยังชอบทำเสียงครางแปกๆคล้ายๆเสียงครางของสัตว์ป่าด้วย”

                “แล้วตอนนี้นายจะเชื่อได้รึยังล่ะ?” จอห์นสันถามขึ้นด้วยเสียงจริงจัง

วิลเลี่ยมเงยหน้ามามองจอห์นสันกับมาร์คัสที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แล้วค่อยๆพยักหน้าให้ช้าๆ แทนคำตอบ จากนั้นมาร์คัสจึงเริ่มพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชาแต่ฟังดูจริงจัง

“วิลเลี่ยมฉันไม่มีเวลามาเล่าเรื่องที่มาของมัน แต่ฉันจะบอกว่า คืนวันเพ็ญมาถึง พวกมันจะกลับมาที่นี่ และพวกเราก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยอาวุธธรรมดา”

เมื่อมาร์คัสพูดจบ วิลเลี่ยมถึงกับตาค้างแล้วเผลอพูดออกมาอย่างตกใจ

“เราจะทำยังไงได้ พรุ่งนี้ดวงจันทร์จะเต็มดวงแล้ว?”

                “ดวงจันทร์เต็มดวงแล้วจะทำไมงั้นเหรอ?”  เสียงอันคุ้นหู ของหทารทั้งสามนายดังขึ้นจากมุมด้านซ้ายของพวกเขา ทั้งสามรีบหันไปพร้อมกับที่ทิมเดินออกมาและมองพวกเขาอย่างนึกขัน

                “พวกแกดูท่าจะว่างกันจังนะ มายืนเล่าเรื่องผีกันอยู่เนี่ย”  ทิมทำท่าพูดคล้ายทหารผู้ใหญ่กำลังหยอกล้อชั้นทหารผู้น้อย แต่ทหารทั้งสามนายกลับยืนนิ่งเงียบ

                “พวกเอ็งกลับไปเฝ้าตามเดิมนะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่าเอ็งมาเล่าเรื่องผีกันอีก  ส่วนแก วิลเลี่ยม ฉันได้ยินว่า ไอ้แดนนี่มันไม่ได้เอาปืนไปด้วย ไปเอาปืนของมันมาแล้วไปช่วยคนเจ็บที่แกห่วงหนักหนานั่นเฝ้าเวรซะสิ แล้วเรียกคนที่พร้อมที่เข้าเวรกับคนเจ็บนั่นมาช่วยฉันตรวจเวรซะ ” ทิมออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด แล้วเดินจากไป พร้อมกับที่วิลเลี่ยมเดินหันหลังกลับ

                 “วิลเลี่ยม ฉันขออะไรหน่อยสิ” เสียงของจอห์นสันดังขึ้น ก่อนที่วิลเลี่ยมจะเดินจากไป

“นายช่วยบอกคนอื่นแทนพวกฉันทีได้มั้ย? อย่างน้อยก็พยายามบอกก่อน ถ้าเป็นนายยังมีโอกาสมากว่าพวกฉันบอก”

เมื่อจอห์นสันพูดจบ วิลเลี่ยมหันกลับมาพยักหน้ารับ แล้วเดินจากไป ปล่อยให้จอห์นสันและมาร์คัสมองหน้ากันอย่างมีความหวัง ก่อนที่คืนวันเพ็ญจะมาถึง !

……………………

เช้าวันรุ่งขึ้น วิลเลี่ยมเดินกลับมายังเต็นท์พยาบาลเพื่อมาเก็บอุปกรณ์การแพทย์ที่เขาลืมทิ้งเอาไว้อย่างอ่อนเพลียเพราะเขาเองก็ได้อดนอนมา 2 วันเหมือนกับทหารนายอื่นๆ  

                “แกมาทำอะไรที่นี่ วิลเลี่ยม ฉันสั่งให้แกไปเฝ้าประจำที่ไม่ใช่เหรอ?” เสียงของทิมดังขึ้นทันทีที่วิลเลี่ยมเดินเข้ามาในเต็นท์พยาบาล  

วิลเลี่ยมรีบหันไปทางที่มาของเสียง และภาพที่เขาเห็นคือ ทิมกำลังนั่งอยู่บนเตียง แล้วจ้องมองมาทางเขาอย่างไม่พอใจ ซึ่งวิลเลี่ยมรับรู้ได้ทันทีจากการสังเกตจากใบหน้า ว่า ทิมได้แอบมานอนหลับในเต็นท์ โดยสั่งให้เขาไปประจำที่ และให้ทหารที่วิลเลี่ยมต้องไปช่วยเข้าเวรแทน มาทำหน้าที่ตรวจเวรแทนตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ใครรู้ถึงการกระทำของเขา

                “มาเอาของ ฉันลืมเอาไว้”วิลเลี่ยมพูดตอบเสียงห้วนๆ แล้วเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าใส่อุปกรณ์การแพทย์ของเขา

                “ตะกี้ แกพูดใหม่อีกทีสิ” ทิมพูดเสียงดัง แล้วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธในท่าทีของอีกฝ่าย

วิลเลี่ยมไม่พูดตอบด้วย แล้วทำทีเป็นไม่สนใจ แล้วเดินออกมาจากเต๊นท์ ทำให้ทิมรู้สึกโกรธจนเลือด

 เขารีบเดินตามวิลเลี่ยมออกมาอย่างรวดเร็ว เข้ามาจับที่หัวไหล่ของวิลเลี่ยม แล้วกระชากให้วิลเลี่ยมหันหน้ามาทางเขา พร้อมกับที่เขากำคอเสื้อวิลเลี่ยมเอาไว้แน่น แล้วจ้องมองหน้าวิลเลี่ยมด้วยใบหน้าบึ้งตึงดุจจะกินเลือดกินเนื้อ

                “เอ็งถือดียังไง มาทำท่าแบบนั้นใส่ฉันวะ หา?” ทิมตวาดเสียงดังลั่น จนทำให้ทหารในสนามเพลาะที่แอบหลับยาม ต่างพากันตื่นขึ้นแล้วรีบกลับมาเข้าเวรตามเดิมด้วยความตกใจ

วิลเลี่ยมเริ่มรู้สึกหมดความรู้สึกกลัวหรือความเกรงใจในความโอหังเกินตนของทิม และพร้อมที่จะตอบโต้กลับ เขายิ้มอย่างดูถูกแล้วพูดใส่ทิมเบาๆแต่ใบหน้าของเขากลับแสดงถึงความดูถูกเหยียดหยาม

                “ขอโทษนะครับท่าน กลับไปนอนต่อดีกว่ามั้ย? พวกเราและคนเจ็บจะคุ้มครองให้”

                “หนอย แก....” ทิมกัดฟันพูด แล้วง้างหมัดขึ้นหมายจะชกเข้าที่หน้าวิลเลี่ยม แต่ทันใดนั้น ได้มีมือของใครบางคนเข้ามาคว้าเข้าที่ข้อมือของเขาเอาไว้แน่นจนเขารู้สึกเจ็บ ทิมรีบหันไปทางด้านหลังและภาพที่เขาเห็นนั่นคือ มาร์คัสกับจอห์นสัน กำลังยืนมองมาทางเขาอย่างเริ่มมีอารมณ์โกรธแบบสุดจะทนไม่ต่างกับวิลเลี่ยม

                “พอทีเถอะนะ แค่นี้ก็แย่พอแล้ว อย่าทำให้แย่ไปกว่านี้เลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว อาจจะไม่ใช่พวกฉันที่แย่”

มาร์คัสพูดอย่างเย็นชาแล้วเหวี่ยงแขนของทิมที่เขากำลังบีบอยู่ออก จนทิมกือบเสียหลักล้ม ทิมกัดฟันแน่นแล้วหันมามองทหารทั้งสามอย่างโกรธแค้น แต่เขากลับไม่กล้าลงมือทำอะไรทหารทั้งสามเพราะ เขารู้ตัวดีกว่า ตอนนี้ถ้าหากเขาเกิดมีเรื่องกับทหารนายใดก็ตาม ทหารที่เหลือย่อมพร้อมที่จะเข้ามาช่วย ทหารนายนั้นอย่างแน่นอน เขาจ้องมองทหารทั้งสามอยู่ชั่วขณะแล้วเดินจากไป โดยที่ทหารทั้งสามได้มองตามหลังเขาไปจนลับสายตา

                “วิลเลี่ยม นายบอกคนอื่นๆรึยัง?” มาร์คัสถามขึ้น ทันทีที่เขาได้เห็นว่า ทิมเดินจากไปแล้ว

                วิลเลี่ยมก้มหน้ามองพื้นอย่างหมดความหวังแล้วพูดออกมา

“ไม่มีใครเชื่อเลย มีแต่โดนหัวเราะเยาะกลับมา”

เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ทหารทั้งสามนายได้แต่ยืนมองหน้ากันอย่างสิ้นความหวังที่จะช่วยทหารนายอื่นๆได้     และในคืนนี้จะเป็นคืนวันเพ็ญ

.............................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา