Angel's quest Part II Staff of angel

9.3

เขียนโดย imppreal

วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 13.45 น.

  12 ตอน
  15 วิจารณ์
  21.47K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) Staff of angel งานเลี้ยงของเอลฟ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Angel Fantasy

งานเลี้ยงของเอลฟ์

 

 

          “มากันแล้ว!”

        เสียงเอลฟ์สาวตนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นเหล่าผู้มาเยือนเดินตรงมาที่ลานกว้างของหมู่บ้าน เอลอยู่ในชุดสตรีพื้นเมืองของเผ่าเอลฟ์ มันเป็นชุดคล้ายชุดราตรีสีเขียวขลิบเหลือง ชายกระโปรงยาวถึงเท้าและนุ่มสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ ส่วนชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาทั้งคู่อยู่ในชุดที่วัยรุ่นเอลฟ์ผู้ชายชอบสวมใส่กัน มันคล้ายกับกับชุดของชาวไพริเวนเดอร์แต่เบาบางและกระชับกว่า เอลฟ์สาวๆหลายคนต่างมองชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสองแล้วซุบซิบกันใหญ่ พวกเธอทำอย่างนั้นอยู่หลายครั้งจนอลันยืนขึ้น พวกเธอก็ต้องหยุด

          “ยินดีต้อนรับผู้มาเยือน คืนนี้พวกเราขอจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกท่านในฐานะแขกผู้มีเกียรติของเรา” อลันหยุดเพื่อชูมือทั้งสองราวกับร่ายเวทมนต์ “เริ่มงานได้ ณ บัดนี้”

       เสียงดนตรีของเผ่าเอลฟ์ดังขึ้นในจังหวะที่สนุกสนานพร้อมกับเสียงพูดคุยเฮฮาของชาวเอลฟ์ หนุ่มสาวชายเอลฟ์หลายคู่เต้นรำไปรอบๆลานกว้าง คบเพลิงถูกจุดไว้ล้อมรอบสถานที่จัดงานสว่างสไวพอที่จะให้แขกทั้งงานมองเห็นได้ นาเทร์รี่เดินตรงมา เธอทักทายไคท์แล้วก็วายุและเอล จากนั้นเธอก็ขอตัวไคท์ไปเต้นรำด้วย ไคท์จึงหายจากสายตาเพื่อนทั้งสองคนไป เหลือเพียงเอลกับวายุที่ต้องอยู่เพียงลำพังสองคนซึ่งล้อมรอบด้วยชาวเอลฟ์ที่สนุกสนานร่าเริง

           “คึกคักดีนะ ว่ามั๊ยวายุ เธอไม่ไปสนุกด้วยหรอ”

        เอลยิ้มร่าให้เขาเมื่อถามจบ ส่วนวายุได้แต่บิดขี้เกียจและถอนหายใจยาวๆก่อนจะหันหน้ามายิ้มจางๆให้เอล

            “ไม่ล่ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ว่าแต่ไคท์นั่นยังมีแรงเหลืออยู่อีกนะ ชั้นจะกองลงพื้นแล้วสิ” วายุพูดในความรู้สึกเบื่อหน่าย มันเป็นคำพูดจากใจจริงของเขาโดยแท้ๆ แต่เขาก็ต้องพูดเบาๆเพื่อไม่ให้เอลฟ์คนใดได้ยินแล้วเสียน้ำใจ

            “ก็ไคท์เป็นพวกไลท์นี่ เหนื่อยไม่เป็นหรอก”

        “จริงด้วย แต่เดี๋ยว ทำไมชั้นไม่เคยได้ยินชื่อ เผ่าเอลฟ์ เลยล่ะ ครูอลิซไม่เคยเอ่ยถึงเลย” วายุนึกถึงตอนที่ครูอลิซบอกเรื่องเผ่าวิเศษในไพริเวนเดอร์ให้ฟัง เขาจำได้ว่าเผ่าเอลฟ์นั้นไม่มีในรายชื่อเลย

             “เผ่าเอลฟ์น่ะ ไม่ใช่เผ่ามนุษย์หรอก พวกเขาเป็นมอนเตอร์ต่างหากล่ะ แต่มีวัฒนธรรมและภาษาที่เด่นกว่ามอนเตอร์ชนิดอื่น เราจึงเรียกพวกเขาว่า ชาวเอลฟ์ ไม่ใช่ ตัวเอลฟ์” เอลอธิบายอย่างแจ่มแจ้งทุกสิ่งและวายุเองก็เข้าใจด้วย

              “จริงสิ ให้บลูออกมาข้างนอกดีกว่า มันคงเบื่อแย่แล้ว”

         “ก็ดีนะวายุ ชั้นเห็นด้วย เอาการูด้าออกมาด้วยสิ นกน่ะชอบที่กว้างๆรู้ไหม”

        วายุยิ้มเห็นด้วย “บลู การูด้า ออกมาเล่นข้างนอกสิ”

        หลังจากที่วายุกระซิบกับแหวนผนึกภูติ แสงสีฟ้าและสีขาวก็เปล่งออกมาทันที บลูและการูด้าบินไล่เล่นกันในอากาศ ชาวเอลฟ์ต่างมองดูอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นภูติทั้งสองต่างบินกลับมาทักทายผู้เป็นนายอย่างสนิทสนมยกเว้นการูด้าที่ต้องร้องเสียงแหลมแทนคำพูด

            “เป็นไงบ้าง ในแหวนน่าเบื่อไหม”

        “ไม่เจ้าค่ะ มันกว้างดีนะเจ้าคะ แต่การูด้าซนไปหน่อย ดันจิกแขนข้าน้อยเป็นรอยเลนเจ้าค่ะ” บลูชูแขนซ้ายที่เป็นรอยที่ล่างไหล่ แต่เธอก็ยิ้มเยาะการูด้าที่เธอสามารถฟ้องวายุได้ก่อน

            “อืม แฟร์รี่ขี้ฟ้อง เจ้ารังแกการูด้าก่อนไหมที่โดนแบบนี้”

        “ปะเปล่าเจ้าค่ะ เราเล่นกัน เอ่อ พลาดน่ะเจ้าค่ะ”

          บลูถอนใจ เมื่อวายุสวนกลับอย่างตรงๆที่เธอกำลังจะปกปิด อันที่จริงบลูนั่นแหละที่แกล้งการูด้าจึงโดนจงอยปากของมันจิกแขนอย่างไม่ได้ตั้งใจ

             “เอาล่ะ วันนี้พวกเธอบินเที่ยวกันให้สนุกนะ แต่อย่าออกไปไกลล่ะ ที่นี่อันตราย เอ่อ ไม่ดีกว่า พวกเธอบินได้เฉพาะบริเวณนี้เท่านั้นนะ โอเคไหม”

          ภูติทั้งสองรับทราบก่อนที่จะบินไล่กันเข้าไปในกลุ่มของชาวเอลฟ์ ซึ่งหลังจากนั้นวายุและเอลก็นั่งดื่มและทานของว่างอยู่ตรงนั้นจนงานเลิก ไคท์ก็เข้ามาร่วมวงพร้อมกับควงแขนนาเทร์รี่มาด้วยดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทสนมกันมากพอที่จะทำให้อลันหัวเสียได้แล้ว

             “เอาล่ะ” อลันยืนขึ้นและเสียงทุกอย่างก็เงียบลงทันที “ได้เวลาอันสมควรแล้ว พวกเราต้องขอตัวกลับไปนอนพักผ่อน เพื่อจะได้ตื่นรับวันใหม่ในวันพรุ่งนี้ ขอให้เหล่าผู้มาเยือนนอนหลับฝันดี แล้วพรุ่งนี้ข้าจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่ สำหรับคืนนี้พวกเราชาวเอลฟ์ต้องขอลา”

        ชาวเอลฟ์ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตนเอง ยกเว้นอลันและนาเทร์รี่ที่ยังอยู่กับเหล่าผู้มาเยือนทั้งสาม หลังจากที่ไม่มีชาวเอลฟ์อื่นเหลือแล้ว อลันก็ลงจากเก้าอี้ประธานของงานมาสมทบกับนาเทร์รี่ ทั้งคู่ดูยินดีเป็นอย่างยิ่ง

           “เป็นยังไงบ้าง งานเลี้ยงวันนี้ สนุกไหม”

       “ค่ะ สนุกสนานมากคะ ชาวเอลฟ์เหมือนมนุษย์อย่างเราจังเลยนะคะ ไม่แตกต่างเลย” เอลยิ้มอย่างร่าเริงบนความเหนื่อยล้า

           “พวกเราเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ยังไงถ้ามีอะไรบกพร่องข้าก็ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยละกัน” อลันยิ้ม “เอาล่ะ วันนี้พวกเจ้าคงเหนื่อยล้ามามากแล้ว ข้าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของพวกเจ้าอีก แต่อย่าลืมนะ พรุ่งนี้มาหาข้าที่นี่ 8 โมงเช้า”

        ทั้งสามรับปาก อลันมองนาเทร์รี่ก่อนจะยิ้ม

            “นาเทร์รี่ เจ้าอยากไปส่งพวกเขาหรือ ได้สิ ข้าอนุญาต”

        “ขอบคุณค่ะ ท่านพ่อ”

         หลังจากกล่าวอำลาอลัน นาเทร์รี่ก็ได้พาทั้งสามมาส่งที่พัก ซึ่งนอนแยกชายหญิง โยที่เธอส่งเอลก่อนแล้วจากนั้นก็เดินไปส่งหนุ่มทั้งสอง ไคท์บอกให้วายุเข้าไปด้านในก่อนเขายังมีเรื่องที่ต้องคุยกับนาเทร์รี่

             “พวกเพื่อนๆของท่านนี่สนุกจริงๆเลยนะ บิดาข้าไม่เคยถูกชะตากับใครมากเท่านี้เลย” นาเทร์รี่ยิ้มเมื่อทั้งคู่เดินชมวิวกันมาได้พักหนึ่ง “ไคท์ ท่านมาจากที่ไหนหรอ ท่านเป็นเผ่าไหนรึ”

        “ผมเป็นชาวไลท์แห่งแสงสว่างน่ะครับ พวกเราอยู่กระจัดกระจายไปเหมือนกับพวกดาร์ก คุณเองคงไม่รังเกียจนะครับ”

        นาเทร์รี่ยิ้ม “ข้าไม่รังเกียจท่านหรอก จะว่าไป ผู้หญิงที่มาด้วยน่ะ คนรักท่านหรือ”

       “ไม่ใช่ครับ เธอเป็นเพื่อนของผม เธอชอบวายุน่ะ”

       “อัศวินคนนั้นหรือ เขาดูทะเล้นดีนะ ไม่ค่อยเหมือนกับนักรบเท่าไหร่”

         ไคท์อมยิ้มไม่ไหวจนหัวเราะเบาๆออกมา

            “คุณวายุเขาเป็นอย่างนั้นแหละครับ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของพวกเราซักเท่าไหร่”

        “งั้นหรอ แล้วท่านเองตอนนี้มีหวานใจหรอยัง”นาเทร์รี่หน้าแดง “ขอโทษที่ถามเจ้า ข้านี่ไม่ไหวจริงๆ”

        “ไม่หรอกครับ ผมไม่ถือหรอก”เขาจับมือนาเทร์รี่ จนเธอต้องหันไปทางอื่นเพราะความเขิน “ผมยังไม่มีคนรักเลย”

        นาเทร์รี่หันกลับมาก่อนจะยิ้มให้เขา “เอ่อ...ข้า...ชอบ...ท่าน...น่ะ”

        ว่าแล้วไคท์ก็กอดนาเทร์รี่แน่น ส่วนเธอเองก็กอดเขาเหมือนกัน ทั้งคู่กอดกันหนักหน่วงและเนิ่นนาน จากนั้นก็คลายกอดออกจากกัน นาเทร์รี่ไปส่งท์ถึงที่พักก่อนที่จะกลับไปยังบ้านของตนที่อลันยืนรออยู่แล้ว

            “เจ้ากำลังจะจากข้าไปเหมือนกับพวกพี่ๆเจ้าใช่ไหม นาร์รี่”

       อลันเอ่ยขึ้นเมื่อลูกสาวของตนกลับมา ส่วนนาเทร์รี่เงียบไม่พูดอะไร

            “ข้าไม่ได้เจ้าหรอก มันเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าไม่ขัดขวางหรอก”

           วายุใช้เวลาที่รอไคท์ เขาหยิบหนังสือคู่มือการเลี้ยงแฟร์รี่สีฟ้าจากย่ามซึ่งครูแร็กทิวให้มาตอนเขาได้รับบลู วายุอ่านคร่าวๆไปจนพบจุดน่าสนใจจุดหนึ่ง มันเขียนว่า “วิธีลัดขั้นตอนการใช้พลังพัฒนาการ” ตอนแรกๆที่เขาอ่านหัวข้อ วายุไม่เข้าใจเลยเขาจึงอ่านรายละเอียดที่มีภาพประกอบเป็นภาพหญิงสาวหุ่นนางแบบหน้าตาดีเป็นเจ้านายแฟร์รี่สีฟ้าตัวหนึ่งกำลังจุดเปลวไฟสีฟ้าขั้นเดียวกับวายุ ภาพถัดมาเธอกำลังประสานมือเข้าด้วยกันมันทำให้เปลวไฟที่มือของเธอลุกโชยมากกว่ามือเดียว และภาพสุดท้ายเธอปล่อยเปลวไฟออกจากมือ มันเป็นลำแสงขนาดยักษ์ที่วายุไม่เคยใช้ เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อได้รู้เคร็ดลับการใช้เปลวไฟสีฟ้าที่แรงมากขึ้น จากนั้นวายุก็ปิดหนังสือคู่มือ เขาหยิบบันทึกโครงร่างนิทานของดริกซ์ วอร์รี่ขึ้นมา แล้วอ่านไปเรื่อยๆ

             “ให้ไปหาเพื่อนเก่า ที่ป่าต้องห้ามรึ”

          วายุอ่านออกเสียงเมื่อเขาลงมืออ่านเป็นครั้งแรก มันเขียนไว้ชัดเจนว่าเขาต้องไปหาเพื่อนเก่าของดริกซ์ วอร์รี่ ที่ป่าต้องห้ามซึ่งอาจจะหมายความว่าป่าหมอก มันเป็นอะไรที่บังเอิญแท้ๆสำหรับเรื่องนี้ วายุส่ายศีรษะให้กับชะตากรรมเพี้ยนๆของตนเอง เขาคิดว่าอาจจะมีอะไรที่นำทางเขามาเป็นแน่แท้ ทำให้เขามาที่นี่ได้อย่างถูกต้องและบังเอิญ วายุอ่านต่อจนเจอคำใบ้คำหนึ่ง

           “หมอกลงจัดวว่อน ร้อนต้องก้าวลุย หนาวต้องย่ำเหยียบ เปรียบตรงข้ามกัน พลันตามมัน นั่นคือคำตอบ”วายุกุมขมับ “มันคืออะไรวะ”

             วายุปิดบันทึกแล้ววางลงในย่ามตามเดิมแล้วไคท์ก็เข้ามาพอดีในอารมณ์ดีสุดขีด เขายิ้มไม่หุบจนวายุสงสัย

             “เสน่ห์แรงดีนี่” วายุสะกิดไคท์ด้วยคำพูด “นายน่ะ”

        “ไม่หรอกครับ ผมกับคุณนาเทร์รี่แค่กินลมชมวิวกันแค่นั้นครับ”

        “เออ ไอ้นั่นแหละที่เขาว่าเสน่ห์แรง มาแป๊บเดียวสาวติดแล้วสิ ร้ายไม่เบาแฮะ นายเนี่ย” วายุพูดอย่างหมั่นไส้และอิจฉาไปในตัว “แล้วคุณเอลฟ์สาวไปนอนแล้วหรอไคท์”

         “ใช่ครับ เธอไปนอนแล้ว ผมเองก็จะนอนเหมือนกัน”

         “เอ่อ นายไม่จำเป็นต้องนอนไม่ใช่หรอ เอลบอกชั้นมา แล้วนี่นายจะนอนทำไมล่ะ” วายุนึกถึงเรื่องที่เอลบอกได้ว่าไคท์เหนื่อยไม่เป็นก็คงจะนอนไม่เป็นด้วย

             “อันที่จริงนะครับ ผมน่ะไม่จำเป็นต้องนอนก็จริง แต่ว่าต้องสะสมพลังเวทด้วยครับ วันนี้ใช้พลังเวทกับเวทตาทิพย์มากเกินไป ผมเองก็ไม่ไหวแล้วครับ” ไคท์จัดที่นอนของตน “ราตรีสวัสดิ์นะครับ คุณวายุ”

        “อืม นายด้วย”

        ไคท์ยิ้มให้เขาก่อนจะงีบหลับ เช่นเดียวกันวายุก็อยู่ในอาการเดียวกัน เขาจัดที่นอนอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งตัวบนที่นอนทันที เขาหลับก่อนหัวจะถึงหมอนเสียอีก

           เช้าวันต่อมา วายุตื่นนอนเช้ากว่าปกติ(ไคท์ปลุกเขาตั้งแต่หมอกลงจัด)เป็นอีกวันที่ต้องตื่นเร็วนับจากเมื่อวานที่ต้องตื่นเที่ยงคืน วายุทำกิจวัตรส่วนตัวในอากาศหนาวเย็นเพราะทั้งหมอกลงจัดและหิมะที่เริ่มตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้หิมะเกาะเต็มหน้าต่าง เขาต้องปัดมันออกถ้าต้องการชมวิวโดยรอบ ซึ่งวายุอยู่คนเดียวเขาได้ทำอะไรที่อยากทำเพราะไคท์หายไปตั้งแต่ปลุกเขาได้ไม่นาน

           หมู่บ้านเอลฟ์เผ่าไนท์ลีฟในยามเช้าเงียบสงบ พวกเอลฟ์ส่วนใหญ่จะใช้เวลานี้จัดอุปกรณ์ล่าสัตว์หรือเก็บของป่า แต่ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว พวกเอลฟ์รู้ดีว่าถ้ายังไม่อบอุ่นขึ้น พวกสัตว์จะไม่โผล่ออกมา พวกเขาจึงสามารถมเวลาสำหรับอาวุธเยอะกว่าช่วงฤดูกาลอื่น วายุมองบราวน์ฮอกตัวหนึ่งบินไปมารอบๆที่พักของเขา มันมีไวท์ฮอกบินอยู่เคียงข้างพร้อมกับแฟร์รี่สีฟ้า

         “แย่ละ บลู!”

       เจ้าแฟร์รี่สีฟ้าสาวได้ยินดังนั้น หล่อนหันมายิ้มทักทายผิดกับเจ้าของที่กระวนกระวายเพราะตัวเองลืมเก็บภูติ ปล่อยให้พวกมันบินเที่ยวเล่นทั้งคืน

         “กลับเข้าแหวนเดี๋ยวนี้เลย การูด้าด้วย”

      ภูติทั้งสองครางรับ มันกลายเป็นแสงบินเข้าแหวนผนึกภูติอย่างสงบเสงี่ยมปล่อยให้เจ้าบราวน์ฮอกตัวใหญ่เที่ยวตามหาเพื่อนน้อยๆทั้งสองตน แต่หายังไงก็หาไม่พบ มันจึงครางอย่างเศร้าสร้อยก่อนจะบินจากไป

         “ขอโทษนะ นกยักษ์”

        วายุยิ้มส่งท้าย เขาหันกลับมาที่กิจวัตรต่อ เขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเก็บสัมภาระเข้าที่ และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องออกจากที่นี่เมื่อไหร่แต่วายุต้องการให้เร็วที่สุดเพราะจะได้แก้ปริศนาคำใบ้ต่อไป วายุแอบเก็บของทั้งหมดเข้าย่ามวิเศษของไคท์ที่วางไว้บนเตียงของเจ้าของ จากนั้นเขาสะพายย่ามของไคท์เดินออกจากที่พัก โดยมีเอลยืนรออยู่แล้ว

            “ครูอลิซรุ่นลูกแฮะ”วายุนึกถึงครูอลิซ เธอจะมารอเขาที่ประตูหน้าหอพักทุกเช้า “อรุณสวัสดิ์เอล เมื่อคืนฝันดีไหม”

         “อรุณสวัสดิ์วายุ ฝันดีสิ แหมถามเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเลยนะ”เอลยิ้มตอบ “นั่นนายจะไปไหนน่ะวายุ”

        “ไม่รู้สิเอล ชั้นเก็บเผื่อไว้น่ะ เขาจะให้เราค้างที่นี่กี่วันหรอเอล”

       “ไม่รู้สิ ชั้นเองก็เก็บเผื่อไว้เหมือนกัน ไคท์ให้ย่ามวิเศษชั้นไว้เผื่อเรื่องนี้ด้วยละ”

       “ว่าแต่ เธอเห็นไคท์ไหมเอล หายไปตั้งแต่เช้าแล้ว” วายุถามเมื่อนึกขึ้นได้

          “เห็นว่าจะไปไหนไม่รู้กับคุณนาเทร์รี่น่ะ เขาปิ๊งกันแล้วนายรู้ไหม”เอลเขินเมื่อพูดถึงไคท์และนาเทร์รี่ “โรแมนติกเชียวละคู่นี้ จูงมือกันเดินเล่นด้วย ชั้นละกรี๊ดสุดๆ”

       วายุถอนหายใจเบาๆแต่เอลก็รู้สึกได้

          “มีอะไรหรอวายุ” เอลถามอย่างเป็นห่วง

       “ที่จริง ชั้นเจอคำใบ้ต่อไปแล้วสิ มันยากกว่าคำใบ้แรก (ไปหาเพื่อนเก่าที่ป่าต้องห้าม)ชั้นว่าจะให้ไคท์ดูให้หน่อยแต่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้นายนี่”วายุพูดเซ็งๆ “เอล ชั้นว่าเราไม่ควรอยู่ที่นี่นานนะ เพราะเราต้องรีบหาคทาไม่ใช่หรอ แล้วศิลานั่นน่ะเราก็ยังหาไม่เจอเลย เรามัวชักช้าไม่ได้แล้วนะเอล”

        “มันก็จริงนะวายุ เราค่อยพูดอีกทีตอนไคท์มาดีไหม มันไม่มีประโยชน์หรอกถ้าพูดกันตอนนี้ แล้วนี่คุณอลันก็นัดเราไว้ด้วยซิ ชั้นว่าเราไปกันได้แล้วนะ”

        “จริงด้วย”

         ทั้งคู่เดินข้ามสะพานแขวนระหว่างต้นไม้อย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็ถึงลานกว้างที่เมื่อคืนได้มีการจัดงานเลี้ยงกันที่นี่ อลันไปรออยู่ก่อนแล้วพร้อมทั้งนาเทร์รี่และไคท์ด้วย ทั้งหมดประจัญหน้ากันอย่างมีมิตรไมตรี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา