THE LAST OF LOVED (ความรักครั้งสุดท้าย)

4.8

เขียนโดย แสงจันทรา

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 17.46 น.

  8 ตอน
  6 วิจารณ์
  14.44K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เทศกาลลอยกระทง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เทศกาลลอยกระทงเริ่มขึ้นแล้ว คนที่ดูจะตื่นเต้นเหมือนจะเป็นดนัย เมื่อแต่ตัวเสร็จเขาเร่งวาริทที่ยังคงนอนอยู่

“เมฆ เร็วเข้าสินายคงไม่อยากพลาดขบวนแห่นางนพมาศ สาวๆสวยทั้งนั้นเลย”ดนัยพูดแต่ดูวาริทจะไม่สนใจ

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบความวุ้นวาย”วาริทพูด และยังคงไม่สนใจอะไรนอกจากการนอน

“ถึงสุโขทัยทั้งที นายจะมานอน ขณะที่ข้างนอกเค้ามีขบวนแห่กันครึกโครมแบบนี้นะหรือ”ดนัยพูด และหยิบโทรศัพท์มีสายเรียกเข้า... ซึ่งวาริทปิดเสียงไว้จึงไม่ได้ยิน

“ฮาโหล..คุณแม่มัทหรือครับ นี่ผมดนัยนะครับ”ดนัยรับสายแทนเมื่อวาริทได้ยินเช่นนั้นถึงกับลืมตาตื่นทันที

“ครับ..ตอนนี้เราอยู่ที่สุโขทัยครับ และกำลังจะไปถ่ายรูปขบวนแห่นางนพมาศ แต่ลูกชายของคุณแม่ยังไม่ยอมตื่น” ขณะที่ดนัยเงียบฟังอยู่นั้นวาริทแย่งโทรศัพท์ และทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนที่กำลังหัวเราะอยู่

“ครับแม่...”วาริทพูดกับปลายสาย และเงียบไปครู่ใหญ่ นั้นแหละเขากำลังถูกบ่น วาริททำสัญลักษณ์เฉือนคอใส่ดนัยที่กำลังขำอย่างชอบใจ เมื่อเห็นเพื่อนรักกำลังถูกผู้เป็นแม่บ่นยาว

     ขบวนแห่นางนพมาศเริ่มขึ้นผู้คนแต่กายด้วยชุดไทยสมัยสุโขทัย มีการฟ้อนรำ ตีกลองเป็นจังหวะ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นสิ่งที่แปลกตานักสำหรับวาริท ดูมันสมบูรณ์แบบกับเมืองโบราณที่ไร้ชีวิตต่างจากเมื่อวาน  ราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับมายังสมัยสุโขทัยที่กำลังเฟื้องฟู เมื่อเขา เรียกสติได้ก็ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพทันที

“ไหนไม่ชอบความวุ้นวาย..ดูสิไม่รอฉันเลย”ดนัยพูดและรีบเดินตามวาริททันที วาริทถ่ายภาพแต่ละขบวนจนมาหยุดที่ขบวนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นหญิงไทยที่อยู่บนเสลี่ยง สวยสง่าราวกับนางในวรรณคดีไทย บวกกับรอยยิ้มที่หยุดทุกสายตาให้มองตกตลึงกับภาพนั้น วาริทหลงกดชัดเตอร์ไปหลายภาพ เมื่อดนัยมองตามจึงสะกิดให้ได้สติ

“เป็นไงหละ ยายตัวแสบของนาย งดงามจนทำให้นายตกตะลึงได้ขนาดนี้เลยหรือ”คำพูดของดนัยเรียกสติเขาได้

“จะบ้าหรือ.. ฉันไม่ได้คิดแบบนายแล้วกัน”ถึงปากของวาริทจะพูดอย่างนั้นแต่สายตาที่มองดูเจ้าหล่อนนั้นมันต่างจากที่พูด ดนัยแอบยิ้ม และในที่สุดสายตาของเจ้าหล่อนก็หันมาสบเข้ากับวาริทที่กำลังเก็บภาพของเธออยู่รอยยิ้มนั้นหุบแล้วคิ้วขมวดทันที วาริทนึกขำท่าทางของเธอที่อยู่ๆ นางงามก็กลายเป็นนางยักษ์ซะแล้ว

“ยิ้มสิ ยิ้ม..”วาริทพูดเบาพร้อมทำมือฉีกยิ้มที่มุมปาก นิศาชลเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิดหน้าบึ้งไปใหญ่ วาริทชี้ให้ดูรอบและยังพยายามทำมือฉีกยิ้ม นิศาชลถึงจะโมโหที่ถูกล้อเลียน แต่เธอก็พยายามฝืนยิ้มให้ผู้คนที่จ้องมอง แต่ก็แอบจิกตาทำปากขมุบขมิบด่าวาริทซึ่งเขาก็เอาแต่ยิ้ม และนึกขำกับท่าทางของเจ้าหล่อนช่างตลกนัก

     ในยามค่ำ เป็นช่วงที่มีแสงสีสวยงามอลังการ ผู้คนมากมายจับจองที่นั่งริ่มน้ำ บ้างก็เดินเล่นชมซุ้มกิจกรรมย้อนสมัย รำตัด รำวง บนท้องฟ้าก็เริ่มมีโครมไฟล่อยอยู่เต็มไปหมด วาริททั้งรู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก

“เป็นไงบ้าง.. คุ้มกับที่เดินทางมาตั้งไกล้ไหม”ดนัยถาม และยังคงซูมกล้องเพื่อหาอะไรบางอย่าง

“อื่ม.. สวยจริงๆ ฉันชักจะชอบสุโขทัยเข้าใจจริงแล้วหละสิ”วาริทพูดและหันกับมามองเพื่อน

“ยังไม่เจออีกเหรอ.. ก็คงจะเจออยู่หละมั้งคนเยอะแยะซะขนาดนี้”วาริทพูดราวกับรู้ใจเพื่อน ดนัยหันกับมายิ้ม

“นั่นสิ ชักท้อแล้วหละ ปานนี้เธอคงไปลอยกะทงกับแฟนแล้วหละมั้ง”ดนัยถอนหายใจใหญ่ แต่วาริทกับหัวเราะ

“จริงจังขนาดนั้นเลยหรือไม่อยากจะเชื่อ”วาริทพูดขึ้น และเดินตรงไปยังเวทีใหญ่ ขณะนี้มีพิธีกรกำลังดำเนินการ

“รอด้วยสิ.. ฉันว่าเราไปถ่ายรูปนางนพมาศกันดีกว่านั้นไงเค้ากำลังประกวดอยู่ตรงโน้น”ดนัยลากเพื่อนให้เดินตาม เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ถึงช่วงของการแสดงของวิทยาลัย และแล้วดนัยก็ต้องหยุดชะงักจนวาริทชน

“หยุดทำไม..”วาริทถามแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ เมื่อมองตามดนัยถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็...

“นี่..ดนัย นายจะยื่นตรงนี้อีกนานไหม”วาริทเรียกให้ดนัยมีสติทั่งคู่จึงหาที่นั่งใกล้ๆ เพื่อจะได้มองเห็นได้ชัดๆ ดนัยเอามองและถ่ายภาพของนางรำที่อยู่บนเวที วาริทนั่งมองเพื่อนและยังนึกขำ

“น้ำค้างเธอดูผู้ชายคนนั้นสิ..ถ่ายรูปของรินใหญ่เลย”นิศาชลมองตามที่เพื่อนบอก เธอยิ้มเล็กน้อยแต่แล้วรอยยิ้มของเธอกลับหยุดทันทีที่เห็นวาริท ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเวที

“จะจองเวณจองกรรมไปถึงไหน..ที่มีตั้งเยอะแยะไม่รู้จักไป มาทำไรตรงนี้นะ”เสียงบ่นของเธอมาพร้อมกับใบของคนหยุดหงิด เมื่อการแสดงจบลงขจารินเข้ามาด้านหลังเวที และเห็นนิศาชลจึงเดินเข้ามาหา

“น้ำค้างตื่นเต้นเหรอ...แล้วฉันแสดงเป็นไงบ้าง”ขจารินถามเพื่อนสาว

“เปล่า.. ฉันแค่หงุดหงิดที่เห็นหมอนั่นนะซิ เดี๋ยวฉันก็ต้องออกไปแล้วให้ตายสิ..”นิศาชลบ่น

“นั่นสิ เพื่อนของเค้าก็เอาแต่ถ่ายรูปฉัน เมื่อกี้ฉันก็เขินแทบแย่”ขจารินพูดและจับมือเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ

“ไปเถอะถึงคิวเธอแล้ว”ขจารินพูด นิศาชลสูดลมหายใจเข้าและออกก่อนจะเดินออกไป พร้อมด้วยรอยยิ้มที่สะกดใจผู้ชมในงานเสียงปรบมือดังจนทำให้วาริทต้องมองไปยังเวที รอยยิ้มนั้นดังมนต์สะกดให้เขามองเธอ....

“นั่นมัน..ยายตัวแสบของนายใช่ไหม...ดูเธอสิสวยงามยังกับนางในวรรณคดี ต่างจากวันก่อนมาก”ดนัยพูด

“สวย!..สวยจริง”วาริทเผลอพูดออกมา ดนัยหันมามองซึ่งตอนนี้ดูจะจ้องเจ้าหล่อนไม่กระพริบตา

“เมฆ.. เมฆ..นายเมฆ!”ดนัยเรียกเขาอยู่นาน ถึงต้องใช้มือช่วยสะกิดหนักๆ เข้าที่กลางหลังทำเอาวาริทสะดุ้ง

“อะไรวะ นายตีฉันทำไม”วาริทร้องเสียงหลง

“ฉันเรียกอยู่ตั้งนาน นายลืมไปแล้วหรือไงวันก่อนตะคอกด่าเค้าอยู่วันนี้ทำมาตกตลึง”ดนัยพูด ดูเหมือนจะเตือนสติของวาริทให้รีบกลับมาสู่สภาวะปกติ วาริททำเป็นไม่สนใจเจ้าหล่อน แต่ก็แอบถ่ายภาพของเธอเก็บเอาไว้ เช่นเดียวกันกับนิศาชลเธอแกล้งทำทีเหมือนไม่เห็นสองหนุ่ม ซึ่งเมื่อเธอแอบมองก็ไม่เห็นท่าทางทีวาริทจะมองเธอเช่นกัน เธอได้แต่โมโหในใจ หรืออันที่จริงแล้วเธอควรจะดีใจถึงจะถูก

     เมื่อถึงเวลาประกาศผลซึ่งจะวัดจากพวงมาลัยของผู้ชม นิศาชลรู้ดีว่าคงสู้อะไรไม่ได้ เพราะเธอมีญาติเพียงคนเดียวก็คือคุณปู่ ซึ่งท่านก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วย ถึงแม้จะมีพวงมาลัยอยู่ไม่น้อยแต่ก็คงจะสู้เพื่อนอีก 2 คนที่มีญาติพี่น้องมาเชียร์ตั้งมากมาย ทั้งขจารินและชัยเดช ทุ่มหมดตัวเพื่อซื้อพวงมาลัยให้เพื่อนสาว ดนัยก็ช่วยเช่นกัน ต่างจากวาริท ที่อยู่ๆ ก็เดินออกไปข้างนอกงานอยู่ครู่หนึ่ง และเดินกลับมานั่งที่เดิม อย่างไม่สนใจการประกวด

“อะไรของนายวะ..ฉันนึกว่าจะไปซื้อพวงมาลัยซะอีก นายนี่มันใจดำจริงๆ”ดนัยต่อว่าเพื่อน การนับคะแนะกำลังจะเริ่ม ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหมอบพวกมาลัย กลองใหญ่เดินโซเซมาหน้าเวที ทุกคนต่างปรบมือให้กำลังใจ วาริทเดินเข้าไปอุ้มเด็กหญิ่งคนนั้นให้สูงเท่ากับเวที เธอมองซ้ายทีขวาที ทุกคนต่างลุ้นว่าเจ้าหนูน้อยจะเลือกใครกันแน่ เด็กน้อยทำท่าทางคุ้นคิดอยู่ครู่ใหญ่

“อุ้ย..สาวน้อยน่ารักคนนี้จะเลือกให้ใครเอ่ย...”เสียงของพิธีกรพูดขึ้น ทุกคนต่างรอดู เพราะถ้าใครได้ไปต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน เด็กสาวยักคิ้วให้วาริทและยิ้มก่อนจะชี้ไปที่นิศาชล เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังลั่น นิศาชลดีใจจนทำอะไรไม่ถูก ขจารินเรียกเพื่อนให้เดินออกไปหน้าเวทีเพื่อรับพวงมาลัยนั้น และยิ้มให้หนูน้อยพร้อมๆ และวาริทเค้ากำลังแอบยิ้มอย่างไม่แสดงท่าทางมากนัก เด็กน้อยค้องพวงมาลัยให้เธอและพูดว่า

“พี่สาวขอหอมแก้มได้ไหมค่ะหนูน้อยโอบคอหอมแก้มนิศาชลใบหน้าเจ้าหล่อนโน้มมาใกล้ หน้าของวาริทที่กำลังอุ้มเด็กน้อย วาริทถึงกับตกใจเมื่อได้สบตาอันคมเป็นประกายและรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของเธอ สองสายตาประสานกันเพียงครู่เดียวนั้น กันทำให้ทั้งครู่รับรู้ถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาดใจ....

“เอาหละครับ..คราวนี้คงไม่ต้องเสียเวลานับกันแล้วนะครับ” เสียงของพิธีกรชายพูดขึ้นทำให้ทั้งคู่ได้สติด

“นั่นสิค่ะ...กรรมการตัวน้อยผู้ชี้ชัดแล้วว่า เธอคือผู้ชนะค่ะ...นางสาวนิศาชลของเสียปรบมือด้วยค่ะ”พิธีกรสาวพูดขึ้นพร้อมเสียงปรบมือดังสนันนิศาชลยิ้มด้วยความปราบปลื้มใจเช่นเดียวกับวาริทเค้าแอบดีใจแต่ก็ไม่รอดสายตาของดนัยที่กำลังมองและแอบเก็บภาพไว้ เขายักคิ้วให้วาริทรีบหุบยิ้มและเปลี่ยนสีหน้าทันที

“กลับกันเถอะ”วาริทขึ้นในขณะที่ดนัยกำลังถ่ายภาพช่วงรับรางวัลของนิศาชล ซึ่งคนที่ดนัยมองอย่างหลงไหลคือภาพของขจาริน วาริทมองตามเมื่อเห็นภาพที่ปลายสายตาของเพื่อน

“ดูนายจะปลื้มสาวน้อยคนนี้จังเลยนะ..ฉันว่านายเปลี่ยนใจเถอะ..สงสารน้องเค้า”วาริทดูจะกันท่าและไม่สนับสนุนกับดนัยตั้งแต่แรกเหตุผลหนึ่งที่เพื่อนเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกสงสารเธอมากกว่า

“นายเป็นเพื่อนยังไงวะ...ฉันชอบเธอจริงๆ แต่ดูเหมือนนายจะกันท่าฉันตลอด คิดอะไรอยู่หรือเปล่า”ดนัยพูด

“บ้านะ ฉันแค่รู้สึกสงสารอยากให้เธอได้เจอสิ่งดีๆ”ดนัยมองอย่างฉงนใจ เหมือนกับถูกหลอกด่าอย่างไงพิกล

“นายพูดจาแปลก.. แล้วจะลากฉันไปไหน” ดนัยสบัดตัวออกมือของวาริทที่กำลังมุ้งตรงไปยังลานจอดรถ

“กลับไง... เมื่อกี้นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือ”วาริทพูดขึ้นและกำลังจะเดินต่อ

“นายเมฆเอ้ย..มาถึงนี้ทั้งทีนายรีบกลับไปไหน ไปลอยกระทงกันก่อน เดี๋ยววันนี้ฉันจะสอนให้นายลอยกระทง”

“ไม่หละ..”ดนัยไม่รอช้าหรือแม้แต่คำตอบของวาริท เขาลากตัวเพื่อนเดินเข้าไปยังกลุ่มผู้คนที่หนาแน่เพื่อตะเวนหาซื้อกระทง ระหว่างทางมีร้านค้ามากมาย ทั้งของกินของใช้ ของที่ระลึกแปลกตาหาได้ยากไม่มีขายตามตลาดทั่วไป วาริทแวะร้านไหนเป็นได้ของติดมือมาด้วย ดนัยรู้ว่าเพื่อนคงจะหาซื้อของพวกนี้ไปฝากผู้เป็นแม่

     วาริทและดนัยถือกระทงเดินมาจนถึงท่าน้ำ ผู้คนเริ่มบางตา เพราะเวลานี้อีกแค่ 15 นาทีก็จะถึงเทียงคืน

“ฉันว่ามันยังไงๆ..อยู่นะ ดูคนอื่นๆเค้ามาเป็นคู่ๆ แล้วนี้นายกับฉันผู้ชายทั้งคู่ นายลอยไปคนเดียวเถอะ”วาริทพูด

“เอ้ย..ได้ไงมาถึงทีแล้ว”ดนัยดึงตัววาริทไว้

“ไม่!..ไม่!”นายไปคนเดียวเถอะ”วาริทส่ายหน้า และระหว่างนั้นเองเขาก็เห็นผู้หญิงในชุดไทยท่าทางและกิริยาคุ้นตานัก เขาจึงมองให้ชัดๆอีกครั้ง...

“OK  ไปก็ไป”พูดไม่ทันจบวาริทเองที่เป็นฝ่ายเดินนำดนัยที่กำลังงงงวยกับอารมณ์ของเพื่อน...

“อ้อ...ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”ดนัยมองไปยังท่าน้ำที่วาริทกำลังเดินตรงไปนั้น ถึงได้รู้เห็นแรงจูงใจ.. และมันก็จูงใจเขาเช่นกัน ดนัยไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปนั่งประกบข้างๆ ของหญิงสาวที่กำลังหลับตาอธิฐานอยู่เป็นนานสองนานเมื่อเจ้าหล่อนทั้งสองลืมตาขึ้นและโน้นตัวลงเพื่อจะลอยกระทงอยู่นั้น ทั้งคู่ถึงกับตกใจเมื่อมีมือของใครบางคนปล่อยกระทงอยู่ข้างๆ ทั้งนิศาชล และขจารินมองเจ้าของกระทงที่ลอยเคียงคู่ราวกับถูกมัดรวมกันไว้

“นี่คุณ...ที่อื่นไม่มีหรือไง หรือไม่ก็น่าจะยืนรอก่อนสิ...”นิศาชลรีบลุงขึ้นได้ก็ต่อว่าวาริททันที แต่เขากับไม่สนใจ

“น้ำค้าง..พอเถอะอย่าไปว่าเค้าเลยนะ เรากลับดีกว่าดึกแล้ว”ขจารินจับมือเพื่อนสาวเพราะเกรงว่าจะมีเรื่อง

“ขอโทษนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิดที่นี่น่าจะเป็นอุทยานฯ ไม่น่าจะมีเจ้าของ”วาริทพูดหน้าตาเฉยก่อนจะลุกขึ้น

“รินเธอดูเค้าพูดสิ” นิศาชลหันมฟ้องเพื่อนด้วยควมหงุดหงิด ขจารินมองตาเพื่อนและส่ายหน้า

“เมฆ นายจะไปยัวโมโหน้องเค้าทำไมวะ...ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”ดนัยดุเพื่อนก่อนจะหันกลับมา

“ไม่เป็นไรค่ะ  ดิฉันต้องขอตัวด้วยนะค่ะ”ขจารินพูดจบก็ดึงตัวนิศาชลกลับ ขณะที่นิศาชลทำหน้ายักษ์ แลบลิ้นปิ้นตาใส่วาริทก่อนจะเดินตามเพื่อนสาวไปแต่โดยดี

“นายเมฆ.. ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่านายรสนิยมชอบมีเรื่องกับผู้หญิง แถมยังเป็นเด็กซะด้วย”ดนัยส่ายหน้าก่อนลุกเดินนำไปที่รถ แต่วาริทยังคงแอบยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าอันสดใสของหญิงสาว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา