THE LAST OF LOVED (ความรักครั้งสุดท้าย)

4.8

เขียนโดย แสงจันทรา

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 17.46 น.

  8 ตอน
  6 วิจารณ์
  14.45K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) โลกมันกลมจริงหรือ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     “ฮาโหลครับ..คุณแม่ทำอะไรอยู่”เสียงคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงหลังห้อง

“แต่ผมว่า จะกลับกรุงเทพแล้วนะครับ”วาริทพูด แต่ดูท่าทางลำบากใจเล็กน้อย ดนัยมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นวาริทวางสายโทรศัพย์และเดินตรงมายังโซฟาที่เขากำลังนั่ง

“มีอะไรหรือ หน้าเครียดเชียว”ดนัยพูดเมื่อเห็นวาริทถอนหายใจใหญ่

“ก็แม่ฉันให้ไปเยี่ยมพี่ชายนะสิ บอกแต่ชื่อหมูบ้าน และนี้นายก็มาอยู่ที่นี้หลายวันแล้วฉันเกรงใจนายวะ”วาริทพูด

“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่งนายก่อนก็ได้ ที่จริงนานๆทีฉันจะได้มีโอกาศพักร้อนให้ยายดาดูร้านไปก่อนก็ได้”

“ถ้างั้นเราก็ไปวันนี้เลยจะได้ไม่เสียเวลา”วาริทพูดขึ้นทั้งจึงแยกย้ายกันเก็บข้างของทันที

 

                วาริทคอยบอกทางตามแผนที่ จนมาถึงทางแยกทั้งคู่จอดรถและปรึกษากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจ

“ฉันว่าเราถามคนแถวนี้ดีกว่าไหม”วาริทพูดขึ้นและดนัยก็เห็นด้วยก่อนจะออกรถเพื่อหาคนที่อยู่บริเวณนี้

“นั้นไง..มีรถจอดอยู่ตรงนั้น ท่าทางรถจะเสียอยู่ด้วย”ดนัยพูดและขับรถไปจอดด้านหน้าและทั้งคู่จึงลงจากรถ

“ขอโทษครับ..รถเสียหรือครับ”วาริทถาม แต่หญิงสาวตอบรับและยังคงก้มหน้าก้มตาซ่อมรถของหล่อนอยู่

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ..อีกอยากผมขอรบกวนถามทางสักหน่อย”ดนัยพูดน้ำเสียงนุ่มนวล

“ขอบคุณค่ะ..พวกคุณจะไปที่ไหน”หญิงสาวหันกลับมาเมื่อพูดจบ และทั้ง 3 ก็ต้องตกตลึงเมื่อประชันหน้ากัน

“คุณน้ำค้าง!”เสียงดนัยพูดขึ้นเสียงดังหล่อนชี้หน้าของวาริทด้วยความตกใจ แต่สองหนุ่มกับอมยิ้มและหัวเราะ

“พวกคุณ!. หัวเราะอะไรกันไม่ทราบ”นิศาชลเชิดหน้าด้วยความโมโห

“ขอโทษครับ..พอดีหน้าของคุณ..”ดนัยพูด ทำให้นิศาชลต้องส่องกระจกดูใบหน้าของตัวเองที่หมองดำด้วยฝุ่น

“เอาหละ.. พวกคุณจะถามทางไม่ใช่หรือหยุดหัวเราะได้แล้ว”นิศาชลพูดทำให้ดนัยต้องหยุดขำแต่วาริทยังคงแอบอมยิ้มอยู่ และเขาก็เดินตรงไปที่รถเพื่อเช็ครถให้เจ้าหล่อน  ขณะที่ดนัยก็ถามทางไปหมู่บ้านใหม่คลองลำเพย

“คุณน้ำค้างครับ...คุณน้ำค้าง”ดนัยเรียกเธออยู่ครู่ให้ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเพราะเจ้าหล่อนมัวแต่มองวาริทที่กำลังซ่อมรถให้เธออยู่นั้นเอง ดนัยเรียกเธออีกครั้ง ทำให้เธอหันมาดูแผนที่และชื่อหมู่บ้านที่พวกเขากำลังจะไป

“ว่าไงนะค่ะ.. อ้อบ้านใหม่คลองลำเพย..ฉันรู้จักกค่ะ หมู่บ้านฉันเอง”นิศาชลพูด วาริทแอบยิ้มขึ้นมาทันที

“ผมว่าคงต้องส่งศูนย์แล้วหละมั้ง ดูท่าทางคุณคงไม่ดูแลมันเลยนะถึงปล่อยใหม่มันอาการหนักขนาดนี้”วาริท พูดขึ้นและแอบอมยิ้ม เพราะที่จริงแล้วเขาได้ซ่อมมันเรียบร้อย แต่ทว่าเขามีแผนอะไรกัน

“ถ้างั้นให้พวกผมไปส่งคุณดีกว่านะครับ แล้วค่อยให้ช่างมาดูอีกครั้ง”ดนัยพูดซึ่งมันก็ตรงแผนของวาริทพอดี

“แต่ว่า..”นิศาชลยังคงเป็นห่วงรถคู่ใจของเธอ วาริทมองตามเจ้าหล่อนที่กำลังก้มดูรถของเธอ

“มันไม่หายไปไหนหรอกน่า..เก่าๆแบบนี้คงไม่มีใครอยากได้เอาไปปลูกผักหรอกมั้ง”วาริทพูด ทำให้นิศาชลหันมาเชิดหน้าใส่ตาโตด้วยความโมโหอีกครั้ง ดนัยยิ้มแทบไม่ออกเมื่อได้ยินเพื่อนปากเสียพูดขึ้นมาเช่นนั้น

“เอาเป็นว่าให้ผมไปส่ง อีกอย่างเป็นทางเดียวกันไม่ใช่หรือครับ”ดนัยรีบแก้สถานะการณ์ที่ตึงเครียดนั่น วาริทไม่พูดอะไรต่อเดินตรงขึ้นรถทันที นิศาชลยังโมโหวาริทอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังเห็นแก่ดนัยที่สุภาพกับเธอจึงหยิบกระเป๋าและจำใจนั่งรถไปกับสองหนุ่ม ด้วยท่าทีอึดอัดใจ ดนัยพยายามพูดเพื่อให้บรรยากาศในรถดีอยู่ตลอดเวลา

“อ้อ.. นั้นไงหมู่บ้าน”ดนัยพูดขึ้นเมื่อเห็นบ้านหมู่บ้านใหม่คลองลำเพย วาริทมองตาม

“กว่าจะมาถึงได้สักที”วาริทพูดขึ้น และแอบมองนิศาชลถึงแม้ใบหน้าของเธอจะหม่อนหมองด้วยฝุ่นแต่ก็ดูสดใส

“ถึงแล้วค่ะ..ขอบคุณที่มาส่ง พวกคุณมาทำอะไรที่นี้ค่ะ”นิศาชลพูดขึ้นเมื่อรถจอดที่หน้าบ้านที่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้

“บ้านคุณน่าอยู่จังเลยนะครับ..เราจะไปบ้านของ”ดนัยพูดยังไม่ทันจบ

“ไม่เป็นไร.. เพราะถึงอย่างไงพวกเราก็ต้องมาที่นี้เหมือนกัน”วาริทชิงพูดก่อนที่ดนัยจะพูดต่อ เจ้าหล่อนไม่ชอบใจวิธีพูดของวาริทยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจให้เธอมากขึ้น เธอยิ้มให้ดนัย และกันมาทำหน้ายักษ์ให้วาริท และลงจากรถ เปิดประตู้เข้าบ้านไปโดยไม่หันกับมาอีกเลย แต่ที่จริงแล้วเธอแอบมองอยู่หลังประตู้จนพวกเขาขับรถไป

“นายเมฆ.. นายจะแกล้งเธอไปถึงไหน..ตกลงนายจะตั้งแง่ให้เธอเกลียดนายให้ได้หรือไงวะ”ดนัยต่อว่าเพื่อน

“เอาน่าไปได้แล้ว..อ้อที่จริงแล้วรถของเธอไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะฉันซ่อมเสร็จแล้ว”วาริทพูดดนัยถึงกับส่าหน้าด้วยความอ่อนใจ เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนกำลังคิดอยู่ และท่าทางดูจะชอบใจไม่ใช่น้อย

 

                ดนัยขับรถมาเลื่อยๆ ขณะที่วาริทบอกทางตามแผนที่ วาริทเริ่มคุ้นกันสถานที่ ที่เขาเคยอยู่และวิ่งเล่นเมื่อตอนยังเด็ก และอดที่จะยิ้มขึ้นมาไปได้ เมื่อนึกถึงภาพวันวานนั้น ดนัยสังเกตเห็นท่าทีของเพื่อน

“ไง..นายเคยอยู่ที่นี้ด้วยหรือ” ดนัยพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรัก

“ก็ไม่เชิงแม่เคยพามาเที่ยวเมื่อตอนฉันอายุ 15 ปี มันทำให้ฉันนึกได้ว่าฉันมีพี่ชายที่อายุห่างจากกัน 20 ปี ทำไมและหลานสาวสาวตัวเล็กๆน่ารักเชียว ฉันกับลืมพวกเค้าไปเลย”วาริทพูดขณะที่จิตนาการเห็นภาพตนเองและเด็กผู้หญิง 2 คนที่กำลังเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่ตามประสาเด็ก ซึ่งตัวเขาเองต้องเล่นเป็นพ่อกับเด็กผู้หญิงแก้มป่องเพื่อนเล่นของหลานสาวที่เล่นเป็นแม่ คู่กับเขา ภาพนั้นที่มันฝังเอาไว้นานเท่าไหร่ไม่รู้แล้วอยู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้

 “ถึงแล้ว..จอดตรงนี้หละ”วาริทพูดขึ้นดนัยจอดรถที่หน้าบ้านพอดี

“รถใครมาจอดหน้าบ้าน...รินไปดูสิลูก”ชายวัยกลางคนมองมายังหน้าบ้านเห็นทั้งคู่กำลังจะกดกริ่งหน้าบ้าน

“ค่ะพ่อ..”หญิงสาววิ่งเปิดประตู้ที่หน้าบ้าน

“มาหาใครค่ะ..!เอ๋..พวกคุณ”ขจารินพูดยังไม่ทันจบเธอต้องตกตลึงและตกใจเมื่อเห็นสองหนุ่มที่หน้าตาคุ้นเคย

“คุณริน..นี้บ้านคุณหรือครับ”ดนัยถึงกับอึ้งเมื่อได้เจอหญิงในดวงใจอีกครั้ง และขณะเดียวกันวาริทถอดแวนตาดำเพื่อมองให้ชัดว่าเขาตาไม่ได้ฟาดไป ที่แท้ความรู้สึกห่วงใยที่มีต่อเธอมันก็คือเห็นผลนี้นี่เอง

“เออ..พวกคุณมาหาใครนะค่ะ”ขจารินรวบรวมสติดได้จึงถามพวกเขาอีกครั้ง

“อ้อ..เรามาหาคุณอภิภพครับอยู่ไหม”วาริทพอจะนึกออกแล้วว่าเจ้าหล่อนเป็นใครแต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้

“อ้อ..อยู่ค่ะ เชิญด้านใน”ขจารินพาทั้งคู่เข้าบ้าน ระหว่างทางที่เดินเข้ามานั้นวาริทก็เห็นภาพเก่าๆเมื่อยังเด็ก

“คุณพ่อค่ะ...มีแขกมาหาค่ะ”ดนัยยังคงอึ้งๆ งง และมองตามขจารินไม่ลดสายตาม วาริทสะกิดที่ไหล่หนักๆ จนดนัยหันกลับมาต่อว่า แต่ยังไม่ได้ทันพูดอะไรผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่ดุเข้มจนดนัยกลัว

“สวัสดีครับ..พี่จำผมได้ไหมวาริทลูกของคุณแม่ศิรา”วาริทพูดอีกฝ่ายกำลังนึกและทันใดนั้นเอง

“โอ้โฮ..นี้น้องชายฉันหรือนี้เป็นหนุ่มหล่อไม่เบา”ทั้งคู่สวมกัดกันด้วยความคิดถึง ขจารินถือแก้วน้ำมาต้อนรับแขก และเห็นภาพนั้นยังรู้สึกมึนงง เพราะดูผู้เป็นบิดาดีใจมากที่ได้เจอกับวาริท

“รินเอ้ย..มาดูสิว่าใครมา..จำคุณอาได้ไหมลูก”อภิภพพูด และกอดคอทั้งสองไว้แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน ขจารินถึงกับอึ้งด้วยความตกใจ พอๆกับดนัยที่คิดไม่ถึง เขาไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดี ที่ได้พบกับหญิงที่แอบหลงรัก แต่เธอกับไม่ใช่ใครอื่น คือหลานสาวของเพื่อนรักที่คอยกันท่ามาตั้งแต่แรก ใบหน้าของดนัยดูจะผิดหวัง

 

                นิศาชลขับรถเข้ามายังโรงจอดรถ เมื่อลงจากรถได้เธอถือแก้วน้ำนั่งลงข้างๆคุณปู่ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ หล่อนดื่มน้ำจนหมดแก้วเพื่อดับความโกรธในใจ แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยใบหน้าของเธอยังแสดงออกชัดเจนถึงความโมโห คุณปู่มองดูหลานสาวและพูดขึ้นมา

“น้ำค้างป็นอะไรไป ใครทำให้หลานโกรธขนาดนี้” เสียงของคุณปูทำให้นิศาชลได้สติจากความโมโห

“ คุณปู่..หนูไม่ได้โกรธค่ะ แค่โมโหนิดหน่อย”นิศาชลทำเสียงออดอ้อนผู้เป็นปู่

“ไหนเล่าให้ปู่ฟังสิว่าใครทำให้โมโห”หลานสาวที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ ดังนั้นมันจึงไม่ชินตานักที่ได้เห็นเช่นนี้

“เมื่อเช้านี่รถของน้ำค้างเสียที่หน้าหมู่บ้านค่ะ แล้วก็มีผู้ชายสองเข้ามาถามทางแล้วเค้าก็มาช่วยซ่อมรถให้หนู”

“ก็ดีแล้วนี้..แล้วทำไมถึงต้องโมโหหละ”คุณปู่พูดแทรกขึ้นมาเพื่อเห็นสีหน้าของหลานสาวเริ่มมีท่าทีโมโห

“ก็เค้าบอกว่าซ่อมไม่ได้ ให้ตามช่างมาซ่อม พอน้ำค้างมาถึงบ้านก็รีบตามช่างไปดู ที่ไหนได้ช่างบอกว่ารถก็ปกติดี น้ำค้างโดนเค้าหลอกอีกแล้วค่ะ”นิศาชลยิ่งพูดยิ่งโมโหเมื่อนึกถึงหน้าของวาริท แต่คุณปู่กลับหัวเราะชอบใจ

“ คุณปูค่ะ หัวเราะเรื่องอะไรอยู่” นิศาชลเสียงแหลมด้วยความน้อยใจและค้อนคุณปูอีกคน

“ฮ่าๆ ว่าแต่อีกแล้วแสดงว่าไม่ใช่ครั้งแรกหรือ”คุณปู่ยังคงหัวเราะชอบใจท่าทางของหลานสาวจอมแก่น เธอจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับชายหนุ่มที่ทำให้เธอโกรธได้ทุกทีที่เจอกัน ให้คุณปู่ฟังทั้งหมด

 

                ขจารินเดินเข้ามาที่สวนหลังบ้านพร้อมกับของว่างในยามบ่าย พวกเข้ายังไม่หยุดคุยกันตั้งแต่เมื่อยามสาย

“วันนี้แปลกนะลูกสาวพ่อไม่ออกไปไหน ปกติเห็นทีจะไม่อยู่บ้านแล้วป่านนี้”อภิภพถามลูกสาว

“คุณพ่อก็พูดไปเลื่อย ปกติรินก็อยู่บ้านนอกจากน้ำค้างจะชวนไปเที่ยวไร่”ขจารินพูดถึงนิศาชลทำเอาวาริทหูผึ่ง

“นั่นสิ..พ่อถึงถามว่าน้ำค้างไม่ชวนไปไหนหรือ..ถ้าอย่างนั้นก็จัดห้องให้คุณอาด้วย จะอยู่ที่นี้กับเราพักใหญ่”

“คงอยู่ไม่นานหรอกพี่ เพราะผมต้องจัดการธุระเรื่องการประกวดภาพที่จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้านี้”วาริทพูดและหันไปยิ้มให้กับขจารินผู้เป็นหลานสาว ซึ่งคนที่นั่งเงียบจนผิดสังเกตคือดนัย

“ดนัย นายเป็นอะไรไปวะ หรืออยากกลับกรุงเทพแล้ว”วาริทพูดขึ้น ดนัยหันมามองและกระทืบเท้าวาริท

“ฉันมากับนาย ก็ต้องกลับพร้อมกันสิ จริงไหมครับคุณอภิภพ”ดนัยพูดและของเสียงสนับสนุนกับอภิภพ

“อะไรกัน มาถึงนี้แล้วก็พักอยู่ที่นี้ก่อน ลองถ่ายภาพชนบทแถวนี้ดู ยายรินอาจช่วยได้”อภิภพพูดขึ้น

“อย่างรินช่วยอะไรคุณอาได้หรือค่ะคุณพ่อ”ขจารินพูดขึ้น ดนัยแอบมอง แต่ก็ไม่พ้นสายตาของวาริท

“คงช่วยอาได้เยอะ ขอบใจล่วงหน้านะ”วาริทพูด และแอบกระทืบเท้าของดนัยที่เอาแต่จ้องขจารินออกนอกหน้า

การสนทนาผ่านไปจนถึงมื้อค่ำ และหลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดนัยออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้านและเจอกับขจารินที่กำลังนั่งอ่านหลังสืออยู่เพียงลำพัง

“มารบกวนหรือเปล่าครับ”เสียงอันนุ่นนวลดังขึ้นทำให้เธอตกใจเล็กน้อย

“อ้อ เปล่าค่ะ.. เชิญนั่งก่อนสิค่ะ”ขจารินพูดจนดนัยนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าหล่อนที่ส่งรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยให้

“ดูเหมือนโลกมันช่างกลมดีนะครับว่าไหม”ดนัยยังคงติดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

“นั่นสิค่ะกลมจนไม่น่าเป็นไปได้..รินจำคุณอาไม่ได้เลยค่ะ ก็ตอนที่รินเจอคุณอาครั้งแรกเมื่อตอน 5 ขวบ เรายังเล่นกันเป็นเด็กอยู่เลยค่ะ เล่นเป็นพ่อและน้ำค้างเล่นเป็นแม่ ส่วนรินเล่นเป็นลูก คิดแล้วก็ตลกดีนะค่ะ ยิ่งนึกถึงตอนที่ทั้งคู่ทะเลาะกันที่เมืองเก่ายิ่งน่าขำ ไม่รู้ว่าถ้าน้ำค้างรู้เค้าจะว่าอย่างไร”ขจารินพูดไปขำไป

“อย่างนั้นหรือครับ ที่แท้นายเมฆกับคุณน้ำค้างก็เคยเจอกันเมื่อตอนยังเด็กๆนี่เองคิดดูแล้วก็ตลกดีนะครับ”

“รินว่าอาเมฆคงยังไม่รู้หรอก เพราะตอนนั้นน้ำค้างอ้วนแก้มป่องเชียวค่ะอาเมฆชอบแกล้งเธอด้วย”ขจารินพูด

“ผมว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่าพึ่งบอกเรื่องนี้ให้ทั้งคู่รู้ ดูสิว่าจะแกล้งกันไปถึงไหน”ทั้งคู่ตกลงตามนั้น

“อะไรกัน..นินทาอาอยู่หรือ..”วาริทเดินมาจากด้านหลังดนัยและนั่งลงข้างๆ หลานสาวและมีท่าทีกันท่าดนัยสุดๆ

“คุณอา รินไม่ได้นินทาสักหน่อยกำลังพูดกับเล่าเรื่องสมัยก่อนให้เพื่อนคุณอาฟังค่ะ”ขจารินเสียงออดอ้อน

“เรียกว่าอาดนัยก็ได้ เพื่อนของอาก็ควรเรียกอาเหมือนกัน”วาริทพูด ดนัยทำตาโตดูจะไม่ชอบใจนัก

“ต้องเป็นอาด้วยเหรอ.. เรียกพี่ไม่ได้หรือไง”ดนัยรีบพูดขัดขึ้นมาทันที วาริทส่ายหน้า และยิ้มเยอะ

“ไม่ได้..นายเป็นเพื่อนฉัน ในเมื่อฉันเป็นอา นายก็ต้องเป็นอาเหมือนกัน”วาริทพูดเสียงแข็ง ขจารินหัวเราะ

“พอค่ะ คุณอา ทั้งสองไม่ต้องทะเลาะกัน เอาเป็นว่าเรียกอาดนัยแล้วกันค่ะ”เจ้าหลอนขัดขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะพูดต่อ

“ตกลงตามนั้น...ไปนอนได้แล้วหลานฉันจะอ่านหนังสืออย่ารบกวน”วาริทพูดจบก็ลากคอเพื่อนออกมา

“นายมันตัวมารจริงๆ”ดนัยพูดเสียงแผ่เบาเมื่อเดินมาตามแรงดึงตัวมารหัวใจของเขา

“ก็คนที่นายกำลังจีบอยู่บังเอิญเป็นหลานสาวฉันไง..นายถึงต้องมีตัวมารอย่างฉัน”วาริทพูดและนึกขำ

“ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่างไงฉันก็ไม่ยอมแพ้ อาตัวแสบอย่างนายเหรอ”ดนัยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถึงจะเป็นเพื่อนรักก็เถอะ แต่ถ้านายทำให้หลานสาวฉันเสียใจหละก็นายเจอดีแน่”ทั้งคู่ยังซุบซิบจนน่าสงสัย

“มีความลับอะไรกันอยู่ค่ะคุณอา..พูดเสียงเบาเชียว”ขจารินมองอยู่นานแล้วก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“อ้อเปล่านี้จ๊ะ.. รินอ่านหนังสือไปเถอะ เดี๋ยวพวกอาจะไปนอนแล้ว”พูดจบวาริทก็กอดคอดนัยเดินขึ้นบ้านไป

 

                ที่ม้านั่งหน้าตึกเรียน ขจาริทกำลังนั่งทำรายงานอยู่เพียงลำพังนิศาชลเดินตรงเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ

“ริน..นายชัยเดชไปไหนไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”นิศาชลพูด เมื่อนั่งลงข้างๆและยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนสาว

“ไม่รู้สิ เราก็ไม่เห็นเหมือนกัน อื่อเรามีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วยหละ”ขจารินพูดแต่ก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อเช้าเธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นั้นคุณอาของเธอย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าพึ่งบอกเรื่องของอาให้น้ำค้างฟังแต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลอะไร

“เดี๋ยวก่อน..ขอน้ำค้างพูดก่อนนะ เชื่อไหมว่าเมื่อวันเสาร์ที่แล้วเราเจอใคร ผู้ชายสองคนนั้นอีกแล้ว เค้ามาที่หมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าหาใครนะ  แต่นั้นยังไม่น่าโมโหเท่าที่คนชื่อวาริทเค้าแกล้งหลอกเราว่ารถเราเสีย เราต้องเสียค่าจ้างช่างไปดูรถที่ไม่เป็นอะไร..น่าโมโหชะมัด ถ้าเจออีกครั้งหละน่าดู”นิศาชลพูดท่าทางโมโหใหญ่ เมื่อขจารินได้รู้ จึงทราบเหตุผลของอาที่ไม่ยังไม่อยากให้นิศาชลรู้ว่าที่จริงแล้วผู้ชายที่เพื่อนรักกำลังพูดถึงคือ

“ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรเหรอ..เล่ามาสิ”นิศาชลรอฟังเพื่อนสาวพูดอยู่ครู่ใหญ่ ขจารินก็ยังอ่ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมพูด

“ว่าไงสาวๆ..”เสียงของชัยเดชช่วยชีวิตของขจารินพอดี เพราะชัยเดชเอาแต่พูดๆ จนทำให้นิศาชลลืมถามเธอไป

 

                ระหว่างที่อยู่ในหมู่บ้านใหม่คลองลำเพย วาริทและดนัยเที่ยวตะเวณถ่ายภาพไปเลื่อยๆ จนมาถึงไร่แห่งหนึ่งที่ดูอุดมร่มรื่นและมีคนงานกำลังเก็บผลไม้ บ้างก็กำลังพวนดินที่แปลงสวนผัก ดนัยจอดรถให้วาริทถ่ายภาพ

“จะเข้ามาถ่ายข้างในไหมหละ ฉันอนุญาต”เสียงชายชราดังขึ้นจากด้านหลังของวาริททำให้ทั้งคู่ตกใจ

“อุ้ย..ขอโทษครับไม่ทราบว่าผมทำการเสียมารยาทหรือไม่”วาริทพูดและลงจากรถพร้อมๆกับดนัย

“ไม่หรอก..เราอนุญาตแล้ว”เสียงคุณปู่ที่มีท่าทางใจดีพูดและยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเชิญเข้ามาในไร่ทั้งคู่เดินตามคุณปู่ที่ดูท่าทางแข็งแรงจนมาถึงบ้านกลางสวน และทั้งสามดูเหมือนจะพูดกันถูกคอจนมืดค่ำกว่าทั้งคู่จะขอตัวกลับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา