เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.39K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) บทที่ 3 ดวงตาแห่งความเศร้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

เล่ห์กลรักเงาอสูร

 

บทที่ 3 ดวงตาแห่งความเศร้า

 

            ณ อีกซีกมุมหนึ่งของประเทศไทย มีบุคคลแปลกหน้าสองคนที่ต่างไม่เคยพบปะเจอะเจอหน้ากันมาก่อน แต่บุคคลทั้งสองกับกำลังให้ความสนใจรับชมรับฟังการให้สัมภาษณ์สดของดารานางแบบสาวสวยโรสิลีอยู่อย่างจริงๆ จังๆ โดยที่ไม่คิดจะเสแสร้งให้ความสนใจอย่างเช่น ภูผา เกียรติภูมินต์ บุคคลแรกมีชื่อว่าเสือเดช ซุ้มมือปืนของเสือเดชจะประกอบอาชีพรับจ้างฆ่าคนทั่วราชอาณาจักร โดยไม่จำกัดเชื้อชายและศาสนา อาชีพรองลงมาของซุ้มมือปืนของเสือเดชก็คือ การเรียกค่าคุ้มครองจากพ่อค้าแม่ค้าตามท้องตลาด การคุมบ่อนเถื่อน การคุมซ้อง การจัดหาผู้หญิงส่งออกนอกประเทศ และอื่นๆ อีกมากมาย ภายหลังจากเสือเดชต้องสูญเสียน้องชายไป ในเหตุการณ์ชุดคราดาราสาวสวยโรสิลีมาเป็นเมียน้อยไม่สำเร็จ มันได้ทำให้เสือเดชรู้สึกโกรธแค้น และเจ็บปวดภายในจิตใจเป็นอย่างมากมายและต้องการอยากจะแก้แค้นกับบุคคลทุกคน ที่มีส่วนทำให้น้อยชายของตัวเองต้องตาย หนึ่งในนั้นรวมถึงแม่ดารานางแบบสาวสวยโรสิลีเข้าไปด้วย

            ส่วนบุคคลที่สองที่กำลังให้ความสนใจการให้สัมภาษณ์สดของโรสิลีอยู่อีกก็คือ คุ้มเวียงผาหลวงของพ่อเลี้ยงเกียงไกร ตรีเตชะมร ภายหลังจากได้รับรู้ข่าวหลานสาวเพียงคนเดียวโดนยิงอาการบาดเจ็บสาหัส พ่อเลี้ยงเกียงไกร ถึงกับเกิดโรคหัวใจกำเริมขึ้นมาฉับพลันต้องเข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็ม สุดท้ายในวันนี้ก็ได้มีโอกาสกลับคืนมายังคุ้มเวียงผาหลวงอีกครั้ง เพื่อเปิดรับชมรับฟังการให้สัมภาษณ์สดของโรสิลี แม้ในเวลานี้พ่อเลี้ยงเกียงไกรจะมีลักษณะอาการนั่งนิ่งๆ เหมือนไม่ทุกข์ ไม่ร้อนอะไรแต่ภายในจิตใจของพ่อเลี้ยงเกียงไกรกำลังคุกรุ่นด้วยอารมณ์ความโกรธแค้น และเจ็บปวดภายในใจไม่ได้แตกต่างอะไรจากเสือเดชเลยแม้แต่น้อย และพ่อเลี้ยงเกียงไกรต้องการจะแก้แค้นเอาคืนกับมือปืนที่คิดจะเข่นฆ่าเอาชีวิตของหลานสาวเพียงคนเดียวของตัวเองให้จงได้ หนึ่งในนั้นก็คือมือปืนที่สับไกปืนยิงกระสุนปืนเข้าใส่ร่างกายของมินตรา ตรีเตชะมร ทายาทเพียงคนเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของตระกูลตรีเตชะมร

ความโกรธแค้นของบุคคลแปลกหน้าสองคนที่ต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างก็กำลังก้าวเดินตรงเข้าหาจุดศูนย์กลางของเครื่องหมายเส้นกากบาท สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้กำชัยชนะ ใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้ ใครจะเป็นผู้ได้รับการชดใช้ความโกรธแค้นภายในจิตใจให้กับอีกฝ่าย หรือใครจะเป็นยุติความเครียดแค้นของบุคคลทั้งสองคนได้ ต่างก็ยังไม่มีใครให้คำตอบแก่บุคคลทั้งสองได้ เพราะอนาคตเท่านั้นคือคำตอบของทุกสิ่ง

            “กูถามว่าเทปกล้องวงจรปิด อยู่ไหนเสือเดชยืนจ้องมองหน้าซีดๆ ของลูกน้องแล้วตะโกนถามคำถามออกไปด้วยอารมณ์ความโกรธแค้นอันสุดขีดที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ

            “มันถูกคนเอาไปก่อนที่พวกเราจะกลับไปเอาคืนมาครับพี่เดชใบหน้าซีดๆ ด้วยความเกรงกลัวความตายรีบตอบคำถามพี่ใหญ่อย่างปากสั่นขาสั่น

            “ใครเป็นคนเอาเทปนั้นไป

            “คงจะไม่ใช่ตำรวจหรอกครับพี่

            “กู ถามใครเป็นคนเอาเทปนั้นไป

            “ไม่รู้ ครับพี่เดช

            “โอ้ย!! มันเป็นห่าเหวอะไรกัน หว่ะ ถ้าไม่ใช่ตำรวจแล้วใครมันจะเป็นคนเอาไปกัน หว่ะเสือเดชเดินวนไปวนมาอย่างคิดอะไรไม่ออก และผสมกับความโกรธที่ยังหาทางระบายออกมาไม่ได้

            “พวกมึงกลับไปสืบคนหามาให้กู ให้ได้ ใครมันเป็นคนเอาเทปกล้องวงจรปิดในคืนนั้นไป ถ้าหาเจอมันเจอก็ยิงทิ้งเม๊งมันทิ้งเลย

            “ครับพี่เดช

            เสือเดชเอาฝามือเกาะกุมใบหน้าอย่างรู้สึกเจ็บปวด อยู่ภายในหัวสมองจนใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที เสือเดชเริ่มคิดถึงภาพเหตุการณ์อันเหลวร้ายในคืนนั้น เกือบจะทุกครั้งเมื่อเริ่มปวดสมองและต้องการอยากที่จะแก้แค้น

            “ศักดิ์ดาน้องพี่  ไม่น่าเลย พวกมึงฆ่าน้องกู กูจะติดตามฆ่าพวกมึงทิ้งให้จงได้เสือเดชกำลังคิดถึงภาพอันติดตาตึงใจ ขณะน้องชายนอนแน่นิ่งเลือดไหลท่วมกายอย่างน่าสยดสยอง พร้อมกำลังคิดถึงใบหน้าของมือปืน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ที่เป็นคนสับไกปืนยิงเข้าใส่กลุ่มของพวกเขาจนทำให้น้องชายต้องตาย บุคคลสองคนที่เสือเดชกำลังคิดถึงก็คือภูผาและมินตรา

            “ไปสืบหาตัว ไอ้และอีสองคน ที่มันยิงน้องชายกูมาให้ได้  เจอตัวมันทั้งคู่แล้วกลับมารายงานกูด้วย กูจะติดตามไปฆ่ามันทิ้งทั้งคู่ ด้วยมือของกูเองเลยการจินตนาการถึงเลือดและการได้แก้แค้นทำให้อารมณ์ความเครียดและความโกรธแค้นของเสือเดชเริ่มจะดีขึ้น

            “ครับพี่เดช

            “พวกมึงไปทำงานได้แล้ว กูจะขอนั่งจับจ้องมองดูเมียน้อยในอนาคตของกูอีกสักหน่อยก่อนน้ำเสียงของโรสิลีเริ่มดังขึ้นและการสัมภาษณ์ออกรายการสดก็เริ่มจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

.........................................

            “กลับเข้าสู่การสัมภาษณ์สดดาราคนดังอีกครั้งแล้วนะครับท่านผู้ชม หลังจากช่วงแรกเราต้องสูญเสียเวลาไปกลับการแนะนำตัว และเรื่องเล่าของคุณแพนดากัน อย่างพอหอมปากหอมคอกันไปแล้ว ช่วงเบรกสุดท้ายนี้เนื่องจากเวลาของเรามีเหลือกันไม่มาก ผมจึงขอตัดเรื่องเล่าบางส่วนออกไป แล้วกลับเข้ามาสู่เนื้อหาหลักๆ ของเรากันเลย ผมขอเริ่มตั้งคำถามแรกที่คุณโรสก่อนเลยแล้วกันนะครับโรสิลียิ้มรับคำถามแรกอย่างเตรียมตัวกันมาพร้อมแล้ว ซึ่งเกิดจากการซักซ้อมคำถามแบบติวเข้มคำต่อคำ คำถามต่อคำถามจากปากคำของผู้ดำเนินรายการเองเลยทีเดียว

            “จริงไหมครับที่มีข่าวออกมาว่า คุณโรสิลีต้องการจะสร้างกระแสให้ตัวเองกลับมาดังอีกครั้ง เพื่อจะรอรับงานภาพยนตร์เรื่องใหม่และเพื่อต้องการจะโปรโมตละครเรื่องใหม่ของตัวเองกับพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ของช่องด้วย ขนาดยอมลงทุนไปว่าจ้างกลุ่มนักเลงมาไล่ชุดไล่ปล้ำกันกลางเมือง กลางกรุง กลางผับกันเลยทีเดียวมันคือคำถามแรกในช่วงของการเปิดรายการทอล์คโชว์ที่ผู้ดำเนินรายการเว้นวรรคไว้ เพราะต้องการอยากจะเก็บเอาไว้เป็นคนถามช่วงปิดรายการทอล์คโชว์

            “อุ๊ย มันจะดีหรือค่ะ คุณวีรยุทธข๊า คำถามนี้มันเป็นคำถามที่ทุกคนต่างรอคอยเลยนะค่ะ หากโรสตอบคำถามนี้ออกไป รายการของเราอาจจะหมดความน่าสนใจไปเลยนะค่ะโรสิลีเสแสร้งตั้งคำถามเพื่อเรียกเสียงตบมือและเสียงโห่ร้องจากผู้ชมในห้องส่ง และมันก็ได้ผลอย่างที่โรสิลีได้คาดคิดเอาไว้ ทุกคนต่างพากันตบมือและโห่ร้อง

            “ผมมีคำถามอื่นเตรียมเอาไว้แล้วโรสิลีและผู้ดำเนินรายการต่างก็รับรู้กันอยู่แก่ใจ ต่างเสแสร้งพูดตอบโต้กันเพื่อเรียกเรตติ้งของรายการเท่านั้น

            “ตกลงค่ะคุณวีรยุทธ โรสจะตอบคำถามเลยแล้วกันนะค่ะ

            “ครับ ตอบมาได้เลยครับ คุณโรสทุกคนต่างรอฟังกันอยู่ครับ

            “ง่ายๆ คะไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โรสไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสให้ตัวเองกลับมาดัง อีกต่อไปอีกแล้ว เพราะโรสเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว โรสไม่ใช่ดาราหน้าใหม่ในวงการที่จะต้องคอยสร้างกระแสผลักดันตัวเองอยู่บ่อยๆ โรสมีงานประจำจากทางผู้จัดหลายๆ ช่องหยิบยื่นงานให้โรสอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนภาพยนตร์โรสก็ได้รับการติดต่อเข้ามาจริงๆ เช่นกัน แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องรายละเอียดอะไรเลย โรสจึงขอตัดประเด็นนี้ออกไปเลยแล้วกันโรสิลีหยุดพักลมหายใจแล้วเริ่มตอบคำถามต่อไปอีก

            “ส่วนละครเรื่องพยัคฆ์สาวจับตายเจ้าชายกบ” ที่โรสร่วมแสดงกลับคุณแทนไทมันก็เป็นแค่เพียงเหตุบังเอิญ มาเหตุประจวบเหมาะกันเท่านั้นเอง โรสและพรรคพวกไม่ได้จงใจที่จะให้มันเกิดขึ้นหรอกนะค่ะ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้ส่งผลให้กระแสละครของโรสและคุณแทนไทดีขึ้นมาได้จริงๆ ณ จุดนี้โรสเองก็ต้องขอยอมรับ แต่โรสจะไม่ขอยอมรับในข้อกล่าวหาของนักข่าวที่ต่างเขียนข่าวว่าโรสและพรรคพวกจงใจไปว่าจ้างให้กลุ่มพวกนักเลงมาไล่ชุด ไล่ปล้ำโรสกลางเมืองกลางผับ เพื่อเรียกเรตติ้งละครหรอกนะค่ะ จากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้น โรสถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นอาทิตย์เลยนะค่ะ ใครจะบ้าพอที่จะไปว่าจ้างมหาโจรมาไล่ชุด ไล่ปล้ำในเวลากลางค่ำกลางคืน ดึกดื่นมืดค่ำอย่างนั้นกันได้ล่ะค่ะ ถึงขนาดยิงกันฆ่ากันตายกันแบบสดๆ เลือดนองท่วมตัวอย่างกับในหนัง ในละครกันเลยนะค่ะ คุณวีรยุทธโรสิลีหยุดหายใจอีกครั้งและเริ่มทำหน้าตาเศร้าๆ เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากผู้รับชมทั้งในห้องส่งและจากทางบ้านที่กำลังคล้อยตามเธออยู่ ทุกคนต่างเริ่มพากันเทคะแนนสงสารให้กับโรสิลีกันอย่างถ้วนหน้า

            “ผมเชื่อว่าทุกคน ต่างก็ต้องมองเห็นถึงความจริงใจได้จากคำพูดของคุณโรสิลีครับ

            “ขอบคุณค่ะ คุณวีรยุทธที่เชื่อโรส  คุณวีรยุทธรู้ไหมค่ะ ว่าโรสหวาดกลัวมากแค่ไหน  ซ็อคมากแค่ไหน มันเกินคำบรรยายเลยจริงๆ นะค่ะ คุณวีรยุทธโรสิลียังแสดงท่าทางเศร้าสร้อยอยู่เช่นเดิม

            “อย่างไงครับ คุณโรสช่วยขยายภาพเหตุการณ์ในวันนั้นให้ทุกๆ คนได้ฟังหน่อยได้ไหมครับ

            “ได้ค่ะ ได้ โรสจะแสดงให้ชมกันสดๆ ยังได้เลยนะค่ะโรสิลีแสดงท่าทางตื่นเต้นอย่างหลงลืมตัว ท่าทางอันเศร้าสร้อยจึงเริ่มจืดจางหายไปในทันที

            “จริงหรือครับคุณโรส

            “จริงค่ะ แต่ต้องมีตัวช่วยโรสด้วยนะค่ะโรสิลีหันหน้าไปจับจ้องทางแพนดา น้ำหวาน และแทนไท ทุกคนต่างรับรู้กันได้ในทันทีว่าโรสิลีกำลังจะให้ทุกคนทำสิ่งใดกันต่อไป โรสิลีกำลังจะให้ทุกคนจำลองภาพเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายขึ้นและมันไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ที่น่าจะจดจำเลยแม้แต่น้อย

            “จะดีหรือโรสแพนดาถามขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย เพราะในเหตุการณ์จริงๆ แพนดาสลบไสลไปก่อนใครเพื่อน ส่วนน้ำหวานและแทนไทถึงจะไม่พูดอะไร ต่างก็รับรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แก่ใจ ว่าในภาพเหตุการณ์จริงๆ ทั้งสองคนรู้สึกหวาดกลัวจนเข้าขั้นขี้ขึ้นสมองกันเลยที่เดียว

            “โรสอย่าเลย น้ำหวานกับแทนไทยังไม่พร้อมแต่ในเมื่อโรสิลีพร้อมแล้วใครก็ไม่สามารถมาห้ามปรามโรสิลีได้เช่นกัน

            “แต่ฉันพร้อม พวกเธอทุกคนลุกออกมาช่วยฉันจำลองภาพเหตุการณ์กันชัดๆ เดี๋ยวนี้เลยเมื่อพรรคพวกหยุดยั้ง ห้ามปรามโรสิลีไม่ได้ ดังนั้นทุกคนจึงต่างต้องจำยอมรีบพากันลุกออกมาจากเก้าอี้เพื่อทำตามที่โรสิลีต้องการในทันที เสียงตบมือและเสียงโห่ร้องเริ่มดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นทั่วห้องส่ง อย่างรู้สึกพึ่งพอใจในความทุ่มทุนสร้างของโรสิลีและเพื่อนพ้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน

...........................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา