เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.67K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) บทที่ 5 ค่ำคืนแห่งรัก­_2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก


 

เล่ห์กลรักเงาอสูร
 
บทที่ 5 ค่ำคืนแห่งรัก­_2
            ...ย้อนวันเวลากลับคืนไปเมื่อ 40 ปีก่อนหน้าผืนป่าระหว่างหน้าผาอันสูงชัน มันคือกรรมสิทธิ์อันถูกต้องและชอบธรรมตามกฎหมายของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยบิดา มารดาและลูกสาว ครอบครัวเล็กๆ ที่แสนจะอบอุ่น ต่างได้ใช้ผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ ในดินและในหิน ตลอดจนแม่น้ำลำธาร ที่ผืนป่าไม้และขุนเขาได้มอบเก็บเอาไว้ให้เป็นสมบัติหรือมรดกตกทอด ได้ใช้ประกอบอาชีพ ในการเพาะปลูกพืชผักและผลไม้นานาชนิด แล้วนำส่งออกจำหน่ายตามท้องตลาดเพื่อเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวกันมา ตั้งแต่รุ่นปู่ยาตายาย จนในที่สุดเรื่องราวที่ไม่ได้คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น...
            “เจ้าข๊า เจ้าย้อนเวลากลับคืนไปไกลเกินไปหรือเปล่าค่ะ ตั้งเกือบสี่สิบปี รำพันยังไม่เกิดเลยนะค่ะ” รำพันเสแสร้งแกล้งพูดแทรก การเล่าเรื่องราวของเจ้าหม่อนเมืองขึ้น
            “เล่าต่อไปเถอะครับเจ้า อย่าได้ไปสนใจรำพันเลย มันมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นต่อไปอีกครับ” นายยอดชายพูดแทรกขึ้นมาด้วยอีกคน เจ้าหม่อนเมืองพยักหน้าเป็นการตอบรับ พร้อมเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป
            ...บิดาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว มีโรคร้ายแรงเข้าคุกคามสุขภาพมายาวนานหลายสิบปี สุดท้ายก็ได้ตายจากสองแม่ลูกไป สองแม่ลูกผู้ยังไม่ได้เตรียมพร้อมรับกับสภาพ ที่เพิ่งจะขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความเศร้าเสียใจของสองแม่ลูกผู้อาภัพไร้ที่พึ่งพิงได้รับการปลอดโยนและให้กำลังใจ จากพ่อเลี้ยงเกียงไกรและเจ้าหม่อนผา…
            “เจ้าข๊า เจ้าหม่อนผา ใช่คุณปู่ของเจ้าหรือเปล่าค่ะ” รำพันตั้งคำถามขึ้นอีกครั้งอย่างนึกสงสัยอยู่เช่นเดิม
            “ใช่ครับ ปู่ของผมมีชื่อที่ว่า เจ้าหม่อนผา บิดาของผมมีชื่อว่า เจ้าหม่อนเมฆ น้องชายผมมีชื่อว่าเจ้าหม่อนฟ้าและ ผม...”
            “เจ้ามีชื่อว่า เจ้าหม่อนเมือง” รำพันต่อคำพูดของเจ้าหม่อนเมืองให้อย่างนึกสนุก
            “ใช่ครับ”
            “เจ้าเล่าต่อเถอะค่ะ รำพันอยากจะฟังต่อแล้ว” เจ้าหม่อนเมืองยกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกครั้งแล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป
            ...เมื่อยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่น คุณปู่ของผมหรือเจ้าหม่อนผาและพ่อเลี้ยงเกียงไกร ต่างก็หลงรักหญิงสาวสวยคนเดียวกัน ที่มีเจ้าข้าวเจ้าของและแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่ด้วยพันธะที่มีต่อคุณย่า คุณปู่ของผมจึงจำยอมอย่างอดทนถึงกับต้องจำใจ ที่จะเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เฝ้าปักใจในความรัก ต่อหญิงสาวสวยอันเป็นสุดยอดดวงใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งแตกต่างจากพ่อเลี้ยงเกียงไกรผู้แจกจ่ายหัวใจเล่ห์รัก ไปมอบให้กับผู้หญิงสาวสวยคนใดก็ย่อมได้ เพียงใช้เวลาไม่นานทั้งสองแม่ลูกผู้อาภัพไร้ที่พึ่งพิง ก็จำต้องยอมรับความช่วยเหลือจากพ่อเลี้ยงเกียงไกร อย่างที่เคยต่างได้รับความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นจากอดีตสามีผู้ล่วงลับตายจากไปแล้ว ด้วยหัวใจที่กำลังอ่อนแอและขาดที่พึ่งพิง หม้ายสาวสวยและลูกสาวจึงจำยอมที่จะต้องย้ายเข้าไปอยู่กิน อย่างเช่นฉันสามีและภรรยากับพ่อเลี้ยงเกียงไกร แต่เวลาแห่งความรัก ความสุข และความอบอุ่นก็ต่างอยู่ได้เพียงไม่นาน ด้วยนิสัยความเจ้าชู้ของพ่อเลี้ยงเกียงไกร ทำให้หม้ายสาวสวยไม่สามารถที่จะอดทนอยู่ใช้ชีวิตเคียงคู่อยู่กับพ่อเลี้ยงเกียงไกรได้อีก ดังนั้นสถานที่พึ่งพิงแหล่งสุดท้ายที่หม้ายสาวสวยและลูกสาว พร้อมที่จะย้ายเข้ามาขออาศัยอยู่ด้วยก็คือคุ้มเวียงผาหมอก แม้นคุณปู่ของผมท่านจะยังมีพันธะผูกติดอยู่กับภรรยาที่จดทะเบียนกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามหลักจารีตและประเพณี อยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ท่านก็ไม่สามารถจะอดทนหักห้ามหัวใจตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป ท่านเริ่มต้นคิดคดทรยศต่อคำสัตย์สาบานในวันแต่งงานกับคุณย่าของผม ท่านรับเอาสองแม่ลูกผู้อาภัพไร้ที่พึ่งพิงเข้ามาเลี้ยงดูอย่างเป็นภรรยาน้อยอีกหนึ่งคน แต่ถึงอย่างไรเสียท่านก็ยังคงให้เกียรติคุณย่าของผมตามฐานะภรรยาแต่งอยู่เช่นเดิม...
            “เรื่องจริงหรือเรื่องแต่งขึ้นค่ะเจ้า ทำไมมันถึงได้ซับซ้อน อย่างกับละครหลังข่าวเลยล่ะค่ะ” รำพันเสแสร้งแกล้งพูดตั้งคำถามขึ้นอีกครั้ง
            “เรื่องจริงครับ เป็นเรื่องที่คุณย่าของผมเล่าให้กับผมฟังเองเลยล่ะครับ”
            “เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไปครับเจ้า” นายยอดชายเร่งรีบให้เจ้าหม่อนเมืองรีบเล่าเรื่องราวต่อไป
            ...แน่นอนว่าสิ่งที่คุณปู่ของผมได้กระทำมันลงไป มีบุคคลสองคนที่รู้สึกไม่พอใจ บุคคลแรกก็คือคุณย่าของผม คนที่สองก็คือพ่อเลี้ยงเกียงไกร ถึงแม้จะเป็นบุรุษหนุ่มเจ้าชู้มากรักแต่สิ่งที่พ่อเลี้ยงเกียงไกรหลงรักและทะนุถนอมมากที่สุดในเวลานั้นก็คือ หญิงหม้ายสาวสวยที่เพิ่งได้มาครอบครอง แม้ในเวลาต่อมาจะต้องกลับกลายมาเป็นภรรยาน้อยของคุณปู่ของผมก็ตาม สงครามการแย่งชิงจึงได้เกิดขึ้น...
            “สงครามการแย่งชิงเลยหรือค่ะ...เจ้า”
            “ครับ”
            ...พ่อเลี้ยงเกียงไกรแอบส่งคนเข้ามาฉุดเอาภรรยาน้อยของคุณปู่ของผมกับคืนไป และในเวลาต่อมาเพียงไม่นานคุณปู่ของผมก็ส่งคนแอบไปฉุดเอาภรรยาน้อยกลับคืนมาเช่นเดียวกัน เรื่องการกระทบกระทั่งกันระหว่างคุณปู่ของผมและพ่อเลี้ยงเกียงไกร เกิดขึ้นอยู่เช่นนั้นร่วมกว่าหนึ่งปีเต็ม เรื่องราวตำนานความรักสามเส้าในครั้งนั้น ทุกคนในคุ้มต่างรับรู้กันเป็นอย่างดี ต่างก็พากันเล่าเรื่องราวสืบต่อกันมาอย่างกับเป็น ดั่งตำนานความรักของสาวเครือฟ้าหรือนิทานปรัมปราประจำคุ้มเวียงผาหมอกและคุ้มเวียงผาหลวง อันมีอายุยืนยาวนานมากว่า 40 กว่าปีเลยทีเดียว...
                        “แล้วตกลงว่าสงครามแย่งชิง ตำนานความรักสามเส้า ใครเป็นฝ่ายชนะและสมหวังค่ะเจ้า” รำพันยังคงตั้งคำถามอย่างนึกสนุกและสงสัยอยู่เช่นเดิม
                        “ไม่มีใครชนะและสมหวังครับ” รำพันทำสีหน้าแปลกใจ อย่างไม่แตกต่างอะไรจากมินตราและทุกคนที่ร่วมรับฟังมากมายนัก
                        “จากที่คุณย่าของผมได้เล่าเรื่องราวให้ฟัง เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ จากอะไรสักอย่าง ไม่มีใครรับรู้สาเหตุการตายของเธอได้อย่างแน่ชัด จนถึงวันและเวลานี้ครับ”
                        “จริงหรือค่ะเจ้า เศร้าใจจังเลยนะค่ะ” รำพันเสแสร้างทำสีหน้าเศร้าเสียใจ เรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้าง
                        “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผืนป่าไม้สักข้างล่างนั้นล่ะครับเจ้า” นายยอดชายตั้งคำถามขึ้นอย่างนึกสงสัย
                        “พวกคุณคงยังจดจำกันได้นะครับ ว่าครอบครัวเล็กๆ ที่แสนจะอบอุ่นมีสมาชิกรวมกันทั้งสิ้นสามคน” ทุกคนส่งแววตารับรู้และพยักหน้าเป็นคำตอบ
                        ...บิดาได้ตายจากไปโดยโรคร้ายอย่างกะทันหัน ส่วนมารดาได้ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุที่ไม่ทราบสาเหตุการตายได้อย่างแน่ชัด เหลือทิ้งเอาไว้แต่เด็กหญิงตัวน้อยอายุราวแปดหรือเก้าขวบ ผู้ยังไม่รู้ว่า ต่อไปตนเองจะต้องเริ่มใช้ชีวิตเพียงลำพังตัวคนเดียว เมื่อเธอต้องขาดทั้งบิดาและมารดาในเวลาไล่เลี่ยกัน...
                        “เจ้าข๊า เธอมีชื่อว่าอะไรหรือค่ะ”
                        “นามสกุลเดิมของเธอ ผมจดจำไม่ได้แล้วครับ แต่เมื่อยี่สิบกว่าปีหรือเกือบสามสิบปีที่แล้วเธอแต่งงานและใช้นามสกุลว่า ตรีเตชะมร”
                        “เจ้าข๊า นั้นมันนามสกุลของพ่อเลี้ยงเกียงไกรนี้ค่ะ”
                        “ใช่ครับ เธอมีชื่อว่า กานดา ตรีเตชะมร” มินตรานั่งนิ่งเงียบรอรับฟังอยู่ด้วยสีหน้าซีดเผือด จนธเนศเองก็สามารถจับจ้องมองเห็นสีหน้าขาวนวลได้อย่างชัดเจน
                        “รำพันนึกออกมาล่ะค่ะ ลูกชายที่ตายจากไปของพ่อเลี้ยงเกียงไกร เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วมีชื่อว่า มาวิณ ตรีเตชะมร”
                        “ถูกต้องแล้วครับ กานดา และมาวิณ ตรีเตชะมร คือสามีและภรรยากัน ผมจดจำไม่ได้แล้วว่าคนทั้งคู่ต่างแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว แต่ผมก็พอจะจดจำได้ว่ามาวิณ ตรีเตชะมร เสียชีวิตมาแล้วเป็นเวลากี่ปี”
                        “เจ้าข๊า รำพันก็พอจะรู้ค่ะ เพราะมันเขียนติดเอาไว้บนสุสานบนยอดหน้าผานั้น” รำพันชี้นิ้วฝ่าความมืดมิด รอบข้างตรงไปยังหน้าผาอันสูงชันที่มินตราและธเนศ หยุดสนทนาพูดคุยกันเมื่อยามเช้าตรู่ของเมื่อเช้าวันนี้
                        “ใช่แล้วครับ มันเกือบยี่สิบกว่าปีมาแล้ว” มินตราแม้จะหน้าตาซีดเผือด แต่ก็ยังคงนั่งนิ่งเงียบรอรับฟังเรื่องราวต่อไป
                        “เจ้าข๊า เจ้ารีบเล่าเรื่องราวต่อไปเถอะค่ะ รำพันอยากจะรู้ว่าทำไมเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ถึงได้มาแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงเกียงไกรได้” เจ้าหม่อนเมืองยกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกครั้งพร้อมเริ่มต้นเล่าเรื่องราวต่อไป
 
................................... 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา