Rainbow [ The Gravita' ]

9.7

เขียนโดย Rainbow

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.41 น.

  3 chapter
  4 วิจารณ์
  7,080 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 1 แดฟโฟดิล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กลางแผ่นดินอันแห้งแล้งสีน้ำตาลเข้มที่มีแต่หิน  ดิน  และทรายล้อมรอบไปทั่วทั้งดวงดาว   หญิงสาวคนหนึ่งนอนสลบอยู่ท่ามกลางที่แห่งนั้นโดนไม่ได้ขยับไปไหน   เป็นเวลานานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ที่เธอมาอยู่ ณ  ตรงจุดนั้น  รู้แต่เพียงว่าจนบัดนี้นับตั้งแต่หญิงสาวนอนอยู่  เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายเลย  หรืออาจเป็นตัวของเธอเองที่ไม่ต้องการตื่นขึ้นมาพบเจอกับความจริงอันโหดร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

 

 

 

" เซราฟีม "

 

นั่นเป็นคำพูดแรกของหญิงสาวที่เพ้อขึ้นมาคำแรก   เปลือกตาของเธอค่อยๆเผยออกมารับแสงสว่างหลังจากการหลับไหลอันยาวนาน  และสิ่งแรกที่เธอเห็น  คือหญิงสาวอีกคนที่กำลังใช้ผ้าสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำวางไว้บนหน้าผากของเธอ  เพื่อลดไข้

 

" เจ้าเป็นใคร?  "  หญิงสาวถามและพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอนที่เธอนอนอยู่  แต่เธอก็ต้องนอนลงไปบนเตียงเดิมอีก  เมื่อเจอกับแรงผลักอันเบาบางของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ

 

" คุณยังไม่หายดี  พักผ่อนสักหน่อยดีไหม? "

 

หญิงสาวคนนั้นบอกด้วยความห่วงใย   เธอยิ้มให้กับหญิงสาวที่อยู่บนเตียงเล็กน้อย  ก่อนที่จะลุกออกไปเพื่อเปลี่ยนน้ำที่ใช้เช็ดตัวหญิงสาวเมื่อสักครู่   ท่ามกลางสายตาอันสับสนของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง

 

" หลับให้สบายเถอะค่ะ  ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณต้องกลัว  ทำใจให้สบายเถอะค่ะ "  และด้วยคำพูดนั้นเอง  หญิงสาว  ก็หลับลงไปอีกครั้ง

 

 

ในห้องสีขาวเล็กๆที่ถูกประดับไว้อย่างง่ายๆด้วยหินหลากสีสันที่ห้อยระโยงระยางไว้ตามกำแพง    หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง   เธอเอื้อมมือเรียวงามของเธอจับไปที่หน้าอกเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลที่พันเป็นแนวทแยงสะพายแล่งทางขวาแล้วเธอก็ถอนหายใจ

 

" คุณสลบไปเป็นอาทิตย์แนะ  ชั้นนึกว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก "

 

หญิงสาวอีกคนกล่าวขึ้น  ขณะที่เธอกำลังเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง  ในมือของเธอถือดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย   หญิงสาวที่อยู่บนเตียงจ้องมองเรือนผมสีน้ำเงินที่ถูกตัดสั้นเสมอไหล่อีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย  ก่อนที่สายตาของเธอจะเลือนจากหญิงสาวผมสีน้ำเงินตรงหน้า  ลอดออกไปจากหน้าต่างที่อยู่ใกล้ตัวของเธอแทน

 

" ท่าทางแผลที่หน้าอกของคุณคงจะหายดีแล้วสินะคะ  แผลใหญ่ขนาดนั้นแค่อาทิตย์กว่าๆก็หายแล้ว  สงสัยจะเป็นมนต์วิเศษของดวงดาวแห่งนี้แน่ๆเลย  คุณคิดแบบนั้นไหม? "  หญิงสาวผมสีน้ำเงินกล่าว   ตอนนี้ดอกไม้ในมือเธอนั้นหายไปเรียบร้อยแล้ว   เหลือแต่เพียงแจกันใบใหญ่ที่มีดอกไม้ประดับถูกตั้งไว้ที่ข้างหัวเตียงแทน

 

หญิงสาวยังคงไม่ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น   สายตาของเธอยังคงเหม่อมองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ  แม้ทิวทัศน์ภายนอกจะมีสีแดงจากดินและหินที่ประดับไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ตาม 

 

" ที่นี่ที่ไหน ? "   หญิงสาวถามหลังจากเธอมองออกไปนอกหน้าต่างนานพอสมควร  แต่กระนั้น  เธอก็ไม่แสดงทีท่าสนใจคู่สนทนาเลย

 

" ที่นี่ก็ดาวอังคารไงคะ  คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็ตั้งใจเดินทางมาที่นี่อยู่แล้วนี่คะ  หรือว่าคุณไม่ใช่? "  หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ   แต่เธอก็ได้รับเพียงความเงียบกลับมาเหมือนเดิม

 

หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ   เธอส่งสายตาไปยังหญิงสาวที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง  เธอไม่รู้หรอก  ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนี้มาบ้าง   แต่เท่าที่เธอรู้  หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอคงต้องการเวลาอีกมากในการทำความเข้าใจกับตัวเอง   แล้วเมื่อถึงเวลานั้น   " เธอก็คงจะบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง "

 

" ชั้นชื่อมารีน  ยินดีที่ได้รู้จัก  แล้วก็… "

 

" ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งนี้ค่ะ "

 

แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง   หญิงสาวก็พลันนึกถึงหน้าของคนๆหนึ่งขึ้นมา  เมื่อเธอมองเห็นรอยยิ้มของมารีนที่ส่งให้  ก่อนที่เธอจะออกไปจากห้อง

 

….

 

" เซราฟีม "

 

 

 

 

 

 

 

บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ  บทที่ 1  แดฟโฟดิล

 

 

แสงแดดจางๆสาดส่องลงมายังเบื้องล่างในตอนเช้า   แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  แต่มันก็เป็นครั้งแรกของหญิงสาว   ที่ได้สัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆแบบนี้บนดวงดาวที่ไม่รู้จัก   หลังจากที่เธอต้องนอนอยู่กับเตียงมามากกว่าสองอาทิตย์เพราะอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี

 

" ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี  อย่าเพิ่งหักโหมนะค่ะ  ถ้าทำอะไรมากไปมันอาจจะมีผลกับความทรงจำก็ได้ "  มารีนที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวร้องบอกด้วยความหวังดี

 

" อื้อ "  หญิงสาวตอบรับสั้นๆ

 

สายลมอันอบอุ่น   พัดผ่านร่างกายที่เอาแต่หมกตัวอยู่บนเตียงมานาน   แม้บรรยากาศโดยรอบจะค่อนข้างแห้งแล้ง  แต่มันกลับไม่ได้ร้อนอย่างทีคิด   กลับกัน   มันออกจะอบอุ่นชุ่มชื่นซะด้วยซ้ำ   ช่างน่าแปลกซะเหลือเกินที่ดาวดวงนี้แห้งแล้งขนาดนี้  ทั้งๆอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูกมากขนาดนี้

 

 

อุ๊บ !

 

หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมาตรงบาดแผลนิดหน่อย   เป็นเวลามากกว่าสิบห้าวันแล้ว   ที่มารีนคอยดูแลเธอที่กำลังบาดเจ็บสาหัส   ซึ่งสำหรับหญิงสาวแล้ว  มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย  เพราะร่างกายของเธอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่า  และตัวเธอก็ไม่ได้สนใจกับอาการบาดเจ็บมากมาย  แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับการยุ่มย่ามเกินความจำเป็นหรอกนะ

 

" ทานข้าวได้แล้วค่ะ  " 

 

มารีนร้องบอกหญิงสาวหลังจากที่เธอเพิ่งทำอาหารเสร็จ   เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้น   เธอก็พักจากการอาบบรรยากาศที่แสนจะอ่อนโยนไว้ก่อน  แล้วหันหลังกลับเข้าไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะโดนมารีนเอ็ดเอาเหมือนวันอื่นๆ   ที่เธอพยายามจะเดินออกมาข้างนอกทั้งๆที่แผลยังไม่หายดี

 

" รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ "  มารีนถามหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังทานอาหารอยู่   หญิงสาวมองหน้ามารีนเล็กน้อย

 

" ก็  อร่อยดี  "  หญิงสาวตอบห้วนๆ  ถึงแม้รสชาติอาหารของมารีนจะไม่ได้เลอเลิศมากไปกว่าอาหารหลายๆอย่างที่เธอเคยทานมาแถมยังรสชาติแปลกนิดๆ   แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าข้าวต้มที่เธอต้องทานในช่วงที่นอนพักอยู่บนเตียงโขล่ะ

 

การสนทนาของทั้งคู่ยังดำเนินไปเรื่อยๆ  ถึงแม้รอยยิ้มของมารีนไม่อาจทลายใบหน้าที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งของหญิงสาวคนนี้ได้   แต่หญิงสาวคนนี้ก็ยอมพุดคุยกับเธอมากขึ้นไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้  ที่หญิงสาวเอาแต่นั่นนิ่งมองวิวนอกหน้าต่างอยู่บนเตียงเพียงอย่างเดียว    จนกระทั้งหญิงสาวทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จ  มารีนจึงกุลีกุจอเก็บจานชามเพื่อนำมันไปล้างเก็บให้เรียบร้อย  หญิงสาวเองก็ลุกขึ้นและพยายามทำสิ่งที่มารีนทำเช่นกัน

 

" อุ๊ย  ไม่ต้องค่ะ  ไม่ต้อง  คุณยังเจ็บอยู่  นั่งดูอยู่เฉยๆดีกว่านะคะ "  มารีนบอก  พร้อมๆกับมือของเธอที่คว้าจานชามของหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว  แล้วมารีนก็พุ่งตัวหายลับไปหลังบ้านทันที

 

หญิงสาวอึ้งเล็กน้อย  อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ก็เป็นได้  แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย  เพราะโดยปกติ  คนที่ยุ่มย่ามจู้จี้กับชีวิตคนอื่นน่าจะเป็นตัวเธอซะมากกว่านี่นะ

 

" เอ่อ  ชั้นมาคิดๆดูแล้ว  การที่คุณเสียความทรงจำแบบนี้มันคงลำบากแย่เลยสินะคะ? "

 

 

หือ ?!

 

หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ    ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเคยบอกอะไรแบบนั้นให้มารีนฟัง  แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำอะไรอย่างนั้นหรอก  แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่ให้มารีนคิดแบบนั้น  และที่สำคัญที่สุด   เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเท่าไหร่ด้วย

 

" ก็คงงั้นล่ะ  แต่ชั้นก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ "  แม้เธอจะตอบคำถามของมารีน  แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงมองแต่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างอยู่เหมือนเช่นทุกครั้ง

 

" มันก็จริงนะคะ  แต่ถ้าความทรงจำของคุณยังไม่กลับมาอยู่แบบนี้  ชั้นก็คงจะปล่อยให้คุณไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ "  มารีนยิ้ม

 

คำพุดของมารีนทำให้หญิงสาวต้องหันขวับมามองเธอในทันควัน  เธอไม่คิดเลยสักนิดว่ามารีนจะเล่นมุขนี้กับเธอ   แต่ครั้นจะบอกว่าความทรงจำกลับมาแล้วมารีนก็คงไม่คิดจะเชื่อเธอแน่ๆ   ถึงแม้การจากไปอย่างเงียบๆมันจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ  แต่มันคงไม่เป็นการดีที่จะทำให้คนที่ดูแลเธอมาตลอดเป็นห่วงแน่  ไม่คิดเลยว่าการพูดโดยไม่คิดของเธอจะเป็นการแขวนคอตัวเองไปซะแล้ว  ท่าทางเธอคงต้องจัดความคิดความอ่านของเธอใหม่สักหน่อยหลังจากที่นอนอืดมานาน

 

" เดินเล่นซักหน่อยไหมค่ะ? "

 

 

...

 

จากบ้านหลังเล็กๆที่ตั้งรกรากห่างไกลเข้าไปในซอกภูเขา  สู่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่  หญิงสาวและมารีน  กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างสบายอกสบายใจโดยเฉพาะมารีน   เพราะถึงแม้ว่าบ้านของเธอจะอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านไปสักหน่อยแต่มันก็ยังเป็นหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่      ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ไม่รุ้จักใครเลย  เพราะฉะนั้น  มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมาทักทายมารีนด้วยความเป็นมิตร

 

" สวัสดีจ๊ะมารีน  อยู่ข้างบนเป็นยังไงบ้าง  "  หญิงชราคนหนึ่งทักทายระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านหน้าบ้านของเธอ  ซึ่งมารีนก็ทักทายเธอกลับเช่นกัน

 

" ท่าทางเธอจะเป็นที่นิยมมากเลยนะ ? " หญิงสาวถามมารีนหลังจากที่เธอคุยกับหญิงชราคนเมื่อครู่เสร็จแล้ว

 

" ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ  คนที่ย้ายจากโลกมาอยู่ดาวอังคารยังมีน้อยอยู่  แล้วแต่ละคนก็อยู่กระจายๆกันไปตามที่อื่นๆบนดวงดาวทำให้แต่ละหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก  จะรู้จักทั้งหมดก็ไม่แปลกหรอกค่ะ  "

 

แม้มารีนจะพยายามอธิบายเหตุผลหลายๆอย่างให้หญิงสาวฟัง  แต่หญิงสาวก็ไม่คิดจะฟังสิ่งที่เธอเล่าแม้แต่น้อย   สายตาของหญิงสาวยังคงจับจ้องมองออกไปยังทิวทัศน์รอบนอกเหมือนกับทุกที  จนกระทั่งหญิงชราที่เข้ามาคุยกับมารีนในตอนแรกเดินเข้ามาหาแล้วหยุดตรงหน้าเธอพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ดูสวยงามสำหรับคนอายุมาก

 

" นี่จ๊ะ  แม่หนู "  หญิงชรายื่นดอกไม้สีเหลืองดอกหนึ่งให้กับหญิงสาว  แม้หญิงสาวจะไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เธอก็รับไว้แต่โดยที่ก่อนที่เธอจะโค้งให้กับหญิงชราที่กำลังเดินห่างออกไป  ท่ามกลางสายตาและรอยยิ้มของมารีนที่อยู่ไกล้ๆ

 

" มีอะไรรึปล่าว ? " หญิงสาวถามมารีนด้วยความสงสัยจากท่าทางของเธอ

 

" รู้ไหมค่ะ  ความหมายของดอกแดฟโฟดิลน่ะคือการหยิบยื่นไมตรีให้แก่กันนะคะ "

 

หญิงสาวยืนนิ่งไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังมารีนพูดจบ  เอมองดูดอกไม้ในมือของตัวเองด้วยความสงสัยปนแปลกใจ   หญิงสาวหลับตาเพื่อให้ร่างกายสัมผัสกับไออุ่นของแดดยามเช้าที่กำลังทอประกายสาดส่องลงมาที่ร่างของเธอ  และรับรู้สายลมอ่อนๆที่พัดกระทบร่างกายบอบบางของเธอเป็นระยะๆ  ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา

 

" นั่นสินะ   เอาล่ะ! ไปกันได้แล้ว "  หญิงสาวบอกกับมารีน  แต่มารีนกลับทำหน้าเหมือนกับมีคำถามจะถามเธอแต่หญิงสาวกลับตอบคำถามของมารีนที่ยังไม่ทันได้ออกจากปากขึ้นมาซะก่อน

 

" ก็...  เธอจะพาชั้นเที่ยวหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เหรอ? "

 

" ค๊า  งั้นชั้นจะพาคุณไปดูให้ทั่วๆเลยนะคะ  คุณ... "

 

" เชอร์วูด  สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของชั้นคือชื่อของชั้น   เชอร์วูด "  หญิงสาวแจ้งชื่อของตนให้มารีนได้รับรู้  ซึ่งมันก็ทำให้มารีนรู้สึกดีใจมากตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันมา

 

" ค่ะ  คุณเชอร์วูด   ตามมาให้ดีๆนะคะ " 

 

แล้วมารีนก็ออกเดินนำไป  โดยที่มีเชอร์วูดเดินตามไม่ห่างไปไหน   ในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเธอนั่นเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา