Rainbow [ The Gravita' ]

9.7

เขียนโดย Rainbow

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.41 น.

  3 chapter
  4 วิจารณ์
  7,079 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) หมู่บ้านอ้างว้างบนดินแดนอันห่างไกล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ  บทที่  2  หมู่บ้านอ้างว้างบนดินแดนอันห่างไกล

 

 

แม้จะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่เมื่อครั้งยังนอนอุตุรักษาบาดแผลอยู่ในบ้านของมารีน  แต่เมื่อออกมาเดินแบบนี้ยิ่งทำให้เธอมั่นใจกับความแห้งแล้งตายซากของดาวดวงนี้ได้เป็นอย่างดี  เพราะถึงแม้สภาพอากาศโดยทั่วไปที่เธอสัมผัสได้นั้นจะสดชื่นและอบอุ่นด้วยไอแดดที่สาดส่องผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นดิน  แต่สภาพภูมิประเทศโดยรอบกลับดูแห้งแล้งกันดารซะเหลือเกิน  กระนั้นก็ไม่ถึงกับปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย  เพราะยังพอมีต้นไม้เกิดขึ้นบ้างประปรายแม้ใบของมันจะเป็นสีน้ำตาลเพราะขาดสารอาหารก็เถอะ

 

" เป็นยังไงบ้างค่ะ  หมู่บ้านของเรา  " มารีนถามความคิดเห็นของเชอร์วูดที่เดินตามหลังเธอมาติดๆ

 

" ก็ดี  "

 

เชอร์วูดตอบสั้นๆ   มารีนยิ้มเล็กน้อย  เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ   เธอยังคงเดินนำทางเชอร์วูดออกไปเรื่อยๆจนทั้งคู่ทะลุออกไปด้านหลังหมู่บ้านที่มีโดมทรงกลมเล็กๆ  สอง  ถึงสามโดมสร้างด้วยเหล็กแล้วหุ้มด้วยอะไรบางอย่างที่เป็นแผ่นใสๆซึ่งเชอร์วูดไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร  แต่ที่แน่ๆข้างในนั้นมีต้นไม้  พืช  ผักที่มีใบสีเขียวเกิดอยู่เต็มไปหมดต่างจากนอกโดมโดยสิ้นเชิง

 

" โดมที่เห็นคือสวนผักของพวกเราค่ะ  ถ้าความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วอาจจะจำได้แต่ถึงยังงั้นก็จะขออธิบายนิดนึงนะคะ  " 

 

เชอร์วูดพยักหน้าตอบรับคำขอของมารีน  เมื่อมารีนเห็นท่าทางแบบนั้นก็เริ่มอธิบายต่อไป

 

" อย่างที่รู้กันอยู่  ว่าที่นี่คือดาวอังคาร  ถึงแม้ว่าดาวดวงนี้จะมีชั้นบรรยากาศเหมือนโลกก็ตาม  แต่ก็อย่างที่เห็น  ดวงดาวดวงนี้ไม่มีน้ำเหมือนโลก  เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่  เพราะทุกชีวิตย่อมขาดน้ำไม่ได้  แถมสภาพผิวดินยังไม่เหมาะกับการเพาะปลูกอีก  ดังนั้น  ก่อนที่พวกเราจะมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่พวกเราจึงต้องเตรียมการอะไรบางอย่างซะก่อน "

 

มารีนเงียบไปพักนึงเพื่อดูความสนใจของคู่สนทนา   เมื่อเห็นว่าเชอร์วูดตั้งใจฟังดี  เธอก็เริ่มเล่าต่ออีกครั้ง

 

" เริ่มแรกเราใช้ยานมาสำรวจก่อน  แล้วเราก็พบว่า  ที่นี่ไม่ได้แห้งแล้งอย่างที่คิดเพราะยังมีน้ำอยู่ใต้ผิวดินมากมาย  พวกเราเลยออกเดินทางมาที่นี่   ยาน 50 ลำที่บรรทุกคนกว่า4000คน  และยานอีก 50 ลำที่บรรทุกอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำ  พวกเราใช้เวลาเกือบปีจนมาถึงที่นี่  ยานแต่ละลำลงจอดแต่ละที่ทั่วดวงดาว  แล้วพวกเราก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  ที่โลกไหม่นี้ " 

 

" แล้วสวนผัก... "  เชอร์วูดพูดสวนมารีนทันควัน  ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะขัดคำพุดของคนอื่นเท่าไหร่  แต่เธอเห็นว่าสิ่งที่มารีนเล่ามันไม่ได้เกี่ยวกับสวนผักนี่เลยซักนิด

 

" อ่า  นั่นสินะคะ  "   มารีนหัวเราะคิกคักนิดหน่อย  เธอรู้สึกดีใจที่เชอร์วูดพูดตอบโต้เธอมากขึ้นแม้จะเป้นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม

 

" ส่วนผักนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ  เพราะเมื่อยานของเราลงมาจอดที่นี่  พวกเราก็เอาดินที่บรรทุกด้วยปูรองพื้น  แล้วสร้างโดมเพื่อปลูกพืชผักในการดำรงชีวิต  เพราะแค่อาหารที่ติดมากับยานมันไม่ได้ช่วยให้พวกเราอยู่รอดได้   ถึงตอนนี้พวกเราจะพยายามปรับปรุงจนปลูกพืชผลบนดวงดาวนี้ได้แล้ว  แต่โดมพวกนี้ก็ยังสำคัญกับพวกเราอยู่ดีค่ะ "  มารีนเล่าวีรกรรมของโดมพวกนี้อย่างภูมิใจ  เชอร์วูดเองก็เข้าใจในท่าทางของเธอดี  แม้ตัวเธอจะไม่เคยมีความจำเป็นต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็เถอะ

 

 

...

 

หือ?

 

จู่ๆ   เชอร์วูดก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังสัมผัสกับข้อเท้าของเธอภายใต้กระโปรงสีขาวของชุดที่เธอสวมอยู่    เมื่อเธอมองลงไปแล้วรื้อกระโปรงสูงขึ้นก็พบกับแมวดำตัวหนึ่งที่กำลังคลอเคลียกับขาเรียวงามของตัวเองอยู่  มารีนถึงกับเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่เธอจะก้มลงไปอุ้มแมวดำตัวนั้นขึ้นมากอดไว้  แต่แมวตัวดังกล่าวก็มีท่าทีขัดขืนเบาๆ  ดูจากท่าทางมันคงพยายามจะไปหาเชอร์วูดแน่ๆ

 

" ท่าทางมันจะชอบคุณนะคะ  "  มารีนยิ้ม  ก่อนที่เธอจะส่งแมวตัวดังกล่าวไปให้เชอร์วูด

 

เชอร์วูดเอื้อมมือไปหยิบแมวตัวนั้นขึ้นมาจ้องดู  เธอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสของแมวดำตัวนั้นราวกับต้องการจะค้นหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน   แมวตัวนั้นเองก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเชอร์วูดเช่นกัน  ก่อนที่มันจะดิ้นดุกดิกในมือเธอสักครู่แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวไหล่ของเชอร์วูด  ท่ามกลางเสียงหัวเราะของมารีน

 

" เราไปต่อกันเถอะคะ  ยังมีอีกหลายที่เลยที่คุณต้องดู  "  มารีนบอก  แล้วเธอก็เดินนำเชอร์วูดที่มีแมวนั่งเกาะอยู่บนไหล่ไปอีกครั้ง

 

" เฮ้อ " 

 

กว่าครึ่งค่อนวันที่มารีนพาเธอท่องเที่ยวไปตามตัวหมู่บ้านของเธอที่มีบ้านเรือนไม่มากไปกว่า  50  หลังคาเรือน  แต่มันกลับใช้เวลามากมายเหลือเกิน  ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะการที่มารีนรู้จักกับคนทั่วไปในหมู่บ้านนั่นเองทำให้การเดินทางชมหมู่บ้านของพวกเธอต้องหยุดแวะข้างทางหลายต่อหลายครั้งเหมือนกับตอนนี้ที่พวกเธอต้องมาหยุดพักอยู่ที่แคร่หน้าบ้านของหญิงชราที่เคยให้ดอกไม้กับเชอร์วูดก่อนหน้านี้  แล้วตอนนี้ดอกไม้ที่ว่าก็ยังเหน็บอยู่บนอกเสื้อเธออยู่เลย

 

" น้ำชาจ๊ะ "

 

ถ้วยชาแบบญี่ปุ่นถูกวางไว้ข้างๆหญิงสาวทั้งสองพร้อมๆกับขนมกินเล่นยามว่าง   เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นต่างจากมารีนที่ขอบคุณหญิงชราคนนั้น

 

" เป็นอะไรไปเหรอจ๊ะ  หนูเชอร์วูด "  หญิงชราถามเชอร์วูดเมื่อเห็นท่าทางของเธอ

 

" ปล่าว  "

 

" ดูท่าคุณเชอร์วูดจะไม่ถูกโรคกับถ้วยชาแบบญี่ปุ่นนะคะ  " มารีนหัวเราะ

 

อันที่จริงสิ่งที่มารีนพุดมามันก็ไม่ได้ผิดแผกอะไรจากความเป็นจริงนัก  จะว่าไปมันก็ถุกต้องตรงเผงอย่างไม่น่าเชื่อซะด้วยซ้ำ  เพราะถึงแม้เชอร์วูดจะชินชากับการดื่มชามาก  แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ต้องมานั่งดื่มชาในถ้วยชาของญี่ปุ่นมันจึงทำให้เธอรู้สึกแปลกๆไปบ้างด้วยความไม่เคยชิน

 

" ไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ  หนูเชอร์วูด "  หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านบอก  เธอเองก็เข้ามานั่งอยู่ไกล้ๆหญิงสาวทั้งสองแล้วหยิบถ้วยชาของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน

 

" การดื่มชามันก็เหมือนการทำจิตใจให้สงบแล้วรับฟังสิ่งรอบข้าง  ไม่ว่าจะเป็นชาแบบไหนก็มีจุดหมายแบบนี้เหมือนกัน   เพราะฉะนั้น  หนูไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดรูปแบบหรือธรรมเนียมหรอกจ๊ะ  ของแบบนี้มันไม่มีกฎตายตัวหรอก    "

 

แม้จะได้ยินแบบนั้น   แต่ด้วยนิสัยของเชอร์วูด  เธอจึงไม่อยากจะทำให้การดื่มชาครั้งนี้เสียจารีตประเพณีสักเท่าไหร่   แล้วเธอยังเคยได้ยินมาอีก  ว่าสถานที่แห่งหนึ่งถือการดื่มชาเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม  เธอจึงจดๆจ้องๆหญิงชราที่กำลังดื่มชาอยู่ไกล้ๆแล้วเริ่มทำตามที่เธอทำ  พร้อมๆกับสังเกตพฤติกรรมทุกๆอย่างตามไปด้วยว่ามีอะไรที่ตัวเธอทำไม่ถูกต้องบ้าง  และเมื่อเธอสังเกตจนพอใจแล้ว  เธอก็ลงมือดื่มชาในถ้วยของตัวเองบ้าง

 

" คุณเชอร์วูดเนี่ย  เป็นคนหัวแข็งไม่น้อยเลยนะคะเนี่ย "  มารีนกับหญิงชราหัวเราะแล้วยิ้มให้เชอร์วูด

 

 

....

 

เชอร์วูดนิ่งไปเล็กน้อย  ภาพหญิงสาวสี่คนที่กำลังนั่งดื่มชาฝรั่งอยู่บนโต๊ะกลมสีขาวภายในสวนเล็กๆ  รายล้อมไปด้วยกุหลาบสีแดงที่กำลังเบ่งบานได้ที่ผุดขึ้นในหัวของเธอ   หญิงสาวทั้งสี่คนต่างดูสนุกสนานร่าเริงราวกับภาพวาดที่ไม่มีสิ่งใดมาทำให้แปดเปื้อนหรือทำลายได้

 

" คุณเชอร์วูด  คุณเชอร์วูดค่ะ?  "  มารีนร้องเรียกเชอร์วูดที่เหมือนจะเหม่อไป  เชอร์วูดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันหน้ามามองหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

" นั่นสินะ  สงสัยเป็นเพราะชั้นมีเพื่อนสนิทที่มีนิสัยเหมือนเด็กกับเพื่อนนิสัยแย่ๆที่ชอบแกล้งคนอื่นอยู่เรื่อยมั้ง  ชั้นเลยต้องเอาจริงเอาจังสักหน่อย "  เชอร์วูดบอก

 

" งั้นเหรอคะ  เป็นแบบนี้นี่เอง  " 

 

 

" ...ว่าแต่ "

 

" ความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วเหรอคะเนี่ย?   ถึงจำเรื่องแบบนั้นได้ "

 

เชอร์วูดแทบสำลักชาที่เธอกำลังดื่มอยู่ในมือ  เธอลืมไปซะสนิทว่าตอนนี้เธอกำลังความจะเสื่อมอยู่  อาจเป็นเพราะที่นี่มันสงบเกินไปจนเธอไม่ระวังตัวก็ได้เพราะฉะนั้น  สิ่งแรกที่เธอคิดออกคือการหาอะไรบางอย่างที่พอจะทำให้สายตาและความสนใจของมารีนหันไปทางนั้นได้  แล้วเธอก็พบมัน

 

" ไม่รุ้สิ  "  เชอร์วูดตอบ  เธอเอื้อมมือไปหยิบขนมที่ใช้กินเล่นกับชาแล้วยื่นมันไปไกล้ๆปากของแมวตัวที่เคยเกาะไหล่เธอ  ซึ่งตอนนี้แมวตัวดังกล่าวกำลังนอนหลับปุ๋ยสบายใจอยู่บนตักแทน

 

ทั้งคู่ต่างก็ใช้สายตาของตนจับจ้องพฤติกรรมของแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูด   ว่ามันจะทำอย่างไรเมื่อมีขนมอยู่มาใกล้ๆขนาดนี้   ทั้งคู่นิ่งอยู่นานจนเมื่อเจ้าแมวน้อยตัวนั้นได้กลิ่นของอาการมันจึงค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วเริ่มเลียขนมในมือของเชอร์วูดสักพัก  แล้วมันก็กลับลงไปนอนเหมือนเดิม

 

" ท่าทางมันจะไม่ชอบนะคะ "  มารีนให้ความคิดเห็น

 

" อืมมม   ชั้นก็ว่างั้นแหละ "  มารีนตอบกลับ

 

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังให้ความสนใจเจ้าแมวน้อยที่นอนอยู่บนตักของเชอร์วูด  จู่ๆหญิงชราที่เคยนั่งอยู่ไกล้ๆพวกเธอก็ลุกขึ้น  แล้วเดินเข้าไปในบ้านสักพัก  เธอก็ออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ  มันมีลักษณะเป็นก้อนสีดำๆขนาดเท่าไม้บรรทัดเรียวยาว  ซึ่งเชอร์วูดไม่รู้จัก

 

" เอ๋!!  นั่นมันปลาคลอไม่ใช่เหรอค่ะ?  คุณยาย "  มารีนรีบวิ่งเข้าไปดูสิ่งที่หญิงชราคนนั้นถือมาทันที   เธอยิ้ม  ซึ่งเชอร์วูดเองก็ไม่รุ้ว่าเจ้าปลาหน้าตาแปลกตัวนี้มันมีอะไรดีเหมือนกัน   มารีนถึงได้ดีใจขนาดนี้

     

" คุณเชอร์วูด  มาดูสิค่ะ  เอ๊ะ! จริงด้วย  คุณเชอร์วูดคงจะยังไม่รู้จักเจ้าปลาตัวนี้สินะคะ  "

 

เชอร์วูดพยักหน้ารับ  มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเธอที่จะไม่รุ้จักเพราะถึงยังไงจักรวาลนี้มันก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่คนๆเดียวจะรุ้จักทุกๆสิ่งอยู่แล้ว

 

" อิอิ   เจ้าปลาเนี่ย  เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดวงดาวนี้ค่ะ "  มารีนบอก  เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน  เพราะเท่าที่เธอจำได้  มารีนเคยบอกกับเธอว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิต  และดุเหมือนว่ามารีนจะพอเดาได้อยู่เหมือนกัน

 

" จริงอยู่ว่าดาวดวงนี้มันไม่มีอะไรเลย  แต่ว่าก็อย่างที่เคยบอกไปแล้ว  ว่าดาวดวงนี้ยังมีน้ำที่อยู่ใต้ดิน  แล้วในน้ำนั่น  ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่เยอะเลยค่ะ  เจ้าปลาตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นพวกเราเจอมันโดยบังเอิญที่โรงงานขุดเจาะน้ำเมื่อหลายปีก่อน  แต่นานๆถึงจะสูบขึ้นมาแล้วติดมาด้วย  มันหายากมากๆเลยค่ะ "

 

" คุณยายไปได้มันมาจากไหนค่ะเนี่ย " มารีนถาม

 

หญิงชรายิ้มให้มารีน  เธอยื่นปลาตัวนั้นให้กับเชอร์วูด  พร้อมๆกับท่าทางราวกับว่าต้องการที่จะให้เธอเอาปลาแห้งตัวนั้นให้แมวที่อยู่บนตักเธอกิน

 

" เอาเลยจ๊ะ  หนูเชอร์วูด "  หญิงชราพยักหน้าเมื่อเชอร์วูดรับปลาแห้งตัวนั้นจากมือของเธอไป  เชอร์วูดมองปลาตัวดังกล่าวสักพัก  ก่อนที่เธอจะเอาปลาตัวนั้นไปจ่อที่จมูกลูกแมว

 

ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากทั้งสาม  จะมีก็เพียงเสียงหายใจที่เบาบางของพวกเธอ  ที่กำลังจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของลูกแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูดเท่านั้น   และเมื่อเจ้าแมวได้กลิ่นของปลาแห้ง  มันก็ลืมตาขึ้นมา  ก่อนจะคาบปลาตัวนั้นแล้วกระโดดลงจากตักของเชอร์วูด  ลงไปกินอยู่ที่พื้นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสาวๆ

 

 

กลางดึกคืนนั้น  หลังจากที่พวกเธอเที่ยวดูหลายๆสิ่งในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว  เชอร์วูดก็มานั่งอยุ่หน้าบ้านโดยลำพังในขณะที่มารีนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว  แม้ในตอนนี้จะเป็นกลางคืน  แต่การที่มีดวงจันทร์ถึงสองดวงขึ้นมาลอยเด่นบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้ทัศนวิสัยตรงหน้าสว่างขึ้นมาทันตา  แต่ถึงไม่ต้องพึ่งของอย่างงั้น  เชอร์วูดก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว  รวมถึงทิวทัศน์ที่ไกลสุดลูกหูลูกตานี้ด้วย

 

" เป็นยังไงบ้างค่ะ  คุณเชอร์วูด  ชอบที่นี่ไหมคะ? "  มารีนที่เดินเข้ามาหาเชอร์วูดอย่างเงียบๆถาม  เพราะเธอนั่งมองเชอร์วูดอยู่นานแล้ว  แล้วมันก็นานพอที่จะทำให้เธอมองเห็นใบหน้าเศร้าๆของเชอร์วูดด้วย

 

" ก็ดี  "

 

เชอร์วูดเลี่ยงที่จะตอบคำถามของมารีนตรงๆ  สายตาเธอยังคงจ้องมองไปที่ทิวทัศน์รอบนอก    บ้านของมารีนเองก็ตั้งอยู่ห่างจากหมุ่บ้านไม่เท่าไหร่  แล้วที่สำคัญมันยังตั้งอยุ่บนที่สูงแม้จะไม่มากแต่ก็พอจะทำให้มองเห็นตัวหมู่บ้านข้างล่างได้ชัดเจนว่าในรอบรัศมีหลายสิบ  หรืออาจจะหลายร้อยกิโลเมตรรอบๆนั้นไม่มีอะไรเลย  นอกจากต้นไม้ที่มีใบสีเหลือง  ทราย  และหิน 

 

 

....

 

หมู่บ้าน  ที่ปล่าวเปลี่ยวสุดลุกหูลูกตา        หมู่บ้าน  ที่แสนจะแห้งแล้งและห่างไกลจากความเจริญต่างๆนาๆ     หมู่บ้าน  ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน

 

" ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ  คุณเชอร์วูด  หลังจากนั้นชั้นจะได้ดูแผลให้ด้วยเลย  "  มารีนเรียกเชอร์วูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวเธอจะเดินเข้าบ้านไป   ซึ่งเชอร์วูดเองก็เหมือนกันเธอค่อยๆลุกขึ้นจากที่ๆเธอนั่งอยู่ในตอนแรกแล้วมองไปที่วิวด้านหน้าอีกครั้ง

 

" ...บางที   ที่นี่อาจจะไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่มั้ง  " เชอร์วูดคิด  แล้วเธอก็ละสายตาไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  แล้วเดินเข้าไปในบ้านของมารีน  ตามคำเรียกของมารีนก่อนหน้านี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา