Rainbow [ The Gravita' ]

9.7

เขียนโดย Rainbow

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.41 น.

  3 chapter
  4 วิจารณ์
  7,077 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) หนึ่งวันที่วุ่นวาย I

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ  บทที่  3  หนึ่งวันที่วุ่นวาย  I

 

 

เสียงที่ดังระงมขึ้นเป็นระยะๆราวกับผึ้งแตกรังช่วยปลุกให้หญิงสาวตื่นจากการหลับใหลยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี     มารีน   ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในบ้านถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที  เธอมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะหันหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงซึ่งชี้บอกเวลา 6 นาฬิกากับอีกนิดๆ  มารีนเกาหัวตัวเองเล็กน้อยแล้วพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วง  ก่อนที่เจ้าตัวจะชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าบ้าน

 

 

...

 

คุณครู !

 

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนเอ่อออกับเพื่อนๆหน้าบ้านของมารีนร้องขึ้นมา   และนั่นมันก็ทำให้เด็กคนอื่นๆหันหน้าขึ้นมามองเธอด้วย

 

" คุณครูมารีนตื่นแล้ว ๆ "  เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชาย-หญิงดังขึ้นอีกครั้ง  มารีนไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรอยยิ้มของเธอที่ส่งให้กับเด็กๆที่อยู่ข้างล่าง  ก่อนที่เจ้าตัวจะมุดหัวเข้ามาในห้องตัวเองอีกครั้ง

 

" ลืมไปเลยนะเนี่ย "

 

กว่าสามสิบนาทีที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ในที่สุด  ประตูหน้าบ้านของมารีนก็ถูกเปิดออก  พร้อมๆกับความโกลาหลเล็กๆที่ตามมาด้วยฝีมือเด็กๆประมาณ7-8คน  ที่วิ่งสวนเข้าไปในตัวบ้าน  ไม้กวาด  ไม้ถูพื้น  ไม้ปัดฝุ่นที่อยู่หลังบ้านถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  ในตอนนี้  มารีนทำได้แต่เพียงส่งยิ้มให้เมื่อเห็นเด็กๆทั้งหลาย  กำลังทำความสะอาดตัวบ้านอยู่เท่านั้น

 

" งั้นก็  เตรียมอาหารไว้สักหน่อยน่าจะดี "  เมื่อคิดได้ดังนั้น   มารีนก็ละสายตาจากพวกเด็กๆเพื่อเข้าครัวที่หลังบ้าน   แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึง  อยู่ๆ  เด็กชายหญิงคู่หนึ่งก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาจนมารีนตกใจ

 

" มีอะไรเหรอจ๊ะ เลนคุง  ริโอะจัง ? "  มารีนถามเด็กทั้งสองคนนั้น

 

" คนไข้!!    คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงหายไปแล้วค่ะครู  "  

 

ริโอะบอกกับมารีนด้วยท่าทางตกใจมาก  แต่มารีนกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเลย เพราะเธอพอจะเดาได้  ว่าคนไข้ที่ริโอะจังบอกกับเธอเมื่อครู่น่าจะเป็นเชอร์วูดไม่ผิดแน่  แสดงว่าพวกเด็กๆยังไม่รู้เรื่องที่เธอพาเชอร์วูดไปเที่ยวชมหมู่บ้านเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้แน่ๆ 

 

" เอ่อ..   คือ..  " 

 

มารีนกำลังจะอธิบายเรื่องราวให้ทั้งคู่ฟัง  แต่เธอก็ต้องหยุดเสียงลงทันใด   เมื่อจู่ๆมีเสียงๆหนึ่งดังไปทั่วทั้งบ้าน  เด็กคนอื่นๆที่กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างขมี้ขมัน  ถึงกับหยุดการกระทำของตัวเองเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงดนตรีที่แว่วมาตามสายลม  เสียงขลุ่ยที่ขับกล่อมยามเช้า

 

" เพราะจัง  ใครเป็นคนเป่านะ "

 

เด็กๆทั้งหลาย  ต่างพากันพูดถึงเสียงขลุ่ยที่เพิ่งจะเงียบไปเมื่อครู่  มารีนได้แต่ยิ้มเพราะเธอพอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนเป่า  มารีนค่อยๆเดินถอยหลังเข้าไปหลังบ้านอย่างช้าๆ  เพื่อเตรียมทำอาหารให้เด็กๆทาน  พลางร้องบอกอะไรบางอย่างให้เด็กๆรู้

 

" งั้น  วันนี้เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันดีกว่านะจ๊ะทุกคน  "

 

" เล่นอะไรเหรอคะ?  คุณครู "  ริโอะถามมารีนด้วยความตื่นเต้น  เด็กๆคนอื่นที่อยู่ไกล้ๆก็มีท่าทางคล้ายๆกัน

 

เมื่อมารีนเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของพวกเด็กๆแล้วก็อดขำไม่ได้  เธอแหงนมองนาฬิกาสีน้ำเงินรูปปลาที่แขวนอยู่ข้างผนังสีฟ้าอ่อนที่ชี้เวลา 7.30 น. สักครู่  ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองพวกเด็กๆอีกครั้ง  เธอชำเลืองสายตาของเธอหาพวกเด็กๆอย่างมีเลศนัย

 

"  เราจะมาตามหาตัวแม่มดกัน  แม่มดใจดีในชุดขาวที่เพิ่งจะเป่าขลุ่ยให้พวกเธอฟังเมื่อครู่  ครูให้เวลาพวกเธอ  20  เอ...  30 นาทีก็แล้วกันจนกว่าครูจะทำอาหารเสร็จ  ตกลงไหมจ้า ?  "

 

" ค่าาาาาา / คร๊าบบบบ "

 

เสียงตอบรับของเด็กๆเป็นไปด้วยดี  มารีนยิ้มนิดหน่อยเมื่อได้เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของพวกเขา  พลางคิดเผื่อไปถึงเชอร์วูดที่ไม่รู่ว่าอยู่ที่ไหน  ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดมันจะถูกรึปล่าว   เธอไม่รู้ว่าเชอร์วูดเคยผ่านอะไรมาบ้าง  แต่ทุกครั้งที่เธอมองเข้าไปในดวงตาของเธอ  มันเหมือนกับว่าเธอยังคงมีความรู้สึกอะไรบางอย่างฝังลึกอยู่ในใจ  และเธอก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นตลอดไป

 

" เอาล่ะ "  มารีนที่อยู่ในชุดกับเปื้อนเดินเข้ามาหาพวกเด็กๆอีกครั้ง  เธอค่อยๆย่อตัวลงแล้วใช้ตะหลิวในมือของตัวเอง ชี้ออกไปนอกบ้าน

 

" กำหนดเวลา 30 นาทีนะจ๊ะเด็กๆ  ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ครูจะให้สัญญาณอีกที  สำหรับคนที่หาตัวแม่มดใจดีคนนั้นเจอ  ครูจะทำพาสต้าสูตรพิเศษของครูให้ทานนะจ๊ะ "

 

เมื่อได้ยินคำว่าพาสต้าสูตรพิเศษ  เด็กๆที่อยู่ตรงนั้นก็หายวับไปกับตาในทันทีจนมารีนใจหาย  เธอลุกขึ้นพลางใช้มือเกาหัวแล้วยิ้มแหยงๆขึ้นมา

 

" คุณเชอร์วูดจะไหวไหมเนี่ย  "  มารีนคิด

 

 

การค้นหาแม่มดยังคงเป็นไปอย่างอึกทึกครึกโครม  ถึงเสียงขลุ่ยจะยังลอยมาตามลมตลอดแต่พวกเด็กๆก็ยังคงหาตัวแม่มดคนนั้นไม่เจอซักที  เพราะเสียงขลุ่ยของเธอนั้นดังสะท้อนไปมากับต้นไม้จึงทำให้เด็กๆไม่สามารถหาต้นตอของเสียงได้จนกระทั่งส่วนใหญ่เริ่มท้อในการค้นหา  ยกเว้นเลนกับริโอะที่กำลังจดๆจ้องๆต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่หลังบ้าน

 

" จะขึ้นไปจริงๆเหรอ?  เนลคุง  "  ริโอะถามเนลอย่างกลัวๆกล้าๆ

 

" อื้อ  เชื่อชั้นสิ ริโอะ  แม่มดต้องอยู่บนหลังคาแน่ๆเลย  "  เนลบอก

 

เป็นที่รู้กัน  ว่าบ้านของมารีนนั้น  เป็นบ้านทรงยุโรปที่มีสองชั้น และมีทางขึ้นไปนั่งเล่นบนหลังคาบ้านได้โดยปีนต้นไม้ต้นนี้ขึ้นไป  โดยปกติแล้วมารีนจะไม่อนุญาตให้พวกเด็กๆปีนขึ้นไปเล่นบนนั้นเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้  และพวกเด็กๆก็เชื่อฟังแล้วทำตามมาตลอด

 

" ตะ  ...แต่   อ๊ะ  เนลคุง "

 

ริโอะร้องเรียกเนลที่กำลังปีนขึ้นไปบนต้นไม้  เสียงของริโอะนั้นช่วยเรียกเพื่อนๆคนอื่นๆที่นั่งพักหรือหาอยู่ที่อื่นๆให้มารวมตัวกันใต้ต้นไม้ได้เป็นอย่างดี   เด็กๆบางคนก็ช่วยเชียร์เนลให้ขึ้น  บางคนก็ห้ามปราม  แต่ตัวเนลที่อยู่ข้างบนไม่ได้สนใจจะฟังเสียงของคนที่อยู่ข้างล่างแล้วในตอนนี้

 

" อึ๊บ  ดีล่ะ  ในที่สุดก็ถึงแล้ว  ถ้าแม่มดอยู่บนนี้เราจะได้กินพาสต้าของครูมารีนแล้วก็...  "  เนลมองลงไปหาริโอะที่อยู่ข้างล่าง  เจ้าตัวยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์  แล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปอีกครั้ง

 

" ถึงแล้ว  " เนลร้องอย่างดีใจที่ตัวเองขึ้นมายืนอยู่ที่ส่วนยอดของต้นไม้ได้  เจ้าตัวค่อยๆใช้ขาข้างหนึ่งยื่นไปบนหลังคาเพื่อดีดตัวขึ้นไป   สายตาของเนลชำเลืองมองไปทั่วบนนั้นแล้วเขาก็นิ่งไป

 

สายลมอันแผ่วเบาช่วยให้ชุดสีขาวฟูฟ่องพลิ้วไสวตามสายลม  เส้นผมสีเงินที่ส่องประกายกระทบแสงอาทิตย์ยามเช้าสะกดเนลที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบนนั้นให้หยุดนิ่งราวกับต้องมนต์  แม้เขาจะเคยเห็นคนๆนี้บ่อยแล้วในตอนที่เธอสลบอยู่บนเตียงคนไข้แต่มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับภาพในตอนนี้ 

 

" แม่มด!? "

 

 

 

เปร๊ยะ !?    โครมมม!?

 

 

" เนลคุงงง "

อยู่ๆ   ไม้ที่รับน้ำหนักของเนลอยู่ก็ปริแตกและหักลงมาดื้อๆ    ทำให้ร่างของเนลร่วงลงมาจากส่วนยอดของต้นไม้ทันที   เสียงกรีดร้องของเด็กๆที่อยู่ข้างล่างดังระงมขึ้นเมื่อเห็นร่างของเนลค่อยๆหล่นลงมาจากยอดไม้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ  ในตอนนั้นไม่มีใครทำอะไรถูก  เด็กแต่ละคนต่างตกใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่ตัวเนลเอง

 

" ว๊ากกกก  "  เนลร้องสียงดังเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหล่นจากต้นไม้   เขาพยายามใช้มือเอื้อมคว้าอะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้เขาร่วงลงไป  แต่มันก็เหมือนจะสูญเปล่า  เพราะจุดที่เขาตกลงมานั้นไม่มีอะไรที่พอจะเกาะได้เลยนอกจากอากาศ

 

เนลหลับตาปี๋เมื่อรู้ว่าตัวเองหมดหวังจะคว้าจับอะไรได้แล้ว  เขารู้สึกกลัวมากถ้าต้องกระทบพื้นเดินแข็งๆที่อยู่ข้างล่าง  แต่อยู่ๆเนลก็รู้สึกประหลาดราวกับมีอะไรบางอย่างมาอุ้มเขาเอาไว้  และเขาก็รู้สึกว่าการร่วงหล่นของเขาช้าลงจนผ่านไปสักพัก  เขาก็ไม่รู้สึกถึงลมที่พัดใส่เขาตอนร่วงลงมาอีก  จะมีก็แค่เสียงร้องเอะอะโวยวายรอบๆตัวเท่านั้น

 

" เนลคุง  เนลคุง  เป็นอะไรรึปล่าว ? " 

 

เนลค่อยๆหรี่ตาของตัวเองขึ้นทีละน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกของริโอะ  เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของแม่มดที่นั่งอยู่บนหลังคาเรียบร้อยแล้ว   ดวงตาสีครามของเธอจับจ้องมองดวงตาของเนลก่อนที่เธอจะปล่อยตัวเนลให้ลงไปยืนบนพื้นดิน

 

" แง  เนลคุง  "  ริโอะกอดคอของเนลไว้แน่นจนเจ้าตัวตกใจ  แต่เนลก็แอบดีใจอยู่ที่ริโอะเป็นห่วงเขา  เมื่อสังเกตจากใบหน้าของเนลแดงเรืองๆขึ้นมา 

 

" ปะ ..  ปล่อยน่า  ริโอะ  "  เนลพยายามสลัดอ้อมแขนของริโอะที่กอดตนเองเอาไว้   แต่ริโอะกลับกอดเขาแน่นจนเขาสลัดไม่หลุด 

 

เชอร์วูดมองเด็กทั้งสองด้วยสายตาที่เฉยชา   เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมามากนัก  เธอเพียงแต่ไม่เข้าใจนิดหน่อย  ว่าทำไมถึงมีเด็กอยู่ที่บ้านของเชอร์วูด   ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันนั้นวันที่เธอกับเชอร์วูดเข้าไปในหมู่บ้าน   แต่เธอก็ต้องหยุดความคิดต่างๆของเธอลง  เมือเธอละสายตาจากเด็กทั้งสองที่กอดกันกลมดิ๊ก   มาเจอกับสายตาของเด็กคนอื่นๆที่รุมล้อมตัวเธอ

 

" ยอดไปเลย!   เมื่อกี้นี้พี่สาวทำได้ยังไง  เหมือนกับแม่มดเลย  "

 

" ใช่ๆ   เหมือนกับมีเวทย์มนต์เลยค่ะ  อยู่ๆก็บินฉิวลงมา  "

 

คำถามของเด็กๆที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ประดังเข้าหาเชอร์วูด  เธอไม่รุ้ว่าจะตอบคำถามของเด็กคนไหนก่อนดี  แล้วตอนนี้เอก้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะตอบคำถามได้ทุกคนด้วย  เชอร์วูดยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นมาปิดปากเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะถามคำถามเธอ  เมื่อเด็กคนอื่นๆเห็นแบบนั้นก็เงียบแล้วถอยหลังออกห่างเชอร์วูดเพราะคิดว่าพวกเขารบกวนเธอ  แต่หลังจากที่เอทำแบบนั้นไปแล้ว  เธอกลับชักมือกลับแล้วใช้มือข้างนั้นลูบหัวของเด็กคนดังกล่าวเบาๆ

 

" ก็ชั้นเป็นแม่มดนี่นะ  เพราะฉะนั้น  เวทย์มนต์แค่นี้ไม่แปลกหรอก "  เชอร์วูดบอกกับเด็กๆซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กๆที่อยู่รอบๆตาเป็นประกายขึ้นมา  แต่ก่อนที่พายุคำถามจะวนกลับมาอีกเชอร์วูดก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

 

" แต่ว่า!  เวทย์มนต์น่ะเป็นสิ่งต้องห้าม  ชั้นอาจจะสอนให้พวกเธอไม่ได้  แต่ไม่แน่ว่าสักวัน  พวกเธออาจจะใช้มันได้ก็ได้  "

 

เชอร์วูดบอกกับพวกเด้กๆ  และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่  มารีน  ร้องเรียกพวกเขาให้กลับมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน   เมื่อเด็กๆได้ยินเสียงของมารีนก็พากันวิ่งเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะลากแขนเชอร์วูดเข้าไปในบ้านด้วย

 

" ยินดีต้อนรับกลับค่ะ  คุณเชอร์วูด " 

 

" นี่เธอไม่คิดจะบอกชั้นเลยใช่ไหม ? "  เชอร์วูดค้อนมารีนนิดหน่อย  แต่เธอก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย

 

" ก็...   ที่นี่ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้นะคะ   แต่ตอนนี้ไปทานข้าวได้แล้วนะคะ  พวกเด็กๆรอแล้ว  "

 

เชอร์วุดชะโงกหน้าเข้าไปในตัวบ้านตรงโต๊ะอาหาร  เธอมองเห้นพวกเด็กๆนั่งรอพวกเธอทั้งคู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว   เชอร์วูดหลับตาลงแล้วยิ้มที่มุมปาก  ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะหายไปในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีใครมองเห็น

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา