You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  25.04K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) บทที่13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางตำหนักใหญ่คาจิทำให้ทั้งสองคนรีบวิ่งกลับไปทันที  มาซารุร่ำร้องในใจ  ไม่ใช่ว่าเพราะจุนไม่สามารถทำตามโจทย์ได้  ท่านพ่อของเขาจึงได้คิดจะสังหารเพื่อตัดปัญหาไม่ให้เขาโวยวายทีหลังหรอกนะ!
        ภาพที่ปรากฏคือจุนซึ่งโดนคนรับใช้ชายสองคนจับแขนไว้คนละข้างและท่านมารุสึเกะเงื้อดาบขึ้นเตรียมจะฟันลงไป
        "หยุดก่อน!"
        มาซารุผลักคนรับใช้ชายสองคนนั้นออกและเข้าประคองจุนซึ่งมีร่องรอยการถูกทำร้ายจนสลบไป  "นี่มันอะไรกัน ท่านพ่อ  ถึงเขาจะไม่สามารถทำตามข้อแม้ของท่านได้  แต่ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเลยนี่"
        "ใครว่าล่ะ"  ท่านมารุสึเกะดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว  "เพราะมันทำได้ต่างหากล่ะ  ข้าถึงต้องสังหาร!"
        แม้จะอยู่ฝ่ายจุน  แต่พอได้ยินมาแบบนั้นก็อดตกใจไปไม่ได้  ข้อแม้ของท่านมารุสึเกะคือการเขียนวิชาดาบลับที่สืบทอดกับมาในตระกูลของมาซารุ  นอกจากคนในแล้ว  ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้หรอก
        ตอนนั้นเอง ใครผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นมา  "แทนที่จะสังหาร  ลองเปลี่ยนเป็นการคุมไว้ใช้งานไม่ดีกว่าหรือ?"
        ท่านหญิงอุทานพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย  "ท่านองเมียวจิมิสึกาวะ"
        เขาเป็นผู้นี้นางหลงรักมาโดยตลอดและเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่านหญิงไม่อยากจะเข้าพิธีวิวาห์กับมาซารุ
        "ข้าฟังเรื่องราวมาจากคนรับใช้ของท่านหมดแล้ว  ช่างน่าแปลกใจที่เด็กหนุ่มหนุ่มที่ท่านมาซารุอยากให้มาเป็นโคชูกลายเป็นผู้ที่สามารถเขียนเพลงดาบเหล่านั้นออกมาได้  แต่ก็มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่ทำให้เขาล่วงรู้"  มิสึกาวะเหลือบมองมาซารุเป็นนัยแทนคำพูด  "และในเมื่อท่านมาซารุอยากจะมีเขาเป็นโคชูอยู่ข้างกายถึงเพียงนั้น  ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขัดขวางกันอีกต่อไป...ไม่ใช่หรือ?"
        ทุกคนเงียบรวมทั้งมารุสึเกะต่างพากันเงียบไปเมื่อได้ฟังคำกล่าวของผู้มาใหม่
        ถึงในใจของมาซารุนึกโมโหขึ้นมาที่มิสึกาวะคล้ายจะพูดกล่าวหาว่าเขาตั้งใจนำจุนมาเป็นโคชูถึงขั้นแอบสอนวิชาดาบลับให้ก็ตาม  แต่ทว่า...นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตเด็กหนุ่มผู้นี้ได้  หรือไม่อย่างนั้น ท่านพ่อของมาซารุจะสังหารจุนในฐานะคนนอกที่รู้เรื่องวิชานี้
        ด้านมารุสึเกะเอง  ตอนที่สั่งทำร้ายเพื่อเค้นให้จุนปริปากว่าใครเป็นคนบอกความลับ  เด็กหนุ่มก็เอาแต่พูดว่ามาซารุในอีกหลายร้อยปีเป็นคนสอนให้  สำหรับมารุสึเกะแล้วเหลวไหลสิ้นดี!
        ยามที่ได้ฟังด้านองเมียวจิ  มารุสึเกะเองก็คิดเห็นด้วย  ในเมื่อรู้กันแล้ว  หากฆ่าไปก็เป็นการทำลายชีวิตเด็กหนุ่มไปอย่างไร้ค่า  สู้จับมาทำงานยังดีกว่า  แต่ที่เขายังเงียบก็เพราะอยากรู้ปฏิกริยาของบุตรชายตนเอง  ถูกกล่าวหาแบบนั้น จะโต้ตอบบ้างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีหรือเปล่า
        คำตอบนั้นก็คือ...ไม่เลยสักนิด
        สุดท้าย มารุสึเกะได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่นพลางบอกให้มาซารุนำโคชูคนใหม่ของตนเองไปรักษาอาการบาดเจ็บแทนคำตอบตกลง
 
        จุนลืมตาขึ้นมาอย่างรู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง  ตั้งแต่เขาย้อนอดีตมาก็สลบไปกี่รอบแล้วนะ
        "เจ้าเป็นโคชูคนแรกในประวัติศาสตร์เลยล่ะมั้ง  ที่ต้องให้เจ้านายตัวเองมาคอยประคบยาให้แบบนี้นะ"
        มาซารุบ่นอุบแล้วประคองเด็กหนุ่มขึ้นมาทานยารสชาติขม  ถึงจุนอยากจะเบือนหน้าหนีก็ตามที  แต่ความเจ็บซึ่งมีอยู่ทั่วกายมันมีแรงมากกว่า  สุดท้าย ยาสมุนไพรรสชาติลืมไม่ลงนั่นก็หมดถ้วยจนได้
        หลังดื่มน้ำไปสามแก้วใหญ่ๆ  จุนยิ้มออกมานิดๆ  "มาซารุซังจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย  ทั้งใจดีทั้งอ่อนโยน"
        ร่างในชุดกิโมโนยิ้มออกมานิดๆ  "ข้าที่เจ้าเคยพบใจดีมากเหรอ  แล้วเจ้าชอบข้าที่เป็นแบบนั้นหรือเปล่า"
        เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยเพราะยังมีอาการเจ็บอยู่  แต่ก็ยังพอยิ้มได้แล้วเล่าว่ามาซารุที่เขาเคยพบนั้นใจดีเพียงไร  ใบหน้านั้นถึงแม้จะยิ้มออกมาน้อยนิดเพราะความเจ็บก็ตาม  แต่แววตาช่างแสดงความรู้สึกออกได้ดีเหลือเกิน  เป็นแววตาแบบที่ทำให้มาซารุรู้สึกประืัทับใจ  มันสื่อถึงความรัก ความอบอุ่น ความปีติยินดี ทุกสิ่งที่เป็นความสุข
        "...ผมชอบเธอที่เป็นแบบนั้นมากๆเลยนะ  เพราะมาซารุซังที่เป็นแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกลืมเรื่องราวภายนอกภูเขาฟุมิเนเนะได้นะ"  
        ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองเหมือนทำให้ร่างในชุดกิโมโนรู้สึกบางอย่าง  วินาทีนั้น มาซารุสัมผัสได้ถึงจิตใจของตนเองในอีกหลายร้อยปีข้างหน้าที่มีต่อจุน
        งั้น...ข้าจะไม่ทำให้เจ้าโกรธ  เจ้าจะได้ชอบข้า  อยู่กับข้าให้นานที่สุด...
 
        "ท่านช่างใจร้ายที่พูดแบบนั้น"  ท่านหญิงอาสึสะแอบตัดพ้อ  แม้จะรักแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่กล้าติติงเขา  "มาซารุรู้กาลเทศะดีกว่าสิ่งใดควรไม่ควร  อีกอย่าง เขาเจอกันไม่ถึงวันจะสอนวิชาดาบกันได้แล้วหรือไร"
        ท่านมิสึกาวะรู้ดีว่าท่านหญิงคงจะโมโหที่เขาพูดไปแบบนั้น  แต่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงเรื่องราวเป็นไงมาไง  อีกอย่าง เขาก็ช่วยไปเต็มความสามารถแล้ว  เด็กหนุ่มผู้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ก็เพียงเจ็บตัวไปบ้างเท่านั้นเอง
        อย่างไรก็ดี เขาไม่นึกว่ามาซารุจะถึงขั้นไม่ปริปากโต้ตอบเขามาสักคำ  เห็นทีเขาคงจะต้องระวังมากๆ  อย่าไปทำอะไรอันตรายกับจุนจะดีกว่า  ความสัมพันธ์ของตระกูลเขาและตระกูลของมาซารุมีความสัมพันธ์อันดีมาตลอด  อย่าให้มันต้องมัวหมองเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย
        ท่านองเมียวจิหันไปหาท่านหญิงด้วยแววตาแบบที่นางจ้องมองเขามา  ไม่ใช่ความโกรธที่ฉาบเพียงเปลือกนอก  แต่เป็นความรู้สึกในจิตใจที่รู้สึกกับเขามาตลอดนั่นต่างหาก
        เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนและเจือความเศร้า  "ข้ามาที่เอโดะครั้งนี้ก็เพื่อทำธุระเพียงเล็กน้อย  อีกไม่นานคงต้องกลับ  แม้ว่าจะไม่อยากเลยก็ตามที"
        "งั้นท่านมา...ค้างที่นี่  น่าจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า"  
        ท่านหญิงกล่าวอย่างประหม่า  สำหรับนางที่ถูกอบรมเลี้ยงมารยาทและกาลเทศะของสตรีมา  มันเป็นสิ่งน่าอายที่เป็นหญิงแต่กลับเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มให้มาพักอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน  
        แต่ช่วยไม่ได้จริงๆที่เขาและนางนานๆทีจะได้พบกัน  หากได้มาเจอกันก็ย่อมอยากอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด  เก็บความทรงจำร่วมกันให้ถึงการพบกันครั้งต่อไป...
        ทว่า...ดูเหมือนจะไม่ดั่งใจท่านหญิงเท่าไหร่  เพราะธุระของท่านมิสึกาวะอยู่ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะและที่นั่นก็เป็นศาลเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมา  จะไม่ไปพักที่นั่นก็ยังไงอยู่  ส่วนศาลเจ้าที่เขาอาศัยเป็นหลักนั้นอยู่นอกเมืองเอโดะ
        "อีกสองสามวันจะมีพิธีกรรมปัดรังควานประจำปีที่นั่น"  เขากล่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของนางผู้เป็นที่รัก  "ถึงตอนนั้นข้าขอเชิญเจ้าไปร่วมชมด้วยแล้วกัน"
        คำตอบนั้นคือรอยยิ้มที่เผยออกมาแทนการตอบรับด้วยความยินดี
 
        แม้ว่าสองสามวันนั้นสำหรับท่านหญิงจะช้าเพียงไร  สองสามวันสำหรับจุนช่างเป็นอะไรที่เชื่องช้า  กว่าแผลเขาจะหายระบมอย่างตอนนี้ก็กินเวลามากเอาโข  พวกคุณลุงคนรับใช้ก็ตั้งใจรุมทำร้ายเขาเหลือเกิน
        ท่านมารุสึเกะจำใจเอาหูไปไหนเอาตาไปไร่สักพักเมื่อเห็นบุตรชายเอาแต่คอยประคบยาคอยรักษาเสียจนไม่แน่ใจว่าตกลงมาซารุได้โคชูคนใหม่  หรือกลายเป็นโคชูไปแล้วกันแน่
        แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้ง่ายๆคือเรื่องสำคัญอย่าง...
        เสียงทุบโต๊ะไม้ที่น่าสงสารตัวเดิมจนน้ำจากถ้วยชาใบเดิมแทบจะหก  มันประกอบพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่น  
        "อะไรนะ!  เจ้าบอกว่าตัวเองใช้ดาบไม่เป็นงั้นเหรอ!"
        ท่านมารุสึเกะโกรธจนตัวสั่น  กำมือแน่นเสียจนหลายคนเห็นแล้วยังพานจะรู้สึกเจ็บเอาง่ายๆ  แต่สำหรับคนที่โกรธจนลมออกหูแล้ว  ความเจ็บแค่นี้มันเล็กน้อยกว่ามดกัดเสียอีก!
        เจ้าเด็กบ้า!  มาเป็นโคชูไม่เอาไหนของบุตรชายข้าไม่พอ  ยังมาบอกว่าใช้ดาบไม่เป็นอีกงั้นเรอะ!
        "ผม...ผมไม่ถนัดอาวุธประชิดตัวนี่ครับ"  จุนพูดเสียงอ่อย  จนปัญญาจะแก้ตัวนอกจากบอกไปตามตรง  "แต่ให้ยิงปืนหรือธนูล่ะก็  ผมทำได้แน่นอนครับ!"
        ท่านมารุสึเกะทุบโต๊ะสามครั้งติดๆแทนการระบายอารมณ์อยากจะชกเจ้าโคชูบ้าของบุตรชายตนเองแ้ล้วสั่งให้จัดธนูมาเดี๋ยวนี้
        "ยิงไป!"
        คันธนูถูกง้างด้วยความมั่นใจของจุน  ถึงเ้ป้าจะเล็กและห่างออกไปแค่ไหน  แต่เขาก็เคยยิงที่ยากกว่านี้มาแล้วตอนที่ดวลกับชมรมธนู
        ท่านมารุสึเกะมองภาพความมั่นใจของจุนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ  โดยมีมาซารุที่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าประกอบฉากอยู่ด้านหลัง
        ท่านหญิงหันรีหันขวาง  เมื่อไม่มีใครสนใจและอยู่บริเวณใกล้ๆ  นางคลี่พัดกระซิบ
        "ท่านมาซารุอย่าเพิ่งกังวลไป  คิดเสียว่าท่านมารุสึเกะทดสอบว่าที่เขยสิเจ้าคะ  ผู้ที่จะมาเป็นสามีของข้า  ถ้าหากไม่ได้มาจากตระกูลสูงแล้ว  ก็จะได้รับการทดสอบเช่นกันนะ"
        ในใจท่านหญิงพูดให้กำลังใจไปก็นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของท่านมารุึสึเกะไป  ยิ่งคิดใบหน้าก็ยิ่งแดงระเรื่อ  แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมาซารุที่กำลังตกประหม่านักหรอก
        "ลูกธนูสามดอก?  แต่ผมไม่เคยใช้มากกว่าหนึ่ง..."
        ท่านมารุสึเกะที่เพิ่งเพิ่มกติกาได้พูดเสียงดัง  ใบหน้าถมึงทึงแฝงแววสะใจ  "สามดอก!"
        จุนจำใจหยิบลูกธนูสามดอกจากแล่งเพื่อยิงในคราวเดียวกัน  คราวนี้แม้แต่ท่านหญิงก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาปลอบ  ความจริงนางก็ลุ้นระทึกไปด้วยแล้ว  มาซารุลังเลบางอย่าง  จนกระทั่งได้รับการพยักหน้าให้ของท่านหญิงอาสึสะ
        มือเรียวขาวนวลค่อยๆยกขึ้นมาระดับปากแล้วตะโกนออกไปสุดเสียง  "สู้ๆนะ  จุน!"
        ท่านมารุสึเกะกำพัดแน่นจนแทบหักครึ่งโดยมีสีหน้ากลั้นความขบขันของท่านมิสึกาวะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆประกอบเป็นฉาก
        เด็กหนุ่มหันไปหามาซารุแล้วยิ้มให้เขา  ก่อนจะหันกลับมาหรี่ตาลงเพื่อเล็งเป้า  ถึงมันจะอยู่ไกลเท่าเดิมแต่การยิงที่ยากขึ้นสร้างความกดดันให้จุนได้เช่นเดียวกัน
        ยามที่เขาปล่อยให้ลูกธนูวิ่งผ่านสายลม  มันกินเวลาไม่กี่วินาทีแต่กลับนานเป็นนาทีสำหรับมาซารุและจุน  ท่านมารุสึเกะทำหน้าอำมหิตด้วยความลุ้นเช่นกัน  แต่เป็นลุ้นให้ลูกธนูมันพลาดไปซะ
        เสียงปลายธนูปักกับเป้าหมายทำให้ผลการตัดสินปรากฏ
        "ปักกลางสอง เฉียงไปอีกหนึ่ง  ท่านมารุสึเกะ  นับว่าไม่เลวสำหรับคนที่เพิ่งยิงธนูสามดอกครั้งแรกนะขอรับ"
        ท่านมิสึกาวะพูดอย่างชื่นชมและปรบมือผสานไปกับผู้คนทั้งหลายที่เข้าชมการแข่งขัน
        "มาซารุซัง  ผมได้แล้ว!"
        ภาพที่ทั้งสองคนจับมือกันกระโดดด้วยความดีใจเป็นภาพที่ชวนรื่นรมสำหรับทุกคน  แม้แต่กับท่านมารุสึเกะที่คลายใบหน้าที่ดุดันแล้วถอนหายใจเองก็ตาม  พัดที่เกือบหักเป็นสองท่อนถูกนำมาพัดโบกตามการใช้งานที่แท้จริง
        แต่อย่างไรก็ดี  เขาหันไปองเมียวจิที่นั่งอยู่ข้างกาย  "ฝากดูแลมาซารุด้วยนะ ท่านมิสึกาวะ  ข้าเชื่อมั่นในฝีมือของท่านมากกว่าโคชูอย่างเจ้าเด็กหนุ่มนั่น!"
 
        "...ท่านพ่อพูดมาแบบนี้หรือขอรับ  เอ่อ..."  
        มาซารุเหลือบมองคนที่นั่งม้าตัวดีกับเขาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง  แน่นอน จุนอยากสลบไปเลยตรงนั้น  ไหนๆตั้งแต่มาที่นี่เขาก็สลบไปบ่อยครั้งอยู่แล้วนี่นะ!  แต่อย่างไร ก็ย่อมหนีความจริงไม่พ้นว่าเขาเป็นโคชูที่แย่จริงๆนั่นแหละ  ขนาดม้ายังขี่ไม่เป็นเลย!
        ท่านหญิงมองภาพเหล่านั้นจากภายในเกี้ยวแล้วอดสงสารเด็กหนุ่มทั้งสองไม่ได้  แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อนึกจากด้านผู้ที่หวังดีกับมาซารุแล้ว  บางทีนางก็หวังว่าเขาจะแลหญิงนางอื่นได้บ้างก็ได้  เพราะอย่างน้อยหญิงงามนางอื่นยังปรนนิบัติเขาให้มีความสุขโดนที่ยังนั่งอยู่เฉยๆได้เลยนี่นา
        แต่ถ้ามองในด้านคนที่เข้าใจมาซารุแล้ว  นางรู้ดีว่าเขามีความสุึขกับการที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นมีความสุข  ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาอบอุ่นสื่อความสุขที่ส่งมายามที่สบตากัน...
        เหมือนแววตาท่านมิสึกาวะ
        ท่านหญิงได้แต่อมยิ้มอยู่เพียงลำพังเมื่อนึกถึงชายผู้กำลังขี่ม้าอย่างสง่างามอยู่เบื้องหน้า
 
        ศาลเจ้าฟุมิเนเนะถูกประดับประดาในฐานะที่จัดงานประจำปี  ผู้คนที่มาร่วมชมต่างยืนกันอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอเวลา
        เพราะเรื่องยิงธนูทำให้กำหนดการล่าช้าออกไปบ้าง  แต่ก็ไม่กี่นาที ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนอยู่แล้ว
        พิธีปัดรังควานประจำปีมีไว้สำหรับรักษาเขตแดนศักดิ์สิทธิ์และตรวจดูว่ามีปีศาจหรือวิญญาณตนไหนมามุ่งร้ายหรือเปล่า  ผู้ชมทั้งหลายที่มาต่างก็พากันแอบหวังในใจว่าจะได้ดูพิธีปราบปีศาจร่วมด้วย
        แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น  แน่ล่ะ ถึงจะไม่ได้รับสมญายื่งใหญ่ถึงขั้น 'เป็นหนึ่งในแผ่นดิน' แต่ชื่อมิสึกาวะที่สืบทอดฐานะองเมียวจิต่อมาหลายรุ่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าล่วงเกินนักหรอก
        อย่างไรก็ดี รางวัลปลอบใจผู้ที่มาร่วมงานที่อยากชมเหตุการณ์พิเศษแต่ต้องผิดหวังก็มีอยู่แล้ว  ขนมหวานอร่อยที่ส่วนหนึ่งได้จากฝีมือท่านหญิงอาสึสะไม่ใช่ของที่หากินได้ง่ายนัก  ในหมู่ชนชั้นชาวบ้านแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
        "อร่อยมากเลย"
        จุนนั่งอยู่กับพวกมาซารุเอ่ยชม  "ขนมญี่ปุ่นนี่แหละอร่อยที่สุด!"
        มาซารุหันไปถามอย่างกระตือรือร้น  "จุนชอบกินโกโบโมจิเหรอ"
        "อื้ม!"  น่าเสียดายที่จุนไม่ได้สังเกตถึงความกระตือรือร้นนั่นเลย  "จะว่าไป มาซารุซังเองก็เคยทำโกโบโมจิอร่อยสุดยอดให้กินนะ  ต้มเผือกกับโกโบเองก็เยี่ยมไม่หยอกเลยล่ะ"
        มาซารุอึ้งไปพักใหญ่  ก้มหน้าก้มตาทานขนมในมืออย่างเงียบๆ
        แต่ข้าทำโกโบโมจิไม่เป็นนี่นา...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา