You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  25.00K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) บทที่20

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        10 ปี ต่อมา วันทานาบาตะ

        "มิสึกาว่า จิเสะ ค่ะ  ช่วยเชียร์กันด้วยนะคะ!"  

        การชิงตำแหน่งปีที่สิบของเด็กสาวที่กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักไม่ต่างจากตอนเด็กได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีเสียงเชียร์จากแฟนพันธุ์แท้การประกวดกิโมโนในงานทานาบาตะนี้  หนึ่งในคนที่ส่งเสียงเชียร์อยู่นั้นได้มีชายหนุ่มท่าทางเข้มแข็งเป็นผู้นำปนอบอุ่นตะโกนอยู่ด้วย  คนรักของจิเสะนั้นเอง  ตั้งแต่วันนั้นเธอได้ตัดใจจากจุนได้ในที่สุด

        ทั้งนี้ หญิงสาวยอมรับโดยสดุดีว่าเธอคงไม่อาจทำร้ายความรักของทั้งคู่ได้อีกต่อไป  เมื่ออ่านจดหมายซึ่งตกทอดมาในตระกูลเพื่อส่งถึงจิเสะโดยเฉพาะ  ในนั้นเล่าถึงเรื่องราวในหลายร้อยปีก่อน  เมื่อครั้งที่จุนอยู่กับมาซารุ

        "คิดๆดูแล้ว  รอบตัวผมมีแต่พวกผู้หญิงที่เป็นไอดอลไม่ก็แชมป์การประกวดกิโมโนเนอะ"

        จุนกล่าวออกมาอย่างนึกขำ  เขาเองก็เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มในคราบชุดนักเรียนซึ่งวิ่งไปมาที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะมาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว  ที่สำคัญ เขาได้ฟื้นฟูศาลเจ้าฟุมิเนเนะขึ้นมาในฐานะผู้ดูแล  แต่ถึงอย่างนั้น ตำนานร่ำลือเรื่องมาซารุยังคงไม่จางไป  ยิ่งเขาฟื้นฟูก็ยิ่งทำให้เรื่องโด่งดัง  กรณีที่วุ่นวายมากๆจึงต้องใช้หมอกเป็นตัวช่วยเพื่อกันคนภายนอก  อย่างไรก็ตาม มันทำให้ที่นั่นคึกคักขึ้นมาอีกนิด

        ข้างกายเขามีมาซารุยืนดูการประกวดอยู่ด้วย  ใบหน้างามนั้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเพราะคำขอร้องของชายหนุ่มที่อยากจะมีคนรักที่เติบโตไปพร้อมกันและแก่เฒ่าไปด้วยกัน  มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมาซารุอยู่แล้ว

        "รุ่นพี่คะ"  

        ซายากะวิ่งมาแต่ไกล  แล้วลากคนทั้งสองไปอย่างซุ้มหนึ่งซึ่งหาเงินบริจาคอยู่  แม้ว่าจะถูกรุมล้อมไปด้วยแฟนคลับ  แต่จินเนะยังมีเวลาโบกไม้โบกมือให้พี่ชายได้  จากตอนนั้นชายหนุ่มก็สามารถเล่า 'ความจริง' เรื่องนั้นให้กับน้องสาวฟังได้  

        เรื่องในตอนนั้นคือจินเนะมาเห็นเขายืนฟังคำว่าร้ายของดาราอันดับหนึ่งของช่วงนั้นโดยไม่โต้เถียง  ทั้งที่ข้อความนั้นได้กล่าวถึงเธอว่าจะไม่มีเป็นไอดอลที่โด่งดังได้อย่างแน่นอน  เด็กสาวฟังอยู่ที่หลังประตูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่ชายจะโต้เถียงกลับไป  จะเถียงไม่ชนะก็ได้!

        แต่ว่าจุนกลับยืนนิ่ง  ไม่หือไม่อือกับคำพูดเหล่านั้นเลย  จินเนะที่คาดหวังกับพี่ชายตัวเองซึ่งรู้ดีว่าเธอรักในอาชีพนี้และพยามทำเพื่อมันแค่้ไหนเหมือนรู้สึกถูกหักหลัง  ตั้งแต่นั้นเธอก็พยามเอาชนะดาราหญิงคนนั้นจะสามารถก้าวไปขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแทนได้  พร้อมกับไม่เชื่อว่าพี่ชายปราถนาดีต่อตนเองและไม่ยอมฟังอะไรจากเขาทั้งนั้น

        แต่เหตุผลขอจุนในตอนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี  จินเนะที่ยังเป็นเพียงไอดอลหน้าใหม่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก  รวมทั้งไม่มีอำนาจอะไรมากในสังกัด  หากว่าเขาโต้เถียงออกไปล่ะก็  ดาราหญิงคนนั้นคงไม่ปล่อยไว้เฉยๆแน่  เขาไม่ยอมให้ความโกรธมาทำลายเส้นทางสู้การเป็นไอดอลของน้องสาวเพียงคนเดียวได้หรอกนะ

        แต่ไซโตะที่ยืนอยู่ข้างหลังจินเนะกลับเป็นคนที่รู้และเข้าใจเหตุผลนั้นดีที่สุด  ทว่า...เขาไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพี่น้อง  และถ้าเหตุนั้นทำให้เด็กสาวได้มีความพยามจะมีชื่อเสียง  ก้าวไปเป็นสุดยอดไอดอล  เขาก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดอะไรยิ่งขึ้นไปอีก

        ดังนั้น ไซโตะที่รู้เรื่องมาตลอดแต่เก็บเงียบไว้กลายเป็นเป้าเล่นงานของหญิงสาวแทน  แต่ก็เป็นอยู่ได้พักเดียว  สถานะจากแค่ผู้จัดการกับไอดอล  ก็เปลี่ยนเป็นคู่รักกันซะแล้ว  แต่อย่างจินเนะมีคนรักแบบไซโตะคนนี้ก็เหมาะแล้วในความคิดของจุน  จะมีใครที่ทั้งดูแลและรู้ใจหญิงสาวได้มากกว่านี้อีกเล่า

        ซายากะทั้งลากทั้งจูงชายหนุ่มมาที่โต๊ะซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษ  แถวนั้นยังมีไอคาว่าจากร้านไอติมไอเสะกับพนักงานรับสมัครคนประกวดกิโมโนนามเคซากิซึ่งโดดงานมาด้วย  รวมเป็นสามสุดยอดแฟนคลับแห่งปีที่เหนียวแน่นกับจินเนะไม่เปลี่ยน

        เมื่อเสียงเพลงที่แสนไพเราะจบลงและการบริจาคครั้งแล้วครั้งเล่าของผู้ชมได้ปรากฏขึ้น  กล่องที่ถูกประดับสวยๆเขียนว่า 'รับบริจาค' ก็ถูกนำมาวางหน้าจุน

        จินเนะลงจากเวที  พูดเสียงดังราวกับจะให้ทุกคนในงานเทศกาลได้ยินทั่วกัน

        "พี่เป็นพี่ชายของฉัน  คงจะยอมบริจาคสินะคะ!"

        บรรดาแฟนคลับหรือคนทั่วไปต่างพุ่งเป้ามาที่จุน  จากแรงกดดันระดับมหาศาลนี้  หากเขาเกิดบิดพลิ้วขึ้นมาสักนิดคงได้เป็นที่ซุบซิบไปอีกนานแน่  แล้วจินเนะที่อาจเสียชื่อเสียงจากการที่มีพี่ชายงกก็อาจมาไล่บี้เขาทีหลัง

        เมื่อจุนใส่เงินบริจาค  มาซารุเองก็ทำบ้าง  เหรียญแบบยุคเอโดะถูกหยิบออกมาจากแขนเสื้อกิโมโนแล้วหย่อนลงที่กล่อง

        "เดี๋ยวสิ"  ซายากะที่มองเห็นมาซารุและรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจากจินเนะได้รีบเอามือลงไปคว้าทันที  "เหรียญยุคนั้นจะเอามาใช้ได้ไงกัน!"

        ไซโตะขยับแว่นให้เข้าที่แล้วกล่าวออกมานิ่งๆว่า  "พูดไปแบบนั้นจะดีเหรอ  พี่สะใภ้ของจินเนะอุตสาห์อยากร่วมบริจาคทั้งทีนะิ  ถ้าโดนโกรธขึ้นมาจะทำไง  แล้วก็..."

        ทุกคนประสานเสียงอย่างงุนงง  "แล้วก็?"

        ไซโตะหยิบหนึ่งในเหรียญเก่าขึ้นมา  พูดอย่างผู้รอบรู้ว่า  "ไม่ผิดแน่ เหรียญยุคเอโดะที่ดูเก่าและไร้ค่าในความคิดพวกเธอ  ตอนนี้นักสะสมให้ราคาเหรียญละห้าหมื่นถึงหนึ่งหรือสองแสนเยนด้วยซ้ำ  ถ้ามีขนาดนี้ก็คงได้มากกว่าพวกเธอร่วมใจกันให้แน่นอน"

        "มากขนาดนั้นเขียว"  

        ซายากะรีบใส่เหรียญลงในกล่องอย่างรวดเร็ว  ตั้งใจจะใช้หน้าที่แฟนคลับพิทักษ์กล่องบรรจุึของมูลค่าแบบนั้นไว้เป็นอย่างดี  เพื่อวันรวมเงิืนไปให้มูลนิธีต่างๆจะได้ครบถ้วน  ไม่ถูกมือดีที่คิดร้ายช่วงชิงไป  และถ้าหากจะชิงจริงๆคงต้องฝ่าฝูงคลับทั้งหลายที่คิดแบบเดียวกับซายากะเป๊ะให้ได้ก่อน

       

 

        ในที่สุดก็ได้เวลากลับไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะซึ่งถูกจัดไฟไว้อย่างงดงามและตระกาลตาเหมือนกับที่เคยเป็นเมื่อสิบปีก่อน  แต่ผู้คนไม่ได้รับอนุญาติให้ขึ้นมาในคืนนี้และยังมีหมอกบังไว้อีกชั้นหนึ่งด้วย  

        แม้จะมีแสงไฟแต่ก็เป็นไฟประดับที่วิบวับตามต้นไม้เท่านั้น  ท่ามกลางความมืดของยามราตรี ร่างของมาซารุเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆพร้อมกับมีดวงไฟเล็กๆคล้ายหิ่งห้อยอยู่รอบตัวแบบวิญญาณทั่วไป  แต่มันก็ทำให้เขาดูงดงามไม่น้อยเลยทีเดียว

        ประตูที่เปิดรับลมเย็นๆที่พัดโชยพร้อมกับกลิ่นของใบไม้ใบหญ้าบนภูเขา  ดวงดาวที่ระยิบระยับบนฟากฟ้าช่างงดงาม  ผู้คนอีกมากมายคงจะแหงนมองไปยังนภายามราตรีเพื่อจับตาดูดวงดาวสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวเช่นกัน

        "ได้พบกันแค่ปีละครั้งเองเนอะ"  จุนโอบไหล่คนรักแน่นขึ้นอีกนิด  "ทั้งที่ออกจะรักกันขนาดนั้น  ทั้งสองคนกลับต้องเฝ้ารอครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกลับมาเจอกันในช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียวเอง"

        มาซารุมองอารมณ์ที่อินไปกับบรรยายกาศของคนรักแล้วอดเย้าแหย่ไม่ได้  เขาตั้งคำถามเอาว่าหากว่าจุนต้องรอใครสักคนเพื่อพบเพียงคืนเดียว  เขาจะทำอย่างไร จะทนได้หรือไม่  จะไปรักกับคนอื่นแทนหรือเปล่า

        "ผมจะไม่รอ"

        สีหน้าของมาซารุเหมือนจะอึ้งขึ้นมาทันที  ก่อนจะได้ฟังต่อว่า

        "แต่ผมจะพยามทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันทุกวันต่างหากล่ะ  ถ้าผมต้องรอมาซารุซังแบบนั้นจริงๆ  ผมไม่มีทางแค่เฝ้าหวังในแต่ละวันคืน  แต่จะพยามทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน"

        "ไม่แน่หรอก  ความจริงที่หนุ่มเลี้ยงวัวต้องมาเจอกับคนรักแค่ปีละครั้ง  มันอาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการก็ได้"

        จุนงุนงง  ต้องการหรือ?  จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงในเมื่อทั้งคู่ก็รักกันมากและกลับมาพบกันทุกปีด้วยความรักที่มากล้นเฉกเช่นเดิม  มันยังคงเป็นอย่างนั้นมาตลอดหลายร้อยหลายพันปี

        มาซารุอธิบายข้อสงสัยของคนรักว่า  "เพราะเขาเป็นห่วงคนรักไงล่ะ  หากว่าทั้งสองจับมือกันหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อจะได้พบกันทุกเวลา  จะมีอะไรเป็นประกันว่าทั้งสองคนจะไม่พรากจากกันอีก  แล้วบนสรวงสวรรค์ก็มากล้นไปด้วยความสุข  นางที่อยู่ท่ามกลางความสุขเช่นนั้น  เขาจะให้หนีไปด้วยกันได้หรือ"

        มืออันเย็นเฉียบของมาซารุสัมผัสใบหน้าคนรักเบาๆ  สบตาที่จ้องมองด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน  "เพราะงั้น ขอแค่เพียงปีละครั้งก็ยังดี  เพียงได้พบกันในเวลาเท่านั้นก็สุขใจแล้ว  ข้าเชื่อว่าคนเลี้ยงวัวต้องเฝ้ารอคนรักด้วยความหวังและความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมในใจไม่แปรเปลี่ยน"

        จุนจ้องมองร่างในชุดกิโมโนที่กล่าวสิ่งเหล่านั้นออกมาแล้วถามออกมาอย่างใคร่รู้  ถามจากความรู้สึกบางอย่าง

        "มาซารุซังเคยอยากเปลี่ยนผมเป็นเพียงวิญญาณไหม  หรืออย่างน้อยกักขังผมไว้เพื่อให้อยู่กับเธอตลอดไป  ถ้าเป็นเช่นนั้นมาซารุซังก็จะมาความสุขตลอดกาลไม่ใช่เหรอ"

        "ใช่แล้ว ความสุขของข้าคือการอยู่กับเจ้า  เรื่องเหล่านั้นข้าเคยคิดเหมือนกัน  เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วข้าก็นึกขึ้นมาเช่นนั้น  ตอนที่เจ้าจะกลับมายังยุคนี้ก็ด้วย  ตอนนั้นข้าอยากจะใช้มัดเจ้าไว้กับข้าไม่ให้ไปไหน"  

        มาซารุพยักหน้ารับกับคำพูดของตนเอง  

        "กระทั่งตอนนี้ ข้ายังเคยคิดเลยว่าอยากจะเปลี่ยนเจ้าเป็นวิญญาณเช่นเดียวกัน  เพราะหากต่อไปร่างกายที่เย็นชืดนี้กลายเป็นสิ่งที่เจ้าเบื่อหน่ายขึ้นมา  มันคงจะเป็นอะไรที่ทำให้ข้าเสียใจเอามากๆ  แต่ถ้าเจ้าเป็นวิญญาณ  เจ้าจะได้ไม่รู้สึกว่าร่างของข้าหนาวเย็นอีก  และไม่คิดว่าตัวข้าแปลกและแตกต่างจากคนอื่น  ข้ากลัวสิ่งนี้มาตลอดนะ จุน  กลัวว่าเจ้าจะเปลี่ยนไป"

        ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่ามาซารุจะกังวลเรื่องนี้อยู่  ก็ในเมื่อเขาไม่เคยคิดจะหันไปรักใครอีกแล้ว  ร่างในชุดกิโมโนนั้นเอื้อมมือไปแตะกับผู้ซึ่งเขารักอย่างที่สุด

        "แต่ความรู้สึกของข้าก็เหมือนกับดาวทั้งสองในคืนทานาบตะ  ยินยอมที่จะมีสิ่งขวางกั้น  ให้อยู่คนละฟากของแม่น้ำ  ดีกว่าทำให้เป็นวิญญาณแล้วผูกมัดอยู่กับข้า  ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะเสียใจมากก็ได้  ถึงตอนนั้นข้าคงจะสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวด  ไม่ใช่ความสุขอะไรทั้งนั้น"

        จุนจุมพิตกับคนรักเนิ่นนาน  กล่าวจากความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ  "ผมไม่เคยเสียใจที่ต้องรักมาซารุซัง  ไม่ว่ากายนี้ของเธอจะเย็นเฉียบหรือไม่ก็ตาม  เพราะเป็นเธอเืท่านั้นที่ผมเลือกจะอยู่ด้วย  ในตอนนั้น...เป็นเธอที่โอบกอดผมไว้  ไม่ใช่ใครอื่นเลย"

        เมื่อกล่าวถึงตรงนี้  มาซารุอดหวนนึกถึงไม่ได้  ความรู้สึกที่ได้พบคนที่รอมาตลอดหลายร้อยปีมันช่างยินดีซะจนไม่มีใครจะรู้ได้มันวาบไปทั่วทั้งกาย  แม้ว่าการพบกันครั้งนี้จะเป็นจุนที่ยังไม่เคยพบกับเขาก็ตามที  แต่เขาก็เข้าใจและพยามจะยอมรับมัน

        อย่างไรก็ดี มาซารุอดคิดขึ้นมาไม่ได้  ถ้าหากว่าตัวของเขาในหลายร้อยปีก่อนไม่ได้รักจุน  ชายหนุ่มจะทำเช่นไร

        แล้วตัวข้าจะเป็นเช่นไร     

        เป็นครั้งแรกที่มาซารุคิดแบบนี้  ความเจ็บปวดที่ต้องรอคอยใครสักคนอย่างยาวนานยังคงจดจำได้เสมอมา  แม้ว่าการที่จุนอยู่เคียงข้างจะเป็นเหมือนความอุ่นที่ขับไล่ความหนาวเย็นจากความคิดนั้นไปได้บ้างก็ตามที  แต่บางสิ่งมันก็ใช่ว่าจะลบไปได้หมดหรอกนะ

        ความกลัวว่าความรู้สึกพิเศษที่มีต่อจุนจะหายไปได้แล่นวาบขึ้นมาแทนที่ความเจ็บปวดนั้น  เขาสัมผัสได้ว่าหากไม่รักจุน  เรื่องราวคงจะดำเนินไปอย่างเป็นปกติแต่จิตใจแสนอ้างว้างนี้ก็จะไม่มีใครเข้าไปช่วยบรรเทา

        ยิ่งเมื่อย้อนคิดไปคิดมา  หากไม่มีจุน ท่านหญิงอาสึสะคงไม่มีทางมีความสุขกับคนที่รักอย่างท่านองเมียวจิมิสึกาวะเพราะต้องแต่งงาน  ซาคาเมะคงกลายเป็นหัวขโมยคอยช่วงชิงของจากกลุ่มโจร  ไม่ได้มาพบกับพวกเขาอย่างในอดีตแบบที่ผ่านมา  และช่างทำพู่กันชินบุคงจะไม่เป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

        อย่างนั้นเหรอ  เจ้าไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้ข้าสัมผัสความรักได้  ยังมอบสิ่งที่ดีให้กับคนที่นั่นด้วยสินะ

        จุนต้องสะกิดคนรักที่นั่งเหม่ออยู่แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่ามาซารุยังคงกลัวเรื่องนั้นอยู่อีกหรือเปล่า  เขาพร้อมจะพิสูจน์ทุกอย่างเพื่อคลายความกังวลเหล่านั้นของร่างในชุดกิโมโนผู้นี้เสมอ

        "ข้าแค่คิดว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้พบกับเจ้า"  มือของทั้งสองสอดประสานกัน  "คิดว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้รู้จัก ได้รักเจ้า"

        จุนชะงักไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะเผยยิ้มกว้างออกมา "ไม่หรอก  เป็นผมต่างหากล่ะ  ผมรู้ดีว่าคงไม่มีทางรักใครได้มากขนาดนี้  ตั้งแต่มาซารุซังปรากฏตัวขึ้น  ทุกอย่างในชีวิตผมได้ลงตัวอย่างเหมาะสม  รู้ไหม?"

        เขาได้ปรับความเข้าใจกับจินเนะ  ได้่อธิบายให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเหตุผลที่เขาต้องยินยอมให้ดาราหญิงคนนั้นพูดไปโดยไม่ขัด  ด้านจิเสะเองก็ได้เป็นเจ้าของรางวัลประกวดชุดกิโมโนยอดเยี่ยม  ได้เลิกรักเขาและไปพบกับคนที่ดีและเหมาะสมกว่า  ได้มีความสุขแบบที่หญิงสาวแสนดีอย่างเธอควรได้ีรับ

        แต่ละสิ่งล้วนสอดคล้องเป็นเหตุผลเดียวกัน

        หากไม่มีจินเนะที่โกรธเขาล่ะก็  เขาคงได้สารภาพรักกับจิเสะและคงไม่ได้พบกับมาซารุ  หากไม่มีจิเสะที่พยามทำร้ายวิญญาณแห่งฟุมิเนเนะ  ตัวเขาจะได้ย้อนกลับไปในอดีตเพื่อสร้างเรื่องราวต่างๆ  ทำให้มาซารุต้องมารอเขาหรือเปล่านะ

        "มาซารุซัง  เธอเป็นเหตุผลสำหรับทุกอย่างที่ดีที่สุดของผมเลย รู้ไหม"  จุนจ้องมองเวลาที่ดาวแห่งวันทานาบาตะทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้กันแล้วสบตากับคนรัก  "การที่เรามาพบกันมันอาจเป็นพรหมลิขิตก็ได้"

        มาซารุยิ้มบางๆ  "พรหมลิขิตที่ทำให้เราต้องมาพบและรักกันอย่างที่สุด"

        จุมพิตที่แสนดูดดื่มประกอบเข้ากับเวลาที่ดาวทั้งมาพานพบกันพอดิบพอดี  แต่ถึงอย่างนั้น ความรักของทั้งสองก็ไร้ซึ่งการรอคอยอย่างที่ตำนานแห่งทานาบาตะได้เล่าขานกันมา  

        ใช่...  เพราะในเวลานี้ พวกเขาได้ก้าวเดินเคียงข้างไปในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว

 

        ุณย่าร้านทำนายดวงที่ถึงเวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้วยังไม่แก่ชราหรือเปลี่ยนไปเลยได้เห็นทุกอย่างเพราะภาพที่ปรากฏขึ้นในลูกแก้วแล้วหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ

        "พรหมลิขิตงั้นหรือ  พูดได้ดีนี่  ข้าก็ว่ามันเป็นเพราะพรหมลิขิตเหมือนกันล่ะนะ"

        ภาพในลูกแก้วแปรเปลี่ยนเป็นจดหมายปลอมของจินเนะที่นัดให้จุนไปพบที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  จดหมายฉบับนั้นที่ถูกเก็บไว้อย่างดีโดยฝีมือของมาซารุ  เพราะเขาถือว่ามันนำพาให้คนที่เขารอคอยมาพบ

        ทุกอย่างเกิดขึ้นและร้อยเรียงเป็นเรื่องราว  ทั้งหมดมีต้นเหตุจดหมายเล็กๆฉบับนี้เท่านั้นเอง

 

 

จบบริบูรณ์

สวัสดีค่ะ เรื่องนี้ก็ถึงตอนอวสานแล้วเนอะ  ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมากๆเลยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา