กลร้อน เล่ห์รักชีค

-

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14.47 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  45.72K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 1
 
ฉันผล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้ามารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีอะไรมายุกยิบๆที่ตรงกระดุมเสื้อตอนแรกๆคิดว่ามันต้องเป็นแมลงไรสักอย่างที่มากวนเวลานอนจึงได้แต่ปัดมันทิ้งแล้วนอนตะแคงอีกข้าง
แต่สักพักกลับรู้สึกเหมือนมีไรมาลูบๆคลำๆแถวๆสะโพกฉันทำเอาขนลุกชันอย่างอัตโนมัติ
“ว๊าย! นี่มันอะไรกัน คุณมาอยู่นี้ได้ไง”  เสียงฉันกรีดร้องเมื่อเจอไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังมองฉันด้วยสายตากะลิ้มกะเลียตรงปลายเตียง
“อยู่เฉยๆเถอะน่า”
ไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นพูดจบมันกดตัวฉันนอนเลยทันที แล้วเริ่มไซร้คอฉันอย่างหนัก ยี้~ ขยะแขยะน่ารังเกียจจนแทบอยากอ้วก ไม่ได้ฉันไม่ยอมเด็ดขาด
ฉันดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นยิ่งหัวเราะชอบใจพลางฉีดเสื้อฉันอย่างเมามัน
แคว๊กกกกกกกก!
“ว้าย!ปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉันนะ”
“ฮ่าๆ ช่างขาวนักเรระดา!”
น้ำตาฉันไหลอาบแก้มหมดกันร่างกายที่ไม่ให้ใครเห็นมากว่า18ปี ต้องจบสิ้นกันตรงนี้น่ะหรอไม่นะ! ฉันคิดและดิ้นรนหนักเข้าจนไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นมันรำคาน
“หยุดนะ ฉันบอกให้หยุดดิ้น”
“ไม่!แกต้องปล่อยฉันก่อนไอ้โรคจิต ปล่อยฉันซะไม่งั้นฉันจะแหกปากให้ดังกว่านี้”
ฉันขู่เสียงแข็งตากลมโตจ้องไปอย่างเอาจริง ส่วนมือที่เหลือก็ค่อยตะปบเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น
“เฮอะ! แกไม่กล้าหรอก”  พูดจบมันก็ก้มมาที่หน้าอกฉันต่อทันที
“กริ๊ดดดดดดดด!!!! ช่วยด้วย”    ฉันสูดหายใจลึกๆก่อนจะตะโกนสุดเสียง
“บ้าเอ๊ย เงียบนะ”
ไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นตกใจรีบโวยวายเสียงดัง  ฉันกัดฟันไม่สนใจมันและยังคงร้องต่อไป  สักพักก็มีคนพังประตูเข้ามาในห้องฉันบรรดาพวกคนใช้ทั้งหลายนี่เอง
“มีไรกันค่ะเจ้านาย...ว้าย!”
“ออกไปๆออกไปให้หมด”    ไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์คนนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างอับอายที่ตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น ส่วนฉันรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วรีบวิ่งไปที่บรรดาคนใช้ทันที  ขณะที่บรรยากาศกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเสียงหวานๆของใครคนหนึ่งก็เอ่ย
“มีไรกันค่ะยาซาส”   
“เอ่อ...อาน่าคือว่า...”   ตกในความเงียบสงบไม่มีใครพูดอีกเธอคนนั้นคนที่เอ่ยถามเธอสวยแบบขรึมๆโดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้นดุเชียว 
“คือมัน...เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะจ๊ะ”   ไอ้เศรษฐีเจ้าเล่ห์หรือไอ้ยาซาสเอ่ยขึ้นอย่างเกรงๆพรางมองฉันด้วยสายตาดุๆ
“เรื่องมันเป็นยังไงเรระดา!  บอกฉันมา”
เธอคนที่ชื่ออาน่าหันมาถามฉันอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจไอ้ยาซาสนั้นเลยแม้แต่น้อยฉันไม่สนหรอกว่าหล่อนรู้ชื่อฉันมาจากไหน ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะบอกมันทุกอย่างเอาให้นายนั้นหงอไปเลย ฉันปรายตาดูนายยาซาสคนนั้นก็เห็นมันหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยทีเดียวสมน้ำหน้าฉันจะทำให้แกซีดไปกว่านี้อีก
“นายคนนี้เข้ามาในห้องฉันค่ะ และเข้ามาปล้ำฉันด้วย!!!”   ฉันพูดออกไปด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดแจ๋ว ทำเอาคนที่แปลได้ก็ได้แต่ตกใจไปตามๆกัน ส่วนคนที่แปลไม่ได้ก็ถามคนข้างๆพอได้ใจความพวกนั้นก็อุทานทันที เธอคนที่ชื่ออาน่านั้นพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรู้ก่อนจะหันไปพูดกับอาซาส
“เราคงต้องมีเรื่องพูดกันยาวแน่ๆ อาซาส...ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้แล้ว”
เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปจากนั้นก็ตามด้วยคนที่ไม่เกี่ยวข้อง นายอาซาสถอดหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่ลืมพูดกับฉันอย่างมาดร้าย
“วันนี้หรอกที่เธอรอด วันอื่นฉันไม่ปล่อยเธอแน่แม่เหยื่อสาวแสนสวย!”
ฉันยิ้มแหย่ๆให้ตัวเองก่อนจะเดินไปห้องน้ำ เปิดฝักบัวรดตัวเองความรู้สึกนับร้อยพุดขึ้นราวดอกเห็ด ทั้งน้อยใจพ่อที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว และเสียใจที่ต้องมาเผชิญเหตุการณ์ร้ายๆนี่ น้ำตาฉันไหลปนกับน้ำในฝักบัวจนดูเหมือนฉันไม่ร้องไห้ วันนี้ฉันยังเจอเรื่องแค่นี้วันหน้าฉันจะเจอเรื่องที่โหดร้ายมากกว่านี้ไหมนะ เพียงแค่คิดว่าจะต้องเจอเข่าฉันถึงกับทรุดลงพื้นทันที
“ฮือ...พ่อจ๋า หนูกลัวเหลือเกินฮือ...”
 
ก๊อก...ก๊อก
“อืม...”  ฉันครางออกมาอย่างอ่อนเพลียคืนนี้กว่าจะได้หลับเกือบรุ่งสาง กลัวแทบตายว่าไอ้บ้านั้นมันจะมาอีกฉันจึงสะดุ้งตื่นทั้งคืน ร่างบางพลิกตัวไปมาอย่างขี้เกียจจนในที่สุดเธอทนไม่ไหวกับเสียงเคาะที่ดังถี่และดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าหยุด ใครกันนะหวังว่าคงไม่ใช่ไอ้บ้านั้นหรอกนะ เพียงแค่คิดเท่านั้นฉันรีบเด้งลุกทันทีแล้วถือมีดปอกผลไม้ที่ตอนกลางดึกฉันแอบขโมยมาจากห้องรับแขกหน้าบ้านไว้ด้านหลัง ฉันเดินอย่างระมัดระวังแล้วค่อยๆปลดล็อดประตูแล้วเปิดออกอย่างเร็ว
“เฮอะ...กว่าจะเปิด”
“มะ...มีอะไรหรือเปล่า”  ฉันถอดหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ใช่ไอ้บ้ากามนั้นแต่เป็นคนใช้ที่ฉันจำได้ว่าเธอมาดูตอนเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ฉันถามอย่างระมัดระวังพร้อมกับกวาดตามองด้านหลังของยัยคนใช้นี้ว่ามีใครแอบมาหรือเปล่า เธอคนนั้นคงสังเกตเห็นละมั้งจึงพูดออกมา
“ทำไม! มองหาใครคุณยาซาสเขาไปทำงานแล้วเฮอะ คิดจะอ่อยเขาหรือไง”
ยัยคนใช้คนนั้นมองฉันอย่างสมเพศ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามองทำไมอย่างนั้นก่อนที่ฉันจะเข้าใจทุกอย่าง เพราะยัยคนนี้พูดแดกดันขึ้นมา
“หึ แกคงคิดละซินะว่าท่านยาซาสเขาหลงแก ฝันไปเถอะเขามีเมียแล้วโว้ย คนที่มาที่ห้องแกเมือคืนไงเฮอะ! มันก็งี้ละของสดของใหม่ต่อไปถ้าเก่าแล้วแกจะรู้สึก”
ฉันเกือบจะตอกกลับไปแล้วว่า...แกก็คงจะอยากจับไอ้ยาซาสเหมือนกันละซิ...แต่ฉันอุบเงียบไว้ดีกว่าฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี้แค่วันเดียวไม่ควรทำตัวมีปัญญา ฉันกระชับมีดในมืออย่างหงุดหงิดถ้ายัยนั้นเห็นฉันถือมีดไว้ด้านหลังมันคงจะไม่ปากพล่อยยืนด่าฉันปาวๆหรอกฉันคิดอย่างแค้นเคือง
“มีอะไรละ...มาหาถึงแต่เช้า”
เมื่อกี้ฉันเกือบจะฆ่าคนแล้วดีที่ไม่ใช่ไอ้บ้าเศรษฐีนั้น ฉันถอดหายใจอย่างโล่งอกยังไงซะฉันก็สบายใจได้ตอนที่ไอ้บ้าเศรษฐีนั้นไปทำงาน แต่ตอนกลางคืนนี้ซิ! คิดแล้วความกังวลก็เข้ามาแทรกจนได้
 
“ตรงนั้นด้วย เอ๊ะ!มันยังมีฝุ่นอยู่เลยจะไปไหนห๊ะ”  เสียงแจ๊ดๆเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยแข็งนักพูดอยู่ข้างหูฉัน ยัยคนใช้คนเดิมนั้นละมาตามดูฉันอย่างกับฉันเป็นนักโทษสั่งนู่นสั่งนี่ราวกับเป็นทาส...จริงสิ!ฉันก็อยู่ที่นี้ในฐานะทาสนี่นา คิดแล้วมือไม้อ่อนไปหมดนี่หรือวาสนาฉัน
“หยุดทำไมห๊ะ! เช็ดต่อสิ”  ฉันได้สติขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
 
“นั้นละๆขยี้ยังงั้น”  คนใช้คนเดิมแถมยังสั่งเหมือนเดิมอีก ตอนเช้าถูบ้าน ตอนเที่ยงหน่อยๆใช้ซักผ้า ส่วนข้าวก็กินตั้งแต่เช้าแล้วตอนเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องซักเม็ดนอกจากน้ำเท่านั้น
“เดี๋ยวฉันไปกินข้าวก่อนนะ...แกก็ซักผ้าให้หมดทั้ง 5 ตะกร้าก่อนเดี๋ยวค่อยไปกินข้าวรู้ไหม”
“แต่ฉันหิว ไปกินก่อนไม่ได้หรอ”  ฉันถามเสียงเรียบๆมองผ้าทั้ง 5 ตะกร้าแล้วใจอ่อน
 
“ไม่ได้! ฉันสั่งไม่ได้ยินหรอห๊ะ!!!”  ยัยคนใช้คนนั้นตะคอกเสร็จก็เดินบิดตูดไปทันที  เหลือแค่ฉันที่นั่งมองดูยัยคนใช้คนนั้นไปจนลับตา เอาวะ! 5 ตะกร้าซักให้หมด
ในที่สุดฉันก็เสร็จปาไปบ่าย 2ช่างมันยัยคนใช้คนนั้นยังไม่มาเราไปก่อนดีกว่าหิวจะตายละ พอไปถึงทุกคนแยกย้ายไปเกือบหมดละเหลือแต่เด็ก 4-5 คนได้ที่ในครัวฉันไม่สนเดินไปเปิดตู้กับข้าวพบแค่ข้าว1ถ้วยกับน้ำซุปใสๆเท่านั้น น้ำตาฉันแทบไหลนี่ฉันจะต้องกินของเหลือที่เหมือนจะให้สัตว์อะไรสักอย่างจริงๆหรอ แต่ช่างเถอะ!ยังไงซะฉันตอนนี้ก็ไม่ต่างจากสัตว์ที่เลี้ยงไว้ใช้งานอยู่แล้วนี่...
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างหิวโหย หลังจากที่ฉันกินเสร็จล้างจานตัวเองหมดแล้วก็เดินออกห้องครัวไปเดินไปสักพักก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงตวาดข้างหลังอย่างเกรี้ยวกราด
“มาทำอะไรตรงนี้ อีทาสสกปรก!” จะเอายังนักหนานะ ยัยคนใช้โรคจิตนี่อีกละ
“ฉันกินข้าวพึ่งเสร็จ ก็เดินมานี่ละ” ฉันตอบไปเรียบๆ
“หนอย~ใครอนุญาตให้แกไปกินข้าวหะ ไป๊ไปกวาดใบไม้ที่สวนหลังบ้านเดียวนี้”
 
กว่าฉันจะเข้านอนได้ก็เกือบจะ 2 ทุ่มก็พอดีที่ภรรยานายยาซาสกลับเข้าบ้านพอดี เธอแสนดีมากเธอชวนฉันร่วมโต๊ะอาหารเย็นมื้อนั้นด้วยพร้อมกับพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา
“เรื่องเมื่อคืน...ต้องขอโทษด้วยนะ”
“เอ่อ...ค่ะ ไม่เป็นไร”  ถึงปากจะบอกงั้นก็เหอะแต่ในความคิดของฉันด่ามันไม่มีชิ้นดีละ
“ฉันปรึกษาเรื่องทั้งหมดละ เธอวางใจได้”  แสดงว่าเขาจะไม่มายุ่งกับฉันแล้วซินะ ฉันดีใจแทบจะลอยออกบ้านนี่เลยก็ว่าได้ ฉันก็จะเป็นอิสระแล้วใช่ไหมแต่ความคิดก็ต้องชะงักลงเมื่อเธอเอ่ยประโยคต่อมา
“ต่อไปนี้เธอจะเป็นภรรยาคนที่ 2 ของบ้านหลังนี้”
“เอ่อ...คือฉัน มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม”  ฉันถามอย่างหมดแรง
“หลังจากนี้อีก 2 อาทิตย์ พอยาซาสกลับมาเธอก็เป็นภรรยาคนที่ 2 อย่างเต็มตัวแล้วละ”
ฉันคิดไม่ออกอะไรทั้งนั้นฉันยังงงๆเลยกลังจากที่ฉันทานข้าวเสร็จฉันออกจากห้องนั้นมาที่ห้องนอนเล็กๆนี่ได้ยังไงสติฉันมีตอนที่อาบน้ำละมั้ง น้ำเย็นมันช่วยได้มากจริงๆสามารถดึงความคิดที่แสนไกลมาอยู่กับตัวฉันได้ นี่ฉันต้องทำตามจริงๆน่ะหรือ “หลังจากนี้อีก 2 อาทิตย์ พอยาซาสกลับมาเธอก็เป็นภรรยาคนที่ 2 อย่างเต็มตัวแล้วละ” คำพูดคำนั้นยังติดในห้องฉันตลอดเวลา นี่ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะถึงวันที่ไอ้เศรษฐีโรคจิตนั้นกลับมา...
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา