Love Innovation ถึงนายจะร้ายสุดท้ายก็รัก

6.0

เขียนโดย Kumo

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 03.48 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  9,268 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 03.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตัดสินใจ  I
~~ติ๊ง~~ ต๊อง~~
เสียงออดหน้าห้องของเรนดังขึ้นคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมาเพราะเสียงออดที่ดังมันช่างรัวกระหน่ำในการกดซะเหลือเกินว่าแล้วเจ้าตัวจึงเดินไปเปิดประตูต้องรับแขกในทันที
“ ว่าไง ” เรนเอ่ยคำทักทาย
“ ไม่ต้องมาว่ายังไงเลยนะ ตอบคำถามฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้เด็กนั้นใคร ”
“ น้องชายฉัน ”
“ แน่ใจ ”
“ อืม ”
“ แล้วเด็กนั้นอยู่ไหน ”
“ อยู่ในห้องนอนฉัน ”
“ แล้วอาการเป็นไงบ้าง ”
“ หมอมาตรวจและทำแผลให้แล้วล่ะ ”
“ เฮ้ย ให้ตายเถอะนะนายเนี้ยหยุดสร้างปัญหาให้ฉันสักวันไม่ได้หรือไง ” ซัทจิว่าพลางส่ายหน้าไปมาด้วยอาการเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของเรน ถึงแม้เขาจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเรนแต่ด้วยทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกันแถมรู้จักกันมาก่อนจึงทำให้ทั้งคู่สนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องจึงทำให้สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่องส่วนตัว
“ แล้วแกจะทำยังไงต่อไป ” ซัทจิเอ่ยถามเรน
“ ไม่รู้ว่ะ แล้วแกว่าฉันควรทำยังไงว่ะ ” เรนหันหน้าไปเอ่ยถามเป็นเชิงขอความคิดเห็นจากอีกฝ่ายทันที
“ เฮ้ยๆ ไม่ต้องมามองหน้าฉันอย่างนั้นเลยนะฉันไม่มีคำตอบอะไรให้แกทั้งนั้น หันหน้าไปเผชิญแล้วยอมรับความจริงซะบ้างไม่ใช่หนีปัญหาเหมือนที่แกทำผ่านๆมา ”
“ งั้นเหรอ ” เรนเอ่ยพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อระบายความเครียด ”
“ ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรฉันว่าแกควรที่จะจัดการเคลียร์ที่นอนสลบในห้องแกก่อนดีกว่านะ ” ซัทจิเอ่ยพลางชี้ไปทางประตูห้องนอนของเรนจนเจ้าตัวต้องแค่นหัวเราะเบาๆ
หึ
“ เรื่องงานเป็นยังไงบ้าง ”
ยังจะกล้าถามอีกเนอะว่าเป็นไงก็ป่วนนะสิถามได้เล่นซะหนีมาแบบนี้กว่าฉันจะเคลียร์ได้แทบตายเอ่ออีกอย่างแกงานเข้าแล้วล่ะไม่เชื่อก็เอาไปดูซะให้เต็มตาว่าแล้วซัทจิก็ยื่นi-phoneของเขาให้เรนดูฟาดหัวข่าวgossip ทันที เม้าส์สั่นกลางกอง “ กองถ่ายMVป่วนนักร้องดังเบี้ยวคิวงานโบ้ยติดธุระทำเอาต้องยกเลิกกองกระทันหัน ”  เรนมองฟาดหัวข่าวก่อนจะแค่นหัวเราะอีกครั้ง
“ ทีนี้งานได้เข้าจริงๆแน่ ”
“ ช่างมันสิ ข่าวก็คือข่าว ” เรนเอ่ยเสียงเรียบ พลางยื่น i – phone คืนให้ซัทจิทันนที
“ แล้วตกลงแกจะให้ฉันช่วยอะไร ”
“ ยังคิดไม่ออกเลยว่ะ ”
“ อ้าวไอ้นี้ แล้วแกจะแก้ปัญหานี้ยังไง ”
ว่าจบทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างไร้ซึ่งคำตอบใดๆ
ก่อนที่เรนจะเป็นคนเอ่ยขึ้นมา
“ เอ่อนะฉันหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้วล่ะนายไม่ต้องห่วง” เรนเอ่ยพลางสูบบุหรี่อย่างสบายใจ
“ ให้มันได้อย่างนี้สินะแกเนี้ย แล้วตกลงเรื่องนี้มันเป็นไงมาไงตอนนี้ฉันชักจะจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วนะ”
“ นายอยากรู้จริงเหรอ ” เรนเอ่ยถาม
“ อืม ”
“งั้นฉันจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นายฟัง ”
ว่าแล้วเรนก็จัดการเล่าเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับซัทจิฟังอยู่นานสองนาน จนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าอีกด้านหนึ่งของห้องร่างบางที่นอนไม่ได้สติตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“ อืมมมม!!!   ”พีฟิวเมื่อรู้สึกตัวก็พยายามลืมตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ที่ไหนสักแห่งห้องพยาบาลเหรอ หรือโรงพยาบาล พีฟิวถามตัวเองและรู้สึกมึนๆหัวแถมแผลที่ฝ่ามือก็รู้สึกจะแสบจี๊ดๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เอ๊ะนี้มันไม่ใช่ห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้น่าโรงพยาบาลก็ไม่ใช่แล้วที่นี้ที่ไหนกันนะ
พีฟิวพยายามนึกว่าเมื่อตอนบ่ายที่โรงเรียนเกิดอะไรขึ้นเพราะเท่าที่เขาจำได้นั้นเขารู้สึกว่าตัวของเขาเองเป็นลมล้มพับอยู่หน้าห้องรับแขกของโรงเรียนแล้วจู่ๆมาโผล่ที่นี้ได้ยังไงกันนะร่างบางพยายามนึกและยันตัวลุกขึ้นยืนเพื่อเดินตรงไปยังห้องอีกห้องที่มีเสียงบทสนทนาดังอยู่
“ หรือจะเป็นคนที่ช่วยเราไว้นะ ” พีฟิวนึกในใจพลางเดินออกไปก็พบว่ามีชายสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่
“ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ” เรนเอ่ย
ซัทจิเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่สามโผล่เขามาก็เอ่ยทักขึ้นมาทันที
“ อ้าวฟื้นแล้วเหรอ ”
“ ฮ่ะ แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนฮ่ะ ” พีฟิวเอ่ยขึ้น
ซัทจิกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าอยู่ที่คอนโดของเรนก็ถูกเจ้าตัวส่งสายตาพิฆาตเป็นเชิงห้ามไว้
“ อ้อ คอนโดฉันเองนะ ฉันเห็นนายหมดสติอยู่หน้าห้องรับแขกตอนนั้นมันตั้งตัวไม่ทันก็เลยไม่รู้จะทำไงดีอีกอย่างถ้าเกิดเป็นข่าวขึ้นมาเรนจะแย่ฉันเลยต้องพานายมาที่นี้แหละ” ซัทจิเอ่ยก่อนยิ้มแห้งๆให้กับพีฟิว
“ ฮ่ะ” พีฟิวตอบพร้อมกับหันไปมองแผ่นหลังของเรนที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่และไม่หันหน้ามามองเลยเหมือนกับว่าเขาเป็นดั่งอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน ( ทำไมพี่ชายถึงได้เกลียดเรามากขนาดนี้นะ )
“ เอ่อ ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ ”
“ ผมชื่อพีฟิวฮ่ะ เรียกฟิวก็ได้ฮ่ะ ขอบคุณมากนะฮ่ะที่ช่วย ” พีฟิวกล่าวขอบคุณพร้อมกับโค้งตัวเพื่อแสดงการขอบคุณอีกครั้ง
“ เฮ้ยๆ ไม่เป็นไรหรอกนะ ”
“ ขอบคุณอีกครั้งนะฮ่ะที่อุตส่าห์ช่วยผม ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็บอกนะฮ่ะผมยินดีทำ ” พีฟิวเอ่ยพลางยิ้มบางๆให้กับซัทจิ
“ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก 555+”
“ เอ่อว่าแต่บ้านเราอยู่แถวไหน ”
“ อยู่เมอร์ฟิวลาทาวน์ ครับ ”
“งั้นเหรอ พอดีเลยงั้นเดี๋ยวฉันจะให้เรนไปส่งป่านนี้ที่บ้านคงจะเป็นห่วงแย่”
“ เฮ้ยเรนไปส่งน้องเขาหน่อยสิ ”
“ เรื่องอะไรฉันต้องไปว่ะ ”
“ เอ่อ คือไม่เป็นไรฮ่ะผมกลับเองได้ขอบคุณอีกครั้งนะฮ่ะที่ช่วยผมไว้ ” พีฟิวปฏิเสธความช่วยเหลือจากซัทจิทันทีที่รู้ว่าเรนจะเป็นคนไปส่งเขาถึงจะแอบดีใจนิดๆที่ถ้าหากเรนไปส่งเขาที่บ้านเขาก็จะทำให้พ่อลูกได้ปรับความเข้าใจกันซะทีแต่มันก็คงจะทำได้ยากเพราะต่างคนต่างทิฐิเหลือเกิน
“ ไม่เป็นไรหรอกน่าให้เรนไปส่งนะดีแล้ว ” ซัทจิเอ่ย
ส่วนทางด้านเรนพอได้ยินซัทจิย้ำอีกครั้งว่าให้เขาไปส่งพีฟิวก็ถึงกับถลึงตาใส่ซัทจิทันทีทันใด พอพีฟิวเห็นว่าเรนมีท่าทีไม่พอใจนักที่ซัทจิจะให้เขาไปส่งตนจึงบอกออกไปด้วยลำบากใจว่า
“ ไม่เป็นไรจริงๆฮ่ะ ผมไม่รบกวนพี่………..เอ่อคุณเรนหรอกฮ่ะ ”
พีฟิวตอบส่วนทางด้านเรนที่สูบบุหรี่อยู่ก็วางบุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ทันทีพลางหันหน้ามาสบจากับพีฟิวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ รู้ตัวเองก็ดีหนิ ”
“ ฮ่ะ ขอบคุณนะฮ่ะที่ช่วยผมงั้นผมขอตัวนะฮ่ะ ” ว่าแล้วพีฟิวก็โค้งตัวแสดงคำขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อเห็นร่างบางเดินออกไปพ้นประตูห้องแล้วซัทจิก็เอ่ยขึ้นมาทันที
“ ปล่อยไปแบบนี้มันจะดีเหรอว่ะ” ซัทจิเอ่ย
“ อืมแบบนี้แหละดี” เรนเอ่ยพลางลุกจากโซฟาตรงไปหยิบเอากุญแจรถเพื่อจะออกไปข้างนอก
(ตามไปหรือเปล่าจ้าอิอิ : ^^ ayukame )
“ เฮ้ยๆ แล้วนี้แกจะไปไหนของแกเนี้ย ”
“ จะออกไปเที่ยวแก้เครียดหน่อย”
“ แน่ใจเหรอ ว่าไปเที่ยวไม่ใช่ว่า ….. ”
“ เอ่อ ช่างฉันเถอะน่ากลับไปได้แล้วไปๆๆๆ ” เรนไล่ซัทจิ
“ ไปก็ได้ว่ะรู้ทันเข้าหน่อยทำมาเป็นไล่ชิ ”ซัทจิเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไปแต่ก่อนจะออกไปพ้นบานประตูก็ยังไม่วายชะโงกหน้ามาแซวเรน
“ รีบๆไปล่ะโดนใครฉุดไปก่อนแล้วจะเสียใจนะ พ่อคนปากแข็ง ” ซัทจิทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปส่วนเรนตอนนี้ก็ยืนเป็นไอ้บื้ออยู่ในห้องตัวเอง
ส่วนทางด้านพีฟิวเมื่อเดินออกมาพ้นบริเวณหน้าคอนโดก็พยายามจะโบกรถแท็กซี่กลับถึงตอนนี้จะไม่ดึกมากมายอะไรแต่บริเวณนี้ก็ใช่ว่าจะมีแท็กซี่ซะที่ไหนอีกอย่างแถวนี้ก็เป็นย่านคอนโดหรูพอสมควรแถมคอนโดแต่ละคอนโดยังอยู่ในซอยลึกอีกต่างหากจะเดินไปปากซอยก็กะไรอยู่แต่มันคงไม่มีทางเลือกที่ดีสำหรับเขาตอนนี้นอกจากเดินออกมาปากซอยเพื่อโบกแท็กซี่กลับ พีฟิวพยายามเดินประคองตัวเองมาเรื่อยๆถึงเขาจะเป็นผู้ชายก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะซอยมันดูเปลี่ยวและมืดมากถึงจะมีแสงไฟส่องตามถนนก็ตามพีฟิวเดินมาเรื่อยๆจนถึงตรงกลางซอยก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นหน้าตาดูโหดๆ3-4คนกำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่ตรงริมฟุตบาทและตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องร่างบางที่เดินผ่านอยู่พีฟิวพยายามเดินก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไปให้เร็วที่สุดเพราะถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่พีฟิวก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าหวานมากแลดูบอกบางคล้ายผู้หญิงแถมผมที่มีทรงเกือบปะบ่าอาจทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิงก็เป็นไปได้ กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังนั่งอยู่เมื่อเห็นว่าพีฟิวเดินผ่านไปสักพักก็ต่างพากันเดินตางหลังพีฟิวมาติดๆ
เมื่อเห็นว่าท่าทางจะไม่ดีพีฟิวจึงพยายามที่จะเร่งฝีเท้าเตรียมที่จะวิ่งหนีทันทีแต่ก็เหมือนมีคนรู้ทัน หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นนั้นวิ่งมาดักหน้าของพีฟิวเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยทักทายพร้อมกับสายตากรุ่มกริ่มที่จ้องมองร่างบางเหมือนจะกลืนกิน
“ จะรีบไปไหนจ๊ะคนสวยหยุดคุยเป็นเพื่อนพวกพี่ทั้ง4คนก่อนสิจ๊ะ ”
“ เอ่อ ขอโทษนะฮ่ะผมจะรีบกลับบ้าน ”พีฟิวตอบและพยายามเบี่ยงตัวหลบเพื่อหาทางออกจากวงล้อมของกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังล้อมเขาอยู่
“ บ้านอยู่ไหนล่ะน้องสาวให้พวกพี่ไปส่งไหม ” อีกหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นเอ่ยขึ้นพลางเดินขยับตัวเข้าใกล้เรื่อยๆจนไม่มีท่าทีว่าจะมีช่องว่างให้เปิดโอกาสหนีได้เลย
“ เอ่อ ขอโทษนะฮ่ะผมจะกลับบ้านช่วยหลบไปหน่อย ”
“ เฮ้ยน้องสาวไปเที่ยวกับพวกพี่ก่อนสิจ๊ะเดี๋ยวพวกพี่ไปส่ง ”
“ ขอโทษจริงๆฮ่ะ ปล่อยผมไปเถอะผมจะกลับบ้าน” พีฟิวเอ่ย
พูดไปก็คงไม่เป็นผลเพราะยิ่งพูดก็ยิ่งโดนล้อมและโดนต้อนให้จนมุมเรื่อย
“ หลบไปนะ ” พีฟิวพยายามที่จะผลักวัยรุ่นคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าให้ออกห่างตัวเขาแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะพิษของแผลที่โดนแก้วบาดทำให้เขาไม่มีแรงพอจะผลักวัยรุ่นที่ยืนขวางทางของเขาออกไปได้แต่มันกลับส่งผลตรงกันข้ามคือร่างของพีฟิวดันเซล้มไปซบกับอีก1คนที่ยืนอยู่ด้านข้างแทน
ทำเอาวัยรุ่นอีก3คนร้องฮือขึ้นมาทันทีที่พีฟิวถลาตัวไปซบกับเพื่อนอีกคนแทน
“ ไหนขอดูหน้าหน่อยสิมองไม่ค่อยถนัดเลย”  ว่าแล้วก็ใช้มือเสยค้างของพีฟิวให้เงยหน้าขึ้น
“ ปะปะปล่อยนะ ”
“ ว้าว !!!!!!! น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ ”
“ เอ่อว่ะจริงด้วย ”
“ เอาไงดีว่ะ”
“ ปะปะปล่อยผมนะ” พีฟิวพยายามดิ้นจนสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งล็อคแขนของพีฟิวไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว
“ เฮ้ยทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปได้ ”
“ เอาไงต่อดีว่ะ ” มันปรึกษากัน
“ เอาไงล่ะก็น่ารักซะขนาดนี้ปล่อยไปก็บ้าแล้ว ”
“ แต่ผู้ชายนะเว้ย ” อีกคนร้องทัก
“ ใครสนว่ะ น่ารักซะขนาดนี้ใครจะอดใจไหว ” ไอ้คนที่ล็อคแขนพีฟิวไว้พูดขึ้นพลางยื่นจมูกเข้าใกล้ใบหน้าขาวๆของพีฟิวเพื่อสัมผัส พีฟิวพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเมื่อลมหายใจของเขาสัมผัสผิวกายบริเวณพวงแก้มพีฟิวเต็มๆสูบต้องร่างบางตัวสั่นเทาไปหมด
“ อ่าาาา ผู้ชายอะไรตัวหอมเป็นบ้า ” หมอนั้นพูดขึ้น
“จริงเหรอว่ะไหนๆของลองบ้างสิ ” ว่าแล้ววัยรุ่นที่เหลืออีก3คนก็พยายามจะยื่นหน้าเข้าใกล้พีฟิวขึ้นเรื่อยๆ
“ จะทำอะไรนะปะปะปล่อยผมนะ ” พีฟิวขัดขืนและพยายามดิ้นจนสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนั้นก่อนที่เขาจะตกอยู่ใจอันตรายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาในไม่ช้า
“ เฮ้ย!!!!!! ฤทธิ์มากจังเลยเว้ยจัดการทีสิ ”
ว่าแล้ววัยรุ่นอีกคนก็ง้างหมัดซัดเข้าไปตรงบริเวณหน้าท้องของพีฟิวจนเต็มแรงจนร่างบางตัวงอและเจ็บจนไม่สามารถพยุงร่างตัวเองให้ยืนอยู่ได้ทำให้ร่างบางหมดสติทันที
“ เฮ้ยหมดฤทธิ์แล้วว่ะ ”
“ เอ่อจริงด้วยว่ะอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อยไม่ต้องกลัวนะพวกพี่จะพาไปสนุกกันรับรองถึงใจแน่ หึหึหึ”
ว่าแล้วกลุ่มวัยรุ่นก็อุ้มพีฟิวเข้าไปในตรอกเล็กข้างทางทันที
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา