How can i say? ให้ตาย....ฉันพูดอะไรลงไป

-

เขียนโดย steponstep

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.09 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 07.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) เมื่อเล่าปี่ ปะทะ โจโฉ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 หลังจากที่มื้ออาหารเช้าที่มีแต่รสชาติของชีสอันสุดทานทนจบสุดสิ้นลง ฉันเริ่มต้นทำงานวันแรกด้วยการประชุมแต่เพียงอย่างเดียว ทุกๆคนผลัดกันลุกผลัดกันนั่ง แต่ที่หนักที่สุดคือที่ฉันต้องยืนเกือบสองชั่วโมงเพื่ออธิบายงานให้วิศวกรท้องถิ่นฟัง มันยากอย่างยิ่งที่ฉันต้องพูดทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองกำลังหน้ามืดอย่างหนัก แถมพวกเขาไม่พยายามเข้าใจในสิ่งที่ฉันเสนอเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่ฉันกำลังพูดอยู่นั่นก็คือลักษณะโครงสร้างแบบของไทยโบราณที่ฉันถนัดที่สุด ฉันคิดว่าแม้กระทั่งช่างที่แทบไม่มีประสบการณ์ในไทยมาฟังฉันอธิบายก็ต้องเข้าใจ ในเมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้  สุดท้ายเราต้องยอมให้พวกเขาใช้วิธีที่พวกเขาถนัดที่สุดด้วยเครื่องมือทันสมัยต่างๆที่พวกเขานิยมใช้กันแทน อย่างน้อยข้อดีก็คือ งานทั้งหมดจะเสร็จเร็วขึ้น ฉันคิดว่างั้นนะ ต้องพูดว่าฉันขอให้เป็นแบบนั้นมากกว่า
            เมื่อการประชุมเกือบสิบชั่วโมงหาข้อสรุปได้ทั้งหมด ฉันจึงเป็นอิสระ ฉันเดินเหมือนซากศพกลับไปที่ห้อง เมื่อฉันไขประตูเสร็จ ฉันทิ้งกระเป๋าใบสวยลงบนเตียงนุ่มๆข้างหน้าอย่างไม่ใยดี พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนอย่างรวดเร็ว มันช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ อ่า....
            จ๊อก...จ๊อก....จ๊อก.....
            เสียงท้องของฉันร้องดังลั่นแทรกอากาศออกมา เหมือนกับมันกำลังสั่งฉันให้รีบกินอาหารมื้อที่สี่เดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันจะแกล้งหลับไปเลย แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นอีกไม่ได้แล้ว ฉันจึงคว้ากระเป๋ามาเพื่อดูเงินที่ตัวเองยังเหลืออยู่ และแน่นอน มันหมดเกลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่ามันหมดจริงๆฉันจึงเริ่มต้นเททุกอย่างออกมา และที่แน่นอนมันไม่เหลือเลยสักเหรียญ  ความหิวทำให้ฉันหงุดหงิดได้ง่ายๆ ฉันรีบเปิดประตูห้องเพื่อไปทวงเงินที่ห้องของบาร์ ฉันหยุดหน้าประตูแล้วเคาะเสียงดังลั่น
            ปั่ง....ปั่ง....ปั้ง..
            ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งวิ่งมาที่ประตูพร้อมกับธนบัตรอีกหนึ่งใบปลิวออกมาด้วย ฉันคว้ามันขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้าทันทีที่เมื่อมีคนมาเปิด แต่กลับไม่ใช่บาร์ เมื่อมองดูป้ายชื่อและการแต่งตัว ปรากฏว่าเขาเป็นเชฟมือหนึ่งของที่นี่ เมื่อฉันมองเข้าไปด้านใน บนเตียง บนเตียงนั่น มัน...อะไรกัน ไม่ว่าจะเหรียญหรือธนบัตรจำนวนมหาศาลกองอยู่บนเตียง โดยมีหมอนั่นนั่งแทรกอยู่ในกองเงินกองมโหฬารนั่น  บ้าไปแล้ว...ฉันต้องฝันไปแน่ๆ  ฉันคงทำงานหนักเกินไปก็เลยฝันแบบนี้
            “นี่...มัวยืนอึ่งอยู่ได้ เข้ามาข้างในเร็วเข้าสิ ไม่ต้องอายหรอก แล้วมานั่งกินข้าวข้างๆกับพี่นะน้อง ฮ่าๆๆ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะดังลั่น ใช่แล้ว....ฉันไม่ได้ฝันไป
          “นี่นายไปทำอะไรมาหน่ะ ฉันงงไปหมดแล้ว”ฉันพูดแทบไม่เป็นศัพท์
          “อ้อ...ก่อนอื่นต้องขอบคุณเงินของเธอก่อน ที่ทำให้ฉันชนะพนันเกือบทุกเกมส์ โถ่เอ้ย...ฉันมองหน้าเธอแล้วมัน โอ๊ย ...ขี้เกียจเล่าชะมัด ให้เขาเล่าให้ฟังดีกว่า ”
บาร์ขอให้เชฟที่กำลังปรุงอาหารอยู่เป็นคนเล่าทั้งหมดแทนเขา ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นซัดบรั่นแก้วโตในมือของเขาต่อ อันที่จริงเขาคงเริ่มเมาแล้วมากกว่า เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มด้วยภาษาอะไรดี อย่าคิดนะว่าฉันตามไม่ทันนายหน่ะ ไม่มีทางซะหรอก
          “คุณผู้หญิงครับ เขาเป็นคนที่โชคดีสุดในวันนี้เลยหล่ะครับ เขาโยกสล็อตแค่ไม่กี่ครั้งก็ได้แจ็คพ๊อต แถมพอเขาไปเล่นรูเล็ตต่อยังทายถูกอีกหลายรอบ คาสิโนเราเกือบเจ๋งเพราะเขาเลยหล่ะครับ” เชฟพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงฝรั่งเศสพร้อมกับยิ้มไปด้วย
          “ฮ่าๆๆ เธอเห็นมั้ยหล่ะว่าฉันทำตัวมีประโยชน์แค่ไหน แล้วนั้นหน่ะตังค์เธอ ฉันคืนให้” เขาชี้ไปที่ซองเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆเตียง มองดูแล้วมันช่างเหมือนเศษเซียวของเงินเมื่อต้องเทียบกับเงินบนเตียงของเขา
          “ทำไมน้อยแบบนั้นหล่ะ”ฉันเริ่มแสดงให้เขารู้ว่ามันช่างไม่ยุติธรรมมากๆ
          “ก็ฉันยืมเธอมาแค่นี้นี่หนา เอาน่า อย่างน้อยวันนี้ฉันก็เลี้ยงข้าวเธอด้วยอาหารที่แพงที่สุดของที่นี่ก็แล้วกันนะ อย่าเรื่องมากน่า มากินข้าวได้แล้ว มัวร์แต่ยืนอยู่ได้ จะฝังรากลงตรงนั้นรึไง”
          “ก็มันไม่ยุติธรรมหนิ อย่างน้อยฉันต้องได้เงินมากว่านี้สิ ในเมื่อเงินที่นายเอาไปเล่นมันคือเงินของฉัน”ฉันเริ่มเฉียงเขา
          “เอาน่าๆ กำไรของเธอก็คือค่าอาหารมื้อนี้ไง แพงสุดๆเลยนะขอบอก”
ฉันพึ่งเห็นว่าข้างๆตัวเขายังมีขวดเหล้าแพงๆอีกสองสามขวด มันทำให้ฉันมีไอเดียดีๆขึ้นมาทันที
          “โอเค...ก็ได้ แต่ฉันเป็น เป็น...”ฉันพยายามกล่ำกลืนพูด โถ่เอ๊ย...มันยาก ที่จะพูดออกมาจริงๆ
          “เป็นอะไรนะ..ห๊า...เป็นอะไร หูฉันไม่ค่อยได้ยิน แล้วขอแบบซึ้งๆด้วยนะ ฮ่าๆๆ”เขาหัวเราะดังลั่น
          “ก็เป็นภรรยานายไง” เขาแทบสำลักบรั่นดีทันทีที่ได้ยินคำนี้
          “อ่ะอ่า...ใจเย็นไว้น้องสาว ถึงฉันจะเมา แต่ฉันก็จำได้นะว่าเธอเคยพูดว่า เราเป็นสามีภรรยากันแค่พฤติกรรมแต่ไม่ใช้ทางกฎหมาย เพราะฉะนั้น เงินพวกนี้เป็นโมฆะสำหรับเธอนะจร้ะ ที่รัก”เขาพูดจบก็กระดกบรั่นดีจากขวดไปอึกใหญ่ๆ เชอะ...ทีแบบนี้ทำเป็นหัวหมอกับฉัน รับรองนายได้รู้ฤทธิ์ของฉันแน่!
          “โถ่เอ๊ย...ทำเป็นเรื่องมากไปได้ เอ๊ากินก็กิน นายมัน ขี้งก งก งก งก งก แล้วไงนายไม่กินด้วยกันเหรอ” เขาเริ่มเมาอย่างเห็นได้ชัด
          “เฮ้...เธอนี่ใจดีชะมัด โอเค ฉันจะกินกับเธอก็ได้ แต่ๆเขาต้องอยู่กับฉันด้วย”เขาที่อิตานี่หมายถึงคือเชฟนั่นเอง ทำไม...ไม่ไว้ใจฉันเหรอยะ
          “ก็ได้...ฉันไม่ขัดศรัทธานายหรอก”มารยาเข้าไว้ ยัยไอ มารยาเข้าไว้
          “เริ่มกินได้รึยังฉันหิวจนไส้จะหลุดแล้ว”เมื่อฉันพูดจบก็ไปหยุดนั่งข้างๆเขา จนเชฟยักคิ้วให้
          “เอาแก้วของเธอมาชนกับฉันสิ เร็วสิ ฉลองกับฉัน” เขาพูดพร้อมกับกลืนบรั่นดีอึกสุดท้าย
เขาหมายถึงแก้วที่อยู่ตรงหน้าฉัน มันเหมือนไวท์นะ เขาบ้าไปแล้วแน่ๆ
          “ในแก้วของฉันคือน้ำอะไร ไม่ใช่ไวท์ใช่มั้ย” ฉันรีบถามทันที
          “มันคือน้ำองุ่นหน่ะ พ่ออย่างฉันไม่ใจร้ายกับลูกแบบนั้นแน่นอน” เขากัดฉันด้วยหางตา
            “มันก็สมควรจะต้องเป็นแบบนั้น”ฉันกัดเขาด้วยหางตาบ้าง
          “เอ๊า....ชน ขอให้เธอหลับฝันดี”
          “ชน...นายได้หลับฝันดีแน่นอน ที่รัก”
          ........................................................................................................................................
            ใต้เปลือกตาของฉัน แสงสีส้มยังคงสว่างจ้า นั่นเพราะไฟห้องที่ไม่ได้ปิดตลอดทั้งคืน ฉันยกหัวตัวเองขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา อ่า...พึ่งหกโมงสิบห้าเอง แถมท้องฟ้าข้างนอกยังมืดสนิท ไม่ถึงสองวินาทีฉันก็มึนหัวอย่างรุนแรง และอยากจะอาเจียนขึ้นมา ฉันกระโดดลงจากโซฟายักษ์ของห้องบาร์ แล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำทันที ตอนนี้ฉันเหมือนในละครเลย ฉันคุกเข่าลงข้างๆโถส้วม ผมเฝ้าก็ฟูไม่เป็นทรงจนฉันต้องจับมันรวบด้วยมือของตัวเอง ฉันว่าทุกอย่างที่กินไปเมื่อคืนมันคงออกมาหมดแล้วสินะ โถ่...นั่นมันแพงนะ
            เมื่อฉันหันหลังไปมองบนเตียงบาร์ยังคงนอนเหมือนศพอยู่ตรงนั้น ถ้าเพื่อนร่วมงานของเรามาเห็นเขาสภาพแบบนี้หล่ะก็ มีหวังเขาต้องโดนไล่ออกอย่างแน่นอน และที่แน่นอนไปกว่านั้นสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ บริเวณรอบๆตัวของเขาไม่มีเงินพวกนั้นอีกแล้ว เพราะเมื่อคืนมันได้กลายมาเป็นของฉันทั้งหมด แถมยังถูกกฎหมายซะด้วย ถ้าเขาตื่นขึ้นมาหล่ะก็ มีหวังต้องช็อกตายแน่ๆ ฉันเดินไปคว้ากุญแจห้องแล้วพาร่างที่อิดโรยจากมอนิ่งซิกกลับห้องตัวเอง ฉันทิ้งไว้เพียงซองจดหมายและกล้องวีดีโอหนึ่งอัน นั่นสิ่งจะทำให้เขารู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งมันก็คือของเขาเองนั่นแหล่ะ รับรอง...เขาต้องเซอร์ไพร์กับเรื่องเมื่อคืนแน่ ฉันมั่นใจ...
                   ...........................................................................................................
          ฉันเริ่มงานวันใหม่ด้วยการอธิบายวัสดุทั้งหมดให้กับช่างที่ต้องมาทำงานที่นี่จนจบแม้กระทั่งฉันจะกลับไปไทยแล้วก็ตาม งานก่อสร้างที่นี่ดูมีระบบมาก พวกเขาไม่เรื่องมากแบบวิศวกร แถมยังแนะนำวัสดุที่ดีกว่าให้ฉันรู้จักด้วย ฉันว่าพวกเขายังจะฉลาดกว่าวิศวกรด้วยซ้ำ ฉันเริ่มงานได้อย่างรวบรื่น พวกเขาเข้าใจในทันทีเมื่อฉันเริ่มพูดหัวข้อใหม่ งานของฉันเสร็จภายในครึ่งวัน มันอย่างกับสวรรค์ ส่วนวันพรุ่งนี้ถึงจะได้เริ่มงานก่อสร้างแบบครบเซ็ต เพราะวันนี้ต้องเคลียร์เรื่องวัสดุทั้งหมดก่อน
            ฉันต้องกินมื้อกลางวันคนเดียวอีกมื้อ ฉันเลือกอาหารญี่ปุ่นแทนอาหารขยะในมื้อนี้ อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องเจอกับชีสที่รสชาติสุดโต่งแบบนั้น ในขณะที่ฉันกำลังค่อยๆคีบซูชิคำโตเข้าปากอยู่นั้น....เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เมื่อฉันรับสาย...
            “นี่เธอ....เงินฉันหล่ะ มันหายไปไหน ไอ้เชฟนั่นใช่มั้ย ตอบฉันมาสิ” บาร์โวยวายเสียงดังลั่น
          “ใจเย็นสิ นี่แสดงว่านายยังไม่ได้ดูในซองจดหมายข้างเตียงนั่นเลยใช่มั้ย อ่อ..แล้วก็ ถ้านายเปิดอ่านแล้วก็อย่าลืมเปิดดูในกล้องวีดีโอของนายด้วยหล่ะ แล้วนายจะเข้าใจหมดทุกอย่าง ที่รัก”ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะดังๆในใจ นายเสร็จฉันหล่ะ
          “ให้ตายเถอะ ..เธอคิดจะทำอะไรของเธอกันเนี่ย มันต้องไม่ดีกับฉันแน่ๆ”เขาพูดเสียงหลง
          “ไว้นายดูเองก็จะรู้”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ทั้งที่ในใจอยากให้เขาเปิดอ่านเต็มที
          “ฉันจะเปิดละนะ” หลังจากพูดจบเขาก็เงียบไปสักพัก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที
          “……..”
          “ให้ตายเถอะ....เธอ ...เธอ...ทำอะไรของเธอ ฉัน ทำไม ฉัน...” เขาแทบพูดไม่ออก
            “อ่าฮะ....”แต่ฉันกลับพูดพร้อมกับกินต่ออย่างสบายใจ
          “ทำไม...ทำไม...ฉันกับเธอถึงมีทะเบียนสมรสแล้วหล่ะ แล้วยังมีสัญญาสินสอดด้วย บ้าไปแล้ว...ไม่จริงหน่ะ ฉันเซ็นมอบเงินให้เธอหมดเลยหรอเนี่ย นี่เธอ...รู้ไว้ซะด้วยนะว่ามันต้องเป็นโมฆะแน่ๆ เพราะฉันเมาแถมยังไม่มีสติด้วย ” เขาตะโกนจนเสียงลอดออกมานอกโทรศัพท์
          “เงียบเถอะน่า มันไม่มีทางเป็นโมฆะแน่นอน ถ้านายจะช่วยรีบๆดูในกล้องวีดีโอเดี๋ยวนี้”
          “ก็ได้...ในเมื่อมันเป็นถึงขนาดนี้แล้วหนิ ฉันดูต่อแน่ ยัยอสรพิษ” อสรพิษงั้นหรอ ฉันหน่ะเป็นมากกว่านั้น รู้ไว้ซะด้วย
          “ชักช้าอยู่ได้...ดูเร็วๆเข้าสิ”ฉันพูดด้วยความสะใจอย่างออกนอกหน้า
            ฉันได้ยินเสียงเขาเปิดกล้องวิดีโอออก มันเงียบซะจนฉันสามารถได้ยินแม้กระทั่งเขากำลังกดปุ่มอยู่ จากนั้น.....
          “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เมา...เงียบเถอะน่า”เสียงของบาร์ดังแทรกออกมาจนทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าเรื่องราวกำลังถึงตอนไหนแล้ว หลังจากที่เขาจัดการกับเหล้าวิสกี้ไปอีกเกือบครึ่งขวดเขาก็เมาจนแทบจะลุกเดินไม่ได้โชคดีที่เชฟยังอยู่กับเรา ฉันคิดว่าเขาเองก็กลัวว่าฉันจะเล่นไม่ซื่อกับบาร์ เลยยังไม่ไปไหน เชอะ...คุ้มค่าจ้างจริงๆนะ พ่อคุณ ฉันจึงดำเนินตามแผนการที่คิดไว้อย่างรอบคอบ
          “เชฟค่ะ คุณรู้มั้ยว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องเซอร์ไพร์เขา” ฉันพูดกับเขาอย่างรีบร้อน
          “ครับ...แต่เขากำลังเมามากเลยนะครับ เขาอาจจะฟังคุณพูดไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ”เขาเสนอความเห็น
          “นั่นก็ถูกของคุณ...แต่นี่คือความลับนะ ตอนนี้มีแค่คุณกับฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ฉันกำลังท้องค่ะ”
          “ว๊าว...มันช่างเห็นข่าวดีจริงๆ เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยอะไรหล่ะก็ รีบบอกกับผมได้เลยนะครับ คุณผู้หญิง”ฮ่าๆๆ ฉันรอคำๆนี้มานานแล้ว
          “ค่ะ...ฉันอยากรบกวนคุณแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ได้ยินมาว่าโบสถ์ของที่นี่หน่ะสวยมาก ฉันอยากไปบอกให้เขารู้เรื่องลูกของเขาบนนั้น เพียงแต่ จากสภาพของเขาตอนนี้ฉันคงพาเขาขึ้นไปด้วยตัวเองไม่ได้...”
          “แน่นอนครับคุณผู้หญิง...ผมจะพาเขาขึ้นไปเอง คุณสบายใจได้” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
          “ขอบคุณค่ะ...คุณนี่ใจดีจริงๆ”
          ภายในไม่กี่นาทีเราทั้งหมดก็มาอยู่กับบนโบสถ์สุดหรูของคาสิโนแห่งนี้ บาร์ยืนเซไปเซมาแต่เขาเริ่มพูดรู้เรื่องมากขึ้น ฉันสั่งให้เชฟช่วยถ่ายวีดีโอให้ฉัน จากนั้น ฉันจึงกระซิบบางสิ่งข้างๆหูของเขา
            “บาร์...นายรู้มั้ยว่าตาเชฟนั่นจะจีบฉัน”ฉันเริ่มต้นปั้นเรื่องทันที
          “อะไรนะ...ไม่จริงใช่มั้ย”เขาเมาจนอุทานออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
          “นั่นหน่ะเรื่องจริง นายรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”ฉันเลยตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษบ้าง
          “แน่นอน...คุณรู้อะไรรึป่าว...นี่หน่ะ...ภรรยาของผม...และนี่...ลูกของผม”เขาชี้นิ้วไปที่เชฟแล้วค่อยๆเลื่อนมือลงมาจับที่ท้องของฉัน แต่เขายังคงแต่พูดภาษาอังกฤษ และที่สำคัญเชฟก็ยังไม่รู้เรื่องต่อไป จากนั้นฉันจึงกระซิบบาร์อีกครั้ง
            “เขายังไม่ยอมไปเลยอ่ะ เราไปแต่งงานกันในโบสถ์ดีกว่าเขาจะได้เลิกยุ่งกับฉันซะที เร็วเข้าสิ คุกเข่า” ฉันตะโกนใส่หูเขา และทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าทันที
          “ฉันจะพูดกับเธอแค่ครั้งเดียว...แค่ครั้งเดียว”เขาตะโกนดังลั่น
          “อะไร....”ฉันตะโกนกลับบ้าง เพราะในขณะที่เขาตะโกน คนในบริเวณนั้นก็หันมามองทันที เพราะเขายังไม่หลุดภาษาไทยมาแม้แต่คำเดียว นั่นสินะ ...งั้นฉันต้องลุยเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยละกัน
            “แต่งงานกับฉัน ...ไอ...แต่งงานกับฉัน”
          “ค่ะ...ฉันแต่ง”เสียงตบมือเกลียวกราวจากคนทั่งบริเวณ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหน่ะเมาจนไม่รู้เลยไปแล้ว จากนั้นฉันจึงพาเขาเข้าไปในโบสถ์ มีบาทหลวงหนุ่มผิวดำมาทำพิธีให้ สิ่งที่เขาถามบาร์คำแรกก็คือ
          “นี่คุณไม่ได้เมาอยู่ใช่มั้ย”บาทหลวงถามเสียงแข็ง
          “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เมา...เงียบเถอะน่า”นั่นคือตอนที่บาร์เปิดดูวีดีโอพอดีและแน่นอนเขาได้เลื่อนความเร็วจนเลยฉากสำคัญไป แต่ไม่เป็นไร เรื่องราวยังมีต่อ ...เพราะหลังจากที่เขากับฉันเซ็นใบทะเบียนสมรสเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น....
          “ฝ่ายชาย...คุณจะรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณหรือไม่”
          “รับเซ่”ฉันภาวนาให้เขาไม่หลุดอะไรทั้งนั้น
          “ฝ่ายหญิง...คุณจะรับผู้ชายคนนี้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณหรือไม่”
          “รับค่ะ”ฉันพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
          “’งั้นเชิญคุณผู้หญิงมอบของกำนัลให้เจ้าบ่าว”เมื่อเขาพูดจบฉันจึงถอดสร้อยของฉันให้กับฉัน ทำไงได้ก็มันเป็นของมีค่าทั้งหมดของฉันในตอนนี้หนิ ช่วยไม่ได้....
          “ต่อไป...เชิญคุณผู้ชายมอบของกำนัลให้เจ้าสาวคุณด้วย” บาร์ถึงกับอึ้งในคำถามนี้
            “ผมจะ....เอาอะไร....ไปให้...เธอหล่ะ..ตอนนี้ผม...ไม่มีของมีค่า....อะไรติดตัวมาเลยหนิ”เขาพูดแทบไม่รู้เรื่อง ยืนก็ยังเซไปเซมา
            “งั้นก็...อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่ามีค่ากับคุณที่สุดสิ”บาทหลวงเร่งเขา
            “ถ้าอย่างงั้น....ผม...มอบ”...
          “มอบอะไร...”บาทหลวงคงกลัวว่าเขาจะล้มกลิ้งก่อนพูดจบ
          “ผมขอมอบเงิน...ทั้งหมด....ที่ผมได้จากคาสิโนนี้....ให้เธอ เพื่อเป็นของขวัญ....ให้กับลูกของผมที่....กำลัง....จะเกิดมาด้วย”บาทหลวงยื่นกระดาษแผ่นนึงให้เขา
            “อะไรอีกเล่า”เขาตะโกนดังลั่น
          “เพื่อเป็นการยืนยันกับพระเจ้าว่าคุณจะให้มันกับเธอจริงๆ”ว๊าว...พระเจ้าช่วยฉันอีกแล้ว
            “เรื่องมากจังวะ....ผมเซ็นแล้ว...เห็นมั้ย” เขาพูดพร้อมกับเซ็นไปด้วย ฉันยิ้มจนแกล้มแทบปริออกมา ถึงแม้ถ้าบาทหลวงไม่พูดอะไรหล่ะก็ ฉันก็จำทำทุกทางให้ได้เงินนั่นมาอยู่ดี เพราะเขาดันเล่นไม่ซื่อกับฉันก่อน แล้วเงินพวกนี้ ถ้าเทียบเป็นไทยหน่ะหรอ มันคงประมาณ 47 ล้านบาทเห็นจะได้
          “ฉันรักคุณค่ะ...ที่รัก”ฉันแกล้งพูดให้บาทหลวงคิดว่าเราเป็นคนรักกันจริงๆ แต่ในท้องกลับเหมือนรู้สึกมีคลื่นลูกเล็กๆเกลียวกลาวซัดสาดอยู่ในนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน น่าแปลกจริงๆ นอกจากนั้นฉันยังรู้สึกอีกว่าลูกกำลังบอกกับฉันว่า ขอบคุณค่ะแม่ แม่ทำดีที่สุดแล้ว รอยยิ้มบนหน้าของฉันมันไม่ได้มีความหมายเพื่อเงิน แต่มันเพื่อ....
            “ผม...ก็..รัก..คุณ....ที่รัก” เขาก็ยังพูดต่อไปถึงแม้จะไม่เหลือสติแล้วก็ตาม ก่อนที่ปุ่มบันทึกวีดีโอนี้จะถูกปิดลง บาทหลวงก็ทิ้งท้ายด้วยประโยคสั้นๆ ที่ทำให้พ่อของลูกฉันเจ็บปวด
            “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ฉันขอมอบประโยคนี้เป็นของขวัญแต่งงานกับนายนะ บาร์...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา