The Cruise In The Lost Time

8.1

เขียนโดย scorpionman

วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.31 น.

  4 บท
  7 วิจารณ์
  7,311 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 13.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เส้นทางที่4 นามนั้นคือจอมโจรเงา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เส้นทางที่4

นามนั้นคือจอมโจรเงา

 

 

 

 

            ‘เราไม่ต้องการราชา’

            ‘โหดเหี้ยม’

            ‘ออกไป’

            เสียงโห่ร้องขับไล่กู่ก้องดังกังวานของสามัญชน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ ความเดืออดแค้นในตัวกษัตริย์ที่ปกครองราษฎร์ อย่างไร้ความเมตตา ปราศจากความยุติธรรม

                                               

                                                            ‘เดสทรอย เบลเกรเฟีย’

 

นั่นคือชื่อองราชาองค์ปัจจุบัน ราชโอรสอันดับ1 ของมหาราชาโรเบิร์ต  เบลเกรเฟีย แห่งดรากูเนส ผู้มีสิทธิครองบัลลังก์โดยชอบธรรม

            “สละบัลลังก์ซะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วงนับร้อย

 

                เปรี้ยง   เปรี้ยง    เปรี้ยง !                 กรี้ดดดดดดดดด!

 

เสียงปืนดังสนั่นกลบเสียงขับไล่ของประชาชนได้อย่างฉับพลัน มีเพียงเสียงกรีดร้องเท่านั้นที่ประทุขึ้นพร้อมกับการเหนี่ยวไกปืนของเหล่าทหารราชองครักษ์  เพียงเพื่อสนองความต้องการขององค์ราชา

                        ‘ฆ่าคนที่ต่อต้านข้าให้หมด’

 

            กระสุนสาดใส่ผู้คนดั่งห่าฝน ไม่มีหยุดยั้ง พื้นดินถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด ไม่มีคำว่าเมตตาจากปลายกระบอกปืน ประชาชนนับร้อยต่างอลหม่านหลบหนีเอาชีวิตรอด  เด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งร้องไห้กอดร่างผู้เป็นแม่ที่บัดนี้ไร้ซึ่งลมหายใจ    หญิงวัยชราถูกผลักจนล้มลงจากความชุลมุน ร่างกายของนางถูกเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสิ้นใจ

            นี่เป็นเพียงคำเตือนจากองค์ราชาที่เพียงสั่งสอนให้รู้ว่า อย่าริอาจต่อต้านอำนาจกษัตริย์ ผู้ใดกล้าลุกขึ้นสู้คงมีแต่ตายกับตาย ทว่า... มีหนึ่งบุรุษซึ่งไร้นาม ปรากฏกายในยามค่ำคืน กระทำการต่อต้านกษัตริย์ ปล้นท้องพระคลัง จ่ายภาษีคืนแก่ประชาชน ไม่มีผู้ใดได้ยลแม้โฉมหน้าและหนีรอดจากการจับกุมได้ทุกครา                 

                                                                     

                                                              จอมโจรเงา   

 

            “ข้าเบื่อนักกับการที่จะต้องมาทนเจ้าพวกขี้ข้าชั้นต่ำนั่นดูหมิ่น” เดสทรอยพูดขึ้นขณะที่ส่องสายตาลงไปยังเบื้องล่างปราสาทที่เต็มไปด้วยศพของผู้ต่อต้าน

 

            “เป็นเพราะเจ้าจอมโจรเงานั่น”  ชายผู้ยืนเคียงกับกษัตริย์เอ่ยขึ้น เขามีสีผิวแทนเข้ม กับใบหน้าที่ดุดัน พร้อมกับสีผม ขนตา และคิ้วดำสนิทที่เหมือนถูกย้อมด้วยถ่าน

 

            “ใช่แล้วเซอร์แบล็ควูด” เดสทรอยเอ่ย  “หากไม่มีเจ้านั่นประชาชนคงไม่ลุกต่อต้านข้าเช่นนี้” เขาพูดต่อ

            “นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าทำตัวเจ้าเองหรอกหรือ เดสทรอย” ชายหนุ่มร่างกำยำพี่ชายบุญธรรมของราชาเดสทรอยเดินเข้ามาขัดวงสนทนาด้วยรอยยิ้ม บนใบหน้าเรียวยาวที่ทรงเสน่ห์รับกับคิ้วสีน้ำตาลเข้มเหมือนกันกับเส้นผมที่ถูกรวบไว้อย่างหลวมๆอย่างไม่มีระเบียบ ต่างกับเดสทรอยที่เรือนผมสีทองของเขาถูกรวบให้ตึงดูดีเฉกเช่นคนชั้นสูงทั่วไป

            “แบจอัท หุบปากไปซะ”

 

            “ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะเดสทรอย”

 

            “ไม่ต้องมาเตือนข้าเจ้าลูกนอกไส้” เดสทรอยยืนชี้หน้าแบจอัทด้วยอารมณ์สุดแสนหงุดหงิด

 

            “ถึงจะเป็นลูกนอกไส้ แต่ข้าก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเจ้า”

 

            “กล้าดียังไงเจ้าแบจอัท” เซอร์แบล็ควูดที่ยืนอยู่ข้างๆทำทีโมโหขึ้น

 

            “ข้าสั่งลงโทษท่านได้นะเซอร์แบล็ควูดในฐานะบุตรของกษัตริย์” แบจอัทใส่เสียงเข้มพร้อมดวงตาดุดันจ้องไปที่เซอร์แบล็ควูด ทำเอาท่านเซอร์ได้แต่ยืนอึ้งนิ่ง แต่ก็ยังมิวายคิดตอบโต้

         

                                          บุตรกษัตริย์รึแค่ลูกบุญธรรม 

 

 

            “จริงอยู่ที่จอมโจรเงาปลุกระดมให้ชาวบ้านโค่นอำนาจเจ้า แต่นั่นเพราะความผิดของเจ้าด้วยเช่นกัน ทั้งขูดรีดเงินภาษีจากชาวบ้าน เกณฑ์เด็กอายุไม่ถึง15 มาเป็นทหาร ไหนจะละทิ้งราษฎรให้อดอยาก แล้วล่าสุดเจ้าก็เพิ่งฆ่าผู้บริสุทธิ์อีกเป็นร้อยนะ”

 

            “นี่ท่านจะมาตอกย้ำข้าอย่างงั้นหรือ”

 

            “เปล่าข้าเพียงจะเตือนสติเจ้าเท่านั้นว่าอะไรควรไม่ควร”

 

            “ข้าเป็นกษัตริย์ คิดได้เองว่าอะไรควรไม่ควร ท่านไม่ต้องมาสั่งสอนข้า”

 

            “....”

 

            “ออกไป! ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้า” เดสทรอยออกคำสั่งด้วยเสียงตวาด 

       แบจอัทโค้งคำนับให้หนึ่งครั้งก่อนจะเดินออกไปด้วยท่วงทีสงบ

 

            แบจอัท  และ เดสทรอย   ราชโอรสแห่งมหาราชาโรเบิร์ตแห่งตระกูลเบลเกรเฟียผู้ครองมหานครอันยิ่งใหญ่แห่งดินแดนวาลฮาลลา  อาณาจักรดรากูเนส  หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์  เจ้าชายเดสทรอย ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อ ในขณะที่แบจอัทซึ่งเป็นลูกบุญธรรมก็ได้ตำแหน่งที่ปรึกษาตามคำขอของผู้เป็นพ่อก่อนสิ้นใจ เหตุเพราะความเก่งกล้าในทุกด้าน พร้อมความเชี่ยวชาญศึกในทุกสนาม ทำให้ผู้เป็นพ่อไว้ใจให้ดูแลน้องชายเมื่อยามได้ครองบัลลังก์ หากแต่ว่าพระองนั้นคิดผิดมหันต์ 

 

            เมื่อยามที่บุตรชายคนเล็กได้ครองบัลลังก์ ความเหิมเกริมก็ครอบงำ มิฟังคำเตือนจากใคร พี่ชายที่มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาบางครั้งก็ถูกละเลยจนแทบไม่เห็นเงาหัว 

 

 

            “ข้าทนไม่ไหวแล้วนะกับสิ่งที่ราชาเดสทรอยทำ”โรปป์ชายหนุ่มทหารยามร่างน้อยนั่งสนทนากับอำมาตย์วัยชรา ที่กำลังยกโถเหล้าขึ้นดื่มอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในหอสมุดเก่า

 

            “เขาไม่คู่ควรกับการเป็นกษัตริย์” โรปป์พูดต่อ

 

 ตึง!  เสียงวางโถเหล้าดังสนั่นเมื่อชายชราที่นั่งด้านตรงกันข้ามดื่มมันอย่างพอใจแล้ว

 

            “ถูก เขาม่ายคู่ควรแต่หนายแต่รายแล้ว  เอิ้ก!  แบจอ้าทสิ้คู่ควร”

 

            “แต่แบจอัทก็มิใช่บุตรที่แท้จริงจะไปมีสิทธิ์ครองราชย์ได้อย่างไร”

 

            “ก็ยึดบัลลังก์ดิ๊ เอิ้ก

 

            “ท่านเมามากแล้วนะอำมาตย์เทเรียน ”

 

            “ฮ่าๆๆๆ”

 

 

                                                          'จอมโจรเงา!'

                                                   ' ท้องพระคลังถูกปล้น!'

 

            เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดท่ามกลางวงสนทนาระหว่างทหารหนุ่มและอำมาตย์ชราสร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งคู่อยู่ไม่น้อย โรปป์รีบรุกขึ้นทันทีเพื่อไปทำหน้าที่ผู้ปกป้องความสงบสุข

            “ไม่ทันหร้อก แม้แต่เงาก็ม่ายด้ายเห็น เอิ้ก” อำมาตย์เทเรียนในสภาพเมาหัวราน้ำ เอ่ยไล่หลังทหารหนุ่มน้อยที่กำลังเปิดประตูออกไป

 

                                                                        ∞

 

 

            “พวกท่านปล่อยให้เจ้าโจรนั่นเข้ามาได้อย่างไร” ราชาเดสทรอยเอ่ยขึ้นด้วยความโมโหสุดกำลัง

 

            “กำลังยามก็แน่นหนา การตรวจตราก็ถี่ถ้วน”

 

            “แถมกุญแจท้องพระคลังก็อยู่ในห้องราชา ทำไมถึงปล่อยให้ขโมยไปได้”เซอร์แบล็ควูดเสริมขึ้น โดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ราชาเดสทรอยที่ประทับอยู่ข้างๆส่งแววตาดุดันให้ทันที

 

            “ขออภัยฝ่าบาท”

 

            “อำมาตย์เทเรียน” ลอร์ดเกวินท์ พระหัตถ์ซ้าย ผู้มีใบหน้าขึงเข้มและเต็มไปด้วยรอยแผลเอ่ยขึ้น

 

            “ว่ายังไงท่านลอร์ดเกวินท์”

 

            “ท้องพระคลังอยู่ติดกับหอสมุดของท่าน ท่านไม่ได้ยินเสียงอะไรบ้างรึไง”

 

            “ลอร์ดเกวินท์ ท่านเอ่ยแบบนี้หมายความว่าอย่างไร” อำมาตย์เทเรียนส่งสายตาให้ด้วยความไม่พอใจพร้อมน้ำเสียงขุ่นแค้น

 

            “ แล้วท่านละคิดว่าอย่างไร ”  ลอร์ดเกวินท์เหยียดยิ้มด้วยริมฝีปากที่ขาดแหว่งจนมันดูเบี้ยวบูดอย่างไม่น่ามอง

 

            “ท่านลอร์ดเกวินท์ตัวข้านั้นอายุก็ไม่ใช่น้อย ปีนี้ข้าก็69 แล้ว หูตาย่อมฝ้าฟางมากกว่าเดิม แล้วท่านจะเอาอะไรกับคนชราอืดอาดอย่างข้า ท่านน่าจะถามตัวเองมากกว่านะ คนที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน ฝีมือดาบเป็นเลิศ ปล่อยให้จอมโจรเงาเข้ามาได้อย่างไร”  อำมาตย์เทเรียนสวนกลับด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะแทงใจดำ             ลอร์ดเกวินท์สุดๆ

 

            “พอเถอะท่านทั้งหลายเถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์ เรามาหาทางจับเจ้าโจรนั่นไม่ดีกว่าหรือ” แบจอัทที่เคยยืนเงียบอยู่เอ่ยขึ้นเพื่อตัดความรำคาญ

 

            “จริงอย่างที่ท่านที่ปรึกษาพูด” เดสทรอยพูด  นับว่าเป็นเรื่องแปลกในรอบปีนี้เลยก็ว่าได้ที่เดสทรอยยอมไหลไปทางเดียวกันกับแบจอัท

 

 

            ชั่วครู่ห้องโถงสีทองที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่เคยแซ่ซ้องไปด้วยเสียงพูดคุยบัดนี้กลับเงียบสงบราวกับผู้คนถูกสาปให้เป็นใบ้ ไม่มีเสียงผู้ใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อองค์ราชาให้แสดงความคิดเห็น เห็นได้ชัดว่าพวกเหล่าขุนนางนั้นเก็บคำพูดไว้เพียงเพื่อสนทนาเรื่องไร้สาระ เมื่อยามเป็นการเป็นงาน สมองก็เหมือนกับถูกแช่แข็งจนคิดอะไรไม่ออก แม้แต่ลอร์ดเกวินท์กับเซอร์แบล็ควูดจอมประจบก็ยังคงสงบนิ่งเช่นกัน

 

            “ขออภัยฝ่าบาท” หนึ่งผู้กล้าเสนอตัว หนุ่มน้อยผู้มีแววตาลุกลน เขาเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ราชา    เดส ทรอยชั่วแวบเดียวก่อนจะก้มหน้าไปเหมือนเดิม

 

            “ว่ามา”

 

            “กับดักใยแมงมุม”

 

            “เจ้าว่าอย่างไรนะ” เดสทรอยทวนความ

 

            “กับดักใยแมงมุมพะยะค่ะฝ่าบาท มันเหมือน เอ่อ...”เขาพูดอย่างลังเลใจ

 

            “ว่ามาเลย” เดสทรอยตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้น

 

            “เอ่อ...คือมันคล้ายกับการนำเส้นด้ายบางๆมาสานเป็นตาข่าย และขึงให้รอบห้อง เมื่อใดที่ร่างกายสัมผัสโดนกลไกก็จะทำงาน โดยเส้นด้ายนี้จะผูกยึดกับคันศรธนู เมื่อใดที่เส้นด้ายนี้ถูกกระทบอย่างแรง สลัดก็จะหลุดและธนูก็จะถูกยิงออกทันที”

 

            “คล้ายกับกับดักตามหุบเขาวงกตสินะ”

 

            “พะยะค่ะ ฝ่าบาท”

 

            “แล้วท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เจ้าโจรนั่นจะไม่หนีรอดไปได้กับกลง่ายๆแบบนี้”

 

            “มันจะไม่ง่ายแน่ๆหากพระองค์ย้ายคลังสมบัติไปยังหอคอยทรงกลตที่เหมาะแก่การทำกับดักยิ่งและใช้ด้ายมายาของร้านคาทิสในเมืองซานโกรเดรียสร้างกับดัก พร้อมกันนี้หากพระองค์ฟื้นฟูกลกับดักเก่าๆในหอคอยนั้นได้ ก็เท่ากับว่าเราจะได้กับดักและอาวุธที่มากเลยทีเดียว”

 

            “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าดรากูเนสกับซานโกรเดรียบาดหมางกันมานับหลายทศวรรษแล้ว” เซอร์แบล็ควูดเอ่ยขึ้น “การที่จะสั่งสินค้าจากที่แห่งนั้นนับเป็นเรื่องยาก หนุ่มน้อย” เขาพูดต่อ

 

            “ใช่แล้วขอรับท่านเซอร์หากแต่ว่าข้าสามารถนำมันมาให้ท่านได้”

 

            “เจ้าทำได้อย่างงั้นเหรอ !”

 

 ประโยคนั้นทำเอาเดสทรอยที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นประหลาดใจบวกกับความดีใจและความหวังมากมายเหมือนกับเด็กน้อยที่รู้ว่าตัวเองจะได้ของเล่นที่ปรารถนา

           

            “พี่สาวของข้า ลีอา นางถูกจับเป็นเชลยทาสเมื่อตอนสงครามในสมัยราชาโรเบิรต์ ตอนนี้นางทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านคาทิส นางช่วยเราได้ ข้าขอเวลาเพียงสามวัน พระองค์”

 

            “ฮ่าๆๆ ถ้าอย่างนั้นก็เข้าทางเรา เจ้านั่นไม่มีวันรอดไปได้อีกแน่”  เดสทรอยหัวเราะอย่างชอบใจ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างก็พอใจต่อแผนการนี้เช่นกัน

 

            วันรุ่งขึ้นหลังจากการวางแผนจับกุมจอมโจรเงา หอคอยทรงกลตที่สูงชัน แน่นหนาและสง่างามที่ถูกทิ้งร้างมานานถูกตระเตรียมให้กลายเป็นท้องพระคลังแห่งใหม่ ด้วยความที่หอคอยแห่งนี้ในอดีตกาลเคยเป็นเขาวงกตในหอคอยทรงสูงไว้เป็นที่ให้เทพเจ้าพิพากษาประหารชีวิตชนชั้นสูงด้วยการสร้างเกมส์ล่าสมบัติหากเทพเจ้าตัดสินให้พ้นจากความผิด บุคคลนั้นจะมีชีวิตรอดออกมาพร้อมเงินทองมหาศาลเพื่อการดำรงชีวิตต่อไป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หอคอยแห่งนี้จะเหมาะยิ่งกับการสร้างกลอาวุธสังหาร

 

            ข่าวการย้ายพระคลังแห่งใหม่ถูกแพร่สะพัดไปทั่ว เริ่มจากการพูดปากต่อปากในพระราชวังจนไปถึงชานเมืองรอบนอก กลายเป็นที่รู้กันทั่วไปของชาวเมือง นี่คือแผนการประกาศเรียกจอมโจรเงาอย่างชาญฉลาด ถูกคิดขึ้นโดย เจ้าชายแบทอัจ ที่ปรึกษาประจำพระองค์ เพราะราชาเดสทรอยมิได้ฉลาด อย่างที่องค์ราชาทั่วๆไปควรเป็น ทั้งอายุที่เยาว์วัยเพียง 17 ปีและอ่อนประสบการณ์ในทุกๆด้าน 

 

          จนในที่สุดราตรีที่ราชาเดสทรอยเฝ้าฝันก็มาถึง อาวุธและกลลวงทั้งหลายก็ถูกเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้แผนการนี้สำเร็จ คือร่างอันไร้วิญญาณของจอมโจรเงา ตามปรารถนาของผู้ครองมหานครซึ่งกำลังยืนรออย่างใจจดใจจ่อหน้าหอคอย กำลังยามแน่นหนามากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าเฝ้าตรวจตราตลอดราตรีอันยาวนาน ราวกับเกิดศึกสงคราม

 

 

                                                                เพล้ง!

 

 

            เสียงแหลมระคายแก้วหูดังไปทั่วเมื่อหลังคาโดมแก้วของหอคอยถูกทำให้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับเงาตะคุ่มๆของร่างมนุษย์กำลังโรยตัวลงจากด้านบน

       

               “มันมาแล้ว”

 

            เหล่าทหารที่ยืนเฝ้าบันไดปีกซ้ายและขวาต่างแตกตื่นและรีบกรูไปยังด้านในของหอคอยกันอย่างไม่ลดละ จนลืมคิดไปว่า ณ ที่แห่งนี้ ถูกฝังไปด้วยกลอาวุธสังหารมากมาย โดยเฉพาะชั้นบนสุดของหอคอยซึ่งมีกับดักใยแมงมุมที่ประกอบขึ้นจากด้ายมายาขึ้นชื่อว่าทั้งบางและใส ยากจะสังเกตเห็น ด้วยแรงสัมผัสจากปลายเท้าเพียงเล็กน้อย แต่มากจำนวนคน ทำให้สลักคันศรถูกปลดออกทันที ลูกธนูนับพันพุ่งตรงออกมาจากกำแพงทั้งสองฟากฝั่งราวกับอสรพิษที่เกรี้ยวกราด เมื่อยามถูกบุกรัง เหล็กแหลมพุ่งตรงเข้าเสียบเนื้อหนังที่อ่อนยวบ เสียงกรีดร้อง โอดครวญจากความเจ็บปวดทรมานไม่ขาดสาย ทหารนับ ร้อยนายบาดเจ็บจนสิ้นกำลัง ยังนับว่าโชคดีที่ไม่มีใครสังเวยชีวิตให้กับความสะเพร่านี้

 

            ราชาเดสทรอยทรงยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนของเล่นที่ได้มานั้นพังสิ้นแล้ว คิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไร เขารีบรุดขึ้นบันไดทางปีกซ้ายเพื่อดูสิ่งที่หลงเหลือจากเหตุการณ์นี้ สิ่งทีปรากฎตรงหน้าคือภาพของทหารที่สิ้นกำลัง พร้อมกับดักตัวแม่ที่หายไปสิ้น

 

 

            “พระองค์อย่างน้อยเราก็จับเจ้าโจรนั่นได้” ลอร์ดเกวินท์ที่ตามมาด้วยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เขาโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับผายมือไปยังร่างของมนุษย์ ในชุดคลุมสีดำที่เต็มไปด้วยคันศรพร้อมเลือดที่ไหลริน

 

            “ดีมาก” เดสทรอยเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย อย่างน้อยสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้สูญเปล่า “ทีนี้ละทุกคนจะได้เห็นโฉมหน้าของเจ้าเมื่อถูกเสียบอยู่เหนือกำแพงครั้นยามฟ้าสาง” พูดจบเขาก็เดินตรงไปยังร่างที่แน่นิ่งของโจรร้ายโดยไม่รอช้า และใช้เท้าเหยียบร่างนั้นไว้อย่างเหยียดหยาม

 

 

                                                                     เพล้ง!

 

 

            เสียงกระจกแตกดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ไม่ใช่โดมแก้วของหอคอยทรงกลต แต่เป็นเสียงแตกร้าวของหน้าต่างบานกระจกห้องบรรทมกษัตริย์ด้านตรงข้ามกัน เป็นที่ที่ไร้ซึ่งทหารและกำลังป้องกัน ทุกสายตากำลังเปลี่ยนจุดสนใจไปยังที่มาของเสียงใหม่นี้  ร่างสีดำสมชื่อพร้อมถุงย่ามใบใหญ่ ปีนออกมาจากหน้าต่างห้องบรรทมก่อนจะหายวับไปกับแสงจันทร์

 

            “จอมโจรเงา” เสียงเดสทรอยอุทานขึ้นอย่างประหลาดใจ “แล้วนี่...” เขาหันมามองร่างที่คิดว่าเป็นจอมโจรเงาในตอนแรก เมื่อพลิกดูสิ่งนั้นเป็นเพียงหุ่นฟางที่ถูกมัดเข้ากับถุงเลือดก่อนจะสวมทับด้วยชุดคลุมสีดำอีกครั้ง จากแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจกลับกลายเป็นดวงตาสีฟ้าขุ่น ใบหน้าเป็นรอยยับยู่ยี่ที่ถูกอัดแน่นไปด้วยความเครียดแค้น หมัดขวากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขากระทืบเท้าใส่หุ่นฟางอย่างแรงก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงสั่น

 

            “เจ้านั่นมันวางกับดักเรา ไม่ใช่เราที่วางกับดักมัน”

 

            “ฝ่าบาท”

 

            “ไม่มีใครรู้ว่าข้าซ่อนสมบัติส่วนหนึ่งไว้ที่ห้องนอน นอกจากองครักษ์และขุนนางสนิทของข้าเท่านั้น”


 

ขออธิบายรูปร่างของหอคอยทรงกลตนิดนึงเผื่อใครอ่านแล้วงงๆ

 ลักษณะของหอคอยแห่งนี้มีสามชั้น ทางเข้าอยู่ที่ชั้นล่างสุด ชั้น1 และ 2 ถูกสร้างให้เป็นเหมือนเขาวงกต และชั้นบนสุดคือโดมแก้วซึ่งจะมีทางออกอยู่ที่ปีกซ้ายและขวาโดยเป็นระเบียงยื่นออกมาและมีบันไดให้ลงจากด้านนอก ในอดีตจะใช้เป็นที่พิพากษานักโทษดังที่กล่าวมาข้างต้น  โดยวิธีการของเกมส์คือการหาทางออกและเอาชีวิตรอดจากเขาวงกตในชั้น1และ2 เพื่อไปสู่ชั้นที่สามซึ่งเป็นห้องโถงกว้างมีกองสมบัติมากมาย ให้เลือกเก็บเอาตามใจชอบ และจะเลือกออกประตูซ้ายหรือขวาก็แล้วแต่ตามความต้องการ แต่ว่าเกมส์ยังไม่จบเท่านี้ บันไดลงด้านใดด้านนึ่งยังมีกลแฝงอยู่ หากเปิดประตูผิดบานเหล็กหนามที่ซ่อนอยู่ตามพื้นก็จะโผล่ขึ้นมาแทงร่างกาย ถึงคราวนี้ก็ไม่รอดอยู่ดี  แต่พอมาถึงสมัยบิดาของราชาโรเบิร์ตเจ้าเกมประหารนักโทษที่ว่านี้ก็ถูกยกเลิกไป ทำให้กลไกอาวุธบางอย่างใช้การไม่ได้เหมือนแต่ก่อน ส่วนราชาเดสทรอยเลือกที่จะเอาสมบัติไว้ชั้นบนสุด เพราะเป็นที่โล่งเหมาะกับการทำกับดักใยแมงมุม ไม่ว่าจะเข้าจากทางบันได หรือหลังคาก็เจ็บเจียนตายเหมือนกันนั่นเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา