Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) เทพีที่ปีกเลอะฝุ่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แม้จะถูกกระหน่ำช่องท้องด้วยพละกำลังมหาศาลไปหลายต่อหลายครั้ง... ทั้งที่รับการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเป็นอับดับหนึ่งสองของมิรันติดๆกันโดยเว้นระยะห่างเพียงไม่กี่วินาที ขนาดC.O.V.ที่มีเกราะผิวหนาและแข็งแกร่งมากยังถูกกำจัดลงได้ด้วยลูกพลังแสงที่มีพลังทำลายเป็นอันดับสองในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแท้ๆ...

ถ้าอย่างนั้นทำไม... ทำไมอาร์พาทีถึงยังมีชีวิตรอดอยู่ได้อีกโดยที่ร่างกายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!?


"ไม่จริงน่า... ก็โดนท่าไม้ตายของเราไปตั้งสองครั้งแล้วนี่นา... ทำไมแกถึงยังไม่ตายไปอีกล่ะ!"

ในตอนนี้พลังที่มีอยู่ในร่างกายของมิรันนั้นเรียกได้ว่าสามารถเอาออกมาใช้ได้อย่างเหลือเฟือ หากแต่เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงการต่อสู้ครั้งที่สามของเธอเท่านั้นเอง เพราะเช่นนั้นเมื่อเธอได้เห็นคู่ต่อสู้ที่สามารถรับการโจมตีปิดฉากที่เคยใช้ได้ผลมาครั้งหนึ่งของเธอเข้าไปแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ได้... พลังความมั่นใจของมิรันก็หล่นฮวบลงไปอย่างไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเอาไว้ได้


เพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้ระดับพลังและฟอร์มการต่อสู้ที่เธอเคยรักษาเอาไว้ได้ในการต่อสู้จึงตกลงไปตามกำลังใจนั้นด้วย ซึ่งนั่นเองที่ทำให้อาร์พาทีสามารถสู้กับมิรันได้อย่างสะดวกขึ้น


"ไม่...ไม่เอานะ"

ตึง... ตึง... ตึง...


ทุกๆก้าวที่สัตว์ประหลาดโลหะจำแลงรูปนั้นฝากเอาไว้ที่พื้นทรายด้วยน้ำหนักตัวอันมหาศาลของมัน จะต้องมีรอยฝ่ามือและร่องทรายที่เกิดจากการที่มีบางสิ่งไถลไปบนพื้นผิวตามมาด้วยทุกครั้งไป สาเหตุก็มาจากการที่มิรันเริ่มหมดความตั้งใจที่จะสู้พยายามที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับคู่ต่อสู้ของเธอที่สามารถอัดเธอจนลอยได้เพียงแค่หมัดๆเดียว มิรันนั้นเริ่มเข่าอ่อนจนล้มลงไปกับพื้น ซึ่งเธอก็พยายามที่จะคลานถอยหลังไปให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

และหลังจากนั้นไม่นานเรี่ยวแรงที่ถูกบั่นทอนด้วยความกลัวและความถดท้อของแองเจลอยด์ที่ผ่านศึกมาไม่มากก็หมดลงอย่างน่าเศร้า อาร์พาทีที่เดินเข้าไปใกล้ศัตรูของมันได้มากขึ้นเรื่อยๆก็เปลี่ยนสภาพแขนขวาของมันเป็นหอกสีเงินอันแหลมคมราวกับความสามารถของเทอร์รารอยด์ที่อยู่ในร่างก่อนวิวัฒนาการพร้อมจะเสียบลงไปยังร่างของสาวน้อยตรงหน้าได้ทุกเมื่อ



"ไม่เอานะ!!! อาร์เทมิส!!!!"


มิรันที่หวาดกลัวจนหมดกำลังต่อสู้ทั้งกายและใจเริ่มสาดกระสุนแสงแบบเดียวกับที่ฮิซาชิเคยโดนยิงใส่เข้าจู่โจมร่างอาร์พาทีที่เข้าใกล้ตัวเธอมากขึ้นทุกขณะหมายจะสกัดมันเอาไว้กับที่ ฝนกระสุนแสงเหล่านั้นกระหน่ำเข้าจู่โจมใส่เป้าหมายที่ถูกล็อกเอาไว้ด้วยเป้าเล็งในดวงตาของแองเจลอยด์เจ้าของท่าไม้ตายลับนั้น ซึ่งสัตว์ประหลาดนั้นก็ไม่พยายามแม้แต่จะเหร่างหลบเลยแม้แต่น้อย

แต่ก็ไร้ผล... ด้วยพลังทำลายที่ด้อยกว่าท่าไม้ตายทั้งสองมากของกระสุนอาร์เทมิสพวกนั้นไม่สามารถทำอันตรายเป้าหมายที่ร่างกายสามารถทนทานได้แม้แต่ท่า"พลาสม่า แสลชเชอร์"โดยปราศจากรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียวได้สักนิด การกระหน่ำโจมตีอันไร้ค่าของมิรันยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนจนกระทั่ง...


"ทำไมกัน... ทั้งท่าพลาสม่าแสลชเชอร์... ริคิเดเตอร์... กระทั่งอาร์เทมิสยังทำอะไรแกไม่ได้เลยล่ะ!? แกเป็นอมตะหรือไง..."


การขัดขืนอันไร้ประโยชน์ของแองเจลอยด์ที่ล้าไปทั้งกายและใจได้สิ้นสุดลงทันทีที่อาร์พาทีสามารถเข้าประชิดตัวเธอได้ สัตว์ประหลาดง้างแขนที่ถูกแปรสภาพเป็นหอกคนกริบขึ้นเป็นสัญญาณสุดท้ายก่อนการสังหารโหดจะเริ่มขึ้น อาร์พาทียืนค้างอยู่ในท่าพุ่งหอกของอัศวินหลังม้าอยู่นาน... ก่อนที่จะปล่อยแขนของมันให้--


ตูมมมมม.....!!!!



ในขณะที่มิรันกำลังหลับตายกแขนขึ้นมาป้องกันการโจมตีสุดท้ายของอาร์พาทีนั้น ได้มีลำแสงสีน้ำเงินตรงเข้าปะทะร่างของคู่ต่อสู้ที่ทำให้เธอรู้สึกถดท้ออย่างหนักหน่วงจนมันต้องถอยหลังไปตามแรงกระแทกอันรุนแรง ก่อนที่ร่างของอาร์พาทีจะระเบิดออกเป็นชิ้นทำให้เกิดฝุ่นทรายฟุ้งกระจายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


มิรันที่มองตามทิศทางที่ลำแสงปริศนานั้นพุ่งเข้ามาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ก็ได้ทราบว่าลำแสงนั้นพุ่งมาจากทางด้านหลังของเธอนั่นเอง... เมื่อเธอหันมองไปยังทิศหกนาฬิกาก็ได้พบกับเงาลางๆภายใต้ฝุ่นทรายที่บดบังทัศนวิสัยจนเข้าใกล้ศูนย์เข้าเงาหนึ่ง เงานั้นดูสูงและเพรียวมากจนไม่น่าจะใช่ฮิซาชิ และระดับพลังที่สูงขนาดนั้นไม่มีทางเลยที่ฮิซาชิ...หรือแม้แต่seiriทั่วๆไปจะสามารถมีได้


"นั่นมัน..."

เงาของคนๆนั้นมีผมยาวประมาณกลางแผ่นหลังถ้าดูจากความพริ้วของมันที่เจ้าของปล่อยไปตามกระแสลม ชุดที่คนๆนั้นใส่อยู่นั้นดูเหมือนจะเป็นชุดเดรสยาวคลุมไปถึงปลายข้อเท้าที่มีบางอย่างคล้ายกับเกราะแข็งๆปกปิดช่วงหน้าอกและส่วนเอวลงมาถึงขาอ่อน และยิ่งมิรันมองดูจากช่วงปีกที่คนๆนั้นมีที่แผ่นหลังนั้นที่พริ้วไปตามแรงลมก็พอจะทราบได้ว่าใครคนนั้นคือหนึ่งในสามสายพันธุ์seiriที่มีลักษณะร่างกายคล้ายกับเธอ...

"แองเจ..ลอยด์"


"เธอ...เป็นใครกันแน่"

มิรันพยายามเค้นเสียงทั้งหมดเท่าที่จะสามารถเรียกได้ยิงคำถามใส่นางฟ้าที่ปรากฏตัวอยูู่ด้านหลังเธอเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบด้วยเสียงอันเบา แต่เมื่อแองเจลอยด์คนนั้นมีปฏิกิริยาเหมือนกับได้ยินคำถามของเธอ ร่างของseiriคนนั้นก็เลือนหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก





"แองเจลอยด์ที่เธอไม่รู้จัก...งั้นเหรอ!?"

การปรากฏตัวของseiriปริศนาที่มีพลังเหนือชั้นกว่ามิรันที่ปรากฏให้เห็นเพียงพักเดียวเดี๋ยวก็หายไปนั้นได้ไปเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของสามาชิกทั้งสองคนในบ้านฟูจิซากินี้เข้าซะแล้ว... ซึ่งมิรันได้เล่าให้ฮิซาชิฟังเกี่ยวกับรายละเอียดทุกอย่างของแองเจลอยด์คนนั้นเพราะหวังว่าผู้ที่มาจากอนาคตอย่างเขาน่าจะรู้จักseiriที่แข็งแกร่งพอที่จะรอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และเคยปรากฏตัวให้เขาได้เห็นมาแล้วเป็นอย่างดี


ทั้งนี้เนื่องจากฮิซาชิเป็นคนบอกเธอเองว่าseiriที่รอดชีวิตและเกิดขึ้นใหม่ทั้งหมดนั้นได้มารวมตัวอยู่ที่บ้านของเขาจนเป็นที่รู้จักกันอย่างดี... และไม่มีseiriคนไหนอีกแล้วนอกจากสมาชิกแปดคนในอนาคตที่ยังคงรอดชีวิตมาได้


มิคาสะ... ยูนะ... ริกะ... ฮานามิ... โยโซระ... ฮิโรมิ... ชิบุกิ... ฮิคาริ...


ในบรรดาสมาชิกทั้งหมดแปดคนที่อาศัยอยู่ร่วมกับฮิซาชิและเป็นseiriนั้น สามารถตัดเอาพวกอควารอยด์กับเทอร์รารอยด์ที่ปะปนอยู่เป็นจำนวนเหยียบครึ่งออกไปได้ และนอกจากนั้นในบรรดาแองเจลอยด์ที่ยังคงเหลืออยู่ในทะเบียนราษฎร์นั้นยังสามารถตัดเอาโยโซระกับริกะที่เกอดหลังจากปี2170นี้ออกไปได้อีกสอง


ส่วนฮิคารินั้นแม้ว่าจะเป็นseiriรุ่นที่สองที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้นำมาซึ่งความวิบัติ แต่เธอไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเลยว่าเธอเกิดปีอะไรและก็ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นseiriที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์ก็ได้ นอกจากนั้นเธอยังมีลักษณะปีกแบบเดียวกับพวกแองเจลอยด์...และมิรันก็เห็นเพียงเป็นเงาตะคุ่มๆ จึงต้องเก็บเอาไว้เป็นผู้ต้องสงสัยต่อไป


แองเจลอยด์ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง...สวมชุดเดรสยาวจรดข้อเท้า...เกราะปิดช่วงหน้าอกกับสะโพก


"รู้สึกคุ้นๆจนพยาธิในลำไส้ร้องระงมเลยแฮะ..."


ฮิซาชิรู้สึกคุ้นกับseiriที่มีลักษณะตามที่มิรันเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเป็นอย่างมากจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน แต่ถึงแม้ว่าแองเจลอยด์ช่างสังเกตที่อยู่ข้างๆตัวเขาจะพยายามถามเขายังไง... เด็กชายผู้เก็บงำความลับระดับโลกก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมเอ่ยปากตอบคำถามของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจะมีก็แต่เสียงกระเพาะของทั้งสองคนที่ประสานเสียงกันจนเข้าจังหวะสเตอริโอเท่านั้น...



"แฮ่ก... ฉันจะ..ไม่ไหวแล้ว นายนี่สุดยอดเลยนะ ฮิซาชิคุง..อึ่ก!"

"ฉันก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน... ขอปล่อยออกมาเลยได้หรือเปล่า อุ่บ..!"

"อดทนอีกนิดสิ... ถ้านายปล่อยมันออกมาละก็...ฉันจะไม่พานายมา..ที่นี่อีกแล้วนะ"

"ฉันรู้..อึ่ก! แต่ว่ามันแน่นสุดๆเลย..โอ๊ย!!"
เด็กชายเริ่มเหงื่อไหลริน ในขณะที่สาวน้อยนั้นมีสีหน้าที่ตกใจมากกับสิ่งที่เด็กชายกำลัง(อาจ)จะทำในอีกไม่ช้า

"อย่าปล่อยออกมานะ!!!"


แม้ว่าภายในร่างกายของสาวน้อยผมสีฟ้าจะอัดแน่นไปด้วยของเหลวหนืดๆสีขาวข้นที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจนเกือบจะทะลักออกมาภายนอกแล้วก็ตาม มิรันก็ยังคงพยายามที่จะยัดเอา"เจ้าสิ่งนั้น"เข้าไปในร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อให้คุ้มกับค่าชั่วโมงที่ต้องเสียไปให้ได้มากที่สุด แม้ว่าเด็กชายที่มาด้วยกันจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วก็ตาม...




และแล้วในที่สุด...อัตราจุของเหลวเหนียวหนืดในร่างกายของแองเจลอยด์ที่พยายามจะทำให้มนุษย์คนแรกที่เปิดใจคุยกับเธอรู้สึกดีที่สุดก็ถึงขีดจำกัดซะแล้ว!!


"อุ่บ..! ขอถุงหน่อย...ฮิซาชิ ถุงอะไรก็ได้"

มิรันพยายามอย่างสุดกำลังที่จะรั้งสารอาหารที่บรรจุอยู่ภายในร่างของเธอไม่ให้รั่วออกมาสู่ภายนอก แม้ว่ามันควรจะเป็นไปได้ดีกว่านี้ก็ตาม...


"ปัดโธ่เฟ้ย!! เธอคิดอะไรของเธอกันแน่..!? คิดจะฆ่าฉันหรือไงถึงได้ยัด'ข้าวปั้น'เข้าปากฉันวินาทีละสองลูกน่ะหา!! ถ้าเธอรู้ตัวว่ากินไม่หมดก็อย่าหยิบมาเยอะขนาดนี้เซ่!!!"

"ฮะ-ฮายฮูดฮาฮายไฮ่เห็นฮู้เฮื่อง" (นายพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง)

"เธอน่ะกินเยอะไปแล้วไม่ใช่หรือไงยัยบ้า!! ฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมผู้หญิงสูง143ถึงได้หนักตั้ง48กิโล... ที่แท้เธอก็เป็นลัทธิกินไม่เกรงใจโรคกระเพาะทะลุนี่เอง!!!"



ฮิซาชิระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนคนแรกของเขาตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่อย่างสุดจะทน ซึ่งหากว่าในตอนนั้นฮิซาชิไม่รีบใช้สกิลเนียนไปหมกตัวอยู่ในห้องน้ำจนหมดเวลาทางบุฟเฟต์แล้วละก็...สภาพของเขาในตอนนี้คงไม่ต่างจากมิรันสักเท่าไหร่

ซึ่งในขณะนั้นเองที่มิรันเริ่มเปลี่ยนสีหน้าไปทีละนิด... จากใบหน้าที่พร้อมจะมีบางอย่างกระฉูดออกมาจากปากได้ตลอดเวลากลายเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มในทันที


"นายคงจะไม่รู้สินะ... ตอนที่ฉันชั่งน้ำหนักก่อนที่จะเข้าไปในร้านนั่นน่ะ น้ำหนักของฉันเพิ่มขึ้นเป็น50กิโลฯแล้วนะ ตอนนี้มันคงจะเพิ่มขึ้นอีกนั่นแหละ"


ในตอนนั้นเองที่สติในการยับยั้งชั่งใจของฮิซาชิได้ขาดสะบั้นลง


"ยัยบ้า!!! เธอคิดว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมามันน่าภูมิใจนักหนาหรือไง!! เพราะอย่างนี้ไงหน้าท้องไร้ประโยชน์ของเธอถึงได้โตเอาๆน่ะ!!!"

"เสีย..เสียมารยาทที่สุด!! หน้าท้องของฉันไม่ได้โตสักหน่อย!! น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นน่ะกล้ามเนื้อทั้งนั้นนะยะ!!!"

"อ๋อเหรอ... งั้นก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นหน่อยสิ! ด้วยไอ้หน้าท้องอันนี้น่ะ!!"

หนุบ...


ด้วยฝ่ามือที่บีบเข้าไปยังบริเวณที่เป็นจุดสงวนของผู้หญิงลำดับที่สามของเด็กชายที่ยืนทะเลาะอยู่กับเธอ ทำให้สาวน้อยถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที

"ก-กรี๊ดดดดดด!!!!!"


ผัวะๆๆ... ตึง!! โครมมม!!! 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา