Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) เงื่อนไขสำคัญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"เอางั้นก็ได้!! ฉันจะพิสูจน์เองว่าหน้าท้องของฉันไม่ได้ไร้ประโยชน์!!!"



สาวน้อยผมสีฟ้าที่แตกต่างจากคนทั่วไปประเภทที่ว่าเกือบจะกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาของคนรอบข้างได้ใช้แรงที่มีทั้งหมดในการฉุดลากคนเสื้อของเด็กชายคนแรกและอาจจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ยอมรับเธอเป็นคนสำคัญสำหรับตัวเองจากใจจริงเข้าไปในตรอกเล็กๆที่ไม่มีใครผ่านมาเห็น ไม่มีใครเดินผ่าน ไม่รู้ว่ามีเอาไว้เพื่ออะไร

ซึ่งในที่แห่งนั้นเองที่แองเจลอยด์ซึ่งมีใบหน้าแดงก่ำจากการที่ถูกเด็กชายคนนั้นกระทำการบางอย่างที่กระทบถึงศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงอย่างรุนแรงได้หันมาพูดกับมนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถทนต่อแรงลากที่เหนือกว่าช้างนับสิบตัวของสิ่งมีชีวิตที่ดัดแปลงพันธุกรรมจากมนุษย์ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความอายอย่างที่สุด


"ฟังให้ดีนะ..! ถึงseiriที่วิวัฒนาการถึงระดับ2อย่างฉันจะไม่สามารถเจริญเติบโตยิ่งไปกว่าขีดจำกัดร่างมนุษย์16ปีได้ ฉันก็จะแสดงให้นายเห็นเองว่าเวลาที่ผู้หญิงโตขึ้น... ไขมันที่เกาะอยู่ในหน้าท้องจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานขับเคลื่อนในการแตกเนื้อสาว นายรอให้ฉันวิวัฒนาการอีกขั้นนึ่งก่อนเถอะ!!"

"งั้นแปลว่าเธอยอมรับแล้วสินะว่าสิ่งที่ทำให้น้ำหนักเธอเพิ่มขึ้นคือ 'ไขมัน'..."

เพียะ..!!!


หญิงสาวที่หน้าแดงเพราะความเขินที่มีต่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า... ผู้ชายเองก็หน้าแดงไปด้วยเช่นกัน...

หากแต่สิ่งที่ทำให้ฮิซาชิหน้าแดงนั้นก็คือ รอยฝ่ามือที่ประทับลงตรงใบหน้าข้างซ้ายของเขานั่นเอง


"เออๆ ฉันเคยเห็นยัยseiriพวกนั้นวิวัฒนาการมาหลายครั้งแล้วล่ะ... หลังจากที่โปรแกรมวิวัฒนาการอะไรนั่นของยัยนางฟ้าพวกนั้นเปิดทำงาน ร่างกายของยัยพวกนั้นก็กลายเป็นสาวทันที... ถ้าจะมีอะไรที่ลดลงก็คงจะเป็นหน้าท้องที่เพรียวขึ้นล่ะมั้ง"

"ใช่ไหมล่ะ! ขอแค่โปรแกรม'ยูเรนัส'ของฉันทำงานอีกครั้งเท่านั้นแหละ... นายอาจจะหลงใหลเสน่ห์ปลายหน้าท้อง...ปลายทรวดเอวของฉันจนลืมยัยผู้หญิงพวกนั้นไปเลยก็ได้นะ! ไว้ถึงตอนนั้นต่อให้นายมาสารภาพรักกับฉัน ฉันก็ไม่รับฟังคำของนายหรอก หุๆ!!"

"แล้วเธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง...ในเมื่อการวิวัฒนาการจำเป็นต้องอาศัยความรู้สึกที่เหมือนกับมนุษย์ แล้วseiriก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรู้จักกับ'ความรัก'!?"


ไม่รู้ว่าเพราะฮิซาชิพูดอะไรขัดใจสาวน้อยที่ทำหน้ากรุ้มกริ่มจนถึงเมื่อครู่นี้หรือเปล่า... แต่ทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา มิรันก็หุบรอยยิ้มลงแล้วไม่ยอมพูดอะไรกับเขาอีกเลยจนบรรยากาศเริ่มหนักขึ้นในทันตา


ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันมาได้ไม่ถึงอาทิตย์... ทั้งที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่สามารถไว้ใจได้ในหลายๆคำอนุมาน... แต่เด็กชายที่อยู่ตรงหน้าของแองเจลอยด์ที่รู้จักกับความอบอุ่นของความผูกพันมาก่อนกลับสามารถำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมจนถึงกับกล้าพูดอะไรอย่างไม่คิดนั้นออกมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว



ฮิซาชินั้นไม่เคยมีท่าทีหวาดกลัวในพละกำลังอันมหาศาลของมิรันเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจหรือแบ่งแยกอะไรเลย เพราะถึงแม้ว่ามิรันจะเป็นseiriที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาและเหล่าseiriทั่วๆไปมาก...แต่เธอก็แสดงด้านที่อ่อนแอออกมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งฮิซาชินั้นก็เข้าใจเธอและมองข้ามมันไปอย่างไม่ใยดีอะไร พร้อมกันนั้นก็พยายามที่จะหาอะไรหยอกล้อเธอเล่นเพื่อให้มิรันลืมๆมันไปราวกับว่าเขาคือเพลย์บอยที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมาก็ว่าได้ ซึ่งมิรันเกลียดคนประเภทนี้เข้าไส้..!!


แต่มิรันกลับสัมผัสได้ว่าฮิซาชินั้นมีอะไรที่ต่างออกไปจากบรรดาคนที่เธอเกลียดเหล่านั้น ฮิซาชิไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าเธอจะปลอดภัยหากอยู่ด้วยกันกับเขา ไม่เคยแม้แต่จะพูดออกมาด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นคนปกป้องเธอหากมีบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้น...ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นมิรันต่างหากที่ต้องคอยปกป้องเขา

ทั้งอย่างนั้นมิรันกลับรู้สึกปลอดภัยและสบายใจมากเวลาที่มีเด็กชายคนนั้นอยู่เคียงข้าง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอสามารถทำได้ทุกอย่างหากเพื่อเป็นการปกป้องเขา ราวกับว่าภายในร่างกายของฮิซาชินั้นมีละอองแสงบางอย่างแผ่ออกมาทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีตลอดเวลา และเธอไม่อยากที่จะแยกจากเขาไปเลยแม้ว่าจะเป็นเพียงหวังลมๆก็ตาม...



"หวังลมๆ...งั้นเหรอ"

"มีอะไรเหรอ...มิรัน!?"

"ป-เปล่า ไม่มีอะไรหรอก..."


เพราะseiriไม่สามารถแปลอารมณ์ความรู้สึกได้เหมือนกับมนุษย์ทุกอย่างจึงทำให้มิรันรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตัวเองสัมผัสได้ตลอดมาว่าเป็นเพียงการปรุงแต่งไปเองของอุปกรณ์แปลอารมณ์หรือว่าเป็นความรู้สึกจริงๆของเธอกันแน่ แต่ว่าสิ่งที่เธอสัมผัสได้เมื่อสักครู่นี้นั้น... เธอสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไปเองตามที่ผ่านๆมา ความรู้สึกที่เธอมีให้กับฮิซาชิในตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปจากความไม่ไว้วางใจกลายเป็นความผูกพันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ ราวกับว่ามันค่อยๆกลายสภาพไปในตอนที่เธอไม่ทันรู้ตัว...

ซึ่งสิ่งที่มิรันรู้สึกได้ในครั้งนี้...มันเป็นบางอย่างที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนในช่วงชีวิตสองปีที่ผ่านมา เป็นความรู้สึกที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ


"ทำไมกันล่ะ..!? ตั้งแต่ที่อยู่ในร้านอาหารนั่นแล้ว... ทุกครั้งที่เราป้อนข้าวให้เด็กคนนั้น...ทุกครั้งที่เราหยอกล้อกัน...ทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้ๆกับเด็กคนนั้น... ทำไมหัวใจของเราถึงได้เจ็บปวดจนเหมือนกับจะระเบิดออกมาได้ล่ะ!? ทำไม..."




"นี่เธอ..."

"ห-ห๊ะ!!"
เสียงของฮิซาชิที่ดังขึ้นมานั้นได้ทำให้สติที่แองเจลอยด์คนข้างๆที่หลุดลอยออกไปยังสุดขอบทางช้างเผือกได้กลับมาสถิตย์ในร่างอย่างรวดเร็ว

"เป็นอะไรหรือเปล่า!?"


เด็กชายหันหน้ามามองที่เธอทำให้มิรันเกือบจะเสียสติ แต่ทันทีที่เธอกำลังจะเผยอปากพูดนั้นเอง...เธอพลันสังเกตได้ว่าเด็กชายที่พูดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวคนนั้นไม่ได้มองเธออยู่เลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่มิรันรู้ตัวว่าฮิซาชิไม่ได้พูดอยู่กับเธอ เด็กชายคนนั้นก็รีบวิ่งผ่านหน้าเธอไปยังซอกตึกแคบๆที่อยู่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเธออยู่เป็นระยะเกือบห้าเมตรในทันที ซึ่งทันทีที่ฮิซาชิวิ่งไปถึง เขาก็ก้มตัวลงช้อนศีรษะของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ร่างกายเต็มไปด้วยฝุ่นสีเทาที่เกาะอยู่บนผิวและเสื้อผ้าขึ้นมาไว้บนหน้าขาอย่างรวดเร็วราวกับนักผลิตหม้อทีมชาติ เธอคนนั้นดูเหมือนจะหมดสติไปนานมากแล้วก่อนที่ฮิซาชิจะทันสังเกตเห็นร่างอันแน่นิ่งของเธอ


ซึ่งมิรันก็เกิดสะกิดใจกับบางสิ่งที่แปลกไปจากมนุษย์ธรรมดาบนร่างกายของเด็กคนนั้นเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ "เส้นผมสีแดงดุจเปลวเพลิง" นั่นเอง...


"เธอเป็นอะไรหรือเปล่า..!! ฮิโรมิ!!"

ฮิซาชิกระตุกร่างกายของเด็กผู้หญิงที่คุ้นตาของเขาเป็นอย่างดีอย่างรุนแรงเพราะร่างกายที่ทนต่อแรงเหวี่ยงได้เป็นอย่างดีของพวกseiriหวังจะให้เธอลืมตาขึ้นมา ซึ่งก็ไร้ประโยชน์...

"นายรู้จักเด็กคนนี้งั้นเหรอ...กับเทอร์รารอยด์คนนี้น่ะนะ!?"

"ก็ต้องรู้จักสิ...เพราะว่าฮิโรมิ-! เอาเป็นว่ารีบพายัยนี่ไปบ้านของเธอก่อน แล้วฉันค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟัง!!"


แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่มิรันก็ยอมพาเด็กผู้หญิงที่ฮิซาชิบอกว่ารู้จักไปรักษาตัวที่บ้านของเธอแต่โดยดีโดยไม่สนใจว่าอันตรายจากเทอร์รารอยด์ร่างคู่ขั้วนั้นจะหนักหนาสักเท่าไหร่ เพราะมันคงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการอยู่ด้วยกันตามลำพังกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อีกแล้วล่ะ...



"เมื่อ7ปีก่อน...หรือก็คือ20ปีจากนี้ไปนั่นแหละ พวกseiriทั้งห้าที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับฉันต้องเผชิญหน้ากับร่างคู่ขั้วของเด็กคนนี้ เจ้าร่างคู่ขั้วที่ชื่อ'ฮิโรโตะ'นั่นได้ลงมือทำร้ายร่างกายของแองเจลอยด์ที่ชื่อริกะอย่างเลือดเย็น แล้วยังทำร้ายจิตใจอควารอยด์ที่ชื่อยูนะอย่างรุนแรง ต่อมายูนะที่วิวัฒนาการแล้วก็ได้แยกทั้งสองคนนี้ออกจากกันแล้วทำลายฮิโรโตะได้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นมากของseiri"

"ในการต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างมนุษย์กับseiri... ยัยนั่นที่สูญเสียเพื่อนคนสำคัญที่สุดไปได้ยอมรับในความรู้สึกที่ตัวเองมีให้กับคนที่ยัยนั่นรักจนได้รับพลังใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมในการต่อสู้กับฉัน แล้วต่อมายัยนี่ก็มาอาศัยอยู่กับพวกฉันเป็นการถาวรเป็นเวลา7ปี...ก่อนที่จะถูกฆ่าตายไปในการต่อสู้กับเหล่าseiriรุ่นที่สองเพื่อปกป้องคนที่เคยพยายามที่จะฆ่าเธออย่างฉัน"


"เรื่องมันก็ประมาณนี้ล่ะนะ..."


หลังจากที่ฮิซาชิทำการกล่าวปาฐกถาดังที่สรุปโดยย่อเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย เขาก็กระเดือดน้ำลงคออึกใหญ่มากราวกับพูดมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง... ทั้งที่จริงๆแล้วฮิซาชินั้นได้ทำการพล่ามน้ำลายแตกฟองมาเป็นเวลาเพียง"ชั่วโมงเดียว"เท่านั้นเอง


"ฟังจากที่นายพูดมาทั้งหมดแล้ว... ปีกของเด็กคนนี้สามารถเร่งความเร็วได้สูงที่สุดในบรรดาseiriหรือเทอร์รารอยด์ด้วยกัน ดาบของเด็กคนนี้แข็งแกร่งจนสามารถทำลายได้แม้แต่เอจิสที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วโล่ของเด็กคนนั้นก็แข็งแรงจนสามารถป้องกันได้แม้แต่ท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของนายสินะ... แล้วเมื่อไหร่เด็กคนนี้จะฟื้นขึ้นมาสักทีล่ะ!?"

"นั่นน่ะสินะ... ครั้งแรกที่ฮิโรมิได้มาที่บ้านของฉันหลังจากการต่อสู้กับฮิโรโตะ ยัยนั่นก็ฟื้นขึ้นมาเกือบจะทันทีที่ยัยยูนะแก้ไขระบบที่เสียไปนานกว่าสามวันเลยนี่นา... แล้วทำไมนี่ก็ตั้งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่ฉันเจอยัยนี่ที่ตรอกนั่น หรือยัยนี่จะหมดสติไปหลายวันก่อนที่พวกเราจะเจอแล้วก็ได้"


ฮิซาชิกับมิรันยังคงนั่งจับเจ้าเฝ้าอาการของเทอร์รารอยด์ที่ดวงตาปิดสนิทและไม่มีอาการนูนปูดของดวงตาที่กลอกไปมาข้างในเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งในระหว่างนั้นฮิซาชิคิดที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอเป็นชุดที่สะอาดกว่านี้ มิรันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันจึงต้องรับหน้าที่อันสำคัญนั้นด้วยตัวเอง...

ในตอนที่นิ้วอันเรียวนุ่มของแองเจลอยด์กำลังจะปลดกระดุมเม็ดที่สองของเสื้อที่เทอร์รารอยด์คนนั้นใส่อยู่นั้นเอง ดวงตาที่ปิดสนิทของเธอก็เบิกโพลงขึ้นมาราวกับความรู้สึกของผู้หญิงที่รู้ตัวว่ากำลังถูกลวนลามอยู่ เด็กผู้หญิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากการหมดสติที่ยาวนานรีบคลานไปยังมุมห้องทันทีที่สายตาของเธอเหลือบไปเห็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นseiriเช่นเดียวกับเธอก็ตามที...



"ฉันขอร้องล่ะ..! อย่าทำอะไรฉันเลยนะ! ฉันขอร้อง..."

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา