Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) โอกาสชนะที่ริบหรี่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"งั้นเองเหรอ... สรุปแล้วคือพวกเธอตั้งใจจะปกป้องพวกมนุษย์งั้นสินะ..."




น้ำเสียงที่แผ่วเบาของฮานามิที่เปล่งออกมาหลังจากที่ได้รู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของเหล่าผู้เป็นลูกสาวของตนที่ปรารถนาจะเดินไปในเส้นทางที่ตรงข้ามกับทางที่เธอเลือกเอาไว้ก่อนหน้านั้นได้ทำให้สีหน้าที่สดใสของพวกมิรันยิ่งดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าใบหน้าของเธอในตอนนี้จะถูกกลบเอาไว้ด้วยคราบน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากการเสแสร้งเมื่อครู่นี้ก็ตาม


และในจังหวะนั้นเองที่ระดับพลังในร่างของฮานามิถูกเร่งเพิ่มขึ้นสูงมากจนก้าวข้ามระดับที่มิรันจะสามารถต่อกรได้ไปราวกับเด็กทารกในมือของนักมวยปล้ำมืออาชีพที่สามารถถูกหักคอทิ้งได้ตลอดเวลา หากแต่ในขณะนี้สาวน้อยที่ยืนประจันหน้ากับนางฟ้าที่แข็งแกร่งพอที่จะสังหารพวกเธอทิ้งได้อย่างไม่ยากเย็นนั้นกลับดูไม่หวั่นเกรงอะไรเลย...


ในขณะเดียวกัน แม้กระทั่งฮิโรมิที่อ่อนแอกว่ามิรันมากก็ดูเหมือนจะมีใจสู้ที่รุนแรงยิ่งกว่าสาวน้อยผมฟ้าเสียอีก!!



"ถ้าพวกเธอเลือกจะทำแบบนั้น...ก็ตายไปซะ!!!!"




             ตึง..!



ฮานามิปลดปล่อยพลังที่สั่งสมเอาไว้ตลอดสองปีออกมาในการกระพือปีกแค่ครั้งเดียว เพียงชั่วพริบตาที่ฮานามิสะบัดปีกของตัวเองสร้างกระแสลมที่รุนแรงกระแทกเข้าใส่พวกฮิซาชิที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศในระดับเดียวกับเธอนั้น ภายในกระแสลมที่กรรโชกรุนแรงราวกับพายุฝนเข็มนั้นก็มีคลื่นอัดทำลายสีน้ำเงินอ่อนๆกระจายออกมาพร้อมกัน


ซึ่งพลังที่แฝงอยู่ในสายลมที่โหมกระหน่ำนั้นมีพลังเข้มข้นพอที่จะสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าได้เพียงการสัมผัสชั่วปลายเล็บเท่านั้น!!




"เอาอย่างนี้สินะ! ช่วยหน่อยนะ...ฮิโรมิ!!"

"ก็ถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะป้องกันมันได้เล่า!! แต่ก็นะ..."



ฮิซาชิที่มองเห็นวิธีปัดป้องการโจมตีที่รุนแรงของฮานามิได้ในชั่วพริบตานั้นดำเนินการออกคำสั่งในกระบวนการตั้งรับให้กับนางฟ้าผู้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในทันที ซึ่งฮิโรมิก็ไม่รอช้าเร่งพลังสร้างม่านป้องกันครอบทั้งสามเอาไว้ภายในเพื่อป้องกันคลื่นพลังที่สามารถแฝงเข้ามากับอากาศได้อย่างหนาแน่น ในขณะที่ฮานามิที่สามารถรักษาระดับพลังที่มีอยู่จนเสถียรแล้วนั้นจัดการอ้อมเข้ามาเล่นงานพวกฮิซาชิจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว...


โดยมิรันก็คอยท่าเอาไว้แล้ว




"ไม่ยอมให้เธอทำร้ายฮิซาชิได้หรอกน่า..!!"


"ฝากฮานามิด้วยนะ..! มิรัน!! ฮิโรมิ!!"



หลังจากที่ลมพายุซึ่งแฝงพลังทำลายล้างจากแผ่นปีกของแองเจลอยด์ที่หันหลังให้กับอุดมการณ์ของseiriกระแทกเข้ากับม่านเอจิสที่แข็งแกร่งที่สุดของฮิโรมิ พลังที่แข็งแกร่งพอๆกันของทั้งสองคนก็สลายไปทันทีจนกลายเป็นโอกาสให้ฮิซาชิมุ่งหน้าไปขัดขวางโซลเนลเอาไว้ให้ได้นานที่สุด โดยการกระทำอันแสนบ้าบิ่นของเด็กชายนั้นไม่อาจถูกขัดขวางเอาไว้โดยอดีตเพื่อนและพรรคพวกร่วมต่อสู้ของเขาเอาไว้ได้


มิรันได้ตรึงฮานามิเอาไว้กับที่ด้วยการรับหมัดของเธอเอาไว้เพื่อเปิดทางให้ฮิซาชิสามารถบินออกไปได้อย่างสะดวก และเพื่อไม่ประมาท...ฮิโรมิที่หมดหน้าที่ในการตั้งรับแล้วก็จัดการเรียกดาบคริสซาออร์ที่มือซ้ายฟันลงไปที่ปีกขวาของฮานามิอย่างรวดเร็ว ซึ่งฮานามินั้นเร็วกว่าจังหวะหนึ่ง...




"แหม... อุตส่าห์เกือบจะฆ่าพวกเธอได้อยู่แล้วนะเนี่ย..."


ฮานามิอมยิ้มอยู่ในใจก่อนที่จะตีเข้าใส่ช่องท้องของฮิโรมิจนเสียจังหวะการโจมตีรอบที่สอง ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่สะท้อนเค้าลางแห่งหายนะได้มองไปยังร่างเล็กๆของเด็กชายที่มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือเหล่านางฟ้าผู้น่าสงสารยิ่งกว่ามนุษย์คนอื่นๆก่อนจะหายไปจากสายตา


"อย่าเอาแต่มองไปที่ฮิซาชิสิ...เพราะคู่ต่อสู้ของเธอคือพวกเรา!!"




"ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าจะต้องสู้กับลูกสาวของตัวเองเข้าสักวัน...ว่าแต่อย่าเปลี่ยนสีผมตัวเองบ่อยๆได้หรือเปล่า โปรเจกต์SEIRIลำดับที่72 แองเจลอยด์วิวัฒนาการขั้นที่สอง... ฟูจิซากิ มิรัน"

.

.

.



ทางด้านฮิซาชิที่มุ่งไปดักหน้ายังเส้นทางที่โซลเนลกำลังเดินทางไปนั้นก็ได้เข้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งที่เข้ามาขัดขวางในระหว่างการเดินทาง ซึ่งคนๆนี้ต่างก็เป็นที่ร้จักกันดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นใคร... เขาคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทรมานร่างกายของนักมวยที่แข็งแกร่งี่สุดในโลกได้อย่างไม่ยากเย็นและไร้ทางขัดขืน แม้ว่าจะผ่านการฝึกฝนร่างกายมามากเท่าไหร่ก็ตาม




"ปัดโธ่เอ๊ย... ทำไมแกต้องมาโผล่เอาตอนที่ฉันกำลังจะกินข้าวเที่ยงด้วยนะ!? ส่วนยัยฮานามินี่ก็ช่างสรรหาเวลาเปิดเกมได้เหมาะจริงๆนะ"



ฮิซาชิที่ทนแบกรับความอับอายจากช่องท้องที่ส่งเสียงร้องอย่างทรมานเพราะโทษทัณฑ์งดข้าวจากความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อรีบมุ่งหน้าฝ่าอากาศที่ขวางระหว่างตัวเขากับสัตว์ประหลาดร่างใหญ่เอาไว้โดยเร็วที่สุดก่อนที่มันจะเปิดฉาดบุกรุกชานเมืองขนาดเล็กจนกลายเป็นที่เกลียดชังจากผู้คนทั่วโลก


ซึ่งก็ไม่อาจทำได้ง่ายนักเนื่องมาจากกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลออกไปยังเส้นประสาทจนทำให้สมองของโซลเนลเกิดตื่นตัวตลอดเวลานั้นได้ทำให้มันสามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวมันได้อย่างหมดจด และนั่นก็ทำให้ฮิซาชิยิ่งต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือโซลเนลยิ่งกว่าเดิมก่อนที่กระแสไฟจากอุปกรณ์สั่งการสมองที่ติดอยู่กับร่างของสัตว์ประหลาดจะทำให้มันได้รับอันตราย....




"หยุดได้แล้ว...โซลเนล!! แกไม่จำเป็นต้องบุกรุกพวกมนุษย์มากไปกว่านี้แล้ว!! สิ่งเดียวที่แกต้องทำคือสงบสติอารมณ์แล้วกลับไปใช้ชีวิตนั่งกินนอนกินแบบเดิมเถอะ... ทุกอย่างมันจบลงแล้ว"




เหมือนพูดคุยกับชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่นด้วยสำเนียงที่เข้าใจยากไม่มีผิด โซลเนลนั้นไม่เข้าใจในสิ่งที่ฮิซาชิต้องการจะสื่อถึงแม้แต่นิดเดียว...และยิ่งมองเห็นสายตาที่ขมวดลงด้วยความตั้งใจจริงประกอบกับการที่สิ่งมีชีวิตที่มันไม่รู้จักเข้ามาดักอยู่ตรงหน้าโดยไม่ให้ตั้งตัวนั้นก็ได้ทำให้สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ใต้พื้นโลกมานานนับสหัสวรรษนั้นเกิดตื่นตัวถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวมันจนเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา



"สรุปแล้วคือ...ยังไงแกก็ไม่ให้อภัยพวกมนุษย์ที่รบกวนการดำรงอยู่ของแกมานานอย่างนั้นสินะ"




แม้ว่าฮิซาชิจะเข้าใจความรู้สึกที่ตนเองเกือบจะถูกฆ่าแล้วยังโดนยั่วโมโหก่อนจะถูกศัตรูของตัวเองควบคุมร่างกายอย่างไร้ความยั้งคิดจนไร้ซึ่งอิสระของโซลเนลที่แสดงออกมาทางแววตาและเสียงแผดร้องก็ตามที... แต่สัตว์ประหลาดที่ระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวนั้นกลับไม่ได้เข้าใจความรู้สึกที่อยากจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่มันได้รับมาอย่างไร้ทางต่อต้านของเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย



ทันทีที่ฮิซาชิรวบรวมพลังเอาไว้ที่ฝ่ามือเตรียมจะใช้การโจมตีที่ไม่ทำร้ายคู่ต่อสู้ที่ถนัดนั้น โซลเนลที่ตื่นกลัวถึงอันตรายก็เปิดกระดองที่กลางหลังออกปล่อยลูกไฟที่อัดแน่นด้วยพลังทำลายมหาศาลออกมาโจมตีใส่ฮิซาชิอย่างรุนแรงจนเด็กชายจำเป็นต้องยกเลิกการสะสมพลังความอ่อนโยนก่อนจะเปลี่ยนมากางม่านป้องกันกระจกใสแทน



"ฮึ่ม..!"



ฮิซาชิพยายามเต็มที่ในการป้องกันการโจมตีในระยะที่ไม่สามารถหลบพ้นเอาไว้ไม่ให้เข้าทำร้ายตัวเอง แต่เพราะพลังทำลายที่รุนแรงมากของลูกไฟที่ปล่อยออกมาจากหลังของโซลเนลนั้น...ได้ทำให้ม่านป้องกันที่เคยป้องกันเปลวเพลิงสีดำทมิฬของสัตว์ประหลาดที่ผู้นำมาซึ่งความวิบัติส่งออกมาได้อย่างสบายๆนั้นถึงกับแตกสลายในพริบตา


"โอ๊ย..!! พลังทำลาย...มหาศาลจริงๆ!!"
 


ฮิซาชิที่เคยแข็งแกร่งจนสามารถเทียบเคียงระดับได้กับมิรันในขณะนี้หรือฮิโรมิที่สามารถทำลายการโจมตีของโซลเนลได้ด้วยการเงื้อดาบฟันเพียงครั้งเดียวนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนกระอักเลือดออกมา ไม่เพียงแค่ร่างกายตั้งแต่ช่วงอกลงมาจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น...แต่เพราะพลังอัดกระแทกที่รุนแรงของลูกไฟนั้นได้ทำให้ซี่โครงของเขาหักไปถึง4ซี่!!



"แกร่งจริงๆเลยนะแก..! แต่แบบนี้แหละถึงจะสมกับที่มีชีวิตอยู่ใต้หิมะที่ปกคลุมหนาได้มาตลอด"




ฮิซาชิพยุงตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่งท่ามกลางที่ๆแต่เดิมเคยเป็นผืนป่ากว้างซึ่งถูกระเบิดถล่มราบจนกลายเป็นผืนดินโล่งๆมีเปลวไฟลุกไหม้ติดตอไม้ที่หักโค่นลงมาจนกลายเป็นถ่านอย่างดีพร้อมกับเศษเหล็กติดไฟที่ร่วงลงมาจากการโจมตีของโซลเนลทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สามารถถูกเขียนลงเป็นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกได้ในชั่วข้ามวัน


พร้อมกับวีรกรรมที่เป็นที่น่ากล่าวขานถึงที่ฮานามิกระทำเอาไว้จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงนี้เอง!!





"ทำไมกันล่ะ... เพราะอะไรเธอถึงได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้!! ฮานามิ!!!"



เสียงตะโกนที่ดังกึกก้องจนแม้แต่ฮิซาชิที่อยู่ห่างออกไปจากสนามต่อสู้นั้นเป็นระยะทางเกือบสามกิโลเมตรนั้นก็ยังไม่สามารถได้ยินของมิรันที่กำลังกรำศึกอันแสนหนักหนาและทรมานความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจของเธอได้ดังเข้าไปภายในหัวใจที่ถูกย้อมไปด้วยความมืดมิดอันไร้ทางออกของแองเจลอยด์ที่ควรจะเป็นผู้ปกป้องโลกจนสั่นสะท้านไปชั่วครู่


ฮานามิเผยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาให้เหล่าลูกสาวที่เปิดฉากการต่อสู้กับเธออย่างไม่เกรงกลัวความตายที่จะตามมาในภายภาคหน้านั้นก่อนจะทำการตอบสนองต่อเสียงตะโกนนั้นอย่างสาสมที่สุด...ด้วยวิธีการบุกเข้าไปไล่อัดเหล่าลูกสาวของเธอรายตัว!!



"เหตุผลที่ฉันอยากจะล้างเผ่าพันธุ์พวกมนุษย์น่ะเหรอ...ไม่รู้สินะ!?"


ลางสังหรณ์ชั่วพริบตาของฮิโรมิบอกเจ้าตัวว่าการรุกเข้าหาครั้งต่อไปของผู้ที่"เคย"เป็นมารดาแท้ๆของตนกำลังเข้ามาทางด้านหลัง ในจังหวะก่อนที่หมัดเหวี่ยงขวาของฮานามิจะถูกยื่นเข้าหาใบหน้าที่ถูกปิดด้วยเส้นผมสีชาดที่ยาวลงมาถึงกลางหลังของฮิโรมินั้นเอง...โล่สีแดงเพลิงอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าม่านป้องกันใดๆทั้งหมดของseiriด้วยกันก็ถูกยกขึ้นมาตั้งรับในทิศทางที่เหมาะสมพอดี


แต่ในช่วงจังหวะที่ม่านเอจิสถูกเปิดขึ้นมาแล้วนั่นเอง...สัมผัสถึงอัตรายของฮิโรมิก็ได้ย้ายมาอยู่ทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งรับไม่ทัน แล้วก็ตามมาด้วยหมัดซ้ายที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมของคู่ต่อสู้ที่เหวี่ยงเข้ามาจนเกือบจะปะทะเข้ากับแก้มซ้ายของฮิโรมิอย่างรวดเร็ว





                          หมับ..!


"คิดว่าฉันจะติดกับลูกไม้เดิมๆของเธอหรือไง!! ใช้คริสซาออร์เลย..ฮิโรมิ!!!"


หมัดซ้ายที่พุ่งเข้าหาเป้าหมายของฮานามิได้ถูกหยุดเอาไว้ได้ด้วยมือขวาที่ตรึงแขนของเธอเอาไว้ได้พอดีของมิรันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยแผลแตกจากพลังหมัดที่ตั้งรับไม่ทันของฮานามิอย่างเต็มเหนี่ยวก่อนที่ฮิโรมิจะถอยออกไปเร่งพลังในดาบขึ้นสูงสุดจนกลายเป็นดาบยักษ์ชี้ขึ้นไปกลางท้องฟ้าจนแหวกกลุ่มเมฆเหนือศีรษะเป็นช่องว่างขนาดมหึมา



"ดาบศักดิ์สิทธิ์... คริสซาออร์!! รับไปซะ!!!"



คมดาบที่ก่อร่างมาจากประจุไฟฟ้าสีแดงจำนวนมหาศาลได้ถูกชี้นำโดยเรียวแขนที่สับลงมาจากแนวดิ่งมายังแนวระนาบอย่างรวดเร็วของเทอร์รารอยด์ที่ประกาศชื่อท่าไม้ตายอย่างสุดเสียงจนกลุ่มเมฆที่แหวกออกระหว่างกลางถูกผ่าออกเป็นสองส่วนทันทีที่สัมผัสกับคมดาบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบใดๆที่เคยถูกตีขึ้นมาผ่าออกเป็นสองส่วน


แต่ในจังหวะก่อนที่ดาคริสซาออร์ของฮิโรมิจะสัมผัสกับผิวหนังของฮานามินั้นเอง... เสียงแผ่วๆที่แฝงไปด้วยสิ่งที่จะทำให้ฮิโรมิชะงักไปได้ก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงใจเจ้าตัว



"เทอร์รารอยด์โปรเจกต์SEIRIลำดับ75 'ฟูจิซากิ ฮิโรมิ' ชื่อฮิโรมิที่ว่านั่นถูกตั้งให้โดยมนุษย์คนหนึ่งที่เธอตกหลุมรัก... ระดับพลัง 2.2 คิดเหรอว่าพลังแค่นั้นจะทำร้ายฉันได้น่ะ!?"



สิ่งๆนั้นก็คือข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับตัวฮิโรมิที่ฮานามิทำการรวบรวมมาตลอดหนึ่งปีที่เธอเกิดขึ้นมาจนมากเกินกว่าที่จะเอามาบรรยายให้จบในวันเดียว แต่เพราะหนึ่งในข้อมูลเหล่านั้นได้มีอยู่อย่างหนึ่งที่สะกิดใจของเจ้าของคมดาบที่กำลังฟาดฟันลงมายังร่างของผู้พูดจนหยุดอยู่กับที่นั่นเอง...




"คนที่ฉันตกหลุมรักงั้นเหรอ... อย่าเอาเจ้าฮิซาชิมาพูดลอยๆแบบนั้นนะเฟ้ย!!!"


ในจังหวะที่อารมณ์ของฮิโรมิกำลังพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด มิรันที่พันธนาการความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เอาไว้อยู่ก็แยกออกมาใช้ท่าไม้ตาย"พลาสม่า แสลชเชอร์"ช่วยฮิโรมิจัดการฮานามิอีกแรงหนึ่ง ซึ่งในเมื่อการลงดาบของฮิโรมิถูกหยุดเอาไว้ในระยะประชิดตัว...เธอก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแนวการโจมตีไปยังด้านข้างที่ตรงข้ามกับมิรันแทน...


และเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮานามิกางม่านเอจิสป้องกันร่างกายเอาไว้หนึ่งชั้นจนการโจมตีของทั้งสองคนใช้ไม่ได้ผลอีกด้วย!



มิรันและฮิโรมิที่ไม่สามารถทำร้ายร่างกายของฮานามิได้เลยแม้แต่แผลเดียวนั้นรู้สึกภูมิใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของฮานามิมาก... ทั้งนี้ก็เพราะว่า-!


"ชิ! เพราะระบบเอจิสของเธอช่วยชีวิตเอาไว้หรอกนะ...แต่ที่เธอกางเอจิสป้องกันร่างกายเอาไว้นี่ก็แสดงว่าเธอยอมรับแล้วสินะว่าพวกเราสามารถทำร้ายเธอได้ถ้าโจมตีแบบเมื่อกี้ไปอีกรอบ!?"




"อย่าสำคัญตัวเองผิดไป...เหล่าลูกสาวตัวน้อย ที่ฉันเปิดเอจิสเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของพวกเธอจะทำร้ายฉันได้หรอกนะ..."


ร่างกายของฮานามิเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ ชายผ้าที่ยาวลงมาจากเอวลงมายังข้อเท้าของเธอเริ่มเลือนหายไปอย่างช้าๆพร้อมกับการปรากฏขึ้นของเกราะขาที่ก่อร่างขึ้นมาจากประกายแสงสีน้ำเงินที่มารวมตัวยังปลายเท้าไล่ขึ้นมายังท่อนขาช่วงล่างให้เห็นอย่างช้าๆ พร้อมกับแววตาที่เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาทีละนิดๆจนสังเกตได้ชัดเจน



"ที่ฉันกางเอจิสเมื่อกี้ก็เพื่อให้พวกเธอได้รู้สักทีว่าความห่างชั้นระหว่างเรามันเป็นยังไง...และก็อย่างที่พวกเธอรู้ๆกันอยู่ ต่อให้พวกเธอจะรุมเข้ามาสู้กับฉันสักกี่ครั้งก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอกน่า"





"มีสิ..! ทางชนะของพวกเราน่ะ..."


ในจังหวะที่การเปลี่ยนเข้าสู่โหมดต่อสู้จริงของฮานามิเสร็จสิ้นลง มิรันที่มีแววตาเกลียดชังคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้ามาตลอดจนถึงเมื่อครู่นี้ก็เริ่มผ่อนคลายอิริยาบถของตัวเองลงจนเข้าสู่สภาวะปกติ เช่นเดียวกับฮิโรมิที่เลิกใช้ดาบและโล่ที่ถืออยู่ในมือทั้งสองข้างซึ่งถูกปล่อยลงสู่พื้นด้านล่าง...



"เจ้าหนูที่เอาแต่ล้อฉันเรื่องน้ำหนักขึ้น...เจ้ามนุษย์ที่เอาแต่ล้อฉันเรื่องไขมันหน้าท้องที่ไม่เคยมีจริง เจ้ามนุษย์ที่ปักธงยัยเทอร์รารอยด์นี่จนเริ่มเอาแต่ล้อฉันเรื่องขนาดหน้าอกที่ต่างกันได้...เจ้านั่นแหละคือโอกาสชนะของพวกเรา!!"


"ป-ปักธงงั้นเหรอ!!"



แองเจลอยด์ระดับสองที่รู้จักแม้กระทั่งการปักธงผู้หญิงจากการเอาแต่หมกตัวดูการ์ตูนและเล่นเกมจีบสาวมาตลอดสองปีจนเพิ่งจะมีประสบการณ์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจริงๆก็เมื่อครั้งที่ได้พบกับฮิซาชิเป็นครั้งแรกกลอกสายตาไปยังที่ๆฮิซาชิต่อสู้กับโซลเนลที่ดุเดือดจนมีเปลวไฟปะทะอยู่ตลอดเวลาสลับกับแองเจลอยด์ค่ต่อสู้ที่ลอยอยู่ตรงหน้าจนลามไปยังเทอร์รารอยด์ที่เอาแต่หน้าแดงเขินอะไรบางอย่างจนเธอเกือบจะแนะนำให้ไประบายออกที่ห้องน้ำด้วยสายตาที่มีเป้าหมายชัดเจน


เป้าหมายเพื่อที่จะ...เอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อกลับไปหาเด็กชายที่เธอเริ่มจะมีความรู้สึกอย่างว่าให้อย่างปลอดภัยพร้อมกันทั้งสองคน!!



"งั้นเหรอ..! ถ้าเธอคิดว่าเอาชนะฉันได้ละก็...ลองมาวัดกันหน่อยเป็นไง!? ฉันก็ว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูดคำว่าฮิซาชิออกไปสักหน่อยนี่นา... โซลเนล!!"


ฮานามิที่เริ่มจะเอาจริงในการต่อสู้หลังจากที่ไม่ได้ทำมาเป็นเวลากว่าสองปีกดนิ้วไปยังเฮดโฟนที่ยังคงสภาพดีอยู่เพื่อกรอกรหัสสั่งการไปยังสัตว์ประหลาดที่กำลังวุ่นอยู่กับการต่อสู้อยู่โดยลืมไปว่าในขณะนี้เครื่องถอดรหัสคำสั่งได้ถูกทำลายไปในการต่อสู้กับฮิซาชิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮานามิที่รู้สึกตัวเรื่องนั้นจึงจัดการถอดหูฟังนั้นออกก่อนจะโยนทิ้งไปราวกับขยะโลหะชิ้นหนึ่ง...เพื่อที่จะต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เธอเคยเผชิญหน้าด้วยอย่างถนัดมือ



"ขนาดเรื่องที่เครื่องส่งสัญญาณพังไปแล้วยังจำไม่ได้แล้วจะเอาอะไรมาสู้กับพวกเรา... มาลุยกันเลยเถอะ ฮิโรมิ!!"






"แองเจลอยด์ต่อสู้ระยะประชิด... ฟูจิซากิ มิรัน เปิดระบบต่อสู้จริง!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา