Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) การรุกรานของเหล่าผู้อาศัยใต้พิภพ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"เมื่อกี้...ฉันตัดสินใจผิดไปหรือเปล่า ฮานามิ!?"


"ไม่หรอก! เธอตัดสินใจถูกแล้วล่ะที่แยกเด็กสองคนนั้นออกไปจากที่นี่ก่อน"




ภายในโรงพยาบาลที่เกิดความปั่นป่วนขึ้นโดยมีตัวการมาจากเหตุผิดปกติภายนอกซึ่งก่อตัวเป็นกลุ่มเศษดินพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ภายใต้ความแตกตื่นที่เหล่าคนไข้และบุคลากรโรงพยาบาลที่ส่งเสียงดังอึกทึกตั้งแต่ชั้นล่างไปจนถึงชั้นบนสุดนั้น ฮิซาชิกับฮานามิที่เป็นเพียงสองคนที่สามารถสงบจิตใจของตัวเองได้นั้นกำลังประเมินระดับความอันตรายของภัยพิบัติที่ราวกับถูกชี้นำโดยใครสักคนหนึ่งว่าควรจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วยหรือไม่ และในระหว่างนั้นเอง...สิ่งที่ฮิซาชิตัดสินใจกระทำไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้ทำให้ใจของเขาพอจะรู้สึกโล่งขึ้นมาได้บ้าง





"นั่นสินะ..! ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองอย่างมิรันกับผู้หญิงที่ซื่อเหมือนเด็กอย่างฮิโรมิจะต้องหาเพื่อนที่ดีกว่าฉันได้แน่... เพราะงั้นนะฮานามิ..!"




และภายนอกหน้าต่างที่แตกกระจายจากความสับสนและความน้อยเนื้อต่ำใจของแองเจลอยด์ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักซึ่งยังคงตกค้างอยู่ที่ฮิซาชิเป็นผู้ไล่ออกไปเองนั้น เศษดินที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาอย่างรุนแรงเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกมิรันบินออกไปจากสถานที่ที่อบอวลไปด้วยเชื้อโรคอันตรายนั้นได้ตกลงสู่พื้นในเวลาอันรวดเร็วพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นมาของสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดอีกครั้งหนึ่ง แต่หากจะมีสิ่งที่แปลกยิ่งกว่าลักษณะเฉพาะที่เหมือนกับเรดคิงผสมกับไทแรนท์จากเรื่องอุลตร้าแมนแล้ว ก็คงจะเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเป็นเรื่องปกติของฮิซาชิไปแล้ว




"ไอ้เจ้าบ้านั่น...ฉันน่าจะเปิดเบต้าแคปซูลไปฆ่ามันซะนะ! หรือไม่ฉันก็จะร้อง'อุต้ามัน นัมบ้าซิกซ์'ไปด้วยนี่แหละ!!"



ฮิซาชิไม่รอช้ารีบกระโดดขึ้นไปบนช่องหน้าต่างที่เต็มไปด้วยเศษกระจกที่แหลมคมพร้อมที่จะดื่มเลือดจากแขนของเขาอย่างเจ็บปวด แต่น่าเสียดายที่พลังภายในร่างของฮิซาชินั้นทำให้ผิวหนังที่แสนจะบอบบางของเด็กผู้ชายอายุราวๆห้าเกือบจะถึงหกขวบของเขามีความแข็งมากจนคมกระจกกรีดไม่เข้า แต่ถึงอย่างนั้นด้วยระดับพลังที่ยังด้อยของเขาก็ทำให้ฮานามิเป็นกังวลอยู่ดี


แม้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ฮานามิจะไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นห่วงใครเลยก็ตาม...




"คิดว่าเธอไหวเหรอ...ฮิซาชิคุง!? ถ้ายังไงฉันออกไปจัดการเองจะดีกว่าหรือเปล่า"



สายตาของเด็กชายมองไปยังจุดหมายข้างหน้าอย่างไม่วางตาราวกับรู้อยู่แล้วว่าฮานามิกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแค่ฮิซาชิยื่นแขนกลับไปด้านหลังก็สามารถสัมผัสกับความอ่อนนุ่มของผิวไหล่ของเธอได้ในทันที ซึ่งเขาก็ยื่นแขนกลับไปจริงๆจนสัมผัสกับความอ่อนนุ่มที่ไม่ได้มาจากจินตนาการที่สร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ที่เขาจับไหล่และมือของมิรันมาหลายต่อหลายครั้งในที่สุด



"เธอไม่ต้องกังวลหรอกน่า...ฉันน่ะแข็งแกร่งกว่าตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรกอีกนะ เพราะงั้นเตรียมคำตอบให้ฉันด้วยก็แล้วกัน"


"คำตอบ..!?"



"ยัยมิรันต่อสู้เพื่อปกป้องโลกโดยดำรงเอาไว้ซึ่งชีวิตของพวกมนุษย์ที่เธอเชื่อว่าจะเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลือนโลกไปยังทางที่ถูกต้องได้ ฮิโรมิก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมิรันเท่าไหร่...เพียงแค่ฮิโรมิไม่ค่อยจะรู้ประสาสักเท่าไหร่ ว่าแต่เธอล่ะ!? เธอต้องการที่จะปกป้องโลกเหมือนกับพวก seiri คนอื่นๆใช่ไหมล่ะ.... ถ้างั้นเธอจะทำยังไงล่ะ!?"




ฮิซาชิขยับมือไปซ้ายทีขวาทีเพื่อให้ฮานามิที่มีจังหวะการหายใจที่เริ่มถี่และลึกขึ้นให้ผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่สัมผัสที่แขนของเขานั้นกลับรู้สึกได้ว่ายิ่งมือของเขาขยับมากขึ้นเท่าไหร่ จังหวะการหายใจของสาวน้อยที่เขาต้องการจะช่วยให้ผ่อนคลายอิริยาบทก็ยิ่งจะลึกและสั่นไม่เป็นจังหวะมากขึ้นไปอีก รวมทั้งความรู้สึกอ่อนนุ่มที่มือของฮิซาชิไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ทำให้เจ้าของมือต้องรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น




"เธอหมายถึง...เรื่องนั้นน่ะเหรอ!?"




"ฮานามิ... ระหว่างจะทรยศต่อคนทั้งโลกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง หรือ จะทรยศตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคนทั้งโลกที่เธอรังเกียจมากที่สุด เธอจะเลือกทางไหนเหรอ!?"



หลังจากที่พูดจบแล้ว ฮิซาชิก็หันกลับมามองจุดที่มือของเขากำลังลูบคลำอยู่นั้นที่เพิ่งจะพบกับเม็ดเล็กๆที่น่าขัดใจคล้ายจะเป็นแผลยุงกัดที่แข็งราวเม็ดกรวดหรือเม็ดสิวอุดตันที่แข็งมากจนแม้แต่อุปกรณ์บีบสิวแบบพิเศษก็ยังไม่กล้าเสี่ยงกับอาการติดเชื้อที่อาจจะตามมาได้ แต่แล้วสายตาของฮิซาชิก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่มีอาการของหัวใจสูบฉีดดีเกินตัวจนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ พร้อมกับกำหมัดที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาในทันทีก่อนที่ระดับสายตาของเขาจะเลื่อนต่ำลงมากว่านี้ทำให้ฮิซาชิรู้ตัวในทันทีว่าจุดที่เขาสัมผัสพร้อมทั้งควานหาอะไรต่อมิอะไรไปด้วยว่าเป็นอะไร




"เชอะ..! รู้งี้เราไม่น่าลูบเลยเฟ้ย! น่าจะบีบไปให้รู้แล้วรู้รอด!!"






"นี่มิรัน..! พวกเราควรจะกลับไปสู้กับเจ้าตัวประหลาดนั่นหรือเปล่า อย่างน้อยเราจะได้รู้เรื่องจุดยืนของฮานามิสักหน่อยนะ!?"



เสียงสาวน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหยุดยืนอยู่เหนือมหาสมุทรอันแสนเวิ้งว้างพร้อมกับนางฟ้าอีกคนหนึ่งที่ในขณะนี้ไม่มีแรงพอที่จะขยับปีกบินออกจากอ้อมแขนของเธอเป็นทำนองเป็นห่วงหลังจากที่สังเกตเห็นกลุ่มดินที่พุ่งขึ้นมาจากแผ่นทวีปที่พวกเธอเพิ่งจะเดินทางออกมาเป็นลำสูง ฮิโรมิก้มลงมองมิรันที่กำลังหลับตาลงราวกับกำลังข่มความอ่อนแอภายในเปลือกตาเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นทั้งนั้น แต่แล้วสายตาของเธอก็สังเกตเห็นการขยับไปด้านข้างเล็กน้อยของศีรษะเพื่อนของเธอ




"ไม่ต้องไปหรอก... ยังไงฮิซาชิก็ต้องคุมสถานการณ์ได้อยู่มือล่ะน่า"


"เธอหมายความว่ายังไงน่ะ...มิรัน!? ถึงฮิซาชิจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนก็ตามเถอะ...ที่ฉันเป็นห่วงก็คือฮานามิที่อยู่ด้วยกันต่างหาก! ครั้งก่อนที่ร่วมมือกันยัยนั่นยังปล่อยพลังใส่พวกเราที่ขวางทางอย่างไม่ลังเลเลยนะ แล้วครั้งนี้ยัยนั่นจะทำอะไรอีก..."


"ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า... ถ้าคราวนี้ยัยนั่นจัดการสัตว์ประหลาดไปพร้อมๆกับฮิซาชิจริงๆ ฉันจะเป็นคนจัดการยัยนั่นเอง! แล้วอีกอย่างนะ"



ลำคอของมิรันเริ่มอ่อนแรงลงเป็นผลข้างเคียงมาจากการสงวนพลังงานเพื่อรักษาบาดแผลในร่างกายที่สาหัสจนต้องทยอยใช้พลังเกือบทั้งหมดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเธอในการค่อยๆรักษา ซึ่งตามจริงแล้วฮิซาชิเองก็อยากจะใช้พลังของเขาช่วยกระตุ้นระบบนี้เหมือนกัน... แต่ด้วยสถานการณ์ที่อันตรายเกินกว่าที่แองเจลอยด์ที่ยังด้อยประสบการณ์การต่อสู้อยู่มากจะรับมือได้นั้นทำให้เขาจำเป็นต้องไล่เธอออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงในอีกไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นก่อนที่จะต้องพบกับความสูญเสียที่ควรจะมีทางแก้ให้เสียใจไปชั่วชีวิต


แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจมาก... ถึงจะต้องเสียน้ำตาให้กับการกระทำที่ไร้เหตุผลของฮิซาชิ... มิรันก็ยังคงหันไปมองโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดที่เธออยู่ไปเกือบสิบกิโลเมตรจนเห็นเป็นเพียงยอดตึกเตี้ยๆบนแผ่นดินที่กว้างใหญ่เท่านั้นด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเชื่อใจที่ยังคงเหลืออยู่เป็นครั้งสุดท้าย



"อีกอย่าง... ฉันเชื่อนะว่าฮิซาชิจะต้องเปลี่ยนแปลงจิตใจของฮานามิได้แน่!"






เสียงร้องตะโกนที่ดังก้องไปทั่วบริเวณราวกับเสียงประกาศศึกของเหล่าทหารราบที่กำลังจะบุกเข้าตะลุมบอนกับรถถังของฝ่ายศัตรู ความเด็ดเดี่ยวที่เปลี่ยนชายคนหนึ่งไปจากชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากพลังกายที่แข็งแกร่งดุจลิงกอริลล่าทั้งฝูงรวมตัวกันเป็นร่างเดียวให้กลายเป็นเด็กชายที่พร้อมจะสละได้แม้แต่ชีวิตและความรู้สึกของตัวเองเพื่อปกป้องเพื่อนคนสำคัญของตัวเอง แสงสว่างสีแดงส้มที่เปลี่ยนจิตใจอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเสียสละให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อการปกป้องบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของตน ทุกสิ่งเหล่านี้ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในเวทีต่อสู้ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและเกีนยรติภูมิของนักรบผู้ต่อสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่าจนเปล่งประกายความเร่าร้อนจากหัวใจ



"ย้าก...!!!!!..!!!"



                    ตึง..!!!!!!



เสียงเท้าที่กระแทกลงบนแผ่นหลังของสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันจนสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบสถานที่แห่งนั้นดังกึกก้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้ที่ได้รับการโจมตีครั้งนี้ของฮิซาชิเข้าไปที่ดังพอๆกันจนกลมกลืนเป็นสุนทรียรสอันไพเราะของการสงครามที่ราวกับมีวงดนตรีมาบรรเลงเป็นท่วงทำนอง แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับมีตัวโน้ตที่ผิดคีย์ปรากฏขึ้นมาเมื่อท่าไม้ตายปิดฉากของฮิซาชิถูกนำออกมาใช้ก่อนเวลาที่ควรจะเป็น



"อย่าว่าอะไรกันเลยนะ... เพราะฉันมีสถานที่ที่ต้องไปให้ได้โดยเร็วที่สุดอยู่ หลับฝันดีนะ!"



ลำแสงเพลิงจากร่างโคโรน่าถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างในท่วงท่าที่เหมือนกับลอกเลียนมาจากอภินิหารลูกแก้วมังกรตรงเข้าปะทะร่างของสัตว์ประหลาดที่ล้มลงกับพื้นอย่างเลือดเย็นจนมันส่งเสียงร้องอย่างทรมาน และในที่สุดร่างของสัตว์ประหลาดก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆราวกับเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นกันอย่างชัดเจนในภาพยนตร์สัตว์ประหลาดไปแล้ว...




"ขอโทษด้วยนะฮานามิ... ไว้ฉันจะมาฟังคำตอบของเธอทีหลังก็แล้วกัน!"



หลังจากที่กำจัดสัตว์ประหลาดไปได้แล้ว เด็กชายที่เป็นเจ้าของผลงานสันติภาพก็กระโดดบินออกไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เป็นทิศทางเดียวกับที่พวกฮิโรมิบินออกไปก่อนหน้านี้ราวกับจะตามพวกเธอไปเพื่อปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยทิ้งฮานามิเอาไว้ท่ามกลางความงุนงงของผู้คนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าสัตว์ประหลาดถูกกำจัดไปแล้วก่อนที่กองทัพอากาศจะเดินทางมาถึงเสียอีก



แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การรุกรานครั้งใหญ่ของสัตว์ประหลาดจากใต้พิภพสงบลงเลย!!






"ยัยพวกนั้น...หายไปไหนแล้วนะ!? นี่ตอนนั้นเราพูดทำร้ายจิตใจมิรันแรงเกินไปหรือเปล่า..."




อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกอันเป็นที่ตั้งของประเทศบ้านเกิดของเหล่าseiriทั้งมวล ฮิโรมิที่เป็นคนพาตัวมิรันที่ต้องการจะออกจากโรงพยาบาลที่เธอจำเป็นต้องเข้ารักษาก่อนเวลาที่บาดแผลจะหายสนิทดีก็ลงพักที่หน้าผาซึ่งรายล้อมไปด้วยผืนป่าที่ทอดไกลสุดลูกหูลูกตา เธอสังเกตเห็นอาการของมิรันเริ่มจะไม่สู้ดีเท่าไหร่ สีหน้าของมิรันในขณะนี้เริ่มซีดจากอาการเลือดตกในและมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา ราวกับว่ารอยเย็บจากการผ่าตัดอวัยวะภายในที่ปิดสนิทดีแล้วซึ่งยังไม่สมานตัวจะเริ่มฉีกขาดจนทำให้เกิดอาการข้างเคียงเหล่านี้ขึ้น



"มิรัน... ทำใจสบายๆเอาไว้นะ! เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอง!!"




               กราว... ตึง...!!!!!!!!



ฮิโรมิที่อาสาจะเป็นคนพาตัวมิรันที่อาการไม่สู้ดีนั้นไปโรงพยาบาลกำลังสอดมือเข้าไปยังใต้ลำตัวเพื่อยกร่างกายที่หนักเกือบ55กิโลกรัมของมิรันขึ้นมาจากพื้นหินเตรียมที่จะออกบินไปอีกครั้ง แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหน้าผาหินที่ทั้งสองอยู่นั้นเริ่มถล่มลงมาราวกับมีอะไรบางอย่างทะลุแผ่นหินนั้นออกมา ทำให้ฮิโรมิต้องรีบพาตัวมิรันบินขึ้นไปด้านบนโดยเร็วที่สุด



"อะไรกันน่ะ..!? ไม่จริงน่า!!"



และแล้วสายตาที่มองลงไปยังพื้นดินด้านล่างหลังจากที่หน้าผาถล่มลงไปจนหมดแล้วของฮิโรมิก็ต้องพบกับสิ่งที่ทำให้เธอเริ่มใจคอไม่ค่อยดี ในเมื่อสิ่งที่ปรากฏออกมาจากใต้หน้าผาหินแห่งนั้นกฌคือ... สิ่งมีชีวิตที่เธอคาดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง





"ทำไมการรักษาของแกถึงเร็วขนาดนี้..!! โซลเนล!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา