Please Love me นายคนนั้น...มารักฉันซะ!

7.0

เขียนโดย RoseAnan

วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.15 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,890 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Chapter 2 - Intelligence. 'ไอคิวสูง' (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Chapter 2
Intelligence.
'ไอคิวสูง'
 
                “หา =[]= ตาเวลล์เนี่ยนะ!” ซาหริ่มกระชากมือฉันออกแล้วตะโกนออกมาเสียงดังจนทุกคนหันไปมอง
                นังเพื่อนบ้า! ยัยปากจอมซวย TTOTT
                “เอ่อ...ไม่มีอะไร พอดีซาหริ่มมันต้องการจะบอกว่า Well แนะนำตัวกันได้ดีมาก ไม่มีอะไรจริงๆ (    - -)” ฉันแก้ตัว ถึงมันจะเป็นคำแก้ตัวที่เชื่อไม่ได้สุดๆ ก็เถอะ ขอเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน >_<
                “เอาล่ะ! ใครมีคำถามจะถามเพื่อนใหม่หน่อยมั้ย?” อาจารย์งามตาแทรกขึ้น
                “มีครับ” เพื่อนชายคนหนึ่งชี้นิ้วไปทางซีลอน “อยากถามนายว่า...นายเป็นเกย์หรือเปล่า?”
                แอร๊ก! แทบสำลักน้ำลายตัวเอง =O=
 จะว่าไปซีลอนก็หน้าหวานมากๆ เลยนะ ถ้าไว้ผมยาวทรงเดียวกับฉันล่ะก็ บียอนเซ่ก็บียอนเซ่เถอะ ชิดซ้ายตกขอบถนนไปเลยยย ไม่แปลกหรอกที่ใครจะมองแล้วเข้าใจผิด เอ๊ะ! หรือเข้าใจถูกนะ =___=
                “ผมก็ยังสับสนอยู่เลยครับ เอาเป็นว่าลองมาสนิทกันดู ผมจะได้แน่ใจสักที J”
                นั่นเป็นแค่คำตอบกวนๆ ใช่ม้ายยยย TT^TT อย่าพรากคนหล่อไปจากชีวิตฉันนักเลย ให้ตายสิ!
                “ขอถามเซรมค่ะ ทำหน้าอย่างอื่นเป็นมั้ยค่ะ -O-” สาวหน้าห้องที่ทาลิปสติกซะแดงแจ๋โบกมือถาม
                “มันเป็นคำถามที่ฉันต้องตอบด้วยเหรอ? ทำตัวอย่างกับเป็นตะคริวที่จะมาขึ้นหน้าฉันอย่างนั้นแหละ ฉันจะทำหน้าอย่างนี้มันหนักส่วนไหนของเธอไม่ทราบ”
เซรมตอบเสียงขุ่นใขขณะที่สาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะคนถาม
                “ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ฉันก็แค่ถามเฉยๆ คำพูดของฉันมันไปกองอยู่บนหัวนายตั้งแต่เมื่อไหร่ แยกเขี้ยวจะกัดฉันอยู่ได้ เหมือนสัตว์เลี้ยงที่บ้านฉันไม่มีผิด!”
ยัยปากแดงตอกกลับได้สะใจจริงๆ ยิ่งตอนพูดคำว่า 'สัตว์' มันช่างกินใจฉันเหลือเกิน  >O<
                “นี่เธอ...” เซรมทำท่าจะปีนข้ามโต๊ะอยู่แล้ว แต่โดนเพื่อนอีกสองคนล็อกคอไว้
                “อย่าทะเลาะกันสินักศึกษา ถ้าไม่มีใครมีคำถาม อาจารย์จะ...”
                “หนูมีคำถามค่ะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ฉันหันไปมองข้างตัวก็พบยัยซาหริ่มที่ยกมือขึ้น
                “ว่ามาสิ”
                “ฉันอยากจะถามเวลล์ว่า...คุณมีแฟนแล้วหรือยัง?”
                พรวด =O= คำถามของยัยเพื่อนรักเล่นเอาฉันพ่นน้ำลายออกมาเต็มโต๊ะเลย น่าขายหน้าชะมัด TTOTT ฉันหันไปมองเวลล์ที่ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเก้อๆ เขาทำหน้าครุ่นคิดสองนาที แล้วเอ่ยปากพูด เล่นเอาฉันลุ้นตัวโก่งเลยทีเดียว >_<
                ขอจงอย่าเพิ่งมีแฟนเลยเถอะ สาธุ ( - /\ - )
                “ถามทำไมเหรอครับ”
                อ้าว -___-^ อุตส่าห์ลุ้นในคำตอบ เชอะ!
                “เพราะเพื่อนของฉันแอบชอบคุณอยู่ค่ะ!”
                “O_O” เฮือก!
                ซาหริ่มตอบอย่างรวดเร็ว ถ้าแค่นั้นฉันจะไม่ตกใจเลย T^T เพราะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดคนนี้เอื้อมมือมาจับข้อมือฉันพลางยกขึ้น เล่นเอานักศึกษาทุกคนมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว วันนี้วันดีจริงๆ มีแต่คนมาสนใจ TOT (ประชดน้าาาา) ฉันหันไปมองเวลล์แวบหนึ่ง เขากำลังทำสีหน้าเหมือนลำบากใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำสีหน้าตามปกติ เขาเพียงแต่ยิ้มรับน้อยๆ แค่นั้น
                แค่นั้นจริงๆ TTOTT
                “คำตอบล่ะ?” ซาหริ่มทวงถาม แต่ฉันไม่อยากรู้แล้วอ่ะ
                “เอาเป็นว่า...ผมยังไม่มีแฟนแล้วกันครับ”
                “กรี๊ดดดดดดด~”
                “กร๊าดดดดดดด”
                เสียงกรีดร้องของเพื่อนสาวคณะเดียวกันมาระลอกหนึ่ง ฉันว่า...ฉันมีคู่แข่งแล้วล่ะ T^T
                “พอได้แล้วนิสิตที่รักทั้งหลาย เริ่มเรียนกันเลยดีกว่า พวกเธอสามคนไปนั่งด้านหลังห้อง ต้องมีคนหนึ่งที่นั่งแยกออกมานะ เพราะห้องเรียนเราเป็นโต๊ะคู่น่ะ” อาจารย์งามตาเทศนาอีกสองสามเรื่องแล้วจรลีออกไปทันที
                แต่สมาธิฉันนี่สิ หายไปตั้งแต่เขาเดินผ่านโต๊ะฉันไปแล้วล่ะ โอ๊ยยยย! ใจยังสั่นไม่หายเลย >O<
 
                ตายๆๆ ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว ทำไมไม่มีความรู้เข้าหัวฉันเลยสักอย่าง วันนี้เป็นวันที่อาจารย์สอนไม่รู้เรื่องที่สุด(โทษอาจารย์ -*-) พยายามจะไม่สนใจแล้วนะ แต่มันทำไม่ได้จริงๆ นี่นา ยังไม่ทันเป็นแฟนกันเลย ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแคร์เขามากขนาดนี้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย L
                ป๊อก!
                อ๊ะ... ฉันเอามือกุมหัวด้วยความตกใจ อะไรบางอย่างที่กระทบกับหัวฉันหล่นลงมาตรงหนังสือเรียน มันคือปอกปากกา เดาไม่ยากเลยว่าใครเป็นคนโยนมา  อาจารย์สุรพลแหงๆ
                “เหม่ออะไรอยู่นักศึกษา ลุกขึ้นมาตอบคำถามเดี๋ยวนี้เลย”
                “รับทราบค่ะ” ฉันยืนขึ้นแล้วหันไปมองด้านหลัง ซีลอนหัวเราะฉันเบาๆ ด้วย ส่วนเวลล์ได้แต่อมยิ้มเท่านั้น
                โดนเรียกแบบนี้ อายชะมัดเลย ให้ตายสิ! T^T
                “บอกข้อมูลพื้นฐานของอักษรไทยมาสิ?”
                “เอ่อ...” ฉันรวบรวมความรู้ในสมองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบ “อักษรไทย เป็นอักษรที่ใช้เขียภาษาไทย และภาษากลุ่มน้อยอื่น ๆ ในประเทศไทย มีพยัญชนะ 44 รูป สระ 21 รูป วรรณยุกต์ 4 รูป และเครื่องหมายอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง พยัญชนะไทยจะเรียงตัวไปตามแนวนอน จากซ้ายไปขวา ส่วนสระจะอยู่หน้า บน ล่าง และหลังพยัญชนะประกอบคำแล้วแต่ชนิดของสระ”
                “...” ทุกคนในห้องเงียบกริบ รวมถึงอาจารย์สุรพลที่ถึงกับสะอึก
                “อักษรไทยไม่มีการแยกอักษรตัวใหญ่หรืออักษรตัวเล็กอย่างอักษรโรมัน และไม่มีการเว้นวรรคระหว่างคำ เมื่อจบหนึ่งประโยคจะลงท้ายด้วยการเว้นวรรคกับมีเครื่องหมายวรรคตอนจำนวนหนึ่ง ภาษาไทยมีตัวเลขเป็นของตัวเอง แต่นิยมใช้เลขอารบิกเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน”
                อาจารย์สุรพลทำหน้าอึ้งไปเล็กน้อย -O- แต่ฉันก็ยังไม่หยุดพล่ามข้อมูลทั้งหมดที่เคยร่ำเรียนมา
                “พยัญชนะไทยมี 44 รูป แต่ละตัวมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ สามารถแบ่งตามฐานที่ใช้ในการออกเสียงเป็นวรรค เสียงอ่านที่กำกับไว้คือเสียงเมื่อเป็นพยัญชนะต้น พยัญชนะไทยยังแบ่งออกเป็น 3 หมู่ เรียกว่า ไตรยางศ์ ประกอบด้วย อักษรสูง 11 ตัว อักษรกลาง 9 ตัว และอักษรต่ำ 24 ตัว หนูต้องแจกแจงมั้ยค่ะอาจารย์ (    - -)”
                “มะ...ไม่เป็นไร” อาจารย์ตอบเสียงตะกุกตะกัก
                “สระในภาษาไทยมี 21 รูป ซึ่งรูปสระเหล่านี้จะนำไปประกอบเป็นรูปสระที่ใช้จริงอีกต่อหนึ่ง วรรณยุกต์ในภาษาไทยมี 4 รูป 5 เสียง คำทุกคำในภาษาไทยจะมีเสียงวรรณยุกต์เสมอ แม้ว่าจะไม่มีรูปวรรณยุกต์แสดงให้เห็นก็ตาม รูปจะมี ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี ไม้จัตวา เสียงจะมี เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา”
                “=[]=” หน้าอาจารย์สุรพลกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วอ่ะ
                “ตัวเลขและ...”
                “พอแล้วๆๆ” อาจารย์สุรพลขัดขึ้น
                “แต่หนูยังอธิบายข้อมูลพื้นฐานยังไม่หมดเลยนะค่ะ” ฉันท้วง
                “ที่เหลือให้อาจารย์ได้เป็นคนสอนเองเถอะนักศึกษา T^T” อาจารย์สุรพลทิ้งตัวกอดขาฉันเอาไว้
                “ได้ค่ะๆๆ แต่อาจารย์ช่วยปล่อยขาหนูก่อนนะค่ะ”
                แง ทำไมพี่แกมือตุ๊กแกอย่างนี้ TT^TT งัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก ยัยซาหริ่มที่ดูเหตุการณ์อยู่เริ่มทนไม่ไหว มาฉุดอาจารย์ให้ลุกขึ้น
                “อาจารย์ค่ะ หน้าที่อาจารย์คือสอนอยู่หน้าห้องนะค่ะ เชิญอาจารย์สอนต่อเถอะค่ะ หนูอยากเรียนรู้ใจจะขาดแล้ว” ซาหริ่มว่าพลางดันอาจารย์ให้เดินไปทางหน้าห้อง
                “เชิญนักศึกษาเหม่อได้ตามสมควรเลยนะ หากอาจารย์มีปัญหาหรือไม่เข้าใจ จะเรียกให้มาอธิบาย”
                “เราเสียเวลามากแล้วค่ะอาจารย์ เชิญสอนพื้นฐานตัวเลขและรหัสยูนิโคดต่อเถอะ”
                ซาหริ่มพูดแล้วจัดการเปิดหนังสือให้เสร็จสรรพ อาจารย์สุรพลจึงหันไปทำหน้าที่ของแกต่อ
                “แกทำให้อาจารย์เป็นแบบนี้อีกแล้วนะ ยัยไอคิวสูง!” ซาหริ่มว่า หลังจากเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเรียนเรียบร้อยแล้ว
                “ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา มันมาอยู่ในสมองฉันตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย แล้วขออย่างเถอะ หยุดเรียกฉันแบบนั้นเลยนะ ไอ้ฉายาไอคิวสูงบ้าๆ บอๆ เนี่ย”
                “ไม่เห็นจะบ้าบอตรงไหนเลย เท่จะตาย >_<”
                มันใช้ตาตุ่มคิดหรือไงว่าเท่ บ้าไปแล้ว =O=
                “สต็อป! ฉันไม่ชอบ ตั้งใจเรียนได้แล้ว”
                “ทีแกยังไม่เห็นตั้งใจเรียนเลย ฉันเห็นนะ...แกแอบมองเวลล์ตลอดเลย”
                “O_o ฉันแสดงออกมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
                “แกมองเขาทุกๆ สิบห้าวินาทีเลยเถอะ คนอื่นเขาก็ดูออกทั้งนั้นแหละย่ะ!” ซาหริ่มแหว
                อ๊ายยยย >_< ฉันว่าฉันเก็บอาการไว้มากแล้วนะ ทำไมถึงมีคนดูออกนะ TOT
                “เพราะแกคนเดียว ไปพูดว่าฉันชอบเขาแบบนั้นทำไม ฉันวางตัวลำบากนะ!”
                “ถ้าวางลำบาก แกก็ถือแทนสิ”
                ขำมากป่ะ -___-;;;
                “ฉันไม่มีอารมณ์ตลกร่วมกับแกหรอกนะ” ฉันถอนหายใจ “เข้าหน้ากันไม่ติดก็เพราะแกนั่นแหละ ถ้าเขาไม่รู้ ยังจะดีเสียกว่า”
                “แกก็คิดแต่แบบนี้ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่ใช่เรื่องหน้าอายสักหน่อย”
                “ฉันไม่ได้ด้านเหมือนแกนะซาหริ่ม”
                หลอกด่าซะเลย >___<
                “ข้าพเจ้าขอน้อมรับ แล้วแกก็ควรจะฝึกทำหน้าหนาๆ เข้าไว้ แล้วก็...” ซาหริ่มชี้นิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายของฉัน “ใจต้องกล้าด้วย!”
                “แต่ฉัน...” ฉันอึกอัก
                “แกอยากให้เขารักแกและมีความสุขกับแกมั้ยล่ะ?”
                “ก็...อยาก” ฉันตอบเสียงอ้อมแอ้ม
                ซาหริ่มจับแขนฉันแล้วดึงเข้าหาตัว ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู “ก็จีบดิ!”
                “เฮ้ย!!!” ฉันตะโกนออกมา เล่นเอาเพื่อนๆ และอาจารย์หันมามองพร้อมกัน (อีกแล้ว T^T)
                “มะ...มีอะไรหรือเปล่านักศึกษา อาจารย์สอนอะไรตรงไหนผิดไปหรือเปล่า (    - -)” อาจารย์สุรพลถามเสียงเศร้า
                “เปล่าค่ะ พอดีอยู่ๆ ก็เห็นแมลงสาบวิ่งออกไปจากหนังสือเลยตกใจนิดหน่อย เชิญอาจารย์สอนต่อได้เลยค่ะ” ฉันบอกแล้วนั่งลง
                “ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจซะจริงนะเพื่อน” ซาหริ่มแซว
                “อย่ามาพูดมาก แกเป็นตัวต้นเหตุนะ” ฉันตีแขนซาหริ่มดังเพียะ “แล้วฉันจะไม่มีวันจีบผู้ชายก่อนเด็ดขาด”
                “เหตุผลของแกคงไม่พ้น ‘เป็นหญิงเป็นนางต้องรักนวลสงวนตัว’ สินะ”
                “ถูก >O<”
                “แล้วแกไม่เคยได้ยินคำว่าด้านได้อายอดบ้างเหรอ -O-”
                ทำไมต้องยอกย้อน แถมยังหักล้างเหตุผลฉันจนหมดสิ้นเลย เชอะ!
                “แต่ฉันไม่รู้ว่า...เขาจะมีคนที่ชอบหรือยัง” ฉันคัดค้านเสียงอ่อย
                “เขาก็บอกแล้วนี่ว่ายังไม่มีแฟนน่ะ”
                “คนที่ชอบกับแฟนไม่เหมือนกันซะหน่อย ที่เขาไม่มีแฟนเพราะอาจจะกำลังจีบคนที่เขาชอบอยู่ก็ได้”
                ทำไมยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเจ็บแบบแปลบๆ นะ TOT
                “ฉันไม่สนสักหน่อย”
                แต่ฉันสนโว้ยยยยยย -_-;;;
                “ฉันไม่อยากให้เขาต้องเสียใจนี่นา บอกแล้วว่าแค่ได้ทำอะไรให้เขาก็พอ”
                “ฉันรู้แล้วว่าแกมันนางเอก แต่จะบอกให้อะไรให้อย่างนะ” ซาหริ่มทำเสียงเครียด
                “...” เงียบตั้งใจฟัง
                “คนเราถ้าไม่รู้จักเห็นแก่ตัวบ้างสักนิดล่ะก็...จะไขว่คว้าหาความสุขไม่ได้นะ J”
                อุ๊ย! คำคมโดนใจ >_<
                “แกคิดเองเหรอ? มีสาระเหมือนกันนะเนี่ย”
                “เปล่า” ซาหริ่มเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเป้แล้วหันมายิ้ม “อ่านมาจากการ์ตูนฮายาเตะ พ่อบ้านประจันบานน่ะ ^___^”
                เกือบเท่แล้วเชียว ยัยซาหริ่มเอ๊ย! =O=
 
                แซด แซด แซด
                ทันทีที่ก้าวขาเข้าเขตโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เสียงของนักศึกษากว่าพันชีวิตที่พูดคุยกันก็ดังระงมเข้าโสตประสาทไม่มีหยุด เห็นคิวที่ต่อกันอยู่ตรงร้านขายอาหารแล้วอยากจะเลือกอดตายจริงๆ ชั่วโมงหนึ่งจะได้ซื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้
                หรือฉันจะยอมอดดีนะ =O=
                ระหว่างที่กำลังหาโต๊ะว่าง สายตายาวๆ ก็เริ่มทำงาน ฉันเห็นซีลอนซื้อของออกมาจากมินิมาร์ทเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วเดินไปทางตึกเรียน ฉันจึงไม่รีรอที่จะเดินตามเขาไปทันที
                ตุบ!
                ขนมปังห่อหนึ่งหล่นจากถุงที่เขาหิ้วไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัว ฉันเก็บขึ้นมามอง ขนมปังรสขี้แมว หา! ขี้แมวเนี่ยนะ คนหล่อๆ ต้องกินของประหลาดๆ แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ฉันไม่เชื่อออ T^T
                ซีลอนเดินหายเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่ง ฉันจำได้ว่ามันเป็นห้องที่เอกฉันต้องมาเรียนในคาบต่อไปเหมือนกัน เขาคงจะมานั่งรอเวลาเรียนก็เป็นได้ ฉันน่าจะเข้าไปคุยเป็นเพื่อนเขาดีกว่า เผื่อจะแอบถามเรื่องเวลล์ด้วย ไอเดียเป็นเลิศ >O<
                “อ้าวไอ้ซี! ไหนขนมปังของฉันล่ะ แกอย่าบอกนะว่าลืมซื้อ”
                เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นทำให้ฉันชะงักเท้ากึกหยุดอยู่ที่หน้าประตู เสียงด่าแบบเนือยๆ นี่ต้องเป็นของเซรมแน่ๆ แบบนี้เขาก็อยู่กันสองคนเลยสิ เอ๊ะ! ขนมปังของเขาหมายถึงไอ้รสที่ฉันถืออยู่นี่หรือเปล่า แง! ไม่จริงใช่มั้ย? เซรมกินขี้แมว TT^TT
                ว่าแต่...รักแรกพบของฉันไปกินข้าวคนเดียวที่ไหนเนี่ย
                “ไอ้ซีมันคงจะลืมน่ะสิ เจอหนุ่มหล่อๆ ในมินิมาร์ทล่ะมั้ง ถึงได้ลืมเพื่อนลืมฝูง”
                “หุบปากนะเวลล์!”
                อ้าว...เวลล์ก็อยู่นี่นา (    _ _) ดีนะไม่ได้เสนอหน้าออกไป ฟู่! รอดๆ
                “โอ๊ะโอ๋ ซีลอนน้อยๆ โกรธซะแล้ว ฮ่าๆ”
                จะว่าไปรักแรกพบของฉันก็นิสัยกวนใช่ย่อยนะ =___=
                “อย่าให้ฉันได้แซวนะ ยัยปากแดงตรงใจแกเนอะเซรม”
                “เฮ้ย! อย่าพูดถึง มันโมโหขึ้นมาจับใจเลย ฮึ้ย!”
                ดูท่าทางเซรมจะอารมณ์เสียไม่น้อยเลยทีเดียว ฉันได้ยินเสียงปึงปังออกมาเบาๆ ด้วย โหดง่ะ T^T
                “ฮ่าๆ เซรมเราพลาดท่าก็คราวนี้แหละ” เวลล์หัวเราะในลำคอเบาๆ
                “แกก็ไม่รอดหรอกเวลล์ ยัยไอคิวสูงชอบแกอยู่นี่นา”
                แว้กกกก! แวะเวียนมาทำไมแถวนี้ T^T
                “เพื่อนหยอกล้อกันเล่นหรือเปล่า แล้วอะไรคือยัยไอคิวสูง ฉันไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมต้องเรียกแบบนั้นด้วยล่ะ ฟังไม่เห็นเข้าท่าตรงไหนเลย”
                ฉันเห็นด้วยยยย TOT
                “อ้อ มันเป็นฉายาที่เพื่อนๆ ทั้งมหาวิทยาลัยตั้งให้สาวน้อยคนนั้นโดยเฉพาะเลย เพราะเธอมีไอคิวสูงมากๆ ไม่ได้เรียนคณะวิศวะแต่สามารถแก้สูตรยากๆ ที่ระดับอาจารย์ยังแก้ไม่ได้ออกอย่างง่ายดายเลยน่ะสิ”
                “แปลว่า...ฉลาดมากเลยสินะ” เซรมพูดด้วยน้ำเสียงต่างจากปกติ เหมือนจะตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย...หน่อยจริงๆ นะ =O=
                “ข่าวลือหรือเปล่า อาจจะไม่ฉลาดขนาดนั้นก็ได้” เวลล์ค้าน
                ฉันก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นเหมือนกัน (-    -)(_   _)
                “แกจำที่เธอตอบคำถามอาจารย์สุรพลคาบที่แล้วไม่ได้เรอะ! ถ้าไม่มีคนเบรกไว้ ยัยนั่นคงได้พล่ามออกมาจนหมดหนังสือพอดี” ซีลอนว่าพลางหัวเราะ
                มันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ -___-;;;
                ฉันทำปากจู๋ ไม่อยากยืนฟังพวกบ้าแอบด่าฉันแล้ว ถึงจะมีความชื่นชมฉันอยู่บ้างเล็กน้อยก็เถอะ ฉันชะโงกหน้าไปมองในห้อง เห็นเวลล์ที่นั่งหันหน้ามาทางนี้พอดี เขายกขวดน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม ตรงหน้าโต๊ะมีขนมปังห่อสีเขียวๆ อยู่
                ใช่! มันต้องเป็นของโปรดของเขาแน่ๆ
                เอาล่ะ! อย่างแรกเลยก็คือ...พรุ่งนี้ฉันจะซื้อของโปรดของเขาไปให้ >O< เขาจะต้องดีใจแล้วก็รู้สึกว่าฉันเป็นคนดี เอาใจใส่ และมีน้ำใจมากๆ
                พรุ่งนี้เขาจะต้องเริ่มชอบฉันบ้างแน่ๆ แล้วเจอกันนะค่ะ รักแรกพบของฉัน จุ๊บๆ >3<
 
Chapter Two - 100%
To be continue...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา