Vampiric Murderer ปริศนารักคดีแวมไพร์

8.5

เขียนโดย Zindy

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.16 น.

  8 ตอน
  13 วิจารณ์
  12.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2557 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) เหยื่อ [1]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                อีกเกือบหนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากได้เจอฮาลวิลลิสที่หมู่บ้าน ทุกๆอย่างเป็นปกติดี การคัดเลือกประธานนักเรียนเป็นไปตามปกติ เหลือแค่ชั้นมัธยมต้นที่ยังเลือกตั้งกันไม่เสร็จ แต่เธอก็ได้แก้ตารางเวลาตามที่อาจารย์บอกและส่งไปเรียบร้อยแล้ว และคิดว่าครั้งนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกลับมาแก้อีก
                วันเวลาจึงผ่านมาเรื่อยๆเปื่อยๆกับการเรียนที่เริ่มจะเข้มข้นขึ้นจากตอนแรกที่เปิดเทอม
                จนกระทั่งวันนี้...
                ซารีน่ารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆตอนที่เข้าไปในห้องเรียนวันถัดมา เหมือนมีความกดดันบางอย่างมาแผ่ปกคลุมทั้งห้องไว้ หลายคนจับกลุ่มคุยอะไรซักอย่างหน้าตาเคร่งเครียด อีกหลายคนก็กำลังจับกุ่มอ่านหนังสือพิมพ์อ่านสนอกสนใจ
                หลังจากมองรอบตัวไปมา ซารีน่าก็ไม่พบลอลินเดินเข้าไปถามชายอีกคนที่กำลังอยู่ในกลุ่มสนทนาเช่นกัน
                “ฮาเวิร์ด เกิดอะไรขึ้นหรอ”
                เขาเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถามก็หยิบหนังสือพิมพ์จากตรงกลางกลุ่มให้ซารีน่าอ่าน “เมื่อคืนนี้ดูเหมือนจะมีคนพบศพที่สองล่ะ หนังสือพิมพ์ของวันนี้เลยลงข่าวหน้าหนึ่ง”
                “เอ๊ะ...ว่าไงนะ จากครั้งแรกยังผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองนะ” ซารีน่ารีบรับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาอ่าน ไม่ต้องเสียเวลาเปิดหาหน้าข่าวหรอกในเมื่อมันขึ้นหราอยู่หน้าแรก เป็นภาพสถานที่เกิดเหตุที่ถูกล้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเซนเซอร์ภาพศพไว้อย่างดีจนมองไม่ออกว่าศพเป็นยังไง
                เนื้อหาข่าวปิดบังชื่อที่แท้จริงของเหยื่อรายล่าสุด แต่ก็ยังให้ข้อมูลว่าผู้ตายเป็นเพศหญิงอายุเกือบสามสิบปี สถานที่พบศพคือพงหญ้าใกล้เนินเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่อีกด้านของเมือง ใกล้กับที่เกิดเหตุคราวที่แล้ว และบอกสาเหตุการณ์ตายเหมือนกับคราวที่แล้วทุกอย่าง จนไม่มีใครสงสัยว่าใครป็นคนก่อเหตุ
                เนื้อข่าวยังมีการวิเคราะห์ความเกี่ยวเนื่องของทั้งสองคดี เหยื่อรายแรกเป็นผู้ชาย เหยื่อรายที่สองเป็นผู้หญิง แม้ว่าทั้งสองคนจะมีอายุใกล้เคียงกันและอยู่ในวัยทำงานเหมือนกันแต่สองคนนี้ก็ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางใดๆ นอกจากเรื่องอายุแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะโยงเหยื่อรายหนึ่งสู่อีกรายหนึ่งได้ จึงมีการสันนิษฐานว่าแวมไพร์น่าจะเลือกเหยื่อด้วยความสะดวกในจังหวะนั้น ไม่มีการวางแผนมาก่อนแต่อย่างใด
                ทิ้งท้ายของข่าวได้บอกว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตามหาแวมไพร์ที่ก่อเหตุอยู่
                “ว่าไง” เขาถาม
                “ฉันว่าตามหาไปยังไงก็ไม่เจอหรอก” ซารีน่ายื่นหนังสือพิมพ์กลับไปให้เจ้าของ “แวมไพร์นะไม่ใช่ฆาตกรธรรมดา ไม่ใช่ว่าสืบสวนแล้วจะเจอซะหน่อย”
                ...แวมไพร์ที่หายตัวไปเกือบจะร้อยปี แต่ก็ยังแอบซ่อนตัวตนได้อย่างแนบเนียน
                “ถ้ามนุษย์จะตามหาแวมไพร์ได้ ก็คงจะตามเจอไปนานแล้วล่ะ”
                “แต่เขาว่าแวมไพร์น่าจะอยู่ในเมืองนี้ก็ได้นะ”
                “เมืองนี้กว้างออกจะตายไป แถมยังมีบางส่วนติดกับชายป่าด้วย ต่อให้เป็นคนธรรมดาคิดจะหนียังหนีได้ง่ายๆเลย นี่ยิ่งเป็นแวมไพร์ยิ่งแล้วใหญ่”
                คงเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนเถียงกันไปมากกว่านี้ เพื่อนรอบๆเลยหาเรื่องใหม่ชวนคุยแทนอย่างเสียไม่ได้ จนกลายเป็นว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวจากทั้งห้องที่ไม่ได้คุยเรื่องข่าวหน้าหนึ่งวันนี้
                ที่จริงการที่ทั้งห้องสามารถคุยเรื่องแวมไพร์ได้อย่างอกนอกหน้าเป็นเพราะ ‘แวมไพร์’ที่คนอื่นๆเชื่อกันนั้น ยังไม่มาถึงห้องเรียนในตอนนี้ หากจะลองเงี่ยหูฟังดีๆภายในความหวาดกลัวที่มีต่อแวมไพร์แล้ว ยังมีความรู้สึกตื่นเต้นแฝงอยู่ในตัวของใครหลายคน
                “เกิดคดีอีกแล้วงั้นหรอ”
                “ฮาลวิลลิสจะเป็นแวมไพร์จริงๆรึเปล่าน้า”
                “ตอนนี้ยังไม่มาเลย ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะกำลังวิ่งหนีตำรวจอยู่ก็ได้นะ ฮึๆ”
                จากความสงสัยที่เคยมีในตอนต้นเปลี่ยนเป็นการกล่าวหาว่าร้าย เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแวมไพร์ที่ตนกลัวนั้นเป็นใครอยู่ที่ไหน และจะลงมืออีกเมื่อใด ไม่ต่างอะไรกับการหวาดตัวความมืดรอบกายที่ไม่อาจมองเห็นอะไร การผลักไสให้ใครซักคนเป็นที่เกลียดชังจึงง่ายกว่า การชี้ตัวกล่าวหาว่าใครซักคนเป็นผู้ผิดคงจะง่ายกว่าการลองไว้ใจใครซักคน
                แม้ว่าในใจลึกๆของทุกคนจะรู้ว่าเป็นเพียงการกล่าวหาลอยๆก็ตามที
                ซารีน่าไม่ได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดถึงฮาลวิลลิส เธอคุยกับเพื่อนคนอื่นๆเรื่อยๆจนลอลินมา ลอลินไม่เหมือนกับซารีน่าตรงที่เธอรู้ข่าวนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ไม่ได้ให้ความสนใจจะคุยเรื่องนี้นัก ตั้งแต่คดีแรกแล้วลอลินก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องแวมไพร์เลย อย่างมากก็แค่เออออตามเพื่อนเท่านั้น
                กว่าที่ฮาลวิลลิสจะมาถึงห้องเรียนก็เป็นเวลาเกือบเข้าเรียนแล้ว นับว่ามาค่อนข้างสาย ต่างจากปกติทีเจ้าตัวจะมาค่อนข้างเช้า เหมือนจะรู้ว่าหากมาตามเวลาปกติคงถูกมองด้วยสายตาที่ย่ำแย่ต่อความรู้สึกกว่าวันแรกด้วยซ้ำ ซึ่งก็นับว่าเขาคิดไม่ผิด
                เนื่องจากมาเกือบสาย เขาไม่ได้ทักทายใครตอนมาถึง
                หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เรื่องที่ฮาลวิลลิสเป็นแวมไพร์ยังคงมีการพูดกันอย่างเนืองๆ แต่อย่างน้อยก็เริ่มมีคนที่คิดว่าเป็นข่าวไร้สาระมากขึ้นและมีคนเชื่อน้อยลง มีคนที่ยอมรับเขามากขึ้น พอมาเกิดคดีซ้ำสองอย่างนี้พวกที่เริ่มจะไม่เชื่อก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไง
                “เฮ้อ” ซารีน่าถอนหายใจอยู่กับที่ และแล้วเรื่องของฮาลวิลลิสก็ทำให้เธอคิดไม่ตกอีกครั้ง
                อาจารยเดินเข้าห้องมา คาบแรกเป็นวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ในหมวดสังคมศึกษา คาบนี้เริ่มต้นด้วยการสั่งงานกลุ่มเป็นอับดับแรก ให้ทำรายงานวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ช่วงยุคที่แล้ว ซึ่งกินระยะเวลาประมาณร้อยถึงสามร้อยปีก่อน ไม่รู้ว่าอาจารย์จงใจหรือบังเอิญกันแน่ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มากที่สุด
                “อาจารย์ได้อ่านข่าวรึเปล่าเนี่ย”
                “บางทีอาจจะไม่ก็ได้นะ” ลอลินที่นั่งข้างกันได้ยินซารีน่าว่าอย่างนั้นก็กล่าวกลับยิ้มๆ
                อย่างหนึ่งที่ซารีน่าเป็นกังวลคือฮาลวิลลิสที่ย้ายเข้ามาได้แค่สัปดาห์เดียวแถมยังโดนกล่าวหานู้นนี่จะมีกลุ่มอยู่หรือเปล่า จริงๆเธออยากจะชวนเขาเข้ามาเองตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะหากฮาลวิลลิสกลายเป็นเศษเหลือคงไม่ดีเท่าไร แต่ประเด็นคือในห้องนี้เธอก็มีคนอื่นๆที่สนิทด้วยอยู่แล้ว คาดว่ากลุ่มของตัวเองน่าจะเต็มแล้ว
                สรุปตอนจับกลุ่มเสร็จฮาลวิลลิสก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเธอจริงๆนั่นแหละ
                แต่ที่น่าตกใจคือเขาได้ไปอยู่กลุ่มเดียวกับ ...ฮาเวิร์ด
                เรื่องมันมีอยู่ว่าอาจารย์ที่รู้ว่าฮาลวิลลเป็นนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่ก็เลยใจดีหากลุ่มให้อยู่ซะเลย ครั้นจะให้อยู่กลุ่มประธานนักเรียนหญิงก็แปลกๆ กลุ่มที่อาจารย์สุดแสนจะไว้ใจรองลงมาก็คงไม่พ้นรองประธานหนุ่มที่มีความขยันขันแข็งและผลการเรียนดีเยี่ยม
                “สรุปว่าจับกลุ่มตามนี้นะ คุณรองดูแลเด็กใหม่ดีๆด้วยล่ะ”
                “...ครับ”
                พอมองหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหนุ่มแว่นแล้ว ซารีน่าก็อยากจะกุมขมับ เธอไม่ซื่อบื้อขนาดที่จะไม่รู้เลยว่าฮาเวิร์ดไม่ชอบขี้หน้าฮาลวิลลิสซักเท่าไร แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไรนอกจากที่ฮาลวิลลิสอาจจะเป็นแวมไพร์ในสายตาเขา
                ไม่รู้ว่าฮาเวิร์ดจะพูดอะไรไม่ดีใส่ฮาลวิลลิสหรือเปล่า
                ...หวังว่าคงไม่
                “รายงานนี้ส่งก่อนสอบกลางภาคนะ เนื้อหาของยุคนั้นเราจะเริ่มเรียนกันวันนี้ ถึงได้สั่งงานไว้ก่อน”อาจารย์อธิบายเรื่องรายงานต่อคร่าวๆ ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนขึ้น
                บทเรียนของวันนี้ อาจารย์ได้สอนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของยุคที่แล้ว จนถึงปะมาณกลางยุค หากจะนับจริงๆ ช่วงเวลาประมาณร้อยสองร้อยปีก็ไม่ได้นานนัก หลายๆอย่างยังตกทอดมาถึงมนาย์ยุคนี้อย่างชัดเจนเช่นเรื่องแนวคิดและเทคโนโลยีต่างๆที่พัฒนาขึ้นมา
                สุดท้ายอาจารย์ก็ปิดคาบด้วยประโยคที่ว่า “เดี๋ยวท้ายคาบนี้ครูจะสอบเก็บคะแนนของบทที่แล้วนะ” อย่างหน้าตาเฉย...
                อยู่ดีๆการสอบก็วิ่งเข้ามาหาเฉยเลย อาจารย์ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เตรียมตัวก่อนซักนิด นักเรียนแทบจะทั้งห้องลืมเรื่องการจัดกลุ่มชั่วคราวแล้วโห่ออกมาพร้อมกัน ถึงจะรู้ดีว่าประท้วงไปก็ไร้ประโยชน์ นอกจากเสียว่าจะไม่สอบ จึงทำได้แค่ร้อง‘โห่’ออกมาอย่างน่าสงสาร
                ซารีน่าเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมโห่ร้องด้วยเช่นกัน แน่ล่ะว่าหนังสือไม่ได้อ่านซักกะตัว จะสอบเอาคะแนนที่ไหนไปเก็บล่ะ...แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องสอบอยู่ดี
                หลังผ่านการสอบมาอย่างลุ่มๆดอนๆ คาบแรกของวันก็จบลงไปได้ซะที ซารีน่านึกถึงเรื่องรายงานก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ“ลอลิน เย็นวันนี้แวะห้องสมุดได้มั้ย เธอว่างรึเปล่า”
                “ก็ได้อยู่หรอก แต่จะไปทำไมหรอ”
                “ก็จะลองไปดูหนังสือทำรายงานน่ะ ในห้องสมุดน่าจะมีหนังสือที่วิเคราะห์ประวัติศาสตร่วงนั้นมาให้อยู่แล้ว อยากจะลองดูเป็นแนวทางน่ะ” ซารีน่าตอบไปเช่นนั้น แม้ว่าเธอจะสนใจแวมไพร์มากขนาดไหนเธอกลับไม่รู้เรื่องราวของเหตุการณืช่วงนั้นนัก หรืออาจเป็นเพราะหนังสือที่เธอเคยอ่านน้อยนักที่จะเขียนถึงประวัติศาสตร์ช่วงนั้นจริงๆโดยไม่มีเรื่องความเชื่อต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
                “แหม ขยันจังนะ” ลอลินหยอกเธอเบาๆ แต่ก็บอกว่าจะไปด้วยอยู่ดี “แต่ก่อนหน้านั้นไปบอกรีวากับเฟลินก่อนมั้ย”
                “อืม ไปบอกหน่อยก็ดี” ซารีน่าพยักหน้าเห็นด้วย เพราะบางวันสองคนนั่นก็ชอบชวนไปหามื้อเย็นกินบ่อยๆ บอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย พวกนั้นจะได้ไม่ต้องชวนเก้อ
 
                “อะไรนะ! รายงาน? ห้องเธอสั่งงานแล้ว? งานอะไร? แล้วทำไมต้องไปเย็นนี้ด้วย รีบไปไหน”
                “เอ่อ... ตอบอันไหนก่อนดีล่ะ แบบว่ามันเป็นงานกลุ่มของวิชาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับยุคที่แล้ว งานที่ต้องทำคือหาข้อมูลเกี่ยวกับยุคนั้นแล้วก็วิเคราะห์เป็นรูปเล่ม ส่งอาจารย์ก่อนสอบกลางภาคน่ะ”
                พอเจอบอกว่าจะไปไหนปุ๊บ รีวาก็ยิงคำถามมารัวๆจนซารีน่าตั้งตัวไม่ทัน
                “แล้วทำไมต้องไปทำเย็นนี้เลยด้วยล่ะ” เฟลินก็ย้ำคำถามเดิมของรีวา ดูเหมือนคำถามนี้จะสำคัญที่สุด
                “เอ่อ...”
                สำหรับคำถามที่ซารีน่าไม่รู้จะตอบยังไงลอลินจึงตอบให้แทน “ซารี่เขาขยันเรียนมากน่ะ อยากจะรีบทำรายงานให้เสร็จเร็วๆ”
                “...ลอลิน”
                รีวาได้ยินดังนั้นถึงกับเบ้ปาก รู้อยู่ว่าลอลินพูดเอาประชด แต่ก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี “เหอะ! วันนี้กะจะชวนไปที่ร้านขนมเธอจะไปทำงานซะงั้น ไม่ช่วยหรอกนะ เฟลิน เราไปกินขนมกันเถอะ!”
                ว่าแล้วรีวาก็ลากแขนเฟลินออกไป คนโดนลากก็ได้แต่โบกมือลาแห้งๆจนลับตาไป
                “จะตามไปกินด้วยมั้ย”
                “ไม่หรอก ก็ฉันอยู่กลุ่มเดียวกับเธอทั้งที ก็ต้องไปช่วยงานสิ” ลอลินยิ้มสดใสปิ๊งปั๊งให้จนไม่รู้ว่าความจริงแล้วลอลินอยากไปกินขนมแต่ติดว่าต้องไปห้องสมุดกับซารีน่ารึเปล่า
                ด้วยเหตุนี้หลังจากที่บอกเพื่อนสนิทต่างห้องแล้ว ซารีน่ากับลอลินก็เดินไปห้องสมุดด้วยกันสองคน
                หนังสือหมวดหมู่ประวัติศาสตร์ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากบรรดานักเรียนเท่าไรนักถ้าเทียบกับหนังสือประเภทนวนิยายต่างๆ มุมของหนังสือหมวดนี้จึงค่อนข้างเงียบมาโดยตลอด ซารีน่าไม่แปลกใจนักเมื่อพบว่ามีแค่ตัวเธอกับลอลินเพียงสองคนอยู่ในหมวดเท่านั้น ทั้งสองคนต่างหาหนังสือที่คิดว่าน่าจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องรายงาน ซึ่งก็ไม่ยากนักเพราะรู้แน่ว่าตัวเองกำลังศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงไหน
                หนังสือหลายๆเล่มที่ได้ลองเปิดดูนั้นหน้ากระดาษถึงกับเก่าจนเป็นสีน้ำตาลและมีกลิ่นของหนังสือเก่าๆ หรือกระทั่งบางเล่มหน้าก็ขาดหายไป เมื่อพลิกไปดูวันที่ตีพิมพ์คซารีน่าก็ไม่แปลกใจกับสภาพหนังสือเท่าไรนัก
                “ไม่ว่าเล่มไหนก็มีเขียนแต่เรื่องของแวมไพร์เป็นหลักนะ” ลอลินแยกตัวออกไปหาหนังสือจากชั้นอีกฝั่งเปรยขึ้นมา “ความจริงแล้วในยุคนั้นน่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับพวกเศรษฐกิจหรือการเมืองของมนุษย์มากกว่านี้ ต่างากที่เขียนในบทเรียนลิบลับเลย”
                ซารีน่าเผลอพยักหน้าเห็นด้วยแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็น “อย่างนึงที่แปลกคือแวมไพร์เองก็อยู่กับมนุษย์มาแต่ต้นแล้ว แต่หนังสือเกี่ยวกับยุคที่เก่ากว่าก็ไม่ได้เขียนถึงแวมไพร์มากเท่ายุคนี้ และดูเหมือนว่าแวมไพร์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมมนุษย์น้อยมาก แถมส่วนใหญ่ก็แยกไม่ออกด้วยว่าไหนเป็นความจริงไหนเป็นแค่ตำนาน”
                “เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านั้นแวมไพร์ตัดขาดจากมนุษย์เหมือนตอนนี้รึเปล่า”
                “ฉันคิดว่าไม่ใช่หรอก มันต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้มนุษย์อยู่ดีๆก็คันไม้คันมือฆ่าแวมไพร์เป็นโขยงสิ”
                ที่พูดคุยกันอยู่นี่คือใช้ความรู้จากที่เคยเรียนมาในอดีตทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าประวัติศาสตร์ของยุคที่มีแวมไพร์จะเพิ่งได้เคยเรียนเป็นครั้งแรก ข้อมูลพื้นฐานต่างๆก็รู้หมดแล้ว แต่น่าแปลกที่บทเรียนของชั้นที่เด็กกว่าไม่ได้เจาะลึกลงไปมากนัก บทเรียนเหล่านั้นแทบจะไม่ได้กล่าวถึงแวมไพร์เลย
                ...ราวกับจะผลักตัวตนของแวมไพร์ให้เลือนหายไปอย่างไรอย่างนั้น
                ถึงอย่างนั้น ทั้งที่บทเรียนมีการกล่าวถึงน้อย แต่เมื่อมาศึกษาเองจะพบว่าเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ที่มนุษย์เขียนไว้กลับมีอยู่เยอะมาก หากแต่หนังสือพวกนี้กลับมีอยู่แค่ช่วงในไม่กี่ทศวรรตหลังจากที่แวมไพร์หายตัวเท่านั้น เธอแทบจะหาหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์ของปัจจุบันไม่ได้เลย
                ...บางอย่างในประวัติศาสตร์ได้หายไปรึเปล่านะ
                ...เศษเสี้ยวชิ้นเล็กๆที่โดนดึงออกไป จนทำให้ผู้คนในยุคนี้ไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง
                ซารีน่าเปิดหนังสือออกมาสองสามเล่ม พลิกดูสารบัญ เลือกเล่มที่คิดว่าข้อมูลดีที่สุดเอาไว้ แล้วกลับไปที่ชั้นหนังสือเพื่อหาเล่มต่อไป
                “ซารี่ ทำไมถึงได้สนใจแวมไพร์หรอ” เสียงเบาๆจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือทำให้นิ้วเรียวของหญิงสาวผมสีส้มที่กำลังไล่ไปตามสันหนังสือเล่มต่างๆหยุดชะงักลง
                “...ทำไมฉันไม่เห็นจะเคยรู้เลยว่าเธอสนใจเรื่องแวมไพร์ขนาดนี้” ในน้ำเสียงที่กล่าวระโยคนั้นออกมา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เหมือนลอลินจะแอบบน้อยใจอยู่หน่อย ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมานานแต่ซารีน่ากลับไปเคยบอกเรื่องนี้ให้ตนรู้
นั่นสินะ...
                “...ก็แค่ความฝันวัยเด็กน่ะ” ซารีน่ารู้สึกผิดกับลอลินในใจที่ไม่ได้ตอบไปตามตรง แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มบางๆให้กับความทรงจำหนึ่งในอดีตที่ติดตรึงมานาน ความทรงจำเพียงเสี้ยววินาทีที่เคยได้พบ
                ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆของช่วงวัยเด็กที่ผ่านมานานมากแล้ว หากไม่ได้ถูกกระตุ้นเตือนอีกครั้งเธอก็คงจะลืมมันไปแล้ว เหมือนตัวเองก็เพิ่งจะรู้ว่ามีมันอยู่ในส่วนเล็กในความทรงจำ
                แค่ช่วงเวลานั้น ซารีน่าไม่อาจหาคำตอบที่ดูมีเหตุผลมาตอบได้
                “งั้นหรอ” ลอลินไม่ได้ถามหาเหตุผลที่ซารีน่าไม่บอกอะไรมากกว่านั้นต่อจากนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอลินกำลังใช้สมาธิอยู่กับหนังสือถึงไม่ใส่ใจคำตอบที่ได้เท่าไรรึเปล่า
                เสียงหนังสือถูกดึงออกมาจากชั้นจะดันกลับไปเข้าดำเนินในบรรยากาศเงียบๆ จนกระทั่งซารีน่าตัดสินใจพูดขึ้น“ลอลิน..”
                “มีอะไรหรอ”
                “...ฉันดูแปลกมากมั้ยที่สนใจเรื่องแวมไพร์”
                ซารีน่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแปลกแยกจากใคร ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมองโลกในแง่ที่ต่างจากคนอื่นๆ เธอเป็นที่ยอมรับของสังคม ทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์ล้วนแล้วแต่ไว้ใจเธอทั้งนั้น เธอไม่ขีดเส้นแบ่งความคิดของตัวเองออกจากคนอื่นๆและไม่คิดว่ามีเรื่องที่จะต้องทำอย่างนั้น
                ไม่มีใครรู้ว่าตัวเธอจะสนใจในเรื่องนี้ ลอลิน...หรือกระทั่งตัวเอง ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าเธอสนใจเรื่องแวมไพร์
                “...ก็อาจจะแปลกนิดหน่อยล่ะนะ” ซารีน่าไม่แปลกใจเท่าไรนักเมื่อได้ยิน ขณะทีหลังจากนั้นลอลินก็พูดต่อ “แต่จะว่าแปลกก็เท่านั้นนั่นล่ะ มันไม่ได้แปลกที่ซารี่สนใจเรื่องอะไร  ที่แปลกคือไม่ว่าใครๆก็กลัวแวมไพร์กันทั้งนั้น แต่ซารี่ดูเหมือนอยากเข้าหาพวกเขามากกว่า”
                ได้ยินดังนั้นซารีน่าก็ยิ้มบางๆออกมา แค่คำพูดของลอลินก็ทำให้เธอรู้ว่าอย่างน้อยก็จะมีคนเข้าใจเธออยู่
                “ดูออกด้วยหรอ” ซารีน่าได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆเดินวนออกจากชั้นหนังสือจึงไล่สายตาไปตามเสียงนั้น
                หญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลมายืนที่ชั้นหนังสือฝั่งเดียวกัน ท่อนแขนของอีกฝ่ายโอบหนังสือไว้สองสามเล่ม ลอลินมองที่เพื่อนสนิทของตนก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย
                “ก็ต้องรู้สิ ก็ซารี่ออกจะชื่นชมแวมไพร์ด้วยซ้ำนี่นา”
                “มะ...ไม่ใช่ขนาดนั้นซะหน่อย”
                ลอลินยิ้มให้เธออีกครั้ง“ไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก อยากเจอแวมไพร์ตัวเป็นๆก็บอกมาเถอะ เหมือนกับเด็กที่อยากเจอคุณซานต้าในวันคริสมาสต์นั่นแหละ”
                “...บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าเธอนี่กวนประสาทคนอื่นได้ล้ำลึกจริงๆนะ” ซารีน่าทำหน้าเจื่อน “กำลังสนุกอยู่เลยใช่มั้ย”
                “เปล่าน้า ก็ซารี่ถามมาเองนี่นา” ลอลินเดินไปวางหนังสือที่โต๊ะพร้อมน้ำเสียงใสซื่อแล้วนั่งลงเปิดหนังสือขึ้นอ่าน ทำทีเป็นจะตั้งใจ แต่ซารีน่าเดาว่าลอลินต้องยิ้มกว้างกว่าเมื่อกี้อยู่ในใจแน่ๆ
                 ซารีน่าได้แต่ถอนหายใจกับความขี้แกล้งของลอลิน ถึงคนอื่นจะมองลอลินว่าเป็นคนนิ่มๆใจเย็นยังไง แต่เธอที่อยู่กับลอลินเยอะที่สุดเนี่ยแหละรู้ว่าคนใจเย็นคนนี้ชอบแกล้งคนอื่นขนาดไหน ว่าแล้วซารีน่าจึงหันกลับไปที่ชั้นหนังสือเพื่อหยิบเล่มที่สนใจค้างไว้ออกมา
                “...เพราะอย่างนั้น ซารี่ถึงได้สนใจฮาลวิลลิสเป็นพิเศษใช่มั้ยล่ะ”
                “เอ๊ะ” ซารีน่าละจากหน้าหนังสือที่กำลังเปิด และพบว่าดวงตาสีฟ้าใสของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองที่ตนอยู่
                “หมายความว่ายังไง”
                “ซารี่น่าจะรู้ดีที่สุดนะ ถึงตอนนี้จะยังไม่เข้าใจก็เถอะ” ลอลินกลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ทิ้งให้ซารีน่าที่ยังทำความเข้าใจไม่ได้ให้ยืนนิ่งอยู่ที่ชั้นหนังสือสักพัก เมื่อแน่ใจว่าลอลินจะไม่อธิบายให้ตัวเองฟังจึงกลับไปหาหนังสืออีกครั้ง
                สุดท้ายการมาเยือนห้องสมุดก็จบลงที่ซารีน่ากับลอลินยืมหนังสือกลับบ้านไปคนละเล่มสองเล่ม
 
__________________________________________________________
มาแล้วค่า ตอนนี้เป็นตอนที่ดองอยู่นานมากเลย เพราะว่าเป็นตอนที่เชื่อมระหว่างเนื้อเรื่องช่วงต้นกับเนื้อเรื่องหลักจริงๆ ตอนต่อจากนี้เรื่องจะเริ่มดำเนินสู่เนื้อเรื่องหลักแล้วค่ะ อีกพาร์ทนึงจะตามมานะคะ >< 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา