[Gloomy sunday] เด็กหญิงผู้เดียวดายกับบทเพลงมรณะ

9.1

เขียนโดย snowred

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.54 น.

  6 ตอน
  4 วิจารณ์
  9,423 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) อดีต เพื่อนใหม่ กาแฟดำกับคาปูชิโน่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                

                    “แก… จะเอาจริงๆ เหรอ”

                “ใช่ ฉันเอาจริง เธอบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามฆ่าตัวตายน่ะ”

                “แต่ถ้าทำแบบนี้มันก็ไม่มีความหมายน่ะสิ แกเองก็เรียนมาถึงมหา’ลัยแล้วนะ แทนที่จะเสียเวลามาเริ่มเรียนประถมอีกไปเรียนต่อในระดับสูงๆ ยังดีกว่าเลย” ฉันนั่งอยู่บนโซฟาสีครีมในห้องพักของเพื่อนฉัน หล่อนมีชื่อว่า แก้ว ฉันก้มหน้าพลางถือเฮดโฟรในมือ หัวสมองมันไม่ประติดประต่อกันเลย …สับสนไปหมด …นี่ฉัน… ทำอะไร… อยู่นะ

                วันนี้ฉันก็มานั่งคุยกับเพื่อนสาวฉัน ด้วยร่างกายของเด็กตัวเล็กๆ ในวัยประถม ตอนแรกตัวฉันก็ไม่ได้มีร่างเป็นเด็กหรอกนะ …แต่ฉันกินยาที่ทำให้กลายเป็นเด็กเข้าไป ตัวมันก็เลย… เป็นแบบนี้

                “ไม่เอา”

                “เฮ้อ! เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าไปฆ่าตัวตายน่ะนะ ฉันไม่ห้ามความคิดแกก็ได้ แต่แกต้องสัญญากับฉันนะว่าห้ามทำอะไรโง่ๆ อีกน่ะ มีปัญหาอะไรมาปรึกษาฉัน โอเค๊!” แก้วยืดอกอย่างมาดมั่นพลางจ้องมาที่ฉัน

                “อืม ฉันสัญญา”

                “ดี อ่ะ จริงสิ ผัก-เนื้อในตู้เย็นจะหมดแล้ว เดี๋ยวฉันไปซื้อก่อนนะ แหะๆ เพิ่งนึกขึ้นได้น่ะ”  เธอยิ้มแห้งๆ มาให้ฉัน ฉันยิ้มรับอย่างเนือยๆ ก่อนจะก้มลงไปมองเฮดโฟนเมื่อแก้วออกไปแล้ว

                “ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรกับความตายด้วย” ประโยคตัดพ้อลอดออกมาเบาๆ …ทำไมกัน… ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับเรื่องอย่างนี้ด้วย

               

                 ฉันชื่อ คาเน่โซนัน อิมพอร์แซร์ เป็นชาวฮังการี มีเชื้ออังกฤษอยู่นิดหน่อย เป็นนักศึกษามหา’ลัยปี ๔ ฉันย้ายมาเรียนที่ประเทศไทยเพราะเกิดสนใจขึ้นมาในวัฒนธรรมที่งดงามของไทย พร้อมกับพาพ่อกับแม่มาด้วย …แล้วฉันได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งในวันอาทิตย์ของฤดูหนาว เราได้พูดคุยทำความรู้จักกัน หยอกล้ออย่างสนุกๆ …ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขา รอยยิ้มที่อบอุ่น… ความอ่อนโยนที่เขามีให้ฉัน  …เพราะอะไรกันนะ

                อยู่มาวันหนึ่ง ช่วงเย็นที่ฉันมาที่ห้องสมุด เขาก็เดินมาหาฉันด้วยใบหน้าเขินอาย แล้วเขาก็พูดว่า

                “ฉันชอบเธอ” คำนั้นมันคือคำสารภาพรักใช่ไหม? ฉันนึกสงสัยก่อนจะพยักหน้าแล้วพูด

                “ฉันเอง… ก็ชอบนาย” ต่อมาหลังจากนั้น ทุกอย่างมันดีมากเลยล่ะ เราคบกันอย่างเปิดเผย ฉันเคยพาเขาไปหาพ่อกับแม่เพื่อให้เขาทำความรู้จัก ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำไป

               

                ผ่านไป ๒ เดือนครึ่ง …เกือบจะทุกอย่างที่มันเปลี่ยนไป เขาทำตัวห่างเหินกับฉัน ไม่สบตากับฉันอย่างที่เคยเป็น …เขาปิดบังอะไรอยู่นะ หรือเขาไปมีแฟนใหม่แล้ว ใช่ไหม? เขามีคนใหม่แล้วใช่ไหม?? ฉันลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ดู แม่ก็บอกว่า “เขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจก็ได้ แต่ไม่อยากให้เรารู้” ใช่ อันนั้นฉันเองก็เดาได้ แต่ทำไมล่ะ เรื่องอะไรที่เขาไม่อยากให้ฉันรู้ มันสำคัญขนาดนั้นทำให้เราเป็นแบบนี้เชียวเหรอ?

               

              ๓ วันผ่านมา ในวันที่ฉันแวะไปซื้อของให้แม่ เมื่อฉันกลับมา สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือ… ศพ… ของแม่…

               

              ร่างของแม่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด ในสภาพน่าเวทนา ฉันนึกที่จะเรียกรถพยาบาลมา …แต่ไม่ทัน… เมื่อฉันตรวจชีพจรดู… แม่… ตาย…. แล้ว......

               

              แม่ตายแล้ว

            

               พ่ะ พ่อ!

                ฉันนึกได้ว่ายังมีอีกคนในบ้าน ฉันรัวเคาะประตูอย่างแรงแบบไม่มีมารยาท แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาสนเรื่องนี้แล้ว! แม่ตายนะ! จะให้ฉันทนเฉยได้ไงกันล่ะ!!

                “…” เงียบ… ไม่มีเสียงอะไรจากในห้อง …อย่าบอกนะว่า… พ่อเองก็…

              

                 แอ๊ด…

                

                    …เป็นอย่างที่คาดไว้! ม่ะ ไม่จริง โกหกน่า!! พ่อเองก็ตาย ไม่ ไม่จริง!!!!!

                “ฮึก… ฮือๆ ฮือๆๆ…”

                พ่อคะ… แม่คะ… หนูขอโทษที่ช่วยไม่ทัน… เป็นความผิดของหนูเอง… หนูขอโทษ…….

            ฉันร้องไห้กับศพของพ่อ… ความเศร้ามันระบายที่น้ำตาไมได้เลย มันฝังแน่นอยู่ในจิตใจ

                .

                .

                .

            หลังจากนั้น พ่อกับแม่ฉันก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาล ฉันนอนอยู่ในห้องพลางมองเพดานที่เคว้างคว้างอย่างว่างเปล่า ตอนนี้เขา… เป็นยังไงบ้างนะ ฉันอยากให้นายมาจัง… อยากให้ใครสักคนมากอดประโลมฉัน ตอนนี้นายจะรู้ไหมนะว่าฉันน่ะ เศร้ามากแค่ไหน

                ตื๊ด… ตื๊ด…

                เสียงจากโทรศัพท์ดังขึ้นมา ฉันดูหน้าจอ …มีข้อความส่งมา –จากเขา

                เราเลิกกันเถอะ

                อ่ะ อะไรกัน นี่นาย… นี่นายล้อเล่นฉัน… ใช่ไหม

                “แม้แต่นายเอง ก็ไปจากฉัน…” ฉันพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนที่จะสามารถรุนแรงเป็นเสียงสะอื้นไห้ได้

               

                อย่าบอกนะว่าฉันน่ะ ฉัน… ไม่เหลือใคร… แล้ว

 

                “ฉันเองก็ไม่อยากขัดความคิดของเธอหรอกนะ แต่ว่าร่างเด็กมัน…”

                ในห้องที่ไม่มีใครใช้มานานมากแล้ว ชาเย็น เพื่อนชายของฉันเลยขออาจารย์ใช้ห้องนี้เป็นห้องทำการทดลองเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ วันนั้นฉันเลยมาที่ห้องเขา ถามว่ามียาที่ทำให้ร่างกายเป็นเด็กไหม เขาก็บอกว่ามี

                “ฉันขอร้องล่ะ …นะ” ว่าไปฉันก็ตื๊อเขาอยู่นานแล้วล่ะ …ดูจากนัยน์ตาเขาแล้วเขาก็คงจะเป็นห่วงฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องการมัน

                “เฮ้อ! โอเคๆ ให้ก็ให้” พร้อมกับพูดเขาลุกขึ้นไปหยิบกระปุกยาเล็กๆ สำเร็จ! เขายอมฉัน

                “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ…” ฉันกล่าวขอบคุณพลางรับยามากจากเขา

                “อืม ยานี้ฉันเลียนแบบมาจากเรื่องโคนันน่ะ ก็สงสัยอยู่น่ะนะว่ามันใช้สารอะไรทำ ฉันก็เลยลองทดลองน่ะ ทำแก้เซ็งไม่รู้ว่าจะทดลองเรื่องอะไรดี” ฉันเผลอแอบขำเบาๆ กับสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างสุดขีดของเขา

                “งั้นฉันกลับนะ บาย”

                “บาย”

 

            ได้มาแล้ว

                ฉันคิดพลางเดินไปตามทางเดิน ไปหาแก้วดีกว่า

                อ๊ะ จริงสิ กินยาเลยดีกว่า อยู่ไหนน้า ขวดน้ำ

            เพิ่งนึกได้ ฉันล้วงๆ เข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบขวดน้ำขนาดเล็ก พลางเดินหลบเข้าไปตามซอกตึก เปิดฝาก่อนจะดื่ม ตามด้วยยาเม็ดสีม่วง

                ไม่ถึงนาที ร่างฉันก็ค่อยๆ หดเล็กลง…

 

                ย้อนกลับมายังปัจจุบัน

                วันจันทร์ที่ ๔ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕x

                มันต้องราบรื่นสิน่า

                ท่ามกลางนักเรียนชั้นประถมและมัธยม ฉันเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระเป๋าสีดำ ข้างในก็… ทั่วๆ ไปนั่นแหละ มีหนังสือ สมุด อุปกรณ์การเรียน จะมีการแอบเอามาบ้างก็คือเฮดโฟนคู่ใจฉันหลังจากที่เลิกกับแฟน

                ฉันเดินขึ้นไปยังห้อง อา… คิดถึงจังเลยแฮะ ช่วงประถม ห่างหายกันไปนานเลย…

                ว่าแต่มันก็แปลกๆ นะ สายตาแบบหลงไหลจ้องมาที่ฉัน โดยเฉพาะพวกผู้ชายทั้งน่ะจะเป็นเยอะกว่าพวกผู้หญิง ทั้งประถมช่วงปลาย ดูท่าจะเป็น ป.๖ กับมัธยม บ้างก็มีสายตาออกอาการหมั่นไส้อย่างชัดเจน

                แปะ

                “หวัดดีจ้ะ เธอชื่ออะไรเหรอ ไม่คุ้นหน้าเลยน่ะ” เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนประถมแบบฉันเอามือมาแปะที่บ่า เธอทำผมซอยเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผิดกฎ สวมแว่น ---หน้าตาเธอก็น่ารักดีแฮะ ฉันคิดพลางละความสนใจจากสายตาพวกนั้น

                อ่า เดี๋ยวๆ ช่ะ ชื่ออะไรดีน่ะ ชื่อเล่นๆ… อ่ะ นึกออกแล้ว ของโปรดของฉัน

                “คัสตาร์ด…”

                “หืม คัสตาร์ด ชื่อน่ารักดีนะ ฟังแล้วหิวขึ้นมาเลย”

                “…”

                “เอ่อ ขอโทษนะ เราเข้าไปในห้องกันเถอะ”

                “…เธอล่ะ ชื่ออะไรเหรอ”

                “อ่า ฉันชื่อครีมน่ะ”

                “…งั้น… เข้าไปในห้อง”

                “จ้ะ”

                บทสนทนาอันน่าอึดอัดผ่านไป ปกติแล้วฉันไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ แต่ว่า… มันเศร้านี่น่า ไม่มีใครอยากอยู่กับฉัน “นี่ คัสตาร์ด เธอชอบทำอะไรเหรอ เวลาว่างๆ น่ะ” ครีมทำฉันเมื่อเราเข้าห้องมานั่งแล้ว “ฟังเพลง เล่นดนตรี …แต่งเพลง”

                “อืม… เธอดูเหมือนคนมีอารมณ์แบบศิลปินเลยนะ ฉันชอบทำขนมน่ะ จริงสิ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันทำมาให้เธอกินนะ”

                “อืม ขอบคุณนะ” ฉันตอบกลับไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย ดูเหมือนเธอจะไม่สะทกสะท้านจึงถามอีก

                “วันนี้เราไปกินข้าวด้วยกันนะ”

                “อืม…”

                “ฉันมาช้าแค่แปปๆ แกก็ได้เพื่อนใหม่แล้วเหรอครีม” สีหน้าบึ้งตึงส่งมายังเราสองคน เด็กผู้หญิงที่สะพายกระเป๋าสีกรมท่า ท่าทางหยิ่งผยองอวดดี ผมหยิกลอนๆ แบบธรรมชาติมัดขึ้นสูง เธอส่งสายตาเชือดเฉือนมาทางฉัน

                “เด็กไหมเหรอ?” ถามพลางหรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ฉัน “ผมสีน้ำตาล… มันผิดระเบียบนะ”

                “มันเป็นมาแต่เกิดน่ะ ฉันไม่ใช่คนไทยนี่ถึงจะมีผมสีดำ”

                “เหรอ เกิดมาชาติไหนล่ะ ชนเผ่าเร่ร่อนรึไง?”

                ดูท่า… เธอจะประกาศเป็นศัตรูกับฉันสินะ

                “น่ะ น่า ใจเย็นก่อนสิชบา เธอเพิ่งมาใหม่ต้อนรับเธอหน่อยสิ”

                “ได้ ฉันจะต้อนไล่มันให้ออกจากโรงเรียนไปเลย”

                “โธ่! ไม่เอาน่าชบา” ครีมรีบถลาไปเกาะแขนผู้หญิงคนนั้น

               

                กลางวัน

                “ขอโทษแทนชบาด้วยนะ เธอเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วล่ะ ชบาไม่ชอบให้ผู้หญิงชั้นประถมคนไหนมาทำตัวเด่นกว่าเธอน่ะ” ครีมกล่าวพลางตักข้างขึ้นมา เธอบอกว่าผู้หญิงที่ชื่อชบามีซ้อมเล่นไวโอลินเตรียมจะไปแข่งกับรร. อื่น ฉันจึงมีโอกาสคุยกับครีม “ไม่เป็นไร ว่าแต่ฉันทำตัวเด่นตรงไหนเหรอ”

                “เอ่อ พูดตรงๆ เลยนะ ผมสีน้ำตาลกับตาสีฟ้าน่ะ ถ้าอยู่ในหมู่คนมากๆ ที่มีผมสีดำกับตาสีดำมันก็ต้องเด่นอยู่แล้วล่ะ แล้วยิ่ง แล้วยิ่งเธอเป็คนต่างชาติ… อย่างที่เธอบอกชบาน่ะ หน้าตาก็ต้องไม่ค่อยกลมกลืนอยู่แล้วล่ะ …แถมหน้าตาเธอยังน่ารักมากๆ ด้วยล่ะ”

                มิน่าล่ะ เมื่อเช้าก็ว่าทำไมถึงจ้องกัน ว่าไปเหตุการณ์นี้ฉันก็เคยเป็นนะ เคยโดนรุ่นพี่ลากไปด่าด้วยล่ะ

                ฉันลืมไปได้ไงนะ เหตุผลนี้

 

                   เย็น

                ฉันเดินออกมาจากรร. ด้วยอารมณ์ที่แทบจะไม่มี ก่อนจะสะดุดกับรถสีดำคันหนึ่ง …คุ้นจัง

                ฝั่งคนขับเลื่อนกระจกลงมาเผยให้เห็นใบหน้าคนขับชัดๆ ผมสีทองที่จัดทรงอย่างดี จมูกโด่ง กับริมฝีปากเรียว …รอล… “รอล…” ท่ามกลางหมู่นักเรียนหลายคน ฉันเรียกชื่อเขา พวกเด็กๆ มัธยมต่างจ้องฉันอย่างอิจฉา สายตาพวกนี้มากจากเพศแม่ทั้งสิ้น

                “หวัดดี เป็นไงบ้างล่ะ คาเน่”

                “ก็… แย่นิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบก่อนจะสาวเท้าก้าวจะจากตรงนี้ รอลเห็นอย่างนั้นจึงพูดรั้งไว้ “ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิเพื่อน วันนี้ฉันว่าง ขึ้นมาสิ”

                “ขึ้น? ไม่ล่ะ” ฉันเบือนหน้าหนี “วันนี้ฉันว่าง เดี๋ยวพาไปกินขนมกับกาแฟดำดีไหมล่ะ”

                กาแฟดำ

                “ก็ได้”

                “ทีกาแฟดำรีบตกลงเชียว” เขาพูดอย่างขันในระหว่างที่อ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง “ฮึ!”

                “แต่เด็กดื่มกาแฟมันไม่ดีนะ”

                “ฉันโตแล้ว! ฉันจะดื่มน่ะมีปัญหาอะไรมั้ย! เชอะ!!” ฉันสะบัดหน้าไม่มองเขา คนอะไรกวนชะมัด

                “ฮ่ะๆ โอเคๆ” เขาพูดพร้อมกับขยับเกียร์ แล้วจึงขับออกไป

               

                ร้านกาแฟ

                “จะกินอะไรล่ะ”

                “คัสตาร์ดกับกาแฟดำ”

                เขาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งกับพนักงาน “คัสตาร์ด กาแฟดำ คาปูชิโน่ครับ”

                “ค่ะ” พนักงานสาวยิ้มหวานพร้อมกับตอบรับ และเดินไป

                “นี่ ทำไมถึงชอบกาแฟดำล่ะ รสขมจะตาย”

                “แล้วคาปูชิโน่มันไม่ขมรึไง”

                “อย่างน้อยมันก็หวานกว่าไอ้กาแฟดำขมๆ ละกันน่า”

                “เอ๊ะ! อย่ามาว่ากาแฟของฉันนะ”

                “จะว่า มีปัญหาป่ะ”

                “ฮึ่ย! ไม่เถียงแล้ว”

                ฉันสะหน้าหนีอีกครั้ง กาแฟดำออกจะอร่อย นายไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติของมันหรอก

                อร่อย… จริงๆ นะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา