[Gloomy sunday] เด็กหญิงผู้เดียวดายกับบทเพลงมรณะ

9.1

เขียนโดย snowred

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.54 น.

  6 ตอน
  4 วิจารณ์
  9,420 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) กาแฟดำ คัสตาร์ด คาปูชิโน่และเรื่องที่เราจะคุยกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                “ไปเองได้เนอะ”

                “ได้อยู่แล้ว เห็นฉันเป็นเด็กอนุบาลหรืออย่างไร” ฉันตอบกับถาม ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ “เห็นเป็นเด็ก นึกว่าจะไปไม่ได้”

                “…” ฉันไม่อยากเถียงให้มันลามไปเรื่อยๆ เลยตัดบทสนทนาโดยการเงียบ ปิดประตู

                รถแล่นจากไป เหลือแต่ฉัน กับผู้คนที่เดินสวนกันไปมาค่อนข้างเยอะ

                ฉันแหงนหน้ามองตึกสูงที่แทบจะลิ่วไปบนฟ้า เพราะมันสูงมาก พลางพึมพำเบาๆ อย่างบ่นๆ

                “ต่อจากนี้เราจะทำอะไรดีน้า”

 

                ห้อง ๑๐๐

                ก๊อกๆ

                แอด…

                “ไง ที่โรงเรียนเป็นไงบ้างล่ะ”

                “ก็ดีนิดหน่อย” คำถามคล้ายๆ กับรอลเลยล่ะ แต่ของรอลฉันจะตอบจะแย่กว่า เพราะด้วยความเกลียดนิสัยมัน

                “อืม เข้ามาก่อนสิ”

                ฉันเดินเข้ามาภายในห้อง เกือบเหมือนเดิม เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ยังจัดวางตำแหน่งเหมือนเดิม จะมีบ้างที่เพิ่มเข้ามาใหม่แทนอันเก่าที่เหตุผลหลักๆ คือ พังหรือเบื่อจึงเปลี่ยนใหม่  ฉันทอดสายตาไปยังนอกประตูกระจกที่แทนหน้าต่างด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ปริปากพูดอะไร แก้วมองฉันอย่างสงสัยก่อนจะถาม “เป็นอะไรไปเหรอคาเน่”

                “ก็… แค่คิดว่าถ้าเกิดฉันใช้ร่างนี้ไปตลอดชีวิตจะมีเหตุการณ์ไม่ดีหรือเปล่าน่ะ” ฉันตอบด้วยเสียงเรียบและเบา จนแก้วต้องขยับเข้ามาใกล้ แล้วตอบ “ก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ”

                “…”

                “ก็แกเล่นกลายเป็นเด็ก แล้วก็ไม่มีใครจำแกได้น่ะ คนอื่นก็ต้องคิดว่าแกหายตัวไป …คาเน่ ฉันว่านะ กินยากลับเป็นแบบเดิมเถอะนะ แกจะไปใส่ใจทำไมล่ะ …คือแบบว่า ฉัน… ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องที่พ่อแม่แกเสียชีวิตไปแล้วแฟนยังบอกเลิกแกอีกน่ะ ฉันรู้ว่ามันเหมือนเป็นเรื่องที่แบบมันทำใจยากน่ะ แต่แกต้องนึกถึงคนอื่นที่เขารักแกรวมทั้งฉันด้วยสิ เขาจะเสียใจขนาดไหนกันถ้าแกหายตัวไปน่ะ”

                “…ฉัน”

                “ฉันขอร้องล่ะ นะ” สายตาวิงวอนมองมาที่ฉัน จนทำให้ฉันจุกในอก …ฉันก็แค่คิดว่าถ้าเกิดเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วลองหลบตัวดู มันน่าจะบรรเทาได้ …แต่มันไม่ใช่เลย มันกลับยิ่งทำร้ายฉันและทุกคน “ก็ได้”

                “จริงเหรอ!” แก้วถามด้วยน้ำเสียงดีใจ

                “อืม… แต่ต้องให้ฉันทำมันให้สำเร็จก่อน” ฉันพูดด้วยเสียงเย็นชาจนแม้แต่แก้วยังรู้สึกได้ เธอผงะเล็กน้อย แล้วลอดเสียงถามออกมาเบาๆ

                “อ่ะ… ท่ะทำ… ทำเรื่องอะไร”

                “…สืบหาตัวฆาตกร

                “!”

                “และ… เหตุผลที่เขาเลิกกับฉัน”

                “…นี่แก จะเอาจริงเหรอ เอ่อ สืบเหตุผลที่แฟนเลิกฉันก็ไม่ขัดหรอก แต่สืบหาตัวฆาตกรนี่สิ มันน่ากลัวนะ จะบอกว่าสืบโดยการรอเวลากลางคืนพร้อมกับเตรียมไปเล็งปืนและยิงแบบพวกในหนังฯ สืบสวนน่ะ”

                “ไม่ว่าวิธีไหน ฉันก็ต้องทำ” ฉันเดินไปนั่งยังเตียงของแก้ว แก้วเห็นดังนั้นจึงเดินตามมานั่งด้วย

                “แก ปล่อยให้เป็นหน้าของพวกตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ” แก้วพูด

                “…”

                “ฉัน… ขอออกไปเดินเล่นก่อนละกัน” นั่งได้แค่ไม่ถึงนาที ฉันบอกพร้อมกับลุกขึ้น เดินไปทางประตู แก้วจึงรีบเดินมาขวางหน้าฉัน “ฉันไม่ให้ไป แกอย่ามาทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กแบบร่างแกนะ มาคุยให้รู้เรื่องกันก่อน”

                “แก้ว… ขอโทษนะ ยกโทษให้ฉันด้วย”

                “อ่ะ! ก่ะ แกจะทำอะไรน่ะ!”

                ผลัก!

            ฉันรีบคว้าเก้าอี้ข้างๆ ตัวมากระแทกใส่แก้ว ค่อยๆ พยุงร่างเธอพาไปนอนบนเตียง …ขอโทษนะแก้ว ให้ฉันมีเวลาทำใจ คิดไตร่ตรองบ้างเถอะนะ

                ฉันขอโทษ ฉันมันงี่เง่าเอง…

 

            ฉันทำเกินไปหรือเปล่านะ…

                ฉันทำร้ายเพื่อนสนิทตนเองแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                ฉันเดินลงออกมาเดินเล่น พลางคิดอย่างรุ้สึกผิด ไม่น่าเลย เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ จริงๆ แค่พูดมันก็ได้ ---นี่เรา เพราะแค่เรื่องที่แฟนบอกเลิกทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ

                …เย็นมากแล้ว… แอบกลัวอยู่เหมือนกันนะ เคยดูมาหลายข่าวแล้วที่มีการลักพาตัวไป ในหลายๆ กรณี เช่น ต้องการไปตัดแขนตัดขาเป็นขอทาน ข่มขืน ไปเป็นแรงงานต่างประเทศ …ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน เพศไหนก็โดนกันทั้งนั้น …หรือฉันจะกลับดีนะ กลัวจะโดนเป็นแบบนั้นน่ะสิ

                ฉันเดินไปเรื่อยๆ ก้มหน้าก้มตาเดินฟังเพลงจากเฮดโฟน ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเศร้าๆ…

                ………มันเหมือนกับเป็นการตอกย้ำในใจฉัน…

                ให้หัวใจมันย้อมเป็นสีดำ

                ให้ตนเองดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง…..

 

          Sunday is gloomy, my hours are slumberless  Dearest the shadows I live with are numberless  Little white flowers will never awaken you  Not where the black coach of sorrow has taken you  Angels have no thought of ever returning you  Would they be angry if I thought of joining you? 

          Gloomy Sunday  Gloomy is Sunday, with shadows I spend it all  My heart and I have decided to end it all  Soon there’ll be candles and prayers that are sad I know  Let them not weep let them know that I’m glad to go  Death is no dream for in death I’m caressing you  With the last breath of my soul I’ll be blessing you 

          Gloomy Sunday Dreaming, I was only dreaming  I wake and I find you asleep in the deep of my heart, here  Darling, I hope that my dream never haunted you  My heart is telling you how much I wanted you  Gloomy Sunday 

 

                “…”

                ฟังไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีสะดุดแม้สักท่อน เมื่อเพลงจบแล้วกำลังเริ่มอีกเพลง ฉันก็…

                ปึก

                “ขอโทษค่ะ…” รีบขอโทษเมื่อเผลอเดินชนกับใครเข้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่ฉันชนอยู่คือ…

                “รอล… นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ”

                “มาหาเธอไง อยากคุยอะไรสักหน่อย”

                “เรื่องอะไรล่ะ” ฉันถามพลางเดินต่อไป คิดว่าจะไปหาที่ไหนก็ได้ที่ไม่ไกลมาก และพอจะนั่งได้ รอลเดินตามมาพลางถามแทนคำตอบ “เดี๋ยวค่อยตอบละกัน ไปนั่งดื่ม-กินอะไรที่ร้านกาแฟหน่อยเป็นไง คุยไปจะได้ไม่เคลียด”

                “อืม”

 

                ร้านกาแฟ

            แน่นอนว่าเมนูที่จะสั่งก็ต้องเป็นกาแฟดำ กับคัสตาร์ดเช่นเคย ฉันยังคงสวมเฮดโฟน-บ่งบอกสำหรับบางคนที่เห็นว่าไม่อยากฟังหรือคุยด้วย ฉันนั่งงกุมมือบนตักพลางฟังท่วงทำนองแสนเศร้าที่ยังคลอไปเรื่อยๆ ฉันไม่มองหน้ารอล ยังคงแต่นิ่งเงียบ

                เมื่อพนักงานมาเสิร์ฟเสร็จแล้วเดินไป รอลจึงเปิดปากพูดหลังจากที่เงียบมานาน

                “คาเน่… ฉันอยากถามอะไรเธอหน่อยน่ะ”

                “ว่ามาสิ” ฉันบอกพลางยกแก้วขึ้นมาดื่ม

                “เธอคิดอย่างฉันรึเปล่าน่ะ ฉันว่ามันแปลกๆ นะ หลังจากที่พ่อแม่เธอตายมันก็บอกเลิกเธอ ฉันว่าสองเรื่องนี้มันน่าจะเกี่ยวข้องกัน เธอคิดอย่างฉันมั้ย”

                “…” ฉันเงียบ …หมายความว่าไงกัน

                …สองเรื่องนี้ มันเกี่ยวข้องกัน …งั้นเหรอ…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา