[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง

8.4

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.

  12 ตอน
  1 วิจารณ์
  15.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #01

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อสองคนฝาแฝด มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนตัวกันเป็นพักๆ
แล้วดันไปมีความรักแบบมึนๆ กันทั้งคู่
จึงมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องเลือก และยอมถอย แต่การถอย
ก็ไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ เพียงแต่ตั้งหลักเพื่อเริ่มต้นใหม่
อีกครั้งกับคนที่ตรงใจมากกว่าใครๆ...
....................................................................................
 
ชื่อเรื่อง SHAM รักนี้ไม่มีลวง ประเภท นิยาย yuri เรท สำหรับผู้อ่านทั่วไป (มั้ง)
 
***คำเตือน เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง บุคคลในเรื่องไม่มีตัวตนจริงและเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องสมมติขึ้นเท่านั้น ...โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...
 
ฝากเรื่องนี้ด้วยน้าาาาา...------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
SHAM – รักนี้ไม่มีลวง
 
[1]
 
อัลฟ่าโรมิโอสไปเดอร์สีแดงเพลิง เบรกสนิทพอดีในช่องจอดของลานจอดรถหน้าตึกดีไซน์เก๋ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มองอีกมุมก็ออกแนวหวานดับเครื่องและยกตัวขึ้น กระโดดออกจากรถคันโปรด ไม่ลืมหันไปส่งตาหวานให้สาวคู่ใจของเขาที่สวยเด่นกลบรัศมีรถคันอื่นก่อนจะขยับสูทเนี้ยบสีเทาเข้มให้เข้าที่และก้าวเดินอย่างอารมณ์ดี
 
“สวัสดีค่ะคุณโจลัน” สาวร่างบางในเครื่องแบบรัดรูปรีบส่งรอยยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่เดินยิ้มร่าเข้ามาภายในตึก พร้อมเปิดแฟ้มบางในมือส่งไปให้
 
“สวัสดีจ้ะ” ชายหนุ่มทำตากรุ้มกริ่มใส่สาวประชาสัมพันธ์ และเซ็นชื่อยุกยิกลงไปในแฟ้ม
 
“ลมอะไรหอบคุณโจลันมาบริษัทแต่เช้าค่ะเนี่ย” พนักงานสาวไม่ลืมเล่นหูเล่นตากับเจ้านายหนุ่ม
 
โจลันยิ้มมุมปากและจัดทรงผมของตัวเองอย่างวางท่า “ก็อยากเจอเธอไงจ้ะ”
 
“ไม่ต้องมาปากหวานหรอกค่ะ คุณเจ้านายก็พูดประโยคนี้กับสาวทุกคนในบริษัทนั่นเหละ”
 
ชายหนุ่มหัวเราะคิก “ผมมาหาท่านประธานครับ คงจะคุยกันไม่นาน...” เขาล้วงนามบัตรออกมา “แล้วโทรมานะจ้ะ”
 
“แหม ดิฉันมีเบอร์โทรของคุณอยู่แล้วละคะ” บอกไปแบบนั้นแต่สาวสวยก็รับนามบัตรเหลือบทองนั้นไป
 
โจลันยิ้มเจ้าชู้ “แต่นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของผมนะ” เขาส่งจูบอย่างคนขี้เล่นและเดินไปที่โถงลิฟท์
 
ลิฟท์กว้างเปิดออกที่ชั้นบนสุดของตึก โจลันก้าวเดินบนพรมสีม่วงเข้มในโถงทางเดินที่ประดับด้วยกรอบรูปนางแบบในชุดที่ขายดีที่สุดของบริษัท ตรงไปที่ประตูไม้เก๋ไก๋ที่สุดทางเดิน เขาเคาะประตูตามมรรยาทและเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต
 
“ไงครับพ่อ เรียกผมมาแต่เช้ายังงี้ จะขึ้นเงินเดือนให้ผมหรอครับ” โจลันพูดหยอกชายสูงวัยที่แหล่เขาผ่านแว่นตากรอบทอง
 
ชายแก่มีพุงเล็กน้อยยิ้มกวนแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ “เป็นไงมั่งล่ะแกน่ะ หายหัวไปตั้งหลายวัน”
 
“ถึงผมจะหายไปแต่ผมก็ทำงานตลอดนะครับ” โจลันยิ้มแป้นแล้น
 
คาร์ล ประธานบริษัทออกแบบและผลิตเสื้อผ้าควบตำแหน่งคนเป็นพ่อของชายหนุ่มหน้าทะเล้นตรงหน้าถอนหายใจยาว ก่อนจะส่งเอกสารเล่มหนึ่งให้
 
“นี่เป็นงานใหญ่ที่ฉันอยากให้แกรับผิดชอบ...”
 
“ได้สิครับ จะเซ็ตฤดูหนาวหรือแฟชั่นชุดว่ายน้ำผมก็พร้อมเต็มที่อยู่แล้ว” โจลันรีบอ่านรายละเอียดด้านใน
 
“ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดหรอกนะ” คาร์ลแอบขำเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของลูกชาย “นี่เป็นโปรเจ็กพิเศษสำหรับแกคนเดียวเลย”
 
“ไม่ขำเลยนะพ่อ ตกแต่งภายในเนี่ยนะ ผมยังจำได้เลยว่าได้เอฟวิชานี้อะ” โจลันโวยเมื่อเห็นรายละเอียดในเอกสาร “แล้วพ่อไปเอางานนี้มาจากไหนเนี่ย ไม่เห็นมีชื่อผู้จ้างเลย”
 
“ของเพื่อนฉันเองเหละ” ชายสูงวัยกลับไปนั่งที่ของตัวเองและพิงหลังอย่างสบายอารมณ์ “แกน่าจะยังจำได้นะเพื่อนฉันที่ชื่อเบนน่ะ”
 
โจลันส่ายหน้าซื่อๆ
 
“แต่อย่างว่าตอนนั้นแกก็ยังเด็กมาก เบนกับฉันต่างคนต่างก็ไปมีบริษัทของตัวเอง ไม่ได้เจอกันมาสักสิบห้าปีได้แล้วมั่ง...แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันไปสัมมนาก็บังเอิญได้เจอไอ้เบน เราก็เลยได้ถามความเป็นอยู่ของแต่ละคน แล้วเบนก็บอกว่าจะมาลงทุนสร้างโรงแรมที่เมืองนี้ และกำลังหาคนออกแบบภายในเจ๋งๆ ให้อยู่ ฉันก็เลยอาสาทำให้...”
 
โจลันเท้าคางบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างเบื่อหน่าย “สรุปก็คือพ่อหางานการกุศลมาให้ผมทำ...”
 
“เอ้า อย่าพูดจาแบบนั้นสิ ฉันกับเบนเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้ฉันเต็มใจทำ” คาร์ลบอกภูมิใจ
 
“แต่ผมไม่เต็มใจสักนิดนะครับ” ชายหนุ่มบ่นอุบ “แล้วอีกอย่างผมกลัวว่าจะทำงานการกุศลของพ่อล่มน่ะสิ”
 
คาร์ลยิ้มกว้าง “น่า ฉันเชื่อใจแก” เขาบอกใจดี “...งั้นแบบนี้แล้วกัน ถ้าแกทำงานนี้ไม่สำเร็จ แกก็อย่าหวังว่าฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้แก และก็อย่าหวังว่าจะได้มานั่งที่เก้าอี้ตัวนี้เลย ดีมั้ย” คาร์ลยิ้มหวานที่ทำเอาคนฟังใจเหี่ยว
 
“บีบคอกันชัดๆ เลยนะท่านประธาน” โจลันเคาะนิ้วบนเล่มเอกสารเซ็งๆ แต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางเปื้อนอยู่ “โอเค ถ้างานนี้สำเร็จ แสดงว่าผมสอบผ่านแล้วเก้าอี้ตัวนั้นต้องเป็นของผม ใช่มั้ยป๊ะป๋า”
 
คาร์ลหัวเราะในคอแต่ก็พยักหน้าส่งๆ ไม่คัดค้าน “เออ ฉันจะลองคิดดู ...แล้วก็ วันเสาร์นี้ฉันกับเบนนัดทานมื้อค่ำกัน แกก็ต้องไปด้วย และฉันหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นแกคงมีแนวคิดดีๆ แล้วนะ” เขายิ้มกวน
 
โจลันยิ้มแบบเดียวกันตอบกลับไปก่อนจะขอตัวออกจากห้องทำงานกว้างขวางนั้น
 
พอพ้นประตูไม้บานใหญ่ เขาก็รีบจ้ำอ้าว “ซวยแล้วๆ” โจลันไม่สามารถคุมขาของตัวเองให้เดินอย่างวางท่าได้อีกต่อไป
 
โจลันกระโดดเข้าไปนั่งในอัลฟ่าโรมิโอแสนรักของเขาและรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หมุนเบอร์ไปที่หมายเลขที่เขาไม่ได้โทรมานานแล้วอย่างร้อนรน...
 
.....
 
โจลันเดินไปเดินมาอยู่ที่บริเวณจุดนัดพบของสนามบินนานาชาติ บางครั้งก็หยุดเดินเพื่อยกนาฬิกาข้อมือหนังขึ้นมาดูด้วยความร้อนใจ ก่อนจะพ่นลมยาวแล้วเริ่มเดินต่อ
 
บนป้ายไฟบอกว่าเที่ยวบินที่เขารออยู่นั้นมาถึงเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว แต่เขายังไม่เห็นคนที่เขารออยู่เลย...
 
ใครคนหนึ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาใกล้โจลัน ชายหนุ่มมองคนตรงหน้านิ่ง รู้สึกไม่คุ้นตากับผมทรงเอฟโฟฟูฟ่องนั่นเสียเลย แต่เมื่อเจ้าของทรงเอฟโฟถอดแว่นกันแดดออก แล้วใช้หน้าตานิ่งๆ นั้นมองตอบกลับมาคล้ายจะหาเรื่อง รอยยิ้มกว้างจึงระบายอยู่บนใบหน้าโจลัน
 
“ไงน้องรัก” เขาสวมกอดคนตรงหน้าไม่ลืมเอียงหัวหลบกลุ่มผมฟูๆ นั้น “คราวนี้เอฟโฟเลยนะ...” โจลันยิ้มแห้งๆ ให้ทรงผมของคนที่เขาเรียกว่าน้อง
 
คนตรงหน้าปล่อยมือจากกระเป๋าเดินทางและถอดหูฟังออกมาจากใต้ผมฟูฟ่องของตัวเอง
 
“ไม่ต้องมา ไงน้องรัก เลย” เสียงห้าวนั้นไม่ปิดบังความไม่พอใจ
 
“อ้าว แล้วจะให้ฉันทักแกว่าไง หืม คอลล์? แกเป็นน้องฉัน ฉันก็ต้องเรียกแกว่าน้องสิ” โจลันยิ้มหยอกแต่อีกฝ่ายหน้านิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
 
“เรียกฉันกลับมาทำไม” เจ้าของทรงเอฟโฟนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ตัวแล้วม้วนสายหูฟังเก็บเข้ากระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่
 
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” โจลันยิ้มหวานและนั่งลงข้างๆ กัน
 
คอลล์หันไปเขม่นหน้าชายหนุ่ม “ไม่มีอะไรมาก งั้นฉันกลับล่ะ” พูดเสร็จก็ทำท่าลุกขึ้นให้โจลันตกใจ
 
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อน” เขาจับแขนน้องไว้และเมื่อทำแบบนั้นเขาจึงเห็นว่าเวลาที่เขาคำนวณไว้เกินไปแล้วห้านาที “ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เดินไปพูดไปก็แล้วกัน”
 
โจลันจับกระเป๋าเดินทางใบโตที่มืออีกข้างแล้วลากทั้งกระเป๋าและเจ้าของกระเป๋าไปด้วยกัน
 
“เหอะ สีแดง...” คอลล์เหน็บเมื่อเห็นรถของพี่ชาย
 
“อะไร?” อีกฝ่ายถามหาเรื่อง ไม่พอใจเล็กๆ ที่สุดที่รักของเขาถูกแซว “ฉันชอบของฉันล่ะกัน เอ้ารีบขึ้นซะ เราต้องแข่งกับเวลา”
 
โจลันเข้านั่งบนเบาะหนังสีเข้มและสตาร์ทเครื่อง ขัดใจนิดๆ ที่น้องของเขาทำอะไรอ้อยอิ่งไม่สนใจพี่ชายที่กำลังร้อนรน เมื่อคอลล์รัดเข็มขัดนิรภัย อัลฟ่าโรมิโอสีแดงก็พุ่งออกจากลานจอดรถทันที
 
คนนั่งข้างหยิบแว่นกันแดดมาใส่ท่าทางเซ็งๆ “ปิดประทุนได้มั้ย”
 
“ฉันซื้อคันนี้มาก็เพื่อเปิดประทุนไว้โชว์สาวโว้ย” โจลันบอกอย่างภูมิใจ
 
คอลล์ทำเสียงในคอก่อนจะดึงยางรัดผมมามัดผมฟูฟ่องของตัวเองไว้ไม่ให้มันเริงร่าท้าลมไปมากกว่านี้ “แล้วจะบอกได้ยัง ว่าอุตสาห์บังคับฉันให้ลางานที่ฝรั่งเศสกลับมานี่ทำไม รู้มั้ยกว่าฉันจะหาข้อแก้ตัวไปขอบอสได้แทบตาย...”
 
“คือว่ายังงี้นะ...” โจลันถอนเท้าออกจากคันเร่งเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย “...พ่อเราน่ะไปรับงานการกุศลมาทำ...”
 
“อย่าบอกนะว่านายแค่ขี้เกียจทำงานฟรีจนต้องลากฉันกลับมาเนี่ย” น้ำเสียงของคอลล์ส่อแววหาเรื่องสวนทางกับใบหน้าที่มองชายหนุ่มนิ่ง
 
“อย่าเพิ่งขัดดิ แล้วฉันก็เป็นพี่แก เรียกพี่ไม่ใช่นาย”
 
คอลล์กอดอก “แค่สามนาที”
 
“ถึงจะสามนาที แต่ฉันก็ออกมาดูโลกก่อนแกล่ะกัน” โจลันเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอีกเส้น “ไอฉันน่ะไม่ว่าไงหรอกกับงานที่ไม่ได้ค่าเหนื่อยน่ะ แต่พ่อดันเอางานตกแต่งภายในมาให้นี่สิ”
 
“พนักงานในบริษัทก็มีตั้งเยอะ ทำไมนายไม่ใช้พวกนั้นล่ะ”
 
“ไม่ได้ๆ งานนี้ฉันไม่เชื่อใจใครนอกจากแกนะคอลล์...แล้วก็เรียกฉันว่าพี่ไม่ใช่นาย”
 
“ทำไม” คนข้างๆ ไม่สนใจประโยคตอนท้ายสักนิด
 
“ก็งานนี้เดิมพันด้วยอนาคตประธานบริษัทของฉันเชียวนะ จะให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำงานนี้ได้ไง” โจลันจอดที่หน้าร้านใหญ่แห่งหนึ่งในถนนสายเล็กแล้วหันมาหาน้องของเขาทั้งตัว “ช่วยพี่ด้วยนะน้องรัก”
 
“สิบล้าน...” คอลล์บอกเรียบ
 
“ขูดเลือดกันชัดๆ” คนพี่ทำงอน
 
คอลล์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์โทร “ฮัลโหล จองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสคืนนี้...”
 
ไม่ทันพูดจบดีโจลันก็ฉวยโทรศัพท์เครื่องนั้นมาเสียก่อน
 
“สิบล้านมันมากไปอะน้องรัก พี่เอาเงินส่วนตัวไปถอยสาวสวยคันนี้จนหมดตัวแล้ว...” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อนและคลอเคลียพวงมาลัยอย่างน่าเอ็นดู
 
คอลล์แย่งโทรศัพท์กลับมาและกำลังจะกดเบอร์เดิมอีกครั้ง
 
“โอเคจ้ะๆ แต่พี่ชายสุดหล่อคนนี้ขอต่อรองราคาสักนิดได้มั้ย” โจลันยิ้มออกเมื่อเห็นคอลล์นิ่งฟัง “เอาเป็นห้าล้านพร้อมห้องชุดสุดหรูบนชั้นสามสิบที่มองเห็นทิวทัศน์ไกลสุดลูกหูลูกตาแทนนะจ้ะ” เขาเขย่าแขนน้องเชิงอ้อน
 
คอลล์พ่นลมหายใจ “แล้วจะให้ฉันทำอะไรบ้าง”
 
โจลันยิ้มยิงฟันแล้วรีบล้วงเอาเอกสารเล่มนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นรายละเอียดงานแล้วก็แปลนโรงแรมที่ลุงเบนจะมาสร้างที่ริมหาดน่ะ”
 
“ใคร?”
 
“ฉันก็ไม่รู้ พ่อบอกว่าไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบห้าปีแล้ว” โจลันดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปยืน “แต่ก่อนอื่นแกต้องเข้าร้านนี้ก่อน” เขาชี้ไปที่ร้านด้านหลังเขา
 
คอลล์ละสายตาจากเอกสาร เงยหน้ามองตัวอักษรหวัดๆ ทำด้วยอลูมิเนียม “ร้านตัดผม?”
 
“อือฮึ” ชายหนุ่มเวียนไปเปิดประตูให้อีกคน
 
คอลล์ไม่ยอมลง “ทำไมฉันต้องเข้าร้านนี้ด้วย”
 
“ก็ดูผมแกสิ...”
 
“เลิกคิดได้เลย ฉันใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเลี้ยงผมได้แบบนี้”
 
โจลันหน้าเสีย ดูอ้ำอึ้งแสดงพิรุธเต็มที่
 
“ไหน คายออกมาให้หมดดิ” คนเป็นน้องรู้ทัน
 
“ก็แบบว่า เย็นนี้พ่อนัดทานมื้อค่ำกับลุงเบนเพื่อคุยเรื่องงานนี้อะ...” โจลันพยายามไม่สบตาน้องของเขา “แล้วฉันกะจะให้แกไปแทนฉัน” ประโยคหลังเสียงเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน
 
คอลล์ขมวดคิ้วเข้มอย่างสงสัย “แล้วมันเกี่ยวกับที่ฉันต้องเข้าร้านตัดผมด้วยหรอ”
 
โจลันกลืนน้ำลายเหนียวก่อนจะบอกความคิดของเขาออกไป “แบบว่า ฉันอยากให้แกปลอมตัวเป็นฉันไปทานมื้อค่ำคืนนี้อะ”
 
คอลล์ดึงประตูปิดดังจนเจ้าของรถต้องรีบปลอบโยนสาวสวยของเขา“พาฉันไปส่งที่สนามบินเดี๋ยวนี้เลย”
 
“ใจเย็นๆ ฟังพี่ชายคนนี้อธิบายก่อนนะ” โจลันเปิดประตูรถและดึงอีกคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะออกมาจากรถจนได้ เขาผลักหลังน้องให้เดิน “...ถ้าพ่อไม่ยื่นข้อเสนอเรื่องเก้าอี้ประธานฉันก็ไม่คิดมากขนาดนี้หรอก แต่เพราะงานนี้เป็นงานที่กำหนดชะตาชีวิตของฉัน ฉันก็เลยต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้...ไม่งั้นฉันไม่รบกวนแกหรอก”
 
“สรุปแล้วนายจะโกหกพ่อเนี่ยนะ”
 
โจลันพยักหน้า “ยังไงก็โกหกแค่งานนี้เสร็จล่ะนะ อีกอย่างทุกฝ่ายก็ได้ประโยชน์ด้วย”
 
“ยกเว้นฉัน” คอลล์ทำตาขวาง
 
“เฮ้ย แกก็ได้ประโยชน์นะ”
 
“อะไร”
 
“ก็ได้พักร้อนไง แถมยังได้เจอพ่ออีก...”
 
“ข้อหลังน่ะใช่ แต่ไอพักร้อนนี่คงไม่ใช่” คนน้องทำหน้ายุ่ง แต่ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของพี่ชายได้ “เออๆ ฉันตกลงทำงานนี้”
 
โจลันออกอาการดีใจสุดตัว
 
“บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้น โดยเฉพาะถ้าพ่อจับได้ นายต้องรับผิดชอบคนเดียว” คอลล์บอกเรียบแต่มองพี่ชายด้วยสายตาเอาจริง
 
“โอเค ...งั้นก่อนอื่นเข้าไปในร้านและทำให้แกกลับมาเป็นคนก่อนเหอะ”
 
คอลล์ต่อยท้องโจลันที่มาหลบลู่ทรงผมที่รัก
 
“สวัสดีค๊าคุณโจลัน...” พนักงานหนุ่มที่แต่งหน้าบางและใส่กางเกงหนังรัดเปรี๊ยะยิ้มหวานมาให้ลูกค้า “วันนี้จะมาสระ เซ็ต ซอยหรือนวดดีคะ”
 
“เปล่าครับ ผมไม่ได้มาทำเอง” โจลันดึงคนข้างตัวให้มายืนใกล้ๆ “ช่วยตัดผมให้เจ้านี่ทีครับ”
 
“ได้สิค่ะ เชิญนั่งเลยจ้ะหนุ่มน้อย...” พนักงานเชิญคอลล์ที่ยืนหน้าหงิกอยู่ให้นั่งบนเก้าอี้ตัดผมและยิ้มผ่านกระจกมาให้ “ตัดทรงไหนดีจ้ะ”
 
“ทรงนี้ครับ” โจลันชี้ที่หัวตัวเอง “เอาแบบเหมือนเป๊ะเลยนะครับ”
 
พนักงานหนุ่มร่างหนาที่ทำผมสีม่วงเข้มยิ้มกรุ่มกริ่มแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะเริ่มลงมือจัดการผมฟูฟ่องนั้นอย่างคล่องแคล้ว
 
แม้จะใช้เวลาจัดการเอฟโฟนานไปนิดแต่ตอนนี้ใครๆ ก็เริ่มมองออกแล้วว่าคนที่นั่งอยู่หน้ากระจกนั้นเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกกับชายหนุ่มที่นั่งพะวงเวลาอยู่ที่เก้าอี้นุ่มด้านหลัง
 
“แหม หนุ่มน้อยคนนี้เป็นฝาแฝดของคุณโจลันใช่มั้ยค่ะเนี่ย” ช่างที่เพิ่งจัดการผมลูกค้าคนล่าสุดเสร็จยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝีมือตัวเอง “หล่อยั่วใจเหมือนกันเป๊ะ...”
 
คอลล์ปลดผ้าคลุมออกด้วยใบหน้าหงิกงอ ก่อนจะถอดโค้ทตัวหนาออกอย่างเซ็งๆ
 
“เลิกเรียกหนุ่มน้อยได้แล้ว” คอลล์ชี้ให้ดูหน้าอกตัวเองภายใต้สเวตเตอร์สีเทา “...ฉันเป็นผู้หญิง...”
 
................................................................................................................................................................
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา