ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  26.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) แก้ไขเสร็จแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หญิงสาวหน้าแฉล้มในชุดนักศึกษาครูที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
เสื้อสีขาว เรียบกริบ  กระโปรงพลีทสีดำยาวถึงเข่าถูกอัดกลีบสวยงามน่ามองชม
 
ทรงผมถูกมัดรวบให้แน่นตึง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แม้ไม่ขาวผ่อง แต่ก็พอสวยสู้มิสทิฟฟานี่ได้
 
หากความจริง การแต่งตัวในลักษณะ "นักศึกษา" ในอุดมคติของเจ้าหล่อน
 
มิได้หมายถึงเฉกเช่นที่เห็นอยู่ตอนนี้
 
" นักศึกษาครูนะย่ะ ไม่ใช่นักศึกษาคู ทำตัวยังกะกุ๊ยข้างคลอง"
 
เสียงแว้ดๆของอาจารย์เปรี้ยว ล่องลอยผ่านโสตทรงจำเมื่อครั้งพบปะกันใหม่ๆ
 
ชายเสื้อโผล่พ้นขอบกระโปรง รองเท้าผ้าใบลายสีแสบสัน ผมเผ้าที่รวบไว้ดูเหมือนจะไม่อยู่เป็นที่เป็นทางตามทรงเดิม
 
แฟชั่นตามใจฉัน อาจบังเกิดขึ้นได้ในชั่วขณะ
 
ยิ่งในเขตรั้วมหาลัย แต่งยังไงใครจะกล้าว่า
 
แต่นักศึกษาครู แค่ผมเผ้าเหมือนอีเพิ้งก็โดนซะแล้ว
 
แหม..ถ้าให้มาตรวจเครื่องแต่งกายตอนนี้ คงจะได้เต็มสิบ!!
 
" แล้วดูสิเนี้ย..แขนไปโดนอะไร ทำไมถึงเข้าเฝือกซะล่ะ"
 
" มีเรื่องนิดหน่อยเอง"  เสียงอ่อยๆ พลอยให้คนยืนหน้าบึ้งคลายรอยย่นระหว่างคิ้วได้
 
" เป็นครู ไปมีเรืองกับคนอื่น มันไม่ดี....ทุกวันนี้เขามองครูกันยังไง ก็น่าจะพอรู้บ้างนะ"
 
ความเป็นครู ทุกย่างก้าว คือ ระเบียบ พ่วงท้ายด้วย ความยุติธรรมที่เหนือกว่าความถูกต้องแห่งบุคคล
 
อาจารย์เปรี้ยว แม้นจะดุด่าว่ากล่าวเธอจนนับคำไม่รู้จักจบสิ้น
 
หากท้องฟ้าและเมฆา คือ คำสอนสั่ง
 
วิถีบินเข้าสู่เวหานภาพาน ก็คงเป็นหนทางที่จะตามคำสอนนั้นให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
 
หญ้าฟางยืนยิ้มกริ่ม เสียงในโสตเริ่มหายเข้าในซอกเส้นประสาทการ์ดความจำตน
 
ดวงตาคู่สวยเฉิดฉาย เปล่งประกาย ท้าแสงนวลละอุ่นยามเช้า
 
ฟ้ากว้างในวันเปิดเทอมใหญ่
 
หน้าที่ใหม่ของนักศึกษาปีห้า ปีสุดท้ายพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
 
การเปลี่ยนแปลงที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางผืนฟ้าสีอ่อนสดใส
 
หากจุดมุ่งหมายของชีวิต จะอยู่เหนือขอบจักรวาล ไกลแสนไกลยากนักที่จะแหงนมองถึง
 
ชีวิตที่ติดปีกก่อนโผบินตามเส้นทางน่านฟ้านานเนิ่นจนเริ่มรู้ 
 
ครานี้จักได้ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเส้นทางให้กับคนอื่นเขาเสียที!!
 
คนนึกคิดทอดตามอง เชิดคางขึ้นแต่พอควร  นัยนาเรียวคู่กรีดมองเจ้าปุยขาวที่ค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่เหนือหัวหล่อน
 
 
อุปสรรคปัญหาที่จะเผชิญ มันคงไม่แคบกว่าผืนฟ้า
 
แต่คงไม่ถึงกับ ฆ่า คนให้ร่วงหล่นลงพื้นได้กระมัง?
 
" ปั๊ดโธ่...เกิดเป็นหวงเฟยฟาง เต๊ะท่ากร่างใส่ชาวบ้านเขาไปทั่ว จะมามั่วขี้ขลาดอะไรตอนนี้กันเล่า"
 
เสียงจิตใต้สำนึกสะท้อนก้องในใจ
 
เออ...จริงของมัน 
 
" มีปัญหา ใครบ้างจะไม่เคยท้อ ท้อได้แต่อย่าถอย อดข้าวอดน้ำ ตรากตรำทำงานต้องให้ไหว
 
แต่อย่าขาดใจ อดทนไว้ ต้องมี"
 
เสียง...ยังคงเตือนเจ้าตัวอยู่เช่นเคย
 
ยามใดมีปัญหา เตือนตัวเอง คุมสติให้อยู่กับที่
 
นั้นแหล่ะ วิธีอันแสนเลิศประเสริฐศรี 
 
ดีกว่ามานั่งด่าตัวเอง ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มทำอะไร
 
ใช่! ท้อได้ แต่จะไม่มี คำว่าถอยแน่ 
 
อีฟางนะอีฟาง....ยังไม่เริ่มจับชอล์กสอนเด็กก็ทำเป็นกลัวเสียแล้ว
 
ประเดี๋ยวถ้าไอ้ปวงโชครู้เขา จะไม่เยาะเย้ยจนกรามหลุดหรอกฤา?
 
หญ้าฟางสะบัดศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะหายใจเข้าออก เรียกความกล้ากลับคืน
 
รั้วเหล็กดัดสีหม่นตัดกับฉากหลังที่อยู่ไกลลิบ
 
ซุ้มประตูทางเข้าของโรงเรียน
 
สถาปัตย์แบบโรงเรียนจีน
 
หลังคาเขียวระเรื่อลาดเอียงลงมาก่อนที่ปลายกระเบื้องจะตวัดงอนเล็กน้อยพองาม
หน้าจั้วสลักลายมังกรดูน่าเกรงขาม แม้สีที่ย้อมเนื้อปูนจะหลุดลอกออกไปบ้างแล้ว
 
หากแต่นี้คือ หลังคาปั้นหยาทรงหักมุกจีนโบราณของแท้
 
หญิงสาวเพ่งตามองตรง  เสียงคัทชูกระทบกันดังกึกกักทั่วลาน
 
เสียง..ช่างสัมพันธ์กับฝีเท้าที่เร่งเร้าให้ดิ่งตรงไปยังทิศเบื้องหน้า 
 
ภาพซุ้มประตูอันวิจิตรเลอค่าดูตั้งเด่นเป็นสง่า พลอยให้คนมองชักหมั่นไส้ ไอ้คน"สั่ง" สร้างขึ้นมาเสียมิได้
 
แหม่ะ..แค่ประตูหน้าโรงเรียนมันยังเว่อร์ได้ขนาดนี้
 
แสดงว่าเจ้าของที่นี่ "คงกระเป๋าหนักไม่ใช่เล่น"
 
ร่าง ไอ้โย่ง รีบสาวพระบาทให้ไว เมื่อแฉลบเห็นรถของใครคนหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กลายจรัสงาม
 
รถเปิดประทุน...รถคนรวย!!
 
หญ้าฟางยิ้มกระหยิ่ม 
 
นอกจากเจ้าของโรงเรียนแล้ว คนมาเรียนก็คงจะกระเป๋าหนักไม่ต่างกัน
 
เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสั้นพริ้วปลิดปลิวรับลมอรุณของวันใหม่
 
ในขณะที่เด็กรุ่นราวคราวเดียว ล้วนแล้วแต่ทำทรงผมเปียข้างสวยเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
 
ยูนิฟอร์มสีขาวแขนยาว ประดับด้วยเนคไทสีฟ้าครามที่ผูกไว้แทบจะชิดคอ
 
กระโปรงสีเดียวกันกับเนคไท ปลิวไสวไปตามแรงลม
 
หากดวงหน้ากลับรู้สึกมิสู้อยากจะเหยียบย่างก้าวเท้าเข้าโรงเรียนเสียเท่าไหร่
 
ชายแว่นดำทั้งสองกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ดูๆแล้ว เหมือนจะอายุน้อยกว่าหล่อนแค่สามสี่ปีแต่โครงหน้าหล่อใส มัดใจสาวเนี่ยสิ
 
เป็นใครกันน๊า
 
พี่น้องก็ไม่ใช่ หน้าตาไม่เห็นจะพิมพ์เดียวกัน
 
รึ..จะเป็นคนสวน?? แต่คนสวนบ้านไหนฟ่ะยังกะดาราเกาหลี 
 
หญ้าฟางสับเท้าเข้าหาอย่างไว ยิ่งทำให้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของนักเรียนวัยสาวสะพรั่งได้ถนัดชัดเจนยิ่ง
 
" พี่นัน..รตาไม่อยากเรียนที่นี่"
 
" จะขัดคำสั่งของท่านรึ?  เถอะน่า ...อย่างน้อยเครดิตของโรงเรียนนี้ก็ยังดีกว่าที่อื่น "
 
" แต่.."  คนพูดง้างปากจะเอ่ยต่อ แต่กลับถูกห้ามเสีย
 
เมือ่ร่างตัวโย่งมหาโหด ทว่า..หุ่นเพรียวราวกับนางแบบชั้นหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไมตรีจิต
 
" มีอะไรกันหรือเปล่าค่ะ? แหม..มาแต่เช้าเลยเชียว"
 
แน่ล่ะ...พวกเธอเป็นนักศึกษาฝึกสอน ห้องหอก็อยู่ใกล้ๆรั้งโรงเรียน
 
ขืนนอนตื่นสาย จะได้โดนด่าวายวอดกันทั้งคู่!!
 
อุตส่าห์รีบเร่งตื่นมาเข้าเวรประตูให้ทัน แต่ไอ้หุ่นกระปุกดันส่งข้อความมาบอกให้รอเก้อซะนี้
 
" ฟาง เข้าเวรประตูก่อนเราเลยนะ อาจารย์ที่ประจำอยู่โรงครัว ท่านใช้ให้พราวถืออาหารไปส่งลุงยามหลังประตูน่ะ"
 
เออ...มือไม้ก็มี  เดินไปส่งข้าวส่งน้ำ สามสี่ก้าวก็ถึง
 
ขี้คร้านกันดีจริงๆ !
 
" ไม่ทราบว่า ตึกอาคารเรียนม.ปลาย อยู่ตรงไหนเหรอครับ?"  คนหน้าละอ่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยสำเนียงสุภาพชัดถ้อยชัดคำ 
 
รอยยิ้มประดับแต้มที่ดวงหน้า  ดวงตาหวานหยดย้อยพลอยให้คนยืนฟังจ้องตาไม่กระพริบเลยทีเดียวเทียว
 
" อ๋อ.. อยู่ตึกสามนู่นแหน่ะ ถัดจากโรงอาหารไปอีกนิดหนึ่ง ไม่ไกลนักหรอก เดินแปบๆเดี๋ยวก็ถึง"
 
" ครับ"  เขาก้มหัวลงเล็กน้อย หล่อเนี๊ยบไม่พอ มารยาทยังดีเลิศยิ่งกว่านางสาวไทยซะอีก
 
" รตา...เข้าโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย พี่ต้องรีบกลับไปทำงานต่ออีก"
 
" พี่นัน ตาไม่อยาก..."
 
คนครวญร่ำร้องได้เพียงแค่นั้น
 
สายตาของคนหน้าอ่อนอิ่มหันกลับมาจ้องตาดุใส่
 
รอยคมของดวงตา แม้จะดูเด็ก หากแต่ความเป็นผู้ใหม่กลับฉายให้เห็นผ่านม่านเนตรหลายชั้นที่ทับซ้อน 
 
คล้ายดั่งคนมีภาระ งานหนักต้องสะสาง
 
แววตาที่คู่ควรกับเขา  "ดวงตาหวานแห่งเยาว์วัย"  
 
มิใช่ แววตาของคนผ่านโลกผ่านงานหนักมามากมายเยี่ยงนี้!
 
" ฝากด้วยนะครับ คุณครู...แกเป็นเด็กใหม่ อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้"
 
" ไม่ต้องห่วงคะ มาใหม่ ก็คงไม่คุ้น กล้าๆกลัวๆ เป็นธรรมดา เดี๋ยวอยู่ไปซักพัก จะกลายร่างเป็นจิงโจ้เข้าให้"
 
 ชายหนุ่มยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเข้าใจในทันที
 
" ไม่ต้องถึงกับจิงโจ้หรอกครับ เด็กคนนี้แกดื้อเงียบ แต่ฉลาด"
 
" เด็กดื้อ คือ เด็กฉลาด แต่ถ้าดื้อกับครูมาก เดี๋ยวจะพลาดเกรดดีๆไปนะ"
 
ประโยคช่วงหลังเจ้าหล่อนหันมาสบตากับนักเรียนหญิงคนข้างๆ
 
เส้นผมตัดสั้นชิดหู หากดวงหน้ากลับเรียวหวาน รับกันได้ กับดวงตากลมโตสุกประกายนับว่าสวยสะดุดตา ดีกว่าสวยแล้วน่าถีบเหมือนใครบางคน
 
" เดินไปคนเดียว ประเดี๋ยวจะหลง ยังไม่รู้จักทิศจักทางดี  เดี๋ยวครูจะหาคนเดินไปเป็นเพื่อนให้"
 
คุณครูมือใหม่กวาดสายตา มองหาคนที่พอจะเป็นที่พึ่งยามนี้ได้
 
ตัวเองเดินเองยังหลงเอง ขืนพาไปด้วยกัน มีหวังหลงทั้งเด็กทั้งครู อายเขาตายสิ
 
ตึกเรียนนี่ก็จะสร้างเยอะเกิน ผลาญงบกันไปกี่บาทแล้วฟ่ะ 
 
เวลาสอนเด็ก อยากจะรู้นักว่ามันจะเต็มที่เหมือนเวลาสร้างตึกกันรึเปล่า?
 
รึดีแต่จะเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว
 
หญ้าฟางไล่หางตามองไปทั่ว
 
เด็กหนุ่มร่างสูงฉะลูด ผิวพรรณขาวใส มุมปากหยักโค้งรูปสวย ความสูงก็แลดูจะกินขาดกว่านักเรียนคนอื่นๆ 
ความหล่อเชิดที่ฉายให้เห็นผ่านดวงหน้าคมสันได้รูป ดวงตาสองชั้นเปล่งรัศมีสิเนหา  จมูกมีมิติสูงสะท้อนเงาแดดให้ "คนมีไม่เท่า" อิจฉาพอควร  รอยคิ้วหนาพาดเฉียงเหนือดวงเนตร  
 
สอดรับกันดีกับทรงผมสกินเฮด ละม้ายคล้าย นักเลง มากกว่า นักเรียน 
 
" นี่ๆ เธอ   ครูมีเรื่องวานให้ช่วยหน่อย"
 
คนถูกเรียกหันมาสบตา  พลางเชิดปากดูยิ้มเยาะแลเหยียดขัน
 
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินสวบๆเข้ามาประชิดคนเรียก หากเคราะห์ดีที่หล่อนเองก็พอหลีกทันอยู่
 
"อะไร?"  วาจาหวนห้าว พร้อมทีท่ากริ่งกร่างปานกุ๊ยข้างคอก
 
ยังไม่พอ..มีโลมเลียผ่านสายตาอีก มันน่านัก...!!
 
" พาเพื่อนใหม่ไปที่ตึกสามได้มั้ย? ไปตรงบอร์ดรายชื่อ... "
 
มัน ไอ้หนุ่มคลอรีน ละสายตาพาเกี้ยวไปยัง เด็กหญิงผมสั้นก่อนจะแสยะยิ้มนิดๆ
 
" ทำตัวเหมือนเด็ก..."
 
วาจาเสียดสีพร้อมสายตาดวงเชิด 
 
นัยนาร้อนแรงพร้อมที่จะแผดเผาทุกสิ่ง 
 
ใบหน้าดุจดั่งเทวดา  หากแต่นิสัยยังกะซาตานลงมาเกิด
 
" ลูกคุณหนู งอมืองอเท้า รอให้คนอื่นประเคนความสบายให้รึไง สมองก็มี...รุ้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ซะบ้างสิ"
 
คนถูกกล่าวหา นิ่งตะลึงไปชั่วขณะ หากระบบประสาทได้บรรจุคำๆหนึ่ง ที่แสนจะห่างไกลตัว
 
ลูกคุณหนู
 
ศัพท์เฉพาะที่เป็นได้แค่ช่วงเพลานี้
 
น่าขัน.....คนใช้ตัวกระจ๊อก ผิวพรรณหยาบหม่น  ใต้ดวงตาปรากฏรอยด่างดำอันเกิดจากภาวะนอนดึกดื่นติดต่อกันนานแรมปี
 
เด็กโทรมๆที่ถูกคลุมร่างด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ
 
เพียงแค่เสื้อผ้าราคาหรู ก็ลบสถานะอันต้อยต่ำของตนได้
 
นี้กระมัง...ดวงตาเนื้อของเหล่ามนุษย์
 
รับรู้ได้แค่สิ่งที่เห็น  สัมผัสได้ในสิ่งที่สัมผัสถึง  
 
แต่มิเคย ที่จะมองให้ลึกลงไปให้มากกว่านั้น
 
ลึกลงไปในจิตใจของคนเรา
 
" ขอบคุณ  เราจะใช้สมองหาห้องเรียนของเราเอง"
 
แม้นไม่รู้ว่าคนที่ยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้านี้จะเป็นใคร
 
รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน 
 
จะมีอิทธิพลมากขนาดไหน 
 
ก็คงมิอาจเทียบอำนาจ "เจ้านายร่วมสายเลือด" ของเธอไม่ได้แน่
 
แล้วไยหล่อนต้องกลัวมัน
 
" แค่ห้องเรียนห้องเดียว หาไม่ได้ ก็คงจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้  นิสัยคนเรา มันหายากยิ่งกว่าหาห้องเรียน"
 
ดรุณีแช่มช้อยยกมือไหว้หญ้าฟางอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปไหว้ คนมาส่งเธอด้วยกิริยานอบน้อมน่าดูชม
 
" ขอบคุณนะคะพี่นัน..ขอบคุณที่มาส่ง"
 
ชายหนุ่มรับไหว้ หากแต่สายตากลับชำเลืองมองไปยังนักเรียนตัวโตที่หันมาพินิจพิเคราะห์ตัวเขาอยู่เช่นกัน
 
" ขอบคุณอาจารยมากคะ ที่เป็นธุระให้ "
 
" ...ไม่เป็นไรจ๊ะ  เป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว"
 
" หน้าที่สูบเงินเด็กน่ะสิ!! "  
 
ไอ้ตัวคลอรีน เหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลิ่ว ไม่สนใจ ครูมือใหม่ ที่มือสั่นระริกๆ เตรียมพร้อมจะตวัดฟาดใส่หัวคนได้ทุกเวลา
 
แขนขาเริ่มขยับเขยื้อนหมายจะพุ่งเข้าใส่คนตัวโต
 
หากแต่ กิริยามารยาท ของคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี
 
นิสัยกำหมัดแล้วซัดใส่ท้อง คงต้องระงับโครงการไว้ในใจ
 
หญ้าฟางหันกลับมาหน้ายิ้มระรื่น  
 
เย็นไว้  เย็นไว้  
 
อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเอง!!  สู้กับเด็ก ไม่เหนื่อยเท่าสู้กับไอ้ลูกผู้ว่านั้นหรอกหน่า!
 
" หมดธุระแล้ว  ผมขอตัวกลับก่อน" 
 
ชายหนุ่ม ยกมือไหว้อย่างสุภาพ ก่อนจะขึ้นรถพร้อมบอดี้การ์ดชุดดำ 
 
รกเปิดประทุนสีดำเงาวาวขับออกไปเกือบพ้นซุ้มประตู  หากเขาที่กำลังนั่งอิงเอนตัวอยู่เห็นอะไรในบางสิ่ง
 
บีเอ็มสีขาวขับสวนเข้ามา เนิบนาบ นิ่มนวล   เครื่องยนตร์ถูกเร่งสปีดจากบอดี้การ์ดนายตน
 
มิอาจทำให้เห็นภาพคนขับที่สวนกันอย่างเร็วไว
 
ใครคนหนึ่ง ที่เขาดูเหมือนจะเคยคุ้น?
 
ลำคอขาวนวลละอ่องเหลียวหันกลับไปจ้องมองอีกครั้ง
 
ดวงตาดำขลับเห็นได้แค่เพียงด้านหลังของรถคันนั้น 
 
" มีอะไรรึเปล่า? คุณพ่อบ้าน"   ชายชุดดำมองอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้
 
" เปล่า ไม่มีอะไร ขับต่อไปเถอะ"
 
รถคันหรูวิ่งผ่านกลางถนนใหญ่ ดวงใจที่ล่องลอย  คำถามที่ลอยวนอยู่กลางหัว
 
รถบีเอ็ม? คงมิใช่คันเดียวกับวันนั้น
 
วันที่เขาจะจดจำภาพ หยกสลักเลือดเย็นแห่งตะกูลจาง
 
กับรอยยิ้มเย็นชืด พิมพ์ประดับใจในครั้งแรกที่เจอะเจอ
 
" จางอี้เซียว ! "  
 

 
รถ....เลี้ยวจอดไว้ในโรงจอดเฉพาะที่
 
ป้ายแขวนบ่งบอกถึงฐานะและตำแหน่งของเจ้าของ ณ ที่แห่งนี้
 
"  ที่จอดรถสำหรับรองผู้อำนวยการ"
 
ใคร...ในชุดสูทสีดำอำพัน ก้าวลงจากรถ
 
ดวงตาคลับคล้ายสะท้อนข้อมูลที่ถูกถ่ายเก็บไว้จากภาพเมื่อครู่
 
เด็กคนนั้น....
 
กับความรู้สึกที่รับรู้ได้
 
แม้ไม่มาก  
 
ดวงตาที่มิอาจมองเห็นในสิ่งที่ควรเห็น
 
วิญญาณ!!
 
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวผ่านประตูรั้วเหล็ก  รายล้อมด้วยบุคคลอื่น
 
ผ่านร่างของใครอีกคนที่กำลังยืนพักเท้าหันหลัง เสวนากับคนปลายสาย
 
ก่อนจะสะกดฝีเท้านั้นเอาไว้  ไม่ไกลจาก
 
โสตทั้งสอง สดับฟังเสียงพรรณา หวานไพเราะเสนาะหูเกินจับใจ...
 
 
" สกปรกบ้านเมียมึงสิ อุตส่าห์เช็ดถูทั้งคืน ย้ายลงมาตอนไหน ก็ไม่เห็นบอกก่อน  
 
อย่าให้กูกลับไปที่บ้านพักนะ จะเอาปังตอสับหัวมึงให้เละเลย บ่นจริงเชียว  ไอ้หัวเผือกเอ๊ย!"
 
 
 
 จบตอนที่ 13 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา