The Coven ชุมนุมแม่มด First Season

6.2

เขียนโดย LoosDim

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.37 น.

  7 ตอน
  6 วิจารณ์
  11.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) THE COVEN ชุมนุมแม่มด EPISODE 2: WALK LEANING

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ฉุกเฉิน ฉุกเฉินเกิดเหตุขัดข้องที่เซ็ตเตอร์ 8 ขอให้หน่วยซ่อมบำรุง ไปที่นั้นด่วน” เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นภายในศูนย์วิจัยแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ใส่ชุดหน่วยคอมมานโดและชุดสูทวิ่งกันพลุกพล่านเต็มไปหมด
“เกิดเรื่องอะไร? รายงานสถานการณ์ด้วย” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้เอ่ยขึ้น เขาเดินเข้ามาที่ห้องบัญชาการของศูนย์วิจัยแห่งนี้
“รายงานสถานการณ์ครับ ขณะนี้เกิดเหตุขัดข้องทางระบบที่เซ็ตเตอร์ 8 กำลังส่งหน่วยซ่อมบำรุงเข้าไปดูสถานการณ์ครับผม!” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้ชายด้านซ้ายมือรายงานสถานการณ์ตอนนี้
“ขณะนี้เราได้ทำการอพยพหน่วยแพทย์และทีมวิจัยออกมาจากห้องวิจัยที่เซ็ตเตอร์ 8 เรียบร้อยแล้วค่ะท่าน” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้หญิงด้านขวามือรายงานการควบคุมสถานการณ์
“คอยรายงานสถานการณ์ตลอดเวลา ตรวจสอบความเสียหายและส่งเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมเข้าไปตรวจสอบความเสียหายของหลอดแก้วด้วย” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้ออกกำลัง
“ท่านครับ หน่วยควบคุมรายงานมาว่า Project K.D. หนีออกจากหลอดแก้วครับท่าน” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้ชายรายงานสิ่งที่หน่วยควบคุมพบเห็น
“เจอตัวซะที รายงานคำสั่ง ส่งหน่วยซีคิวริตี้และรปภ.ทุกคนออกปฏิบัติการ คำสั่งจับเป็น Project K.D. มาให้ได้ คอยดักที่ทางเดิน บันไดหนีไฟ ลิฟท์ทุกตัว ส่งกำลังส่วนใหญ่ไว้ที่ประตูชั้นนอก อย่าเธอหนีออกไปได้เด็ดขาด” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้ออกคำสั่ง ทุกหน่วยเริ่มปฏิบัติงานจับเป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนเป็นหนูทดลองของศูนย์วิจัยแห่งนี้
“ท่านครับ ProjectK.D. เธอฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยของประตูชั้นในได้แล้วครับท่าน ตอนนี้เธอกำลังไปถึงประตูชั้นนอกแล้วครับท่าน” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้ชายรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“หน่วยซีคิวริตี้และรปภ.ไปถึงประตูชั้นนอกแล้วค่ะท่าน ตอนนี้ทุกคนสแตนบายพร้อมแล้วค่ะท่าน” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้หญิงรายงานสถานการณ์ฝั่งหน่วยรักษาความปลอดภัย
“เตรียมพร้อมไว้ทุกคน อย่าให้เธอหนีไปได้เด็ดขาด ใช้กระสุนยาสลบเท่านั้น” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้ออกคำสั่งต่อเนื่อง
ตัดมาที่อีกด้านหนึ่งภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งเธอผมยาวสีดำ หน้าตาปานกลางและใส่ชุดวอร์มสีดำ วิ่งแบบไม่คิดชีวิตเธอวิ่งจนไปถึงลานจอดรถขนาดใหญ่แล้วก็เจอเข้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งใส่ชุดคอมมานโดและชุดเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดถือปืนเล็งไปที่เธอทุกคน เลเซอร์เล็งยิงมากมายจากปืนไรเฟิลของหน่วยซีคิวริตี้ส่องไปที่เธอพร้อมยิง เธออึ้งและค่อยๆก้าวถอยหลัง
“หยุดอยู่ตรงนั้น Project K.D. ยอมซะดีๆ อย่าให้เราต้องใช้กำลัง กลับไปกับเรา” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งพูดขึ้น
เธอหยุดถอยหลังจากนั้นบนเพดานของลานจอดรถก็คอยๆถูกน้ำแข็งเกาะคลุมและขยายขึ้นเรื่อยๆจนเพดานเกือบทั้งหมดถูกแช่แข็ง
“ไม่.....มี.....ทาง!!!” เธอพูดเสียงแข็งยืนกรานไม่ยอมแพ้ ทันใดนั้นเองน้ำแข็งบนเพดานก็เริ่มแตกร้าวและหล่นลงมาเป็นชิ้นๆทับใส่หน่วยรักษาความปลอดภัยทุกคน หน่วยรักษาความปลอดภัยเริ่มโต้กลับระดมยิงกระสุนยาสลบใส่เธอ เธอทำให้พื้นกลายเป็นน้ำแข็งบางๆและลื่นแล้วเธอก็ทิ้งตัวสไลด์ไปตามน้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้น น้ำแข็งนั้นก่อตัวพุ่งฝ่าไปทางประตูชั้นนอกโดยมีหน่วยรักษาความปลอดภัยขวางอยู่ เธอสไลด์ตัวฝ่าเข้าไปถึงกลางวงของหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น หน่วยรักษาความปลอดภัยเสียท่าให้เพราะพื้นน้ำแข็งที่ลื่นจึงทรงตัวไม่ได้ เธอหลบทั้งหมัดและลูกเตะมากมาย เธอก้มลงแล้วเอามือไปแตะที่ตัวหน่วยรักษาความปลอดภัย 2 คนจากนั้นพวกเขาทั้ง 2 ก็ถูกแช่แข็งทันที เธอผลักร่างของพวกเขาแตกละเอียด เธอหลบแล้วเอามือแตะที่ตัวของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่พุ่งเข้ามาหาเธอ ทุกคนตรงส่วนที่เธอแตะก็ได้กลายเป็นน้ำแข็ง พวกเขาร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วจู่ๆก็มีหมัดๆนึงโผล่เข้ามาจากด้านหลังของเธอ เธอหลบแล้วเอามือแตะที่คอของเขาจากนั้นตั้งแต่คอถึงศีรษะก็กลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมดเธอฝ่าจนไปถึงประตูชั้นนอกและก็หันไปหาหน่วยรักษาความปลอดภัยยืนมือทั้ง 2 ไปด้านหน้าจากนั้นน้ำแข็งมากมายก็กระจายออกมาจากมือทั้ง 2 ของเธอทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งหมดถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ก้อนเดียวกันและเธอก็พังประตูแล้วหนีออกจากศูนย์วิจัย
“เธอหนีไปได้ครับท่าน ฝ่าหน่วยซีคิวริตี้ทุกคน ขอคำสั่งด้วยครับท่าน” หน่วยโอเปอเรเตอร์ผู้ชายรายงานสถานการณ์และขอคำสั่ง
“ปล่อยเธอไป เปิดคลื่นสัญญาณติดตามตัว Project F อย่าให้คลาดกันเด็ดขาด รายงานความเสียหาย ส่งพ่อมดแม่มดไปแก้คำสาปที่เธอสร้างขึ้นแล้วก็เรียกเอเย่นต์ มาโล มาพบผมที่ห้องทำงานด้วย” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้มอบหมายคำสั่งพร้อมกับเรียกพบบุคคลผู้หนึ่งที่ห้องทำงานของเขา

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝัก ตอนเช้าอากาศดีละมุดออกจากบ้านแต่เช้า เธอใส่เสื้อยืดแขนยาวสีขาวเอวลอย กางเกงยีนส์ขาสั้นเอวสูง รองเท้านิวบาลานซ์ ล็อคประตูหน้าบ้านเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่เธอเกิด ระหว่างนั้นเองเฟรมที่กำลังเหาะอยู่กลางอากาศมือขวาของเธอถือถุงกับข้าว 2-3 อย่างกำลังร่อนลงตรงหน้าบ้านของเธอแล้วเจอกับละมุดพอดี ใช้แล้วนั้นคือความสมารถของเฟรม เธอสามารถเหาะ เหิน เดินอากาศได้
“อ่าวหมุดไปไหนแต่เช้า?” เฟรมทักทายละมุดด้วยความสนิทสนม
“กลับบ้านอะไปหาพ่อกับย่า” ละมุดตอบกลับ
“อ๋อ ฝากสวัสดีป๊าด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“โอเค เดี๋ยวบอกให้ ไปล่ะเจอกัน” ละมุดเดินจากมา
“เอ้อ” เฟรมตระโกนปิดการสนทนา ระหว่างที่ละมุดเดินมาถึงแยกของซอยย่อยเพื่อที่จะไปขึ้นมอไซด์วินของหมู่บ้านก็เผอิญเจอเข้ากับสิทธิ์และวาโยที่อยู่ในชุดออกกำลังกาย
“หวัดดีหมุด จะไปไหนแต่เช้านี่เพิ่ง 8 โมงเองนะ” สิทธิ์ทักทายละมุดด้วยความสนิทสนมเช่นกัน เขาชอบมาวิ่งวอร์มร่างกายทุกเช้า ระหว่างนั้นเองวาโยก็พูดแทรกขึ้นมา
“พี่ละมุดนี่ตื่นเช้าจังเลยนะค่ะ” วาโยเธอไม่ยอมกลับบ้านของตนเพียงเพื่อที่จะได้ตื่นเช้าทุกวันมาวิ่งกับสิทธิ์ได้เห็นหน้าชายคนที่ตนเองชอบทุกวัน
“อื้ม จะกลับบ้านอะ คิดถึงครอบครัว” ละมุดตอบกลับ
“อ๋อ เออว่ะ ไม่ได้เจอป๊าซะนานเลย ฝากความคิดถึงด้วย” สิทธิ์พูด
“ไปวิ่งกันต่อเถอะค่ะ พี่สิทธิ์” วาโยพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับดึงแขนของสิทธิ์
“ครับ” สิทธิ์หันไปตอบวาโยแล้วก็หันมาร่ำลาละมุด “ไปละนะ เจอกัน” ละมุดเธอได้แต่ยิ้ม แล้วเขาทั้ง 2 ก็วิ่งผ่านไป เธอเริ่มเดินทางต่อ

 
ตัดมาที่หมู่บ้านกัลยาณ์ เมืองสคูล เขตปกครองเมทาโพลิส เป็นบ้านของชายหนุ่มรูปหล่อหน้าหวานอีกคนนึง เขาอยู่ในชุดนอนบ๊อกเซอร์ตัวเดียว หุ่นดีมีกล้ามนิดๆ เปิดเพลงดังลั่นห้อง นั้นคือโบ๊ท เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเพื่อนสนิทของเขา
“เต็งจ๋า วันนี้มึงจะมาหากูกี่โมงครับเต็ง” โบ๊ทพูดกับปลายสายของเขา
“โอ้โห ไอโบ๊ท ไฟฟ้าช็อตเข้าหัวรึไง นี่มัน 8 โมงเช้า แกจะให้ชั้นถ่อไปเลยเหรอ?” ปลายสายตอบกลับ
“อ่าๆ ไม่ต้องบ่น แล้วจะมากี่โมง?”
“11 โมงว่ะ ว่าแต่วันนี้จะไปไหน?”
“ทำบุญก่อนแล้วไปเดินจตุจักรกัน อยากช้อป”
“เออๆ โอเคๆ แค่นี้นะ จะนอนต่อล่ะ” ปลายสายพูดตัดบท เขาวางสาย ทันใดนั้นเองไฟในห้องของเขาก็ดับลง ทั้งไฟ เครื่องคอม แอร์ ดับหมด เขาทำหน้าเซ็งๆเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเดินออกมาที่ลานหลังบ้านมันเป็นลานโล่งๆมีโต๊ะและราวตากผ้า เขามองไปที่บ้านหลังข้างๆแล้วยืนมือออกไป
“ขอไฟใช้หน่อยนะครับ” เขาค่อยๆกำมือจากนั้นเองกระแสไฟฟ้าของบ้านหลังนั้นก็ค่อยๆวิ่งผ่านสายไฟหลังบ้าน เขาปัดมือไปทางห้องตัวเองพวกกระแสไฟก็วิ่งเข้าไปในห้องของเขาแล้วไฟที่ดับก็ติดคอมก็รีเซ็ตเครื่อง แอร์ติด ทุกอย่างกลับมาติดเหมือนเดิม ใช่และนั้นคือความสามารถของโบ๊ท เขาสามารถควบคุมประจุอิเล็กตรอนและกระแสไฟฟ้าต่างๆรอบตัวได้

 
ตัดมาที่ละมุด เมื่อเธอมาถึงหน้าบ้านของเธอที่เมืองนอยช์ เขตปกครองเมทาโพลิส บ้านของเธออยู่ติดริมถนนตรงช่วงที่รถราสัญจรไปมาวุ่นวายซึ่งแตกต่างจากบ้านใหม่ของเธอที่เงียบและอากาศดี พ่อของละมุดเป็นคนหาบ้านใหม่ให้กับเธอเพราะเห็นว่าเธอต้องไปเรียนที่วิทยาลัยแม่มดที่อยู่ในเมืองโฟร์เทน พ่อของเธอจึงไปปรึกษาแม่ของโจซึ่งเป็นพยาบาลประจำตัวของย่าละมุดทั้ง 2 ครอบครัวสนิทกันจึงทำให้โจได้เจอกับละมุดแล้วพาเธอมาพบกับคนอื่นๆในหมู่บ้าน ละมุดจึงได้พบกับสิทธิ์นั้นคือรักแรกของเธอ แม่ของโจเสนอบ้านที่ว่างอยู่ในหมู่บ้านของหล่อนนั้นคือในเมืองชาน พ่อของละมุดเห็นดีเห็นงามด้วย เขาซื้อบ้านหลังนั้นให้กับละมุดเพราะจากเมืองชานเดินทางไปเมืองโฟร์เทนก็ไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่ เธอจึงได้มาอยู่บ้านหลังนั้นตั้งแต่ใกล้จบม.6นั้นก็ 2 ปีมาแล้ว เธอกลับมาที่บ้านนี้ทุกอาทิตย์ค้างบ้างไม่ค้างบ้าง เธอเดินเข้าไปในบ้านเปิดประตูสวัสดีพ่อและน้า เธอเข้าไปกราบย่าของเธอ
“ทานอะไรมายัง? ลูก” พ่อเอ่ยถาม
“ยังเลยค่ะ กะว่าจะมาทานที่บ้านเลย หิ๊วหิว” ละมุดตอบกลับด้วยความออดอ้อน
“กะไว้แล้วเชียว เนี่ยมีกระเพราหมูสับกับโป๊ะแตก น้าแกมันตื่นมาทำแต่เช้าเลยพอรู้ว่าแกจะมานะ” แล้วน้าของละมุดก็เดินมายิ้มให้พร้อมกับบ่นพ่อของละมุดตามประสา
“5555 ขอบคุณนะค่ะ น้าแมว” ละมุดยิ้มกรุ้มกริ่ม
“จ้า ไม่เป็นไรจ่ะ คนสวยของน้า” น้าหันมาตอบด้วยความดีใจแล้วก็เดินไปหยิกแก้มของละมุดระหว่างที่เธอทานข้าวอยู่นั้นพ่อก็เอ่ยขึ้นมา
“เอ่ยนี่ ผู้อาวุโสเขามาบอกกับพ่ออีกแล้วนะ เรื่องที่ลูกมีโอกาสได้เป็นซูพรีมอะ เขาบอกว่าจะเลือกลูกไว้เพื่อให้ไปทดสอบในวันทดสอบความอัศจรรย์ทั้ง 7 ประการของแม่มด สรุปว่าเราจะยังไง”
“โห่ พ่อ ยังไม่จบเรื่องนี้อีกเหรอ? หนูบอกไปแล้วไงว่าหนูเป็นซูพรีมไม่ได้หรอกหนูก็แค่โชคดีที่เกิดมาก็มีพลังพิเศษ 2-3 อย่างก็แค่นั้นเอง ซูพงซูพรีงอะหนูไม่เป็นหรอกพ่อ” ละมุดพูดไปทานข้าวไป
“อ่าๆ ตามใจล่ะกัน เดี๋ยวถ้าสภาแม่มดมาหาเราก็บอกเขาไปตามตรง เข้าใจมั้ย?”
“อื้ม ครับผม 5555”

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝัก ผู้ชายหน้าตาหล่อ 2 คนกำลังเดินอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาคือแอนดี้กับวิน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน แอนดี้ หน้าตี๋ ใส่แว่น ขาว อวบๆ ใส่เสื้อคอปกสีดำ กางเกงยีน รองเท้าแตะ ส่วนวินเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อ ยิ้มมีเสน่ห์ ผิวสีแทนผอมๆแห้งๆ เขาใส่เสื้อสีชมพู กางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน รองเท้าแตะ ทั้งสองเดินตรงไปที่บ้านของคนๆนึง
“ไอทอร์ช ไอทอร์ชเว้ย อยู่บ้านมั้ยวะ? ไอทอร์ช!!” เขาสองคนยืนตระโกนหน้าบ้านของคนที่ชื่อทอร์ช เขาเปิดประตูออกมา
“มีอะไร?” ผู้ชายชื่อทอร์ชเดินออกมาแล้วถามชายทั้ง 2 ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ทอร์ชเป็นเด็กคนนึงในหมู่บ้าน ไม่ค่อยสนิทกับใคร เขาใส่แว่น ตัวสูง ผมสีน้ำตาลประกายทอง เขาใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับกางเกงวอร์มและมีผ้าขนหนูสีน้ำเงินคลุมตัวอยู่
“จะมายืมแผ่น Torchlight2 หน่อย ได้ว่ามึงมีแล้วเหรอวะ?” แอนดี้พูดขึ้น
“เอ้า ไม่มีตังซื้อกันหรือไง เรียนปี 4 จนจะจบกันอยู่แล้วนะ พวกพี่อะ” ทอร์ชสวนขึ้น
“อ่าวไอนี้ บอกให้เอามา จะยืมแผ่นไปลงหน่อยหรือมึงอยากมีปัญหากับพี่มึง? นี่เพื่อนสนิทพี่มึงมายืมของนิดหน่อยไม่ได้เลยช๊ะ?” แอนดี้เริ่มขู่
“เออๆ เดี๋ยวไปเอามาให้” สุดท้ายทอร์ชก็ต้องยอม
“ดีมาก ไอน้อง”
“มึงนี่ทำไมเหี้ยจังวะ? 555” วินพูดกวนส้นเท้า
“หรือมึงไม่ชอบของฟรี?” แอนดี้ย้อน
“ชอบ! 5555” ระหว่างนั้นเอง สิทธิ์ โจ รุจและขาวก็เดินออกมาจากบ้านของโจ บ้านโจกับบ้านทอร์ชอยู่หลังใกล้ๆกัน สิทธิ์ตอนนี้ใส่เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงสแล็คขาสั้นสีเทา รองเท้าแตะ ส่วนโจใส่เสื้อกล้ามสีชมพู กางเกงสแล็คขาสั้นสีน้ำเงินเผยให้เห็นกล้ามแขนอันทรงพลังของเขา ร้องเท้าแตะ รุจใส่เสื้อแขนยาวสีแดงตัดขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะและขาวก็ใส่เสื้อบอลสีเหลืองตัดเขียว กางเกงบอลสีขาว รองเท้าแตะ
“โอ้โห แกล้งเด็กแต่เช้าเลยนะพี่” สิทธิ์เอ่ยทัก
“แกล้งเกิ้งอะไรกัน กูแค่ขอยืมแผ่นเกมไปลง แค่เนี้ย” แอนดี้แถไปเรื่อย ระหว่างนั้นเองทอร์ชก็เดินมาพร้อมแผ่นเกมแล้วยื่นให้กับวิน
“อ่ะนี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ทำดีมาก ไอน้อง กตัญญูกับเพื่อนพี่ชีวิตมันจะมีแต่เจริญ เชื่อกูดิ” แอนดี้พูดอย่างไม่อาย รุจกับโจหันไปพยักหน้าใส่กันเชิงประมาณว่าไปเหอะ
“เอ้ย ไอรุจ มาก็ดีล่ะ จะขอยืมคอมลองแผ่นเกมส์หน่อยว่ะ” และแล้วเคราะห์กรรมก็ไปตกที่รุจ
“เอ้า แล้วพี่ไม่ไปลองที่บ้านกันเองอะ มาลองบ้านผมทำไม?” รุจรีบปฏิเสธ
“เห้ย ก่อนจะเล่นจะลงมันก็ต้องลองก่อนดิว่ะ บ้านมึงนั้นล่ะ อยู่ตรงข้ามพอดี โอเคขอบคุณคร้าบบบ” แอนดี้ตัดบทดื้อๆทั้งๆที่รุจยังไม่ได้พูดอะไรเลย
“อ่าว เห้ย!!!” รุจตกใจบวกกับงง
“เอาล่ะไง งานเข้าเต็มๆ” ขาวพูดขึ้น
“มากกกกกก” รุจพูดด้วยความเซ็ง

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านกัลยาณ์บ้านของโบ๊ท เขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้วแต่งตัว ใส่กางเกงยีนส์ ไม่ใส่เสื้อ นั่งดู TV อยู่แล้วหญิงสาวคนนึงก็เดินเข้ามา
“อ่าวเห้ย มาแล้วเหรอ” โบ๊ทหันไปทักทายหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคนที่คุยด้วยในโทรศัพท์ เธอคือเพื่อนสนิทของเขา เธอชื่อว่าตังเต เธอแต่งหน้าสวยคม หุ่นดี ผิวสีแทนผมดำเงาถึงบ่า เธอใส่ชุดเดรสลายดอกไม้แนววินเทจ รองเท้าส้นสูงสีทอง กระเป๋าปราด้า
“โอ้โห ไปแค่วัดกับจตุจักร มึงต้องแต่งขนาดนี้เลยเหรอวะ นี่ถ้าเป็นงานแต่งกู มึงไม่จัดเต็มเป็นขบวนแห่เลยเหรอห๊ะ? ไอเต็ง” ตังเตเดินเข้ามาถึงก็ถูกโบ๊ทพูดกัดทันที
“หื้มมม ว่าแต่มึงเถอะ อาบน้ำรึยังเนี่ย โทรปลุกกูแต่เช้าแต่น้ำท่าไม่อาบเนี้ยนะ?” ตังเตพูดถากถาง
“เกินไปละ อาบน้ำแล้วก็พอเหอะแค่ยังไม่ใส่เสื้อแค่นั้นเอง ว่าแต่ดูไปดูมาเพื่อนกูนี่ก็หุ่นสวยดีนะเนี้ย” โบ๊ทแซวตังเตทันที
“พอเลย คิดว่าเป็นนายแบบหุ่นล่ำรึไง นั่งโชว์หุ่นกลางห้องเนี่ย” ตังเตพูดแล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆโบ๊ท
“ถึงหุ่นพี่ไม่ล่ำเนี่ยแต่พี่อะเร้าใจนะจ๊ะ ไม่เชื่อลองซักยกมั้ย?” โบ๊ทพูดขณะเอนตัวเข้ามาใกล้ตังเตขึ้นเรื่อยๆ
“อี๋~ ไปไกลๆเลอะ ไอโบ๊ท เดี๋ยวแม่จัดซักหมัด ว่าแต่น้องฟองดู~ ของแกหายไปไหนแล้วล่ะ” ตังเตผลักตัวโบ๊ทออกทำท่าง้างหมัดขึ้นมาแกล้งถามถึงเด็กของเขา
“ก็เลิกกันแล้ว เขาจะมาอยู่ทำไมล่ะ” โบ๊ททำเสียงหมดอารมณ์
“เอ้า เห้ย เพิ่งได้ 2 อาทิตย์เองนะ เลิกกันแล้วเหรอวะ เพื่อนกูนี่มันอาภัพเรื่องความรักจริงๆมีแฟนกี่คนก็ถูกเขาทิ้งตลอด” ตังเตตกใจและถากถางไปด้วย
“งั้นมึงก็เป็นแฟนกูสิ เพราะกูรู้ว่ามึงอะไม่ทิ้งกูแน่นอน” โบ๊ทหันมาพูดพร้อมกับยิ้มหวาน
“พอเลย ยังไม่หยุดใช่มั้ย เดี๋ยวแม่เสกทรายดูดเลอะ” ตังเตพูดจาแก้เขิน
“โห โหดแท้ โหดแท้ 5555” โบ๊ทสนุกสนานใหญ่
“เออ รีบๆหาเสื้อใส่ซะ สายแล้วเนี่ย ไปได้แล้ว”
“ทำไม กลัวอดใจไม่ไหวเหรอจ๊ะ~” โบ๊ทยังคงยียวน
“ไอบ้าโบ๊ท!!” ตังเตอาการหนักเลย
“เออๆ แป๊บๆ” เขาพูดเสร็จก็เดินไปหยิบดูเสื้อที่เข้ากับกางเกงแล้วก็สวมมัน ระหว่างนั้นเขาก็พูด
“เออนี่ เมื่อเช้าตอนหลังจากมึงวางสายอะไฟบ้านกูดับ สงสัยลืมไปจ่ายค่าไฟมั่ง” เขาพูดในขณะที่ไฟ TVและแอร์ก็ยังติดอยู่ทำให้ตังเตงง
“เอ้า แล้วมึงเปิดแอร์เปิด TV ได้ไงอะ” ตังเตถามด้วยความสงสัย
“ก็ดึงไฟฟ้าจากข้างบ้านมาอะ คงอยู่ได้สัก 3 วันมั่ง” โบ๊ทยืนพูดหน้าตาเฉย
“เอ้า เอ้อ ไอบ้า แล้วทำไมไม่ไปจ่ายค่าไฟ?” ตังเตยังคงถามต่อ
“ก็ปกติน้าเขาเป็นคนจ่ายอะ สงสัยแกลืมมั่ง อีกอย่าง มึงก็รู้ว่าห้องกูมันใช้ไฟแยกกับตัวบ้านแล้วก็หน้าร้าน ในบ้านเสือกไฟติด กูล่ะโคตรงงน้าตัวเองเลย”
“5555555555” ตังเตหัวเราะลั่น
“ขำๆ เดี๋ยวก็จูบปากซะนี่” โบ๊ทจัดไปอีก 1 ดอก
“แหน่ะ ว่าแต่โทรชวนไอไมมั้ย? มันอยู่หมู่บ้านเดียวกับมึงนิ่?” ตังเตเปลี่ยนเรื่องไปถึงบุคคลที่ 3
“อยู่นี่!” ผู้หญิงคนหนึ่งจู่ๆก็โผล่มาด้านหลังของตังเต
“เอ้ย โห~ ยัยไม ตกใจหมด” ตังเตหันไปโวยวายใส่ผู้หญิงคนที่ชื่อไม
“อะไรกันพี่ แค่นี้ตกใจเหรอ?” ไมพูดกวน เธอคือรุ่นน้องม.ปลายของโบ๊ททั้งสองสนิทกัน เธอเป็นคนสวย รูปร่างก็ดี ผิวสีแทน สูงปานกลาง ผมสั้นสีน้ำตาลไหม้ตัดสไลด์ เธอใส่เสื้อเปิดไหล่สีขาวแขนยาวรัดรูป กางเกงผ้ามันสีดำขายาวรัดรูปเหมือนกันตามด้วยส้นสูงสีดำ
“เออ กูโทรไปแล้ว มึงก็รู้ว่าน้องมันไวจะตาย 5555” โบ๊ทเสริมแล้วเขาก็ตะลึงกับชุดของไม
“โอ้โห พวกมึงนี่อยู่ด้วยกันได้เนอะ ชุดแต่ล่ะคน” หลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็เดินทางออกจากบ้านไปทำบุญที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 

 
ตัดมาที่หมู่บ้านเจ้ากระทรวง เมืองฮัสกี้ เขตปกครองเมทาโพลิส บ้านของหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทในเรื่องนี้ เธอหน้าตาปานกลาง ผิวขาวเนียน อ้วน ผมสีน้ำตาลธรรมชาติ เธอใส่ชุดเดรสสีส้มอมน้ำตาลลายแมวป่า เธอชื่อว่าออม ตอนนี้เธอกำลังจัดข้าวของในบ้านแต่เธอไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว เพื่อนสาวของเธอ นัน เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สวย รูปร่างดี ผิวสองสี ผมหยักศก เธอใส่ชุดเดรสทรงแขนกุดคอบัวสีชมพูตัดขาว ทั้งสองอยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่ม.ปลาย นันบ้านอยู่ในเมืองนอยช์ วันนี้แวะมาหาออมเนื่องจากปิดเทอมแล้วคิดถึงเพื่อน พอจัดของอะไรเสร็จทั้ง 2 ก็ล้างมือแล้วมานั่งที่โซฟาเปิด TV แล้วก็เริ่มบทสนทนากันระหว่างเพื่อนกัน
“เห้ยออม ชั้นนับถือพ่อแกว่ะ ขยันซื้อของเข้ามาในบ้านจริงๆ” นันถากถางพ่อของออมทันที
“ก็ว่างั้นล่ะ หาเรื่องให้ลูกสาวทำตลอด” ออมบ่นเชิงเหนื่อย
“เออ แล้วเป็นบ้าง เรื่องเรียนอะ?” นันถาม
“ก็ดีนะเรื่อยๆ แกอะ?” ออมถามกลับ
“โอ๊ยยยย ไม่ต้องพูดถึง เหนื่อยโคตร”
“แหม~ ก็อย่างว่าอะเนอะ ว่าที่พยาบาลสาว 555” ออมแซวนัน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น
“เห้ย ออม ทำไมพ่อแกกลับมาไวจังวะ?” นันถามอย่างไว
“นั้นดิ สงสัยลืมของไว้แน่เลย” ออมพูดเดาแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านให้กับบุคคลที่คิดว่าเป็นพ่อของเธอ
“เห้ย คลอเบียต!!” ออมตกใจกับผู้หญิงที่ตรงหน้า เธอโทรมและมอมแมม เธออยู่ในชุดวอร์มสีดำ เธอคือผู้หญิงคนเดียวกันที่หนีออกมาจากศูนย์วิจัย
“เห้ย คลอเบียตเหรอ?” นันตกใจแล้วรีบวิ่งมาหน้าบ้าน หญิงสาวคลอเบียตทรุดลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้าทั้งออมและนันตกใจรีบพยุงเธอเข้าไปในบ้านพาไปนั่งที่โซฟา จริงๆแล้วทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนม.ปลายแต่หลังจากเรียนจบคลอเบียตก็หายตัวไปแบบไร้สาเหตุ ทุกคนออกตามหาประกาศจนทั่วก็ไม่เจอ แจ้งตำรวจใช้เวทมนตร์ก็แล้วไม่มีใครพบหรือว่าเห็นเธอเลยจนพ่อแม่ของคลอเบียตยอมตัดใจเลิกตามหาเพราะเชื่อว่าลูกสาวของพวกเขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว ทางครอบครัวได้จัดงานศพเพื่อเป็นพิธีแม้จะไม่มีศพอยู่ในโลงก็ตาม ออมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้คลอเบียต ส่วนนันเอายาดมมาให้เธอพร้อมกับพัด พอเธอเริ่มได้สติออมก็หยิบแก้วน้ำให้คลอเบียตดื่มน้ำทันที สักครู่หนึ่ง บทสนทนาการก็เริ่มขึ้น
“แกหายไหนมาวะ รู้มั้ยว่าทุกคนตามหาแกไปทั่ว จนพ่อแม่แกตรอมใจ” นันเริ่มเปิดประเด็น
“เกิดอะไรขึ้น คลอเบียต?” ส่วนออมก็พูดเข้าประเด็น สีหน้าของคลอเบียตที่มองหน้าเพื่อนๆของเธอสายตาเธอมันชั่งทรมานและน่าสงสารเหลือเกิน

 
ตัดกลับมาที่เมืองนอยช์ บ้านของละมุด เธอร่ำลาพ่อ น้าและย่าเพื่อที่จะไปที่อื่นต่อระหว่างนั้นเองโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล เออ ว่าไง” เธอรับสาย
“อยู่ไหน หมุด?” ปลายพูดขึ้นมา
“อยู่บ้านที่นอยช์ มาหาพ่อ”
“อ่าวเหรอ แล้วอย่างนี้แกจะมาบ้านไอดาวป่ะเนี่ย?”
“ไปดิ กี่โมงอะ?”
“เจอกัน 4 โมง”
“หื้มมม ไอเอมนี่เพิ่งเที่ยง รีบเหรอห๊ะ!” ละมุดพูดใส่อารมณ์นิดๆ ที่แท้ปลายสายก็คือชะเอมนี่เอง
“แกไม่รีบแต่ชั้นรีบเว้ย บ้านชั้นอยู่เซทนะไม่ใช่เมทาโพลิส” ชะเอมโต้กลับ
“อ่าว กลับไปอยู่บ้านแล้วเหรอ?”
“อื้มๆ ปิดเทอมแล้วไง ก็กลับมาบ้านเลย จะถึงกี่โมง?”
“ประมาณ 4 โมง 5 โมงว่ะ โอเคเจอกันที่บ้านดาว”
“โอเคๆ” แล้วชะเอมก็วางสายไป ละมุดเก็บโทรศัพท์ เธอเดินมาถึงหน้าบ้านพอดีกำลังจะเปิดประตูบ้านเมื่อเธอเปิดประตูออก
“เซอร์ไพรส์!!!!!” หญิงสาวฝาแฝดสองคนยืนอยู่ตรงหน้าบ้านรอเซอร์ไพรส์ละมุด
“เห้ย แคสตี้ แม็กส์ มาได้ไงอะ” ละมุดดีใจใหญ่โผเข้ากอดหญิงสาวฝาแฝดทั้ง 2 คน เธอคือแคสตี้และแม็กส์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดกันและเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมของละมุดพอรู้เรื่องว่าเธอจะแวะมาหาพ่อทั้ง 2คนก็แวะมาที่บ้านของละมุดทันที แคสตี้เป็นพี่สาวเพราะคลอดก่อน เธอสวย ขาวสูงและอวบ ผมเธอยาวสำดำ เธอใส่เสื้อยืดสีเทาตัวใหญ่ กางเกงเอวสูงสีน้ำเงินเข้ม รองเท้าผ้าใบสีดำพร้อมหมวกแก๊ปสีส้ม ส่วนแม็กส์แฝดผู้น้อง เธอสวยน้อยกว่าแคสตี้แต่ขาวกว่า ผอม ตัวเล็ก ผมยาวสีดำเหมือนกัน เธอใส่เสื้อยืดสีชมพูบานเย็นสกินลายตลาดนัดอัมพวา กางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าแตะ
“ก็เมื่อวานป๊าโทรมา บอกชั้นว่าแกจะมาพรุ่งนี้ ชั้นกับไอแม็กส์ก็เลยมาหา” แคสตี้พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
“แล้วนี่แกจะไปไหน ละมุด?” แม็กส์ถาม
“ก็กะว่าจะออกไปเดินเล่นอะ ไม่ได้มาเดินแถวนี้ตั้งนาน” ปกติละมุดจะมาที่บ้านอย่างเดียวไม่ได้ออกไปไหน วันนี้อยู่ดีๆก็มีไอเดียคิดจะเดินเล่น
“ไปนั่งเล่นใต้หอพักกัน มีไรอยากคุยด้วยเยอะเลย จะได้ไปเจอไอฮวนกับลีอาด้วย” แคสตี้เชิญชวนให้เพื่อนไปนั่งเล่นที่หอพักตนเอง
“เออ น่าสนใจว่ะ ไอเด็ก 2 คนนั้น ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนี่นะ 5555” ละมุดเริ่มสนใจไอเดียของแฝดผู้พี่จากนั้นทั้ง 3 คนก็มีแผนเดินทางไปที่หอของแคสตี้และแม็กส์ ฝาแฝดทั้ง 2 ได้สวัสดีทุกคนในบ้านละมุดแล้วออกเดินทางกัน หอพักของ 2 สาวฝาแฝดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของละมุดนักเดินเล่นๆไปเรื่อยๆก็ถึง

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝัก ที่บ้านของรุจ แอนดี้นั่งเล่นเกมส์อย่างเมามันกับวิน ส่วนคนอื่นๆก็เดินไปทั่วบ้านนั่งบ้างดู TV บ้าง ส่วนขาวกับรุจออกไปเดาะบอลเล่นที่ลานหน้าบ้าน ทันใดนั้นเองอีกหนึ่งหนุ่มรูปหล่อก็ปั่นจักรยานมา ร้องเรียกที่หน้าบ้าน
“รุจ รุจเว้ย ไปเซเว่นกัน” เด็กหนุ่มคนนั้นตระโกนเรียกรุจ
“มึงหิวเหรอ?” รุจตอบกลับพร้อมกับหยุดเดาะบอลเดินมาหาชายหนุ่มที่หน้าบ้าน
“เอออะดิ จะไปซื้อของให้แม่กูด้วย อ่าว พี่ขาว หวัดดีคร้าบ” เด็กหนุ่มคนนั้นหันไปสวัสดีขาว
“เอ้อ ดีดี เวหา” ขาวตอบแบบห้วนๆ ใช่แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นชื่อว่าเวหา เขาเป็นคู่หูคู่เกรียนกับรุจ เวหาเป็นหนุ่มหน้าใส หน้าลูกครึ่งนิดๆ ตัวผอม ขาวเนียน เขาใส่ชุดนักเรียนชายกางเกงดำ รองเท้าแตะ
“มึงเลี้ยงป่ะล่ะกูไม่ได้หยิบเป๋าตังมาอะ” รุจเริ่มต่อรอง
“ตลอดเลยนะมึง มาๆรีบๆไป เดี๋ยวแม่กูบ่นอีก” เวหาตอบ
“เย้ ว่าแต่ผลสอบเป็นไงวะ?” รุจขึ้นซ้อนท้ายจักรยานพร้อมกับพูดไปด้วย
“ดีๆ เทอมนี้กู 0 ตัวเดียว” ทั้งรุจและเวหาปั่นไปคุยไปเรื่อยทิ้งให้ขาวยืนอยู่คนเดียว เขาเลยเอาบอลไปเก็บแล้วเดินเข้ามาในบ้านสู่ความวุ่นวายที่มีแอนดี้กับวินนั่งเล่นเกมในบ้านคนอื่นอย่างไม่เกรงใจเสียงดังโวยวายไปหมด ส่วนสิทธิ์ก็นั่งดู TV อยู่กับโจ
“อ่าว ไอรุจอะ?” สิทธิ์หันไปเห็นขาวมาคนเดียวเลยถามถึงรุจ
“ไปเซเว่นกับเวหาอะ” ขาวตอบ
“เออดี ทิ้งกันเฉย” โจบ่น ขณะนั้นเองเด็กสาวคนหนึ่งเหาะมาจากบนฟ้าร่อนตัวลงที่บ้านของรุจแล้วเดินเข้ามาทักทายทุกคน
“พี่ขาว พี่สิทธิ์ พี่โจ สวัสดีค่ะ” เธอสวัสดีทุกคนแล้วหันไปเห็นแอนดี้กับวิน 
“เอิ่มม พวกพี่สองคนสวัสดีค่ะ”
“ดี” ทั้งสองคนหันมาพร้อมกันพูดพร้อมกันแล้วก็นั่งเล่นเกมส์ต่อ
“อย่าไปสนใจเลย น้ำ คนมันบ้าเกมส์อยู่” โจพูดขึ้น เด็กสาวคนนั้นก็คือน้ำ เธอเป็นเด็กแถวบ้านท้ายซอยของหมู่บ้านต้นฝักรู้จักกันเพราะมีช่วงนึงที่พวกสิทธิ์ไปเล่นบาสที่โรงเรียนต้นฝักวิทยาเลยทำให้เจอกัน เธอหน้าตาสวยตั้งแต่เด็ก น่ารัก ผมยาวสีดำชอบถักเปีย เธอใส่เสื้อยืดสีขาว กระโปรงชีฟองสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวและเธอมีความสามารถที่เหมือนกับเฟรมคือเหาะ เหิน เดินอากาศได้
“อ่าว แล้วพี่รุจล่ะ?” น้ำถามถึงรุจ
“ไปเซเว่น เดี๋ยวก็มานั่งก่อนสิ” สิทธิ์พูดขึ้น
“เอ่อน้ำแล้วสมาร์ทกับดินอะ ไม่มาเหรอ?” ขาวถามน้ำ
“อ๋อมาค่ะ ปั่นจักรยานตามมา ก็พวกเขาบินไม่ได้เหมือนน้ำนี่ 5555” น้ำตอบกลับ
“อ๋อ เออว่ะ” น้ำพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีผู้ชายคนหนึ่งปั่นจักรยานตามมาแล้วก็มีจักรยานปั่นมาเองโดยที่ไม่มีคนปั่นตามมาอีกหนึ่งคัน ส่วนตัวผู้ชายคนนั้นเขาปั่นจักรยานโดยที่มือไม่จับแฮนด์จักรยานเลยแค่เอาเท้าวางแล้วก็ปั่นเหมือนควบคุมมันได้ เขาก้าวลงจากจักรยาน ส่วนจักรยานคันที่ตามมาทีหลังนั้นมันก็จอดเองแล้วจู่ๆก็มีร่างของเด็กผู้ชายคนนึงออกมาจากจักรยานเหมือนผีสิง
“ฝากเอาไปเก็บด้วยนะพี่” เด็กผู้ชายคนนั้นพูดกับผู้ชายอีกคนแล้วเขาก็ควบคุมให้จักรยานทั้ง 2 คันให้ปั่นไปเองโดยที่ไม่มีคนบังคับไปหาที่จอดแล้วก็เดินเข้ามาในบ้านกัน
“นั้นไง พูดปุ๊บมาปั๊บเลย” น้ำพูดถึง 2 คนที่กำลังเดินเข้ามา
“พี่สมาร์ทหวัดดีคร้าบ” สิทธิ์และโจพูดสวัสดีชายหนุ่มคนนั้น
“ไงพวก” ขาวทักทายสมาร์ท เขาคือพี่ชายแท้ๆของน้ำ อายุเท่ากับขาว หน้าตาพอใช้ได้รูปร่างดีเพราะเป็นนักวิ่งของมหาลัย สูง ผิวสองสี เขาใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงนักเรียนสีดำเหมือนกัน รองเท้าแวนสีแดง ความสามารถของเขาคือการมอบชีวิตให้กับสิ่งของอุปกรณ์ทุกอย่างให้มันทำงานเคลื่อนไหวเองได้
“พี่สิทธิ์ พี่โจพี่ขาว หวัดดีครับ” เด็กผู้ชายคนนั้นสวัสดีพวกสิทธิ์อย่างสนิทสนมแล้วหันไปพูดกับน้ำ
“โห น้ำ บอกให้รอก่อน”
“รอทำไม เดี๋ยวดินก็ต้องปั่นมาพร้อมพี่สมาร์ทอยู่ดีอะ” น้ำตอบกลับเด็กผู้ชายคนนั้นชื่อว่า ดิน เขาเป็นเพื่อนสนิทของน้ำ บ้านใกล้กันเด็กท้ายซอยเหมือนกัน เขาขาว ตี๋ อ้วน แก้มหน้าหยิบ ใส่ชุดนักเรียนกับรองเท้าแตะ เขามีพลังแบบ haunt คล้ายกับผีสิง เขาสามารถเข้าสิงอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งของแล้วควบคุมมันเหมือนที่เขาสิงจักรยานให้มันปั่นมาเองเมื่อตะกี้
“เสียงดังอะไรกันค่ะ ทุกคน” วาโยเดินออกมาจากหลังบ้านในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นยีนส์
“อ๋อ ป่าว พอดีเขาคุยกันอยู่” โจหันไปบอก
“มาบ้านคนอื่น ไม่เกรงใจกันเลยเนอะ นึกว่าบ้านเป็นโรงเรียนหรือไง” วาโยยิงไป 1 ประโยคแล้วก็เดินหันขวับกลับไปหลังบ้าน
“ยัยนี่ใครอะ พี่โจ หนูไม่ถูกชะตาเลย” น้ำถามโจ
“อ๋อ พี่สาวไอรุจมัน ลูกพี่ลูกน้องอะ อย่าไปสนใจเลย” โจตอบกลับ
“น้ำจำไม่ได้เหรอ? ก็คนที่เจอกันตอนงานขึ้นบ้านใหม่ของรุจไง” ขาวช่วยขยายความ
“อ๋อ~” น้ำถึงบางอ้อ แล้ววาโยก็เดินกลับมาพร้อมกับแอปเปิ้ลปลอกแล้วเป็นชิ้นๆใส่จานถือมา เธอเดินเข้ามาหาสิทธิ์นั่งข้างๆเขาที่โต๊ะไม้
“ลองชิมดูสิค่ะ พี่สิทธิ์ วาโยปลอกเองเลยน้า~” พูดเสร็จวาโยก็ใช้ซ้อมจิ้มไปที่แอปเปิ้ลแล้วยืนไปป้อนสิทธิ์
“อร่อยดีครับ” สิทธิ์ตอบตามมารยาท
“งามหน้าเนอะ” น้ำพูดแบบห้วนๆ วาโยหันมา
“งามหน้าอะไรเหรอจ๊ะน้อง?” เธอหันมาคุยด้วยน้ำเสียงที่ดีพร้อมกับยิ้มให้
“อ๋อเปล่าค่ะ หนูหมายถึงพี่คนที่นั่งเล่นเกมส์เนี่ย งามหน้าเนอะ” น้ำเบี่ยงเรื่องไปที่แอนดี้ที่กำลังนั่งเล่นอยู่
“อ่าวน้อง พูดอย่างงี้ได้ไงวะ” แอนดี้หันมาพูดกับน้ำแล้วเขาก็พลาดท่าเสียทีแพ้เกมส์
“อ่าวเห้ย โห่~ แพ้เลยอะ อะไรวะ!” แอนดี้บ่นใหญ่
“มาๆตากู มึงหลบไปไอดี้” วินผลักๆดันๆแอนดี้ออกไปจากเก้าอี้โต๊ะคอมแล้วตัวเองก็เสียบเอง
“หื้มม น้องนะน้อง พี่แพ้เลยอะ” เขาเดินมาบ่นน้ำ น้ำงง จากนั้นแอนดี้ก็หยิบซองบุหรี่ขึ้นมาดึงบุหรี่ออกจากซองมวนนึง
 “สิทธิ์ ขอไฟหน่อย” แอนดี้ปากคีบบุหรี่พูดขอไฟจุดบุหรี่จากสิทธิ์ เขาเพียงแค่จ้องไฟก็ถูกจุดที่ปลายบุหรี่ติดทันที แอนดี้ดูดไปฟื้ดนึงแล้วปล่อยควันออกมา
“เหม็นจังเลยค่ะ” วาโยพูด
“เห้ย พี่ดี้ ดูดตรงนี้จะดีเหรอ? นี่มันบ้านคนอื่นเขานะพี่” สิทธิ์พูดขึ้น
“ก็นี่ไง กูเลยออกมายื่นดูดหน้าบ้านเนี่ย ไม่ได้ไปดูดในบ้านซะหน่อย” แอนดี้โต้กลับ
“เดี๋ยวไอรุจมา มันก็โกรธหรอก” โจพูด
“โกรธอะไร พวกมึงนี่ต๊องว่ะ มันไม่โกรธหรอก ทีแม่มันยังดูดหน้าบ้านเลย” แอนดี้ไม่จบ
“พี่ดี้ ผมว่าพี่เดินไปดูดข้างๆบ้านเหอะ เดี๋ยวผมไปยืนเป็นเพื่อนก็ได้” ขาวออกตัว
“อะไรมึง ไอขาว ก็กูจะดูดตรงนี้ ไอรุจมันไม่ด่าหรอก พ่อแม่มันก็ยังไม่กลับ ใครอยู่บ้านซะทีไหน” แอนดี้พล่ามยาว
“แต่คนเขาเดินไปเดินมา มันดูไม่มีนะพี่ แล้วถ้าคนอื่นมันเอาไปบอกแม่ไอรุจ ไอรุจก็โดนนะพี่” ขาวเริ่มขึ้น
“มึงอะกาก ไอขาว คิดมาก”
“กากไม่กาก มันอยู่ที่จิตสำนึกคนฮะพี่ บ้านก็ไม่ใช่ของเรา มาขอคอมเขาใช้ นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน เสียงดังทำเป็นบ้านตัวเอง แล้วยังมายืนดูดบุหรี่หน้าบ้านเขาอีก” ขาวจัดหนักจัดเต็ม ด้วยคำพูดของเขาทำเอาวินที่นั่งเล่นเกมส์อยู่สะดุ้งจนต้องหยุดเล่น แล้วหันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ๋อ เดี๋ยวนี้มึงด่ากูเหรอฮะ ไอขาว” แอนดี้เริ่มขึ้นเดินเข้าไปผลักไหล่ของขาวทันที ทุกคนในบ้านตกใจกลัวว่าจะมีเรื่องกัน
“มึงจะเอาไง” แอนดี้โมโห ถามตัวน้ำเสียงแข็ง

 
ตัดมาที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เมืองสคูล โบ๊ท ตังเตและไมไหว้พระทำบุญเสร็จกำลังเดินทางออกจากวัดไปหยั่งสถานที่ต่อไปแล้ว ไมก็เห็นรถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งเลยรู้สึกหิวขึ้นมา
“เห้ยพี่ รอแป๊บนึงนะ อยากกินลูกชิ้นอะ ไปซื้อแป๊บนึง” ไมพูดพร้อมเคลื่อนตัวไปที่ร้านลูกชิ้นที่อยู่ห่างไป 100 เมตรจนแทบมองตามไม่ทัน นั้นคือความสามารถพิเศษของเธอ เธอมีความว่องไง รวดเร็ว จนแทบมองไม่ทัน โบ๊ทและตังเตหันกลับมา
“ไม่รอนะ” โบ๊ทตระโกนไปบอกแล้วก็เดินไปกับตังเต เขาไม่รอจริงๆ
“เห้ยนี่ ผู้หญิงคนนั้นเขามองเราอยู่หรือเปล่าวะ?” ตังเตรู้สึกว่าถูกมองเลยกระซิบบอกโบ๊ทให้ช่วยสังเกต
“คิดไปเองเปล่า เขาใส่แว่นดำอยู่ คงมองไปเรื่อยล่ะมั่ง” โบ๊ทไม่คิดอะไร
“มึงว่ามันจะเป็นพวกนักล่าหรือเปล่าว่ะ” ตังเตเริ่มสงสัย
“โห คิดได้เนอะ นักล่าในเมทาโพลิสเนี้ยนะ” โบ๊ทไม่คิดอะไรคิดแค่ว่าสิ่งที่เพื่อนสงสัยอยู่ เป็นเรื่องไร้สาระมาก ระหว่างนั้นเองไมซื้อลูกชิ้นเสร็จก็วิ่งมาอย่างไวเพียงแว๊บเดียวก็มาถึงตังกับโบ๊ทแล้ว
“เห็นมั้ย จะไปรอมันทำไม” โบ๊ทพูดถากถางไมแต่เธอไม่สนใจจิ้มลูกชิ้นกินอย่างเอร็ดอร่อย ตังเตหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นปรากฏว่าเธอมองมาที่พวกของตังเตจริงๆ เธอหันกลับมาแล้วปลอบใจตัวเองว่าคิดไปเองทั้ง 3 คนก็เดินไป ผู้หญิงคนนั้น เธอใส่แว่นดำ ใส่หมวกแก๊ปสีดำ แต่งกายมิดชิดมองไปที่พวกของตังเตแบบไม่ละสายตา เธอมีเหตุผลอะไร ต้องการอะไร

 
ตัดกลับมาที่หอพักนักศึกษาเขต 20 เมืองนอยช์ เขตปกครองเมทาโพลิสเป็นหอพักของแคสตี้และแม็กส์ละมุดและฝาแฝดทั้งสองนั่งอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งชั้นล่างของหอพูดคุยกัน
“สรุปว่า ยัยเด็กวาโยนั้นเห็นแกตายอย่างงั้นเหรอ?” แคสตี้ทานข้าวไปคุยไปแม็กส์ด้วยเช่นกัน
“อื้ม ใช่” ละมุดเล่าเรื่องอนาคตที่วาโยเห็นให้พวกฝาแฝดฟัง
“มั่วหรือเปล่า?” แม็กส์ไม่เชื่อ
“ไม่น่าจะนะเพราะพลังจิตแบบวาโยเป็นตาทิพย์ชั้น 1 ไม่เคยพลาด เธอแม่นยำเสมอ” ละมุดพูดหน้าตาเฉยๆ
“แล้วแกบอกป๊าไปยัง?” แคสตี้ถามขึ้น
“ยังเลย ไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วง” ละมุดตอบ
“เอ้าแล้วทำไมไม่บอกล่ะ อย่างน้อยพวกพ่อมดผู้ใหญ่เขาก็ต้องรู้วิธีป้องกันบ้างสิ” แคสตี้หงุดหงิดเพื่อน
“ใช่ๆย่า แกไงละมุด เธอเป็น Powerful witch ไม่ใช่เหรอ น่าจะช่วยได้สิ” แม็กส์เสริม
“แต่ย่าชั้นแก่แล้วนะ อีกอย่างใครบ้างที่จะรู้วิธีป้องกันอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นยกเว้นพ่อมดขาวเมอร์ลินที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายตัวไปไหนหรือถ้าหากชั้นมีเพื่อนที่มีพลังจิตประเภทข้ามเวลาได้ก็ว่าไปอย่าง” ละมุดบ่นยาว
“โอเคๆ เปลี่ยนเรื่องเถอะ ยิ่งคุยยิ่งเครียด” แคสตี้พูดขึ้น
“ถูก” ละมุดและแม็กส์พูดพร้อมกัน ขณะนั้นเองเด็กผู้หญิง ตัวดำ อ้วน ผมดำหยักศก เธอใส่เสื้อทรงกะลาสีเรือ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ใส่เสื้อโค้ทตัวใหญ่คลุมไว้อีกที ที่หลังของเธอดูโก่งๆเหมือนคนพิการ
“อ่าว ลีอา” ละมุดหันไปทักทายเด็กผู้หญิงคนนั้น
“อ่าว พี่ละมุด คิดถึงจัง” เธอวิ่งเข้ามากอดละมุด เธอชื่อว่าลีอา แม่ของเธอขายอาหารตามสั่งอยู่ที่หอของแฝดทั้งสองซึ่งก็คือร้านที่พวกละมุดนั่งกันอยู่นี่เอง
“ใส่โค้ททุกวันไม่อึดอัดเหรอ?” ละมุดถามลีอา
“ก็ไม่ได้ทั้งวันนะพี่ เวลาแม่ให้หนูไปซื้อของหรือจ่ายตลาดก็บินไปเนี้ยล่ะ คนแถวเนี้ยเขาชินหนูกันหมดแล้ว” ลีอาตอบกลับ ที่แท้สิ่งที่ทำให้หลังเธอดูโก่งๆก็คือปีกของเธอที่พับเก็บอยู่นั้นเอง เธอเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ
“แล้วไอฮวนล่ะลีอา ไม่อยู่เหรอ?” แม็กส์ถามถึงคนๆนึง
“นั้นไง พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย พี่ฮวน” ลีอาหันไปบอกตรงครัวร้านเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาพอดี เขาคือฮวน พี่ชายแท้ๆของลีอา หน้าตาไม่หล่อผอม เตี้ยแต่ขาวกว่าลีอา เขาใส่เสื้อยืดแขนยาวสีเทาเข้ม กางเกงนักเรียนสีดำ รองเท้าแตะ
“ไอหมูไปช่วยแม่ดูร้าน” ฮวนเรียกน้องสาวด้วยคำว่าหมู
“ไอฮวน” แคสตี้ตระโกนเรียก ฮวนหันมา
“ว่าไงพี่ตี้” เขาตอบกลับ
“ดูซิว่าใครมา” แคสตี้เรียกฮวนให้ดูละมุด
“เห้ย พี่ละมุดหวัดคร้าบบบ” ฮวนรีบยกมือไหว้ด้วยความนับถือ
“จ้า สบายดีเหรอ?” ละมุดถาม
“บายดี พี่” ฮวนพูดระหว่างที่เขากำลังเดินออกไปจากร้าน
“แล้วพี่จะไปไหน?” ลีอาถาม
“นั้นดิ รีบไปไหน?” ละมุดก็ถาม
“จะไปปฏิบัติภารกิจของลูกผู้ชายครับพี่” ฮวนพูดจากำกวม
“ร้านเกมส์ใช่มั้ย?” ลีอารู้ทันพี่ชายตัวเอง
“เอ้อ ฝากร้านด้วยนะ” ฮวนรีบตัดบท
“เอ้า ไอพี่บ้า” ลีอาด่า
“คางคกบิน” ฮวนโต้กลับ
“ไอ......เหม็นสาบหมา” ลีอาตระโกนด่าไปอีกที แต่ฮวนเดินไปแล้ว
“555555” พวกละมุดหัวเราะนั่งดูพี่น้องทะเลาะกันน่ารักดี จังหวะนั้นเองละมุดเติมน้ำเปล่าในกระติกใส่แก้วแต่มันหมด
“เอ้า หมดแล้วอะ” เธอกะจะควบคุมน้ำให้มาใส่ไว้ในแก้ว
“ไม่เป็นไร ชั้นหยิบให้” แม็กส์แบรกไว้อาสาหยิบให้ จากนั้นเธอก็ยืนมือไปตรงกับกระติกน้ำโต๊ะอื่นพอดี ลำแสงพลังงานสีชมพูก็โผล่ออกมาจากมือของแม็กส์พุ่งไปที่กระติกน้ำใบนั้น เธอกำมือลำแสงนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนห่วงรัดกระติกนั้นไว้ แล้วแม็กส์ก็ดึงพลังงานนั้นที่จับกระติกอยู่กลับมาที่โต๊ะ กระติกถูกดึงมาใส่ในมือของแม็กส์พอดีๆ เธอเทน้ำในกระติกให้ละมุด
“โห ใช้พลังเก่งขึ้นนะเนี้ย” ละมุดชมแม็กส์ถึงการใช้พลังเมื่อกี้ใช่แล้ว แม็กส์เป็นแอนโนไดร์คือ แฮคเซ็มบิส สายพันธุ์ดั้งเดิม เป็นมนุษย์พลังงานสีชมพูอมม่วงและจู่ๆก็มีนกพิราบบินมาทางพวกละมุด เธอสังเกตว่ามันไม่ใช่นกพิราบจริงๆแต่คือกระดาษพับเป็นรูปนกพิราบบินมาเกาะที่ไหล่ของแคสตี้
“แคสตี้ มันคือ.....” ละมุดถาม
“พิราบพยนต์ของชั้นเอง หุ่นพยนต์กระดาษอะ ชั้นทำไว้เพื่อให้มันบินไปสำรวจพื้นที่รอบๆ” แคสตี้อธิบาย เธอเป็นแคสเตอร์ที่ยังไม่แสดงความสามารถพิเศษแต่เก่งเรื่องไสยศาสตร์แบบวูดู สักพักนึงเจ้าพิราบพยนต์นั้นก็สื่อสารบางอย่างกับเธอ
“มันบอกวันนี้รถไม่ติด ไปเที่ยวกัน” แคสตี้บอกเรื่องที่พิราบพยนต์รายงานแล้วก็ชวนสาวๆไปเที่ยว
“ไปไหน? ไกลป่าววันนี้ชั้นมีนัดที่บ้านดาวอะ เดี๋ยวไปไม่ทัน” ละมุดรีบถามว่าจะไปเที่ยวไหนเพราะกลัวผิดนัดกับเพื่อนสนิท
“ไม่ไกลหรอกน่าแถวนี้เองไป ไป ไปกัน” แคสตี้ขยั้นขยอให้ไป
“เอ้อๆ รีบไปรีบกลับนะ” ละมุดยอมโดยดี
“โอเค ลีอาเก็บตังหน่อย” แล้วแคสตี้ก็หันไปหาลีอา เรียกเก็บเงินค่าอาหาร

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านเจ้ากระทรวงเมืองฮัสกี้ บ้านของออม คลอเบียตอธิบายเหตุผลที่เธอหายไป
“ถ้าชั้นพูดไปพวกแกอย่าไปบอกใครนะเว้ย” คลอเบียตพูด
“แล้วมันมีเรื่องอะไรล่ะ?” ออมถามต่อ
“เรื่องจริงคือ ชั้นตายไปแล้ว” คลอเบียตพูดออกมาทำเอาสาวๆอึ้งตามๆกันไป
“บ้า เพ้อเจ้อ ก็แกนั่งอยู่เนี่ย จะตายได้ไง” นันพูดด้วยความสับสน
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ชั้นรู้แต่ว่าวันนั้นชั้นกลับบ้านดึกถูกพวกเสพยามับจับตัวไปที่บ้านร้างท้ายหมู่บ้านชั้น แกจำได้ใช่มั้ย?” คลอเบียตเล่าเหตุการณ์ว่าเธอตายยังไง ทั้งออมและนันพยักหน้าตาม
“พวกมันข่มขืนชั้น มันเจ็บมาก มันทิ้งชั้นไว้ในบ้านร้างหลังนั้น ชั้นรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันมืดลงมืดลง มืดลง แล้วจู่ๆชั้นก็รู้สึกว่ามีคนมาพยุงชั้น พอชั้นฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในหลอดแก้วใส่ตัวชั้นทั้งตัวแช่ไว้ในนั้น มีน้ำยาบางอย่างใส่อยู่เต็มหลอดแก้ว ชั้นมีเครื่องช่วยหายใจในน้ำติดไว้ แล้วก็ที่ครอบตาครอบหูปิดไม่ให้โดนน้ำยา พอชั้นฟื้นคนพวกนั้นก็นำตัวชั้นออกมาจากหลอดแก้ว มาซักถามว่าจำชื่อตัวเองได้มั้ย จำอะไรได้บ้าง มันเรียกชั้นว่า Project K.D. แต่ไม่เรียกชื่อชั้น สถานที่ ที่นั้นก็เหมือนศูนย์วิจัยอะไรซักอย่าง คนที่เข้ามาชั้นก็แต่งตัวเหมือนหมอ มีทหารเดินกันเต็มไปหมด” เธอเล่าทุกรายละเอียด
“ดูนี้นะ” คลอเบียตพูดกับทั้ง 2 คนเหมือนจะให้ดูอะไรบางอย่าง เธอนิ้วไปแตะที่แก้วน้ำ จากนั้นแก้วน้ำก็ถูกน้ำแข็งเกาะคลุมไปหมด น้ำเปล่าธรรมดาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งทันที
“เห้ย” ทั้งออมและนันทำเสียงตกใจ
“แกใช้พลังวิเศษได้ไงอะ แกเป็นมนุษย์นี้” นันถามเพื่อนด้วยความตกใจ
“ชั้นถูกคนพวกนั้นนำไปฝึกใช้พลังทุกวัน เพราะตั้งแต่ชั้นฟื้นขึ้นมาที่นั้น พลังนี้มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ไหนจะศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างที่ชั้นต้องเรียนกับพวกมัน หลังจากฝึกเสร็จชั้นก็ถูกยัดใส่ลงไปในหลอดแก้วเหมือนเดิม ทำแบบนี้ทุกวัน จนชั้นทนไม่ไหว ลองใช้พลังในขณะที่อยู่ในหลอดแก้วดู มันได้ผล ชั้นหนีออกมาได้เลยมาหาพวกแกนี่ไง” คลอเบียตอธิบายต่อจนจบ
“แล้วแกรู้มั้ยว่าคนพวกนั้นมันไม่ใคร?” ออมถาม
“ชั้นคิดว่ามันคือพวกนักล่า ต้องใช้แน่ๆ ที่นั้นเหมือนศูนย์วิจัยอะไรสักอย่าง” คลอเบียตคิดว่าพวกที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้คือพวกนักล่า
“นักล่าในเมทาโพลิส เห้อ ในที่สุดพวกมันก็มาถึงจนได้” นันพูด
“แล้วไอศูนย์วิจัยอะไรนั้นที่แกหนีออกมา มันอยู่แถวไหน พอจะจำได้มั้ย?” ออมถามต่อ
“จำไม่ได้อะ รู้แต่ว่ามันเป็นป่า ที่ไหนซักที่หนึ่งแถวชานเมือง ชั้นวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลยไม่ได้สังเกตอะไร” คลอเบียตอธิบายเท่าที่เธอรู้
“ไป กลับบ้านแกกัน กลับไปบอกพ่อแม่แก บอกพวกเขาว่าแกโดนอะไรมา” นันพูดขึ้น
“ไม่ได้ กลับไม่ได้นะ!” คลอเบียตร้อนรนใหญ่
“อ่าว ทำไมอะ” นันถามต่อ
“ก็เพราะว่าพวกนักล่ามันจะต้องรู้ว่าบ้านชั้นอยู่ไหน แล้วมันก็จะตามไปดูที่บ้าน ถ้ามันเจอชั้นที่บ้าน ครอบครัวชั้นพลอยเดือนไปด้วยอะสิ” คลอเบียตอิบายถึงเหตุผล
“เออว่ะ”
“ออม ชั้นขออาศัยอยู่ที่นี้ก่อนได้มั้ย? อย่าให้ชั้นไปไหนเลยนะ” คลอเบียตขอร้องออม
“ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่แกต้องอยู่แต่บนบ้านนะ อย่าออกมาเด็ดขาด อยู่แต่ในห้องชั้นนี่ล่ะ จะเอาอะไรจะกินอะไร บอกชั้นดี๋ยวจัดการให้” ออมยินดีต้อนรับเพื่อนด้วยความเต็มใจ
“ขอบใจมากนะ ออม” คลอเบียตซาบซึ้งในความเป็นเพื่อน
“โหย ไม่เป็นไรก็เพื่อนกัน ถ้าเพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยกันสิ อีกอย่างนะพวกนักล่าก็ตามตัวแกอยู่ หลบอยู่ที่บ้านชั้นนี้ล่ะ” ออมพูดต่อคลอเบียตยิ้มด้วยความดีใจ
“แล้วไอพวกนักล่ามันเรียกแกว่าอะไรนะ?” นันถาม
“มันเรียกชั้นว่า Project K.D. แต่ชั้นเคยได้ยินมันพูดว่า โครงการ Project F อะไรซักอย่าง” คลอเบียตพยามนึก
“แล้วมันคืออะไร ไอ Project F เนี่ย” นันถามต่อ
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยคิดที่จะถาม”
“แต่ชั้นว่าชั้นรู้ว่าเราจะหาคำตอบได้จากใคร” ออมพูดกับเพื่อนทั้ง 2 คน พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

 
ตัดกลับมาที่ละมุด พวกเธอเดินทางมาถึงเดอะมอลล์ท่าพระ เมืองสคูล เขตปกครองเมทาโพลิส
“โอ้โหยยยย เนี้ยนะใกล้ของแก ถ่อมาถึงสคูลเนี่ยนะ” ละมุดบ่น
“เออ เอาน่าไหนๆก็มาล่ะ เดินเล่นแป๊บนึงนะ นะ นะ” แคสตี้อ่อนละมุดยังคงหน้าบึ้งอยู่

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝักบ้านของนายรุจ ซึ่งบรรยากาศภายในบ้านกำลังคุกรุ่น(คุ-กรุ่น)
“ฮะ ว่าไง ไอขาว มึงอยากมีปัญหากับกูใช่มั้ย?” แอนดี้โมโหหนักมาก
“พี่คิดว่าพี่เป็นใคร มาวางอำนาจใส่คนอื่นเข้าแบบเนี้ย!” ขาวก็โมโหเช่นกันทุกคนในบ้านเริ่มออกมาดู
“แล้วมึงจะทำไมกู?” แอนดี้ท้าทาย
“พี่วินไปห้ามดิ่” โจพูดให้วินเดินไปห้ามปรามทั้งสอง
“หึ ไม่ห้ามอะ กูอยากดูมวย” วินปฏิเสธหน้าตาเฉยผู้ชายสองคนกำลังทะเลาะกันต่อหน้า
“อย่าคิดว่ากลัวนะ กับไอแค่ลูกชายแม่มดขาวที่ทำตัวกากไปวันๆอะ อุส่ามีแม่เป็นถึงแม่มดขาวแต่ลูกกับทำเป็นหมาขี้เรื้อน” ขาวด่าแบบชุดใหญ่
“ไอขาวมึง!!” แอนดี้โม้สุดขีดปล่อยลูกพลังพลาสม่าสีขาวสว่างจ้าใส่ขาวกระเด็นไปติดกับกำแพงข้างบ้าน ข้าวของเสียหายกระจัดกระจายหมด เขาเดินเข้าไปหาขาวพร้อมชูมือขึ้นพลังพลาสม่าสีขาวสว่างจ้าก็รวมกันเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ในมือเขาเตรียมที่จะปาใส่ขาวอีกหนึ่งนัด ใช่แล้วแอนดี้มีความสามารถในการสร้างลำแสงพลาสม่าออกมาจากมือได้ โดยที่ลำแสงของเขามีลักษณะสีขาวสว่างจ้า ขาวไม่ยอมรุกกลับบ้าง เขาวาร์ปไปที่ด้านหลังของแอนดี้อย่างไวและเตะไปที่หลังของเขา แอนดี้ล้มลง เขารีบลุกขึ้นมาจะต่อยขาว แต่ขาวก็วาร์ปไปที่ด้านหลังของเขาอีกที คราวนี้ขาวจับแอนดี้แทงเข่าแล้วต่อยเขาล้มไป 1 หมัด
“ใครก็ได้ ทำอะไรสักอย่างดิ!” ทุกคนยืนงงทั้งอึ้ง โจพูดขึ้น
“ดิสติรีบัว อาตูเร่” สมาร์ทร่ายคาถาผ่าสิ่งกีดขวางทำให้ทั้งขาวและแอนดี้กระเด็นออกไปคนล่ะทิศล่ะทางหลังจากที่จับแยกแล้ววินก็วิ่งไปดูเพื่อนของตน ส่วนคนอื่นๆก็เดินมาดูขาว สิทธิ์เข้าไปพยุงขาวขึ้นมานั่ง ขณะนั้นเองรุจกับเวหาก็กลับมาจากเซเว่นพอดี ทั้งสองคนจอดจักรยานแล้วยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านของรุจ
“มึงจำไว้เลยนะ ไอขาว ว่ามึงพูดอะไรกับกูไว้” แอนดี้พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจ วินคอยพยุงเพื่อน เดินออกจากบ้านรุจไปส่วนขาวก็มองไม่ละสายตา
“เกิดอะไรขึ้นกันวะ” รุจวิ่งเข้ามาถามด้วยความงง
“ก็ไอขาวอะดิบวกกับไอพี่ดี้เฉยเลย” สิทธิ์พูดขึ้น
“อ่าว ทำไมอะ?” รุจงงเข้าไปอีก
“ตอนนี้อย่าเพิ่งถามเดี๋ยวเล่าให้ฟัง” โจแบรกไว้
“ไอดิน ออกมาได้แล้ว” น้ำเดินมาที่หน้าคอมตระโกนเรียกดินซักพักนึงดินก็ออกมาจากคอมพิวเตอร์ของรุจ เขาเข้าไปสิงหลบอยู่ในคอมพิวเตอร์ตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
“น้ำรู้ป่ะ คอมพี่รุจอะ หนังโป๊โคตรเยอะเลย” ดินออกมาก็ชี้แจงโดนทันที
“มันใช่เวลาพูดมั้ย!!” น้ำพูดแบบกัดฟันตีแขนดิน

 
ตัดกลับมาที่ เดอะมอลล์ท่าพระ ละมุดเดินออกมากับ 2 สาวฝาแฝด ข้าวของเต็มมือแคสตี้และแม็กส์ ส่วนละมุดเดินตัวปลิวเธอคุยโทรศัพท์อยู่ในขณะนั้น
“เอ้อ อยู่เดอะมอลล์ท่าพระเนี่ย” 
“มาซื้อของ กับพวกแคสตี้ กำลังรีบไป”
“เอ้อ ไปทันแน่นอน ไม่ต้องห่วง”
“น่าจะซักประมาณ 5โมงกว่าๆอะ” 
“โอเคเจอกัน” ละมุดคุยโทรศัพท์เสร็จ เธอกำลังเก็บมือถือ ขณะนั้นเองผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาชน
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขอโทษ เธอหน้าสวย ผมดำ ผิวขาวผุดผ่องเป็นยองใย
“ไม่เป็นไรค่ะ” ละมุดกล่าวตามมารยาท หลังจากนั้นเธอก็เดินออกมา ฃเพื่อที่จะไปบ้านดาวส่วนแคสตี้กับแม็กส์ก็แบกของมากมายกลับบ้าน หญิงสาวคนนั้นหันกลับมาเดินต่อและยิ้มที่มุมปาก

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านเวกเทเบิ้ลกาเด้น เมืองชาน เขตปกครองเมทาโพลิส หมู่บ้านของแก้ว เวกเทเบิ้ล กาเด้น เป็นทางเชื่อมต่อมาจากหมู่บ้านต้นฝักเป็นหมู่บ้านที่มีความยาวกินพื้นที่ไปหลายร้อยไมล์เชื่อมไปกับหมู่บ้านอื่นๆ ส่วนต้นฝักเป็นหมู่บ้านที่เปรียบเสมือนเป็นเมืองหน้าด่าน ภายในบ้านนอกจากแก้ว ชะเอมและแซลลี่แล้ว ยังมี แม่ ยาย ป้า เด็บท์ พี่ชายของดาวและแอปเปิ้ลน้องสาวของดาว ทุกคนกำลังจัดโต๊ะอาหารเตรียมสังสรรค์ทานข้าวเย็นกัน วันนี้ 3 สาวก็อยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นธรรมดา
“อยู่ตั้งเดอะมอลล์ท่าพระ มันจะมาทันมั้ยเนี่ย!” ชะเอมพูดขึ้น มือของเธอถือโทรศัพท์อยู่ จู่ๆก็มีเสียงคนกดกริ่งหน้าบ้าน
“เห้ย ทำไมมาไวจังวะ” ดาวทำเสียงตกใจเพราะคิดว่าคนที่อยู่หน้าบ้านคือละมุด
“สงสัยมันให้ไอแม็กส์มาส่งหรือเปล่า แกรู้มั้ยพวกแอนโนไดร์อะ หายตัวได้นะ” แซลลี่เดาไปเรื่อย
“เออๆ เดินไปดูเลยดีกว่า ว่าเป็นใคร” ดาวพูดขึ้นแล้วเธอก็เดินไปดูที่หน้าบ้านว่าสรุปเป็นใครกันแน่ ชะเอมกับแซลลี่ก็อยากรู้ว่าใช้ละมุดหรือเปล่า พอดาวเปิดประตู
“เซอร์ไพรส์!!!” ผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอทั้ง 3 ทำเสียงเซอร์ไพรส์
“คุณน้า” ดาวตระโกนเรียกผู้หญิงตรงหน้าแล้วโผเข้ากอดทันที
“ห๊ะ คุณน้า” แซลลี่และชะเอมทำเสียงตกใจ
“หนูคิดถึงคุณน้าจังเลยค่ะ คิดถึงมากๆ” ดาวทั้งกอดทั้งหอมคุณน้าใหญ่ด้วยความดีใจ
“คุณน้าสวัสดีค่ะ”แซลลี่และชะเอม สวัสดีคุณน้าของดาวพร้อมๆกัน
“จ้า สวัสดีจ่ะ น้าก็คิดถึงหนูเหมือนกันหลานรัก” หล่อนรับไหว้สาวๆพร้อมกับหอมดาวคืน ทั้งดาวและคุณน้าดูรักกันมาก
หมายเหตุ :
             -ที่พ่อของละมุดถูกเพื่อนๆของละมุดส่วนใหญ่เรียกว่าป๊านั้น เพราะว่าท่านเป็นคนใจดี มีน้ำใจกับเพื่อนบ้าน ร่วมถึงพวกเพื่อนๆของละมุดด้วย จนทุกคนตั้งชื่อให้พ่อละมุดว่าป๊า ขนาดพ่อแม่ของเพื่อนยังเรียกพ่อละมุดว่าป๊าเลย
 
EPISODE 3: WHITE WITCH
COMING SOON

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา