The Coven ชุมนุมแม่มด First Season

6.2

เขียนโดย LoosDim

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.37 น.

  7 ตอน
  6 วิจารณ์
  11.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) THE COVEN ชุมนุมแม่มด EPISODE 3: WHITE WITCH

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ดาวชวนสาวๆมารับประทานอาหารที่บ้านของตนกับครอบครัว ระหว่างที่ทุกคนรอละมุดมานั้น น้าของดาวได้มาเซอร์ไพรส์ที่หน้าบ้านของดาวและนี่คือทั้งหมดใน The Coven

 
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อลีอา” ลีอา คิดในใจขณะที่เธอบินยู่บนท้องฟ้า ด้วยปีกที่ใหญ่เหมือนพญาอินทรีย์ของเธอ
“หนูเป็นมนุษย์ครึ่งเทพมีปีกที่ใหญ่ ทำให้หนูบินไปที่ไหนก็ได้ ถึงแม้เพื่อนๆจะชอบล้อหนูในเวลาที่หนูต้องเก็บปีกว่าเป็นตัวประหลาด เป็นเด็กหลังค่อม หน้าเกลียด ตัวดำ อ้วน แต่หนูไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะเจ้าปีกนี่ล่ะมันมอบอิสระให้กับหนู มอบความเป็นตัวตนของหนู พ่อของหนูเป็นเทพบนสวรรค์ถูกสาปลงมาให้เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ หนูหวังว่าสักวันหนึ่งความเป็นมนุษย์ครึ่งเทพในตัวหนูจะสามารถทำให้พ่อกลับไปอยู่บนสวรรค์ได้เหมือนเดิมแค่หวังไว้ว่ามันจะเป็นจริง ไอคำว่า ปาฏิหาริย์” แล้วเธอก็บินไปเรื่อยๆ

 
ตัดมาที่หมู่บ้านต้นฝักในบ้านของละมุด เธอนั่งอยู่หน้าคอมในห้อง ใส่ชุดนอนสีชมพู คุยแชทกับเพื่อนสาวคนสนิทแต่ในวงนั้นกลับไม่มีดาว
“ถึงบ้านกันหมดแล้วใช่มั้ย?” ละมุดโพส
“เออๆ ถึงแล้ว” แซลลี่โพส
“ถึงแล้วจ้า” ชะเอมโพสตาม
“พวกแกคิดว่าไง เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำอะ?” ละมุดเริ่มเปิด
“ชั้นรู้สึกว่าคุณน้าเขากัดพวกเรานะ” ชะเอมตอบ
“เออนั้นดิ ฟังดูมันทะแม้งๆยังไงไม่รู้” แซลลี่ก็คิดเหมือนกับชะเอม
 
ย้อนกลับไปเมื่อตอนหัวค่ำเมื่อน้าของดาวมาเยี่ยม เธอเข้าไปคุยกับแม่ของดาว พี่สาวของเธอ ระหว่างที่รอละมุดมาจะได้ทานอาหารเย็นพร้อมกัน พอละมุดมาถึง การรับประทานอาหารพร้อมสังสรรค์พูดคุยบนโต๊ะอาหารก็เริ่มขึ้น
“แล้วนี่ดาวดื้อกับแม่หรือเปล่าเนี่ย?” น้าของดาวถามขึ้น
“ไม่เลยค่ะเพราะแม่น่ารักที่สู้ดดด” ดาวตอบแบบเอาใจ
“อย่าดื้อกับแม่เขารู้มั้ยลูก รักพี่สาวน้าให้มากๆนะ”
“ค่ะ”
“เห็นมั้ยริน เธอมีลูกน่ารักแบบเนี้ย น่าจะภูมิใจนะ” น้าของดาวเรียกพี่สาวของตนด้วยชื่อเล่นแม่ของดาว จริงๆเธอชื่อว่า นรินทรา ชื่อเล่นว่า ริน รินนั่งยิ้มไม่พูดอะไร
“แล้วคุณน้าเสาวรสไม่รักแอปเปิ้ลเหรอค่ะ?” น้องสาวของดาวพูดกับน้าของเธอด้วยเสียงที่อ้อน
“รักสิจ๊ะ ทำไมจะไม่รักล่ะ น้ารักหลานทุกคนล่ะจะ” น้าของดาวตอบด้วยความอ่อนโยนเธอชื่อว่า เสาวรส
“เด็บท์ เราน่ะเป็นพี่ใหญ่ ต้องดูน้องๆและทุกคนในบ้านรู้มั้ย?” เสาวรสหันไปบอกกับพี่ชายของดาว
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ เหมือนตอบผ่านๆไป
“แล้วเรื่องเรียนล่ะ เป็นยังไงบ้างดาว?” เสาวรสหันไปถามดาวต่อ
“ก็ดีค่ะ เรื่อยๆ” ดาวตอบ
“เกรดตกหรือเปล่า?”
“ยังค่ะ ไม่ตกค่ะ”
“แต่ก็เกือบค่ะ คุณน้า” ละมุดแทรกขึ้นมา
“ก็ยัยดาวเนี่ยดันไปปิ๊งรักกับหนุ่มในวิทยาลัย ปรากฏว่าโดนมันหลอกเล่นเอาซะไอดาวไม่เป็นอันเรียนเลยค่ะ เกือบตก ดีนะที่รอดแบบเฉียดฉิว พวกหนู 3 คนนี่ตามล้างตามเช็ด พยามให้มันกลับไปเรียน เกือบไม่รอด ลองถามคุณแม่ดูสิคะ 5555” ชะเอมเม้ามัน
“จริงเหรอดาว?” เสาวรสหันไปถาม
“จริงค่ะ” ดาวตอบด้วยน้ำเสียงสลด
“โถ่~ หลานรักของน้า” เสาวรสไม่ว่าอะไรสักคำกลับเอ็นดูดาว เธอเอามือลูบไปที่หัวของดาว
“น้าจะบอกอะไรให้นะ เมื่อหลานมีความรักมันก็คือบททดสอบ บททดสอบที่ทำให้หลานเข้มแข็งและยืนได้โดยที่ไม่ล้มลงอีก อาจมีทั้งดีและก็ไม่ดีมันเป็นเรื่องธรรมดา ชีวิตหลานยังต้องเจอกับบททดสอบอะไรอีกหลายอย่าง แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งที่หลานรู้ตัวเองว่าต้องการใครสักคน คนที่พร้อมจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต เขาคนนั้นจะเดินเข้าหาหลานเองโดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไรเลย” เสาวรสพูดกินใจ
“โห สุดยอดเลยค่ะ คุณน้า” ชะเอมปลื้มในคำพูดของเสาวรสเอามากๆ
“พวกหนูก็เหมือนกัน เป็นเพื่อนกันก็ไม่ควรเอาเรื่องที่เพื่อนเขารู้สึกไม่ดีมาเล่าให้คนอื่นเขาฟัง” เสาวรสต่อว่าพวกละมุด
“แต่พวกเราไม่ได้คิดอะไรเลยนะค่ะ แค่เล่าให้คุณน้าฟังเฉยๆ ขำๆน่ะค่ะ” ละมุดแก้ตัวแทนทุกคน
“ใช่ค่ะ คุณน้า พวกมันก็อย่างงี้ล่ะ คุณน้าไม่ต้องคิดมากนะคะ” ดาวช่วยอีกแรง
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควร รู้มั้ย?” เสาวรสไม่เออออตามไปด้วย
“ค่ะ” ละมุด ชะเอมและแซลลี่ ทั้ง 3 คนตอบพร้อมกัน
“การที่จะเป็นเพื่อนกันก็ไม่ควรพากันเหลวไหล ควรจะช่วยกันทำแต่สิ่งดีๆ ไม่ใช่พากันไร้สาระไปวันๆ น้ารู้ว่าพวกหนูสนิทกันมาก แต่น้าอยากให้พวกเธอมีอนาคตที่ดี ไม่ใช่มานั่งกินนอนกินไปวันๆเหมือนพวกเด็กที่พ่อแม่ตามใจจนไม่ทำอะไรเลยน่ะ มันดูไร้ค่า” เสาวรสเทศหนัก
“เอาล่ะๆ พูดมากเดี๋ยวพวกเธอก็หาว่าชั้นบ่นอีก”
“ไม่หรอกค่ะ คุณน้า” แซลลี่ตอบไป
“ปลาเป็นมันจะไปว่ายในบ่อที่มีแต่ปลาได้ตายได้ยังไง” เสาวรสบ่นลอยๆ พวกละมุดหันมามองหน้ากันเหมือนประมาณว่า เขาด่าใครวะ
 
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ไอดาวเคยเล่าให้ชั้นฟังนะว่าน้าเสาวรสอะ เป็นแม่มดขาว แล้วก็ไม่ค่อยชอบพ่อมดแม่มดอย่างพวกเราๆเท่าไหร่” แซลลี่ชี้แจง
“ชั้นก็เคยได้ยินนะ พ่อชั้นเล่าว่าแม่มดขาวไม่ชอบพวกแม่มดไสยเวทย์” ชะเอมต่อ
“แต่เราไม่ได้เล่นมนต์ดำนิ่ พวกเราอาจจะคิดไปเองก็ได้ น้าเขาคงแค่ต่อว่าแบบผู้ใหญ่ล่ะมั่ง” ละมุดพยายามคิดในแง่บวก
“งั้นพรุ่งนี้เรา 3 คนไปบ้านไอดาวกัน ไปกันอีกที” ละมุดคิดไอเดียได้
“ได้ๆ” ชะเอมตรงลง
“เครๆ” แซลลี่ก็เช่นกัน

 
ถัดมาอีกวันหนึ่ง ละมุดยืนคุยกับโจอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ คราวนี้ละมุดอยู่ในชุดเสื้อสีครีมลายอินเดียแดงเปิดข้างเห็นซับใน ทรงเต่อ โชว์เอวตัวเดิมกับกางเกงยีนส์เอวสูงขาสั้นสีฟอก รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินซีด ส่วนโจอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวพับแขนขึ้น กางเกงยีนส์สีดำ เอาเสื้อใส่ในกางเกง รองเท้าของแบรนด์ CPS Chaps  ดูหล่อและเท่มาก
“ห๊ะ! จริงเหรอ? พี่ขาวกับพี่แอนดี้บวกกันเนี้ยนะ?” ละมุดรับรู้เรื่องที่ขาวกับแอนดี้มีเรื่องกัน
“ก็จริงดิพี่ เอาซะข้าวของหน้าบ้านไอรุจพังกระจายหมด” โจพูด
“ไม่น่าล่ะ ชั้นเห็นมีคนมาทำอะไรหน้าบ้านมันตั้งเยอะ นึกว่าแม่มันต่อเติมบ้านใหม่”
“ใครจะเก่งเหมือนพวกเจ๊ล่ะ อยู่รวมกัน 4 คน ร่ายคาถาอะไรก็ได้”
“จริงๆชั้นก็ไม่ได้ชอบไอพี่แอนดี้เท่าไหร่หรอก แต่ก็เฉยๆอะ แล้วนี่เคลียร์กันหรือยัง?” ละมุดถาม
“ยังเลยพี่ ไม่มีใครมาเคลียร์อะไรกันเลย” โจตอบด้วยเสียงไม่สบายใจ
“เอ่อๆ เดี๋ยวก็ดีกัน เชื่อพี่สิ” ละมุดพูดในแง่ดีพร้อมกับเอามือไปแตะที่ไหล่ของโจ
“อื้ม แล้วนี่พี่จะไปไหนอะ” โจถาม
“จะไปบ้านดาวอะ ไปล่ะ” เธอพูดเสร็จแล้วก็เดินไป

 
ละมุดนัดเจอกับแซลลี่และชะเอมที่หน้าซอยทางเข้าบ้านของดาวแซลลี่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว สกินลายเสื้อเป็นชื่อของตัวเองสีชมพูตัดดำกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าแตะ ส่วนชะเอมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเช่นกัน ทั้ง 4 คนยื่นตั้งหลัก
“แกชั้นมีนี่” แซลลี่พูดขึ้น พร้อมหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“ผลชิกเพนฟรีส อ่ะ เอาไปคนล่ะลูก” แซลลี่ส่งลูกชิกเพนฟรีสให้กับเพื่อนสาวไปคนล่ะผล ลักษณะของมันเป็นลูกกลมๆขนาดเท่ากับลองกอง สีเขียวขจี ขั้วผลเป็นสีเหลืองอ่อนๆ หลังจากเด็ดออกมาจากต้นชินฟรีสต้องนำไปตากแห้งก่อนถึงจะรับประทานได้
“มันมีคุณสมบัติด้านเสน่ห์ ถ้าเป็นภาษาพระก็เมตตามหานิยมอะไรประมาณเนี้ย คนที่กินผลนี้เข้าไปอะน่ะ เมื่อเราพูดอะไรไปใส่คนไหนก็ตาม จะทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดี มีความสุขแต่ว่าฤทธิ์ของมันอยู่ได้แค่ชั่วโมงครึ่ง” แซลลี่อธิบาย
“เราต้องกินไอเจ้านี่อะเหรอ?” ละมุดถาม
“ใช่ ต้องเคี้ยว มันถึงจะออกฤทธิ์” แซลลี่พูด
“โอเค พร้อมกันนะ 1.....2......ซั่ม!” ชะเอมนับเพื่อให้ทุกคนกินมันพร้อมๆกัน พวกเธอกินผลชิกเพนฟรีสเข้าไปและต้องเคี้ยวมันด้วยความพะอืดพะอมแต่ก็ต้องฝืนใจกินจนพวกเธอกลืนลงท้อง
“แหวะ รสชาติแย่มากอะ” ชะเอมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ
“โอเคทุกคน พร้อมนะ” ละมุดเริ่มหายพะอืดพะอม
“โอเค ไปกัน” แซลลี่พูด ละมุดเดินนำเข้าไปที่บ้านของดาว
“ดาว ดาว” ทั้ง 3 คนตระโกนเรียกดาว
“เห้ย มากันครบเลย มีไรเปล่า?” เธอเดินออกมาเปิดประตูแล้วตกใจที่เพื่อนสนิทมากันครบทุกคน เธอในชุดเสื้อยืดแขนยาวคอกลมลายทางม้าลายกับกระโปรงสั้นทรงวินเทจสียีนส์
“ป่าว ไม่มีอะไรทำเลยนัดมาสิงที่บ้านแกนี่ล่ะ” ละมุดอ้างไป
“อ๋อ เออ ดีเลย เข้ามาดิ” ดาวเข้าใจตามนั้น เธอให้เหล่าสาวๆเดินเข้ามาในบ้านแต่พวกละมุดก็ต้องชะงักนิดนึง เมื่อเจอเสาวรสนั่งอยู่ตรงโซฟากลางบ้านเลย
“คุณน้าสวัสดีค่ะ” สามสาว สวัสดีเสาวรสพร้อมกัน เธอหันมายิ้มและพยักหน้า
“หายไปไหนกันหมดอะ” ชะเอมหันไปถามดาว
“อ๋อแม่ไปร้านกับพี่เด็บท์ ป้าพาย่าไปบ้านพ่อ ส่วนแอปเบิ้ลเรียนพิเศษ” ดาวก็แจกแจง เธอให้พวกละมุดไปนั่งที่โซฟาที่เดียวกับเสาวรสแล้วเธอก็นั่งลง
“มาทำอะไรกันล่ะจ๊ะ เด็กๆ” เสาวรสหันมาถามพวกละมุด
“อ๋อ พวกหนูไม่มีอะไรทำเลยมานั่งเล่นที่นี้อะค่ะ” ละมุดตอบไป
“อ่อ หลานดาวจ๊ะ ไปรีดผ้ากองที่เหลือให้น้าหน่อยไป พอดีน้าเมื่อยน่ะ อายุเยอะแล้วก็อย่างงี้ล่ะ” เสาวรสใช้ให้ดาวไปรีดผ้าแทนเธอ
“ได้ค่ะ คุณน้า” ดาวขานรับแล้วเธอก็เดินไปหลังบ้านเพื่อรีดเสื้อผ้า
“พวกหนูจ๊ะ น้าขอพูดอะไรหน่อยนะ” ที่แท้นี่คือจุดประสงค์ของเสาวรสเพื่อให้ดาวไม่ต้องมาขัดขวางนี่เอง
“อะไรเหรอค่ะ” ชะเอมยังใจดีสู้เสือ
“น้าว่าพวกหนูลองอยู่ห่างๆกับดาวหน่อยดีมั้ยจ๊ะ?” เสาวรสเริ่มเข้าประเด็น
“คุณน้าหมายความว่ายังไงอะคะ?” ละมุดถามกลับ
“ก็หมายความว่าน้าอยากให้พวกหนูลองอยู่ห่างๆกับดาวซักพักหนึ่งไง” เสาวรสย้ำ
“เพราะอะไรอะคะ? พวกหนูทำอะไรผิด?” ชะเอมเริ่มข้องใจ
“ไม่ผิดหรอก แต่น้าว่าพวกหนูกับดาวเข้ากันไม่ได้” เสาวรสพูด
“เข้ากันไม่ได้ หมายความว่าไงคะ?” ชะเอมพูดต่อ
“ก็หมายความว่าพวกเธอกับดาวไม่เหมาะกัน น้าไม่อยากให้ดาวคบกับพวกเธออีก” เสาวรสเริ่มรำคาญ
“คุณน้าไม่มีเหตุผลอะ” แซลลี่ท้วงขึ้น
“อยากได้เหตุผลเหรอจ๊ะ เพราะว่าแม่มดแบบพวกเธอมีแต่จะทำให้ดาวตกต่ำลงไงล่ะ” เสาวรสกระแทกเสียง
“ตกต่ำอะไรกันคะ หนูไม่เข้าใจ” ละมุดไม่เข้าใจในสิ่งที่เสาวรสต้องการ
“พวกแม่มดแบบพวกเธอดีแต่สร้างปัญหา ก่อเรื่อง ชอบเสี่ยงอันตรายและก็เห็นแก่ตัว เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาชั้นกลัวว่าหลานของชั้นจะเป็นแพะรับบาปแทนพวกเธอ” เสาวรสขึ้น
“แต่พวกเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ ทำไมคุณน้ามองพวกเราแบบนั้นล่ะคะ?” ชะเอมก็ไม่ยอม
“ไม่ต้องใช้อะไรมองหรอก เพราะมันเป็นแบบนี้มานานแล้ว พวกพ่อมดแม่มดเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของพวกเธอ!!” เสาวรสใส่อารมณ์เข้าไปอีก
“หนูว่าคุณน้าเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” ละมุดเริ่มเสียงแข็ง
“เข้าใจผิดเหรอจ๊ะ 55 เข้าใจไม่ผิดหรอกจ๊ะ น้าจะไม่ยอมให้ดาวต้องมาคบเพื่อนที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด”
“ถ้าคุณน้าไม่มีเหตุผลแบบนี้ พวกหนูก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเลิกคบดาว” ชะเอมลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
“ใช่ค่ะ พวกเราคบกันมาตั้ง 9 ปีล่ะ เราไม่ทรยศกันเด็ดขาด” แซลลี่ก็ลุกขึ้นด้วย
“จะ 9 ปี หรือ 10 ปี พอถึงเวลาเอาตัวรอดมันก็ทรยศกันได้ทั้งนั้น ชั้นไม่สนว่าพวกเธอจะผ่านอะไรกันมาบ้างแต่ชั้นเชื่อว่าพอถึงเวลาที่ต้องเอาตัวรอด พวกเธอก็จะทิ้งหลานชั้น” เสาวรสยืนพร้อมกับต่อว่าพวกละมุด
“พวกเราจะไม่ทรยศกันค่ะ หนูให้สัญญา” ละมุดยืนขึ้นพูดด้วยเสียงแข็ง
“ไม่ต้องมาสัญญา มันเป็นเพียงแค่ลมปาก ชั้นไม่เชื่อ!” เสาวรสไม่แคร์
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะเชื่อล่ะคะ?”แซลลี่ถาม
“แค่....ออก..ไปจากชีวิตหลานชั้น” เสาวรสพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“ไม่ค่ะ พวกเราจะอยู่ด้วยกัน 4 คน คุณน้าห้ามเราไม่ได้” ชะเอมก็ขึ้น
“จะได้หรือไม่ได้ก็รอดู ชั้นจะไปคุยกับดาว อาจจะให้เวลานานหน่อย แต่ถ้าพวกเธอเจอกันน้อยลงความสัมพันธ์ที่สร้างกันมาก็จะค่อยๆจางไป” เสาวรสพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“ไม่มีทางค่ะ ต่อให้จากกันไปเป็นปีหรือเป็นสิบปี พวกเราก็จะเหมือนเดิม ไม่มีใครแยกเราออกจากกันได้” แซลลี่เถียงขึ้นทันที
“ใช่ค่ะ นี่มันชีวิตดาวก็ให้ดาวเลือก คุณน้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งย่ามกับชีวิตของคนอื่นนะคะ” ละมุดสานต่อ
“ชั้นยุ่งได้เพราะชั้นรักหลานชั้น ชั้นต้องปูทางที่ดีที่สุดสำหรับหลานชั้น” เสาวรสก็ยังไม่ยอม
“พวกหนูก็รักเพื่อนหนูเหมือนกันค่ะ ยังไงเราก็ไม่ยอม” ละมุดเริ่มขึ้น
“ได้! งั้นมาค่อยดูกัน พวกเธอไม่ต้องมาเหยียบที่นี่ 2 วัน ชั้นจะคุยกับดาวเอง ชั้นเชื่อว่าดาวต้องฟังและทำตามที่ชั้นบอก เพราะว่าเธอรักน้าคนนี้มาก” เสาวรสท้าให้พวกละมุดไม่มาหาดาวซัก 2 วัน เธอจะทำให้ดาวเลิกคบกับพวกละมุด
“รักกับเคารพรักมันต่างกันนะคะ คุณน้า” แซลลี่พูดแทงใจ
“ได้ค่ะ พวกหนูจะรอ 2 วัน เพราะพวกหนูเชื่อว่าไม่ว่าใครจะพูดอะไร ดาวก็ไม่มีทางเลิกคบพวกหนูเหมือนกัน” ละมุดตกลงรับคำท้า เสาวรสเชิดหน้าใส่ ดูเหมือนว่าเธอมั่นใจมากว่าทำให้ดาวเลิกคบกับพวกละมุดได้
“เห้ยหมุด ทำไมไปตกลงว่ะ!!” ชะเอมไม่พอใจในข้อเสนอ
“หนูไม่ยอมค่ะ ข้อเสนออะไรไม่รู้ บ้าบอ ไร้สาระ คุณน้าเป็นผู้ใหญ่แต่ทำตัวไม่มีเหตุผลเอาซะเลย” ชะเอมใส่ใหญ่
“เห้ยไอเอม ไม่เอากลับกันก่อน” ละมุดจับตัวชะเอมดึงให้กลับ
“เป็นแม่มดขาวประสาอะไรวะ ทำตัวไม่น่านับถือ มาให้เพื่อนเขาเลิกคบกัน” ชะเอมยังไม่หยุด
“เห้ยไม่เอา ไอเอมกลับก่อน” แซลลี่ก็ช่วยดึงตัวชะเอมให้กลับด้วย
“พวกเราจะรอนะค่ะ อีก 2 วันข้างหน้าเราจะกลับมาเอาคำตอบจากปากของดาวเอง” ละมุดให้ไปพูดกับเสาวรสเสียงแข็ง
“ไป ไอเอมกลับ” ละมุดดันตัวชะเอมออกจากบ้านดาว ชะเอมยังคงโวยวายอยู่
“เอ่อ แล้วไอชิกเพนฟรีสทีหลังไม่ต้องเคี้ยวกันมาอีกนะ ไม่ได้ผลหรอกจะ” เสาวรสรู้ทัน เธอจับได้ พวกละมุดหันไปมองหน้าเธอและอึ้งนิดๆแล้วก็พากันลากตัวชะเอมออกไป เสาวรสไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรสายตามุ่งมั่นว่าตัวเองต้องทำได้ ระหว่างที่สาวๆกลับบ้านไป ดาวแอบฟังอยู่หลังบ้านด้วยสายตาที่เครียดและกังวล คิดว่าเธอคงได้ยินในสิ่งที่เสาวรสพูดกับพวกละมุดหมดแล้ว ตัดมาที่หน้าซอยทางเข้าบ้านดาว พวกละมุดเดินออกมาพร้อมกับดึงตัวชะเอมไว้
“แกจะออกมาทำไมวะ ทำไมไม่เคลียร์ให้รู้เรื่อง!” ชะเอมยังคงอารมณ์ข้างอยู่
“ออกมาล่ะดีแล้ว อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร แกก็แรง คุณน้าเขาก็ยืนกรานจะทำให้ได้” ละมุดอธิบายเหตุผล
“แล้วทีนี้เราจะทำยังไงต่อล่ะ?”แซลลี่เอ่ยถามน้ำเสียงดูกังวล
“ตอนนี้เราคงต้องกลับบ้านกันก่อน แล้วพรุ่งนี้มาเจอกันที่บ้านชั้น วางแผนกันว่าจะเอายังไง” ละมุดเตรียมการชะเอมยังทำหน้ามุ่ยอยู่ พวกสาวๆแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อไปสงบสติอารมณ์แล้วเจอกันที่บ้านละมุดอีกทีนึงในวันพรุ่งนี้

 
ตัดกลับมาที่บ้านดาว เธอเดินออกมาจากหลังบ้าน
“อ่าว พวกเพื่อนหนูล่ะคะ?” เธอถามเสาวรสที่นั่งอยู่บนโซฟาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ๋อ พวกเขาบอกมีธุระอ่ะจะ เลยขอตัวกลับก่อน” เสาวรสตีเนียน
“อ่าวเหรอคะ” ดาวรู้ว่าน้าของตนโกหก เธอไม่สบายใจ
“เดี๋ยวดาวมานะคะ ได้เวลาไปรับแอปเปิ้ลที่โรงเรียนพิเศษแล้ว” เธอหยิบกระเป๋าปริตัวออกมาและรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่น้าของตนทำ
“จ๊ะ” เสาวรสตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

 
ตัดมาตอนหัวค่ำ ละมุดมาถึงที่บ้านกำลังเดินกลับเข้าบ้านของเธอดันเจอเข้ากับวาโย
“อ่าว พี่ละมุดสวัสดีค่ะ” วาโยเดินออกมาทักทายละมุดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเหมือนเดิม เธอเดินออกมาจากบ้านของรุจใส่ชุดเสื้อยืดสีขาวคอกลม ใส่เสื้อคลุมลายชุดสีขาวพื้นสีชมพูทับอีกทีและใส่เลคกิ้งสีดำสนิท เนื่องจากทางเข้าบ้านละมุดต้องผ่านบ้านของรุจก่อน เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพบเจอกับคนที่ไม่อยากเจอไม่ได้
“สวัสดีจ่ะ” เธอหันมาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ไปไหนมานั่น?” วาโยถามขึ้น
“ไปทำธุระมาจ่ะ” ละมุดตอบให้มันผ่านๆไป วาโยยิ้ม
“พี่ละมุดเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่” วาโยถามด้วยความเป็นห่วงมือจับไปที่ต้นแขนของละมุด
“อ๋อ เปล่าจ่ะไม่มีอะไร” ละมุดปฏิเสธไป วาโยเอามือออก
“โดนคุณน้าของพี่ดาวตอกหน้ากลับมาเหรอค่ะ?” วาโย เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นจิกและพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นแล้วก็ยิ้ม
“เธอรู้ได้ไงอะ?!” ละมุดตกใจน้ำเสียงแข็งขึ้นเหมือนกัน
“วาโยเห็นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะค่ะ” วาโยพูดพร้อมทำสีหน้าเบือนๆ เธอมองเห็นว่าพวกละมุดจะถูกเสาวรสด่า
“เธอต้องการอะไร วาโย?” ละมุดเริ่มเสียงแข็ง
“เปล่าค่ะ วาโยก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าพวกพี่จะทะเลาะกัน” เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นเห็นใจทันทีพร้อมทำเสียงอ่อนลง
“งั้นเหรอ?” ละมุดชักสีหน้าและเดินสะบัดไป
“พี่ดาวเลิกคบกับพวกพี่แน่” วาโยไม่จบพูดตอกย้ำเข้าไปอีก ละมุดหันควับเดินกลับมา
“เธอจะเอายังไง วาโย?” ละมุดเริ่มโมโห ท้องฟ้าอากาศเริ่มแปรปรวนมีเมฆครึ้มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเต็มไปหมด
“ก็เปล่าค่ะ พี่ละมุดเลิกยุ่งกับพี่สิทธิ์ทำได้มั้ยล่ะ?” วาโยเผยไต๋
“ถ้าเธออยากได้สิทธิ์เธอก็เอาไปสิ ชั้นกับเขาก็ไม่ได้อะไรกันแล้ว เธอจะเอาอะไรอีก!” ละมุดยิ่งพูดยิ่งโมโหอากาศก็ปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ มีลมกระชากแรงตลอดเวลา
“นั้นไม่พอค่ะ พี่สิทธิ์ยังคุยกับพี่อยู่ ชั้นต้องการให้พี่เลิกคบ เลิกเจอกับพี่สิทธิ์” วาโยเสียงแข็งตาจ้องมองละมุดอย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้าเธอไม่มีปัญญาจะเอาสิทธิ์คืนก็อย่ามาพาลที่คนอื่น เรื่องนั้นชั้นคงทำให้ไม่ได้หรอก” ละมุดพูดไปยิ้มมุมปากลมยังคงกระชากอยู่จนของชิ้นเล็กชิ้นน้อยเริ่มปลิวและกระเด็น
“ชั้นทำได้แน่ค่ะ พี่สิทธิ์เขายังรู้สึกดีกับชั้นอยู่ แต่ถ้าพี่ยังคงคุยกับพี่สิทธิ์ ยังเจอหน้ากันอยู่ทุกวันแบบนี้ พี่สิทธิ์เขาก็คงไม่สนใจชั้น มัวแต่ไปสนใจพี่” วาโยเริ่มกระแทกเสียง
“คิดได้เนอะ คิดได้แค่นี้เองเหรอ? ไร้สาระ!” ละมุดจัดไป 1 ดอก
“งั้นเหรอคะ? รู้มั้ยที่ชั้นจำวันเกิดพี่เฟรมได้เพราะอะไร เพราะว่าชั้นเห็นตัวเองอยู่ในงานนั้นที่ ชั้นยังไม่กลับบ้านเพื่อที่จะได้เจอกับพี่สิทธิ์ ได้ดูแลพี่เขา เอาใจเขา พี่ว่ามันไร้สาระงั้นเหรอคะ!” วาโยจัดชุดยาว
“ใช่! มันไร้สาระมาก รู้ไว้ซะด้วย ทำตัวเป็นผู้หญิงที่ต้องการผู้ชาย” ละมุดยิงไปอีก 1ดอก
“เหรอคะ? แล้วพี่ละมุดไม่ต้องการผู้ชายเลยงั้นเหรอคะ? ผู้หญิงคนไหนมันก็ต้องการผู้ชายทั้งนั้น พี่ทำเป็นมาด่าคนอื่น ข่มคนอื่น ตัวเองก็เป็นเหมือนกับคนอื่น พี่มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นนักหรอกค่ะ” วาโยยิงดอกแรกถึงกับจุก
“เธออย่ายั่วโมโหชั้นนะ วาโย!!” ละมุดเริ่มโมโหจริงๆ เธอเดินเข้าไปใกล้วาโย ท้องฟ้าแปรปรวนขึ้นเรื่อยๆ ลมพัดแรงเป็นพายุ เกิดสายฟ้าขึ้นบนท้องฟ้าวิ่งผ่านกลุ่มเมฆที่มืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องฟ้าแล่บดังสนั่นไปทั่ว
“แล้วพี่จะทำไมคะ?” วาโยชูคอไม่เกรงกลัวละมุดเลยสักนิด
“ชั้นเตือนแล้วนะ” ละมุดเสียงเริ่มทุ้มขึ้น มีน้ำหนัก สายตาโกรธเกรี้ยว ฟ้าแล่บลมกระชากเกิดขึ้นไปทั่วจนเหมือนจะเป็นพายุ
“เอาเลยค่ะ จัดการชั้นเลย ทุกคนเขาจะได้เห็นว่าธาตุแท้ของพี่เป็นยังไง นางเอกเหรอคะ แม่พระเหรอคะ พี่อย่ามาทำดีหน่อยเลยค่ะ!” วาโยยั่วโมโหละมุดเข้าไปอีก เธอไม่กลัวเลยสักนิดส่วนละมุดกำมือแน่น เธอเดินเข้าไปหาวาโย กระแสลมแรงขึ้น เสียงฟ้าร้องดังสนั่นเกิดฟ้าผ่าไปทั่วบริเวณ วาโยเริ่มกลัว เธอเดินถอยหลังช้าๆแล้วละมุดก็.............
“หึ เข้าใจล่ะ เธอจะยั่วโมโหให้ชั้นโกรธจะได้เล่นงานเธอ พอคนอื่นมาเห็นเขาจะได้เข้าใจว่าชั้นทำร้ายเธอ ทุกคนมองชั้นไม่ดี เธอก็วิน ไม่สำเร็จหรอก” ละมุดพูด ระหว่างนั้นท้องฟ้าหมู่เมฆก็ค่อยๆคลายตัวลงกระแสลงกระชากก็เบาลงทันที มือที่กำแน่นของละมุดก็ค่อยๆคลายออกจนทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเดินออกมาจากตรงนั้นกลับบ้าน วาโยรู้สึกเสียหน้ามาก
“มันยังไม่จบแค่นี้แน่! อยากรู้มั้ยว่าพี่ตายยังไง?! ชั้นเห็นหมดทุกอย่าง!” เธอตระโกนด้วยเสียงที่โกรธ ระหว่างที่ละมุดรู้สึกสะใจแต่ก็ต้องฉุดคิดเรื่องที่วาโยเห็นเธอตาย เธอเดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจหล่อน

 
ถัดมาอีกวันนึง ที่เวกเทเบิ้ล กาเด้น บ้านของดาว วันนี้ก็มีแค่ดาวกับเสาวรสอยู่บ้านกัน 2 คน ดาวใส่เชิ้ตแขนสั้นพับแขนสีขาว กางเกงยีนส์ขาสั้น เธอไม่คุยกับเสาวรสอีกเลยตั้งแต่ไปรับแอปเปิ้ลกลับมาจากโรงเรียนพิเศษเมื่อวาน เสาวรสถามคำเธอตอบคำไม่มองหน้า พยายามหลบหน้าเธอ
“จะไปไหนล่ะดาว?” เสาวรสถามขึ้นพอเห็นดาวกำลังจะเดินขึ้นไปข้างบนบ้าน 
“ขึ้นไปนั่งเล่นคอมข้างบนค่ะ” เธอพูดโดยที่ไม่มองหน้าเสาวรสสักนิดและกำลังเดินขึ้นไป
“เอาล่ะ มานี่ ดาว ลงมาหาน้านี่” เสาวรสรู้แล้วว่าดาวไม่พอใจอะไรซักอย่างเลยเรียกมาคุยเธอนั่งอยู่ที่โซฟา
“เป็นอะไร ไหนเล่ามาซิ?” เสาวรสถามเข้าประเด็น
“แล้วคุณน้าเป็นอะไรอะคะ ทำไมถึงให้หนูกับเพื่อนหนูเลิกคบกัน พวกเขาทำอะไรผิดเหรอคะ? หนูอยากรู้” ดาวก็เข้าประเด็นเหมือนกัน
“มานั่งก่อนสิ” เสาวรสถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆให้ดาวมานั่งใกล้ๆเธอ
“น้าไม่อยากให้หนูกลับไปคบกับเพื่อนพวกนั้นอีก พวกเขาไม่ใช่คนดีอย่างที่หนูคิดหรอก เชื่อน้าสิ” เธอเริ่มยุงยงให้ดาวเชื่อ
“คุณน้าไม่มีเหตุผลไม่ค่ะ หนูไม่เลิกคบกับพวกเขาเด็ดขาด” ดาวตอบเสียงแข็ง
“อยากได้เหตุผลงั้นเหรอดาว งั้นเดี๋ยวน้าจะเล่าให้ฟัง เมื่อสมัยยุคกลาง เป็นยุคที่การล่าแม่มดเริ่มต้นขึ้น แม่มดพ่อมดมากมายถูกฆ่าและถูกเผา พวกเราเหล่าแม่มดขาวมีกฎห้ามใช้เวทมนตร์กับมนุษย์ เราถือศีลและไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนต์ดำพวกเรานิ่งเฉยกับการล่าแม่มด เพราะเรารู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อพวกพ่อมดแม่มดต้องการเอาตัวรอด พวกเขาให้การใส่ร้ายว่าเราคือแม่มด พวกเราเป็นคนทำ เหล่าแม่มดขาวมากมายถูกเข้าใจผิด แต่เราทำอะไรคนธรรมดาไม่ได้มันเป็นกฎ พวกเธอทั้งหลาย จึงถูกสังเวยให้กับกองไฟและความโง่เขลาของพวกมนุษย์ มีแม่มดขาวมากกว่า 300 คนถูกสังเวยชีวิตไป ส่วนพ่อมดแม่มดตัวจริงก็หนีเอาตัวรอดไป พวกเราแม่มดขาวจึงหลบเข้าไปอยู่ในป่า ห่างไกลจากความเจริญและผู้คนมากมาย ไม่คบค้าสมาคมกับพวกมนุษย์หรือพ่อมดแม่มดถ้าไม่จำเป็น เราจำอดีตได้ฝังใจสิ่งที่พวกเขาทำกับเรา” เสาวรสเล่าถึงจุดเริ่มต้นทุกอย่าง
“แต่นั้นมันไม่ใช่เหตุผลที่จะมาให้หนูเลิกคบกับเพื่อนนะคะ” ดาวก็ยังไม่ยอม
“ทำไมจะไม่ใช่ พวกนั้นเป็นเชื้อสายของพ่อมดแม่มดที่โป้ปลดและหลอกลวง เห็นแก่ตัว” เสาวรสเริ่มขึ้นเสียง
“คุณแม่ต้องไม่ด้วยกับเรื่องนี้แน่” ดาวยืนขึ้น เธอโกรธ
“แม่ของเธอเป็นแม่มดที่ยิ่งใหญ่ เธอเสียสละเพื่อหลาน เพื่อเราทุกคน” เสาวรสเอ่ยเชิดชูแม่ของดาว
“คุณแม่เป็นมนุษย์ไม่ใช่แม่มด พ่อแม่หนูเป็นมนุษย์ คุณน้าไปเอามาจากไหน” ดาวงง เธอรู้ว่านรินทราเป็นมนุษย์ เธอกับน้าเป็นแค่แม่มด 2 คนในครอบครัว
“ไม่ใช่ ไม่ใช่นรินทรา น้าหมายถึงแม่ที่แท้จริงของหนู”
“แม่ที่แท้จริงงั้นเหรอค่ะ?” ดาวยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ในใจเธอตอนนี้รู้สึกสับสนมากจับต้นชนปลายไม่ถูก
“หลานคิดจริงๆเหรอว่าหลานเป็นแม่มดที่เกิดจากมนุษย์ ไม่มีแม่มดคนไหนที่เกิดจากมนุษย์ได้ ไม่ใช่ในหนังแฮรี่พอตเตอร์ หลานรักของน้า” เสาวรสเริ่มค่อยๆคลายความลับออกมา
“หนูต้องการรู้ความจริงค่ะ”ดาวชักอยากรู้ความจริงทั้งหมด
          “ได้ น้าจะเล่าให้ฟัง แม่ของหนู เธอเป็นแม่มดที่สง่า เก่งกาจและเป็นผู้นำของทุกคน น้าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอชื่อว่าไวอาร์ ไวอาร์ เธอถูกชะตากับพ่อมดคนนึงเข้า ทั้งสองคนมีสัมพันธ์ต่อกัน จนเธอพลาดพลั้ง ผู้ชานคนนั้นหายตัวไปส่วนไวอาร์ก็เริ่มตั้งท้อง จนกระทั่งเธอคลอดหลานออกมา ระหว่างนั้นเองกลุ่มเรากำลังถูกพวกนักล่าตามล่า แม่หลานจึงต้องเสียสละ เพื่อให้หลานปลอดภัยเธอยื่นหลานให้กับน้า ให้น้าหนีไปให้ไกลสุดขอบโลก น้าพาหลานมาถึงที่นี่ที่เมทาโพลิส เราเดินทางมาถึงที่เมืองชาน มาที่หมู่บ้านแห่งนี้น้าเดินมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งมาเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอนั่งร้องไห้อยู่ข้างบ้านของเธอ เธอคือนรินทรา น้าถามรินว่า เป็นอะไรร้องไห้ทำไมรินตอบกับน้าว่า เธอแท้ง เธอเสียลูกคนที่สองไป อีก 3 เดือนเขาก็จะคลอดแล้วเธอเสียเขาไป เธอร้องไห้และเศร้าโศกมาก น้าสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความเศร้าและสัญชาตญาณความเป็นแม่จากนรินทรา น้าเห็นใจเธอ น้าบอกจะมอบเด็กคนนี้ให้กับเธอเป็นลูกของเธอ"
          "เธอตกใจ เธอคิดว่าน้าพูดเล่น แต่น้าพูดจริง จะเป็นการดีกว่าถ้าหลานได้อยู่กับเธอ ดีกว่าเร่ร่อนไปกับน้า น้าจะได้กลับไปช่วยแม่ของหลานส่วนหลานก็จะปลอดภัย มีที่อาศัย มีครอบครัวที่อบอุ่นเพราะการที่น้าซ่อนหลานไว้ให้ปะปนกับผู้คนและอยู่ในครอบครัวที่เป็นคนธรรมดาจะทำให้หลานไม่ถูกสังเกตและไม่ถูกหมายหัวน้าสัญญากับรินว่าจะมอบสิทธิ์ความเป็นแม่ทุกอย่างให้กับเธอ แลกกับที่เธอต้องดูแลหลานให้ดีที่สุดรักเหมือนลูกสาวคนนึงของเธอและให้น้ามีสิทธิ์ที่จะมาเยี่ยมหลานทุกครั้ง เรา 2คนให้คำสัตย์ต่อกัน เราจะไม่พูดเรื่องนี้จนกว่าหลานจะพร้อมและโตพอที่จะรับรู้มัน” เสาวรสเล่าทุกอย่างจนหมดสิน ในขณะที่เล่าเธอลุกขึ้นเดินไปรอบๆบ้านดาวยื่นอึ้งไม่พูดอะไร
“หนูเป็นลูกที่ถูกทิ้งงั้นใช่มั้ยคะ? หนูเป็นเด็กกำพร้า ลูกบุญธรรมที่เขาเอามาเลี้ยงอย่างนั้นใช่มั้ยล่ะคะ?” ดาวพูดในขณะที่น้ำตาคลอ เธอรู้สึกสะเทือนใจ
“อย่าคิดอย่างนั้นสิหลาน พวกเราทุดคน ทั้งไวอาร์ ทั้งรินและน้า ทุกคนต่างรักหลานทั้งนั้น หลานอย่าคิดแบบนั้น” เสาวรสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เดี๋ยวหนูขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ หนูต้องการอยู่คนเดียว” ดาวอึ้งพูดจบแล้วเดินขึ้นไปข้างบนทันทีเสาวรสนั่งลงที่โซฟา เธอกลุ้มใจเอามือแตะหน้าผาก

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝัก บ้านของละมุด หญิงสาวทั้ง 3 คน รวมตัวกันที่บ้านของละมุดพวกเธอนั่งกลุ้มใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แซลลี่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีลายทางม้าลายพับแขนขึ้นมีดอกไม้สีขาวติดอยู่ตามเสื้อกางเกงขายีนส์ขาสั้น ส่วนชะเอมอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีดำลายการ์ตูนแขนกุด เอวลอย กางเกงยีนส์เอวสูงขายาว  และละมุดเธออยู่ในชุด เสื้อยืดแขนยาวสีขาวเอวลอยตัวเดิม กางเกงยีนส์เองสูงขายาวเช่นกัน
“ชั้นว่าเราบุกไปอีกรอบเหอะ ไปคุยให้รู้เรื่อง!” ชะเอมพูดขึ้นด้วยเสียงที่ร้อนรน
“ใจเย็นดิก็สัญญาไว้ว่า 2 วันไม่ใช่เหรอ ชั้นเชื่อว่าไอดาวไม่ทิ้งเราหรอก” แซลลี่พูดขึ้น
“แล้วเราจะนั่งเฉยกันอยู่แบบนี้อะเหรอ? มันเป็นเพื่อนเรานะเว้ย ไม่ว่าใครก็มาแยกเรา 4 คนออกจากกันไม่ได้ 
 แกมีสายฟ้า ชั้นมีไฟ แล้วแกก็มีพิษ เราจะกลัวอะไรกันล่ะกับอิแค่แม่มดขาวใจแคบคนนึง” ชะเอมเริ่มปลุกระดม 
“แต่ถ้าเราบุกไปตอนนี้ คุณน้าเธออาจโมโหจนพายัยดาวหนีไปเลยก็ได้นะ เอม” แซลลี่แย้ง
“หนีก็ตามสิ เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ไอหมุดมันควบคุมธาตุได้ มันไม่ยอมอยู่เฉยหรอก ถ้าเราไม่ทำอะไรตอนนี้ เราอาจไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้นะ” ชะเอมพูดจี๊ดใจ
“โอเคงั้น เราบุกไปบ้านไอดาวกัน ลองกันสักตั้ง เป็นไงเป็นกัน!” ละมุดเอาด้วย
“โอเค งั้นไปเลย” แซลลี่พูดจบก็หยิบกระเป๋า ใส่รองเท้า ทุกคนทำเหมือนกันรีบออกจากบ้าน ด้วยความร้อนใจ
“ซี กลมทรุม เซร่า” ด้วยความรีบหลังจากทุกคนออกจากบ้านหมดแล้วละมุดร่ายคาถาล็อคกุญแจบ้านทันที พอเธอหันไปก็เจอเข้ากับหญิงสาวคนนึงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอสวย ผิวขาวผุดผ่องเป็นยองใย ผมดำ เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพับแขนกับกางเกงเอวสูงสีครีมทรงวินเทจและรองเท้าส้นสูงสีครีมยืนประจันหน้าพวกเธอทั้ง 3 คน
“คุณละมุดใช่มั้ยคะ?” หญิงสาวคนนั้นถามละมุด
“ใช่ คุณเป็นใครคะ?” ละมุดตอบไป ทำหน้างง ระหว่างนั้นทั้งแซลลี่และชะเอมรีบมาก
“ชั้นชื่อว่า โมรี ค่ะ เป็นคนที่เดินชนกับคุณเมื่อ 2 วันก่อน ที่เดอะมอลล์จำได้มั้ยคะ?” หญิงสาวคนนี้ก็คือคนที่เดินชนกับละมุด เธอชื่อว่าโมรี
“แล้วคุณโมรี มีอะไรรึเปล่าคะ?” ละมุดถาม
“คือชั้นมีเรื่องให้คุณช่วยอะค่ะ คือชั้น.......” เธอมีจุดประสงค์ที่อยากจะให้ละมุดช่วยเหลือ
“ไอหมุดเร็ว จะไปมั้ยเนี้ย~!!” ชะเอมตระโกนมา เร่งละมุด
“เอ่อ....เอ่อ.....ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ ตอนนี้เรารีบมากเลย” ละมุดปฏิเสธโมรีไปเธอรีบจะไปช่วยเพื่อนคนสำคัญของเธอ
“ดะ...ดะ...ดะเดี๋ยวก่อนสิ โถ่~” เธอรั้งตัวละมุดไว้ไม่ทัน พวกสาวๆจ้ำมาถึงแยกซอยตรงระหว่างบ้านของรุจและทอร์ช ขณะนั้นเอง โจก็เดินสวนมาพอดี
“อ่าวเจ๊จะรีบไปไหนกันอะ เอ้า.......เออ ไม่ฟังกันเลยเว้ย” โจทักแต่พวกละมุดไม่สนใจเดินผ่านไปอย่างเร็ว วันนี้เขาใส่เชิ้ตสีขาว กางเกงยีนของ CPS Chaps สีดำ มีสายเอี้ยมสีดำตัดคาดกับเชิ้ตสีขาว รองเท้าหนังสีดำปลายแหลมระหว่างนั้นเอง โจหันไปเห็นโมรีที่ยืนอยู่หน้าบ้านของละมุดเขารู้สึกต้องชะตากับผู้หญิงคนนี้ โมรีรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมา เธอจึงหันไป โจเห็นว่าโมรีหันมา เขารู้สึกเขินอายไม่กล้าที่จะมองหน้าผู้หญิงคนนี้ตรงๆจึงหลบสายตาแต่พอหันกลับไปโฟกัสอีกที เธอก็หายไปแล้ว โจพยายามมองจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

 
ตัดกลับมาที่บ้านของดาวนรินทราเธอกลับมาที่บ้าน พร้อมกับผลไม้อาหารสดมากมาย เตรียมตัวที่จะทำกับข้าว
“อ่าว แล้วแอปเปิ้ลล่ะ?” เสาวรสเห็นว่านรินทรากลับมาคนเดียวเธอไม่เห็นลูกสาวตัวน้อยกลับมาด้วยกัน
“ให้ไอเด็บท์ไปรับอะ” นรินทราพูดขึ้น เธอให้ลูกชายของเธอไปรับน้องสาวที่โรงเรียนพิเศษ
“เออ ริน ชั้นว่าเรามีปัญหาแล้วล่ะ” เสาวรสพูดขึ้น นรินทราทำหน้างงเธอจึงเล่าทุกอย่างให้นรินทราฟังจนหมด
“ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ ไหนเราสัญญาไว้ว่าจะไม่บอกจนกว่าเธอจะพร้อมไง” นรินทราหงุดหงิดกับเรื่องที่เสาวรสทำเธอเดินไปเดินมาด้วยความกลุ่มใจ
“ชั้นก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้ ชั้นคิดว่าเธอพร้อมแล้ว เธอคะยั้นคะยอให้ชั้นเล่าความจริง ชั้นเลยเล่าไป เธอจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ” เสาวรสเธอรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไง
“แล้วที่นี้เป็นไง ดาวอยู่ไหนเสาวรส?” นรินทรานึกถึงดาว
“อยู่บนห้องเธอ เธอบอกอยากอยู่คนเดียว” เสาวรสนั่งลงกับโซฟาเธอกลุ่มใจจะแย่อยู่แล้ว
“ชั้นจะไปคุยกับเธอ!” นรินทราไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน เธอวิ่งขึ้นไปบนบ้านเคาะประตูห้องของดาว
“ดาวลูก ดาว นี่แม่เองนะลูก แม่ขอเข้าไปได้มั้ยจ๊ะลูก” นรินทราตระโกนเรียกดาว
“ไม่ได้ล็อคค่ะ” เสียงดาวตระโกนออกมาจากในห้อง นรินทราจึงเปิดประตูเข้าไปเธอพบว่าลูกสาวของเธอนั่งกอดเข่าร้องไห้ไม่หยุด อยู่บนหัวเตียงเธอเห็นลูกเป็นแบบนี้ใจของเธอแทบสลาย
“หนูมันไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ หนูมันลูกกำพร้า หนูมันก็แค่คนที่แม่กับพ่อเก็บมาเลี้ยง” ดาวคร่ำครวญ เธอเสียใจหนักมาก
“แล้วใครกันที่ค่อยเลี้ยงดูหนูมาตั้งแต่เกิด ใครกันที่ส่งหนูเรียนหนังสือใครกันที่รับมือกับเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆในตัวของหนูเองโดยที่ไม่เคยบ่นสักครั้ง ใครกันที่เวลาหนูเจ็บ หนูเสียใจ ก็มานั่งเป็นที่ระบาย ปลอบใจหนู ใครกันที่เวลาหนูหกล้มแล้วมานั่งทำแผลให้ ใครกันที่เวลาหนูอ่อนแอยืนไม่ไหวก็เอื้อมมือมาจับตัวหนูพยุงหนูขึ้นเพื่อให้หนูลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ใครกันล่ะที่ไม่ว่าหนูจะทำผิดอีกซักกี่เรื่องก็พร้อมที่จะให้อภัยหนูได้เสมอมา” นรินทราพูดในขณะที่เธอเดินไปนั่งข้างๆดาว เธอน้ำตาคลอ
“คุณแม่~” ดาวหันมาหานรินทรา โผเข้ากอด ร้องไห้ใหญ่
“ถึงแม้แม่จะไม่ได้เป็นแม่แท้ๆของดาว ไม่ได้ให้กำเนิดดาวมาแต่แม่ก็รักดาวเหมือนกับลูกคนนึง ทุกคนในบ้านก็คิดเหมือนกันกับแม่พวกเรายอมในตัวของดาว แม่รักดาวเท่าที่แม่คนนึงจะรักลูกของตัวเองได้เข้าใจมั้ยลูก?” นรินทราพูดด้วยความรักที่มีต่อลูกสาวของตนแม้จะไม่ใช่ลูกสาวแท้ของเธอ แต่เธอก็รักเหมือนลูกสาวจริงน้ำตาของคนเป็นแม่ไหลรินด้วยความรักที่มีต่อลูกสาว
“หนูก็รักแม่เหมือนกันค่ะ” ดาวบอกกับนรินทราในขณะที่ เธอกอดแม่ของเธอไว้แนบแน่น ระหว่างที่ 2แม่ลูก หลั่งรินน้ำตาอยู่นั้นก็มีเสียงตึงตังบางอย่างเกิดมาจากขึ้นข้างล่างดาวกับนรินทราสะดุ้ง
“เสียงอะไรอะคะ? คุณแม่” ดาวถามแม่ของตนในขณะที่ทั้ง 2 มองไปที่บันไดบ้าน
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” นรินทราก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
 
ตัดย้อนกลับมาตอนที่นรินทรารู้ว่าเสาวรสเล่าความจริงให้ดาวฟัง เธอจึงวิ่งขึ้นไปดูดาวเพราะว่าเป็นห่วงลูกส่วนเสาวรสก็นั่งกลุ้มใจอยู่ที่โซฟาข้างล่างทันใดนั้นพวกละมุดก็มาถึงบ้านของดาวพอดี พวกเธอเดินมาที่หน้าบ้าน เสาวรสเห็นจึงเดินไปที่หน้าบ้าน
“พูดไม่ฟังหรือยังไง ไหนสัญญาแล้วไงว่าอีก 2 วันจะมา พวกเธอมันก็เป็นซะแบบนี้ ไม่เคยทำตามที่สัญญา” เสาวรสตวาดลั่น
“หนูขอโทษค่ะที่พวกเราทำตามสัญญาไม่ได้ แต่เราเป็นห่วงดาว” ละมุดพูดขึ้น
“เป็นห่วงเหรอ เป็นเพราะพวกเธอทำให้ครอบครัวของเราต้องมาเป็นแบบนี้ ถ้าพวกเธอไม่ได้คบกับดาวเรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น!” เสาวรสโกรธจัดไม่สนใจโยนความผิดไปให้กับพวกละมุด
“พวกเราไปทำอะไรเหรอคะ? แล้วดาวเป็นอะไร?” แซลลี่และทุกคนต่างก็งงในสิ่งที่เสาวรสพูด
“พูดจาไม่รู้เรื่องละ บุกเข้าไปเลย” ด้วยความใจร้อนของชะเอม จึงชวนสาวๆบุกเข้าไปเลยพวกเธอเดินหน้าบุกเข้าไปในบ้านแต่ถูกเสาวรสขวางไว้ เธอกั้น 3 สาวไม่ยอมให้ผ่านสาวๆก็ไม่ยอมพยายามจะผลักเสาวรสออกจนเสาวรสทนไม่ไหว ใช้พลังผลัก ทั้ง 3 สาวกระเด็นลอยออกไปกลางถนนหน้าบ้าน
“อย่าให้ชั้นต้องลงมือนะ เด็กๆ” เสาวรสขู่พวกสาวๆ
“จะเอาอย่างงี้ใช่มั้ย ได้!!!” ชะเอมลุกขึ้นเธอไม่ยอม จึงใช้ความสามารถพิเศษของเธอชะเอมเรียกเปลวไฟออกมาจากแขนทั้งสองข้าง เธอปล่อยมันพุ่งเข้าไปหาเสาวรส เปลวไฟพุ่งทะยานสาดเข้าหาเสาวรสอย่างรวดเร็ว เธอสร้างโล่สนามพลังสีฟ้าน้ำทะเลขึ้นมาป้องกันเปลวไฟของชะเอม
“มนต์ดำ!!” เธออุทานขึ้นในขณะที่ต้านทานเปลวไฟอันร้องแรงของชะเอมอยู่เหมือนรู้ว่าเธอมีพลังพิเศษอะไร ชะเอมมีความสามารถในการใช้เพลิงโลกันต์ เป็นเปลวไฟที่เกิดจากนรกไม่สามารถดับได้ถ้าผู้ใช้ไม่สั่งให้ดับ มีพลังในการทำลายล้างสูง ส่งผลเป็นวงกว้าง เสาวรสรุกกลับบ้างเธอเปลี่ยนสนามพลังของตนมาเป็นเกาะหุ้มตัวเธอไว้แล้วเธอก็กลายร่างเป็นภูตสมิงเป็นเสือที่มีลักษณะเหมือนพลังงานในรูปของเสือเคลื่อนที่ได้ โปร่งแสงแล้วเธอในร่างภูติสมิงสีฟ้าน้ำทะเลก็พุ่งตัวเข้าใส่ชะเอม ตะปบจนชะเอมล้มลงกับพื้นแล้วกลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิม
“พวกมนต์ดำ ของต่ำ!” เธอด่าชะเอมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พื้น ขณะนั้นเองแซลลี่ที่อยู่ข้างหลังเธอก็ลุกขึ้น สายตาของเธอแข็งกร้าว
“แอ็คโกวิน คลาวิน ซิทตินิมิซิส” เธอยืนมือออกไป กำมือพร้อมร่ายคาถาพันธนาการทำให้ตัวเสาวรสแข็งทื่อ ขยับไม่ได้ เสาวรสแทนที่จะตกใจ เธอกลับยิ้มที่มุมปาก
“โซเลาอาตูรี่” เสาวรสร่ายคาถาคลายมนต์ของแซลลี่ออกแล้วหันไปหาเธอ จากนั้นเธอก็สะบัดแขนเหมือนตบหลังมือ แซลลี่รู้สึกเหมือนถูกตบจริงๆ เธอกระเด็นออกไปอีกฝั่งหนึ่ง ขณะนั้นเองละมุดก็ลอยอยู่กลางอากาศแผ่มือทั้ง 2 ข้าง ท้องฟ้ามืดครึ้มมีสายฟ้ามากมายแทรกอยู่ในหมู่เมฆทมิฬและลมกระชากกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากธรรมชาติผ่าลงมาบริเวณรอบพื้นที่
“ย่า~~~” ละมุดสะบัดแขนทั้ง 2 ไปข้างหน้า กระแสไฟฟ้ามากมาย วิ่งผ่าลงมาจากบนฟ้าพุ่งทะยานโจมตีใส่เสาวรสสายฟ้าพุ่งผ่าไปที่เธอช็อตจนตัวเสาวรสกระเด็นไปติดกับบ้านหลังอื่นแต่เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เสาวรสพยายามลุกขึ้นยืน ละมุดไม่รอช้าเข้าลุยต่อเธอทำท่าคัดฉากแล้วหมุนตัวเป็นพายุ พุ่งเข้าหาเสาวรสทันทีแต่เสาวรสก็ไม่ยื่นเป็นเป้านิ่งเหมือนกัน เธอพุ่งตัวไปบนฟ้าผ่าเข้าไปในใจกลางพายุซึ่งมีศูนย์กลางก็คือละมุด เธอเอามือไปจับที่หัวของละมุดสนามพลังสีฟ้าน้ำทะเลของเสาวรสก็ครอบหัวละมุดไว้ เธอกดละมุดลงไปกับพื้นพายุสลายตัวไป แล้วเสาวรสก็เตะฟาดขาไปที่ใบหน้าของละมุด 1ที ท้องฟ้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ขณะเดียวกันดาวและนรินทราได้วิ่งลงมาดูเห็นเพื่อนของตน นอนเจ็บอยู่ที่พื้น
“คุณน้า ไม่นะ อย่าทะเลาะกัน” เธอพยายามที่จะเข้าไปห้าม
“ดาวอย่าออกไปลูกมันอันตราย” นรินทรารั้งตัวดาวไว้ไม่ให้ออก เพราะกลัวดาวบาดเจ็บชะเอมลุกขึ้นคราวนี้แววตาของเธอเป็นประกายไฟสีแดงฉาด เนื้อตัวสั่นไปทั้งตัว จากนั้นเปลวไฟอันร้อนแรงก็ลุกไหม้ไปทั่วตัวของชะเอมแต่มันไม่ได้เผาเธอหรือเสื้อผ้าเธอ มันเหมือนเป็นเกาะคุ้มกัน ชะเอมสาดเปลวไฟมหาศาลพุ่งทะยานไปที่เสาวรส เธอกางสนามพลังเหมือนเดิมแต่คราวนี้เปลวไฟมันแรงและมีอนุภาพมากกว่าเดิม เธอจึงรับแรงกดมหาศาลจนถึงกับเข่าทรุด ในขณะที่ชะเอมปล่อยเปลวไฟมหาศาลแผดเผาไปที่เสาวรส เธอก็เดินเข้าไปหาเสาวรสใกล้เข้าไปเรื่อยๆเมื่อจะกดให้เสาวรสล้มลงไปนอน
“พวกแกหยุดด้วยนี้นะ!” ดาวตระโกน เธอพยายามห้ามเพื่อนของตนแต่มันไม่ได้ผลชะเอมเดินเข้าไปใกล้จนติดกับตัวเสาวรส พอได้โอกาสเสาวรสก็เปลี่ยนโล่สนามพลังเปลี่ยนเหมือนถุงมือบีบไปที่คอของชะเอมทำให้เธอหายใจไม่ออก เปลวไฟมหาศาลก็หายไปภายในพริบตาเสาวรสขยายสนามพลังของตนห่อหุ้มไปทั่วร่างกายแนบกับเนื้อหนังจนกลายเป็นเกาะหุ้มเหมือนกับชะเอมมือที่บีบคอชะเอมอยู่ เธอผลักชะเอมกระเด็นออกไปแล้วเสาวรสก็เดินเข้าไปเตะที่ท้องของชะเอมกระเด็นไปอีก ละมุดลุกขึ้นทั้งๆที่เลือดยังกบปาก เธอกระทืบเท้าไปที่พื้น จากนั้นเกล็ดน้ำแข็งมากมายก็กระจายออกมาจากเท้าของละมุดพุ่งเข้าหาเสาวรส แช่แข็งเธอ นั้นคือความสามารถอีกอย่างนึงของละมุดที่นอกจากจะควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้แล้ว เธอยังสามารถใช้ธาตุสาขาได้ด้วย สาวๆคิดว่าเรื่องทั้งหมดจบแล้วแต่ไม่ เสาวรสผลักสนามพลังของตนทำลายคุกน้ำแข็งออกมาได้ เธอยืนมือไปที่ละมุดทำมือเหมือนบีบคอคน จากนั้นละมุดก็รู้สึกเหมือนโดนบีบคอจริงๆ เสาวรสดึงตัวละมุดลอยขึ้นกลางอากาศเคลื่อนมาหาที่มือของเธอ คอของละมุดพุ่งเข้าไปประกบที่มือของเสาวรสพอดีๆ เธอบีบคอละมุดอยู่ ละมุดรวบสมาธิจ้องไปที่มืออีกข้างก็เธอจนไฟลุกเผาไหม้มือของเสาวรส เธอร้องกรี๊ดลั่นผลักละมุดกระเด็นออก ไฟก็ดับลง เธอหันมองด้วยสายตาโกรธแค้นละมุดมากกำลังเดินเข้าไปหาเธอ ดาวเห็นท่าจะไม่ดีเลยต้องทำอะไรซักอย่าง
“ขอโทษนะค่ะ คุณน้า” เธอกล่าวขอโทษเสาวรส แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นดาวหางสีขาวอมฟ้าพุ่งสุดตัวกระแทกชนไปที่เสาวรสลากตัวเธออกมาไปติดกับบ้านอีกหลังนึง ดาวคืนร่างกลับมา เสาวรสก็ยังลุกไหวอยู่ เธอลุกขึ้น จังหวะนั้นเองแซลลี่ได้โอกาสเป่าผงชูเมลเพาเฟอร์ใส่เต็มหน้าของเสาวรสซึ่งเจ้าผงตัวนี้มีฤทธิ์เป็นยาสลบ ทำให้หลับ ซึ่งก็ได้ผล เสาวรสสลบลงไปกับพื้นการต่อสู้จึงยุติลง

 
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝักหลังจากที่โจหาโมรีไม่เจอ เขาก็เดินต่อจะไปที่บ้านของเวหาเพราะทุกคนอยู่ที่นั้น ระหว่างนั้นเองก็เดินสวนกับแอนดี้พอดีเขาใส่เสื้อคอปกสีเขียว กางเกงสีขาวคลุมเข่า รองเท้าแตะ
“พี่ดี้ สวัสดีครับ” โจหันไปทักทายแอนดี้ตามปกติแต่เขากลับไม่สนใจเดินเมินผ่านโจไปทำเหมือนโจเป็นอากาศ โจเลยไม่ใส่ใจหันหลังแล้วเดินต่อ
“เฮ้ย เดี๋ยว!” แอนดี้ทักขึ้น โจหันกลับไปมอง
“มึงฝากไปบอกไอขาวด้วยนะ ว่าเรื่องมันยังไม่จบ” แอนดี้ยังไม่หายโกรธขาว
“เอ้า พี่ทะเลากันพี่ก็ไปบอกเองดิ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับผมอะ” โจปฏิเสธไป
“ก็กูฝากมึงไปบอกไง!”
“ไม่อะพี่ ไปบอกเองเหอะ” โจไม่สนใจ หันหลังเดินต่อ แอนดี้เหมือนเสียหน้าที่โจไม่ยอมทำตามจึงพุ่งเข้าไปหาโจ ดึงตัวเขาให้หันกลับมา
“หรือมึงอยากจะลองดีกับกู?!” แอนดี้ขู่
“พี่อย่ามาพาลได้ป่ะ พวกพี่ทะเลาะกันทำบ้านคนอื่นเขาพังหมด แล้วไอสาเหตุที่ทะเลาะกันพี่ก็น่าจะรู้นะว่าใครเริ่ม!” โจขึ้น
“แล้วมึงจะทำไมกู!!” แอนดี้กระชากคอเสื้อของโจดึงเข้ามาหาตน โจเริ่มโมโห เขากางนิ้วในมือทั้ง2 ข้างออก จากนั้นน้ำมากมายจากท้อน้ำก็ผุดขึ้นมาเป็นสายน้ำลอยกลางอากาศโจพลิกฝ่ามือไปทางแอนดี้ มวลน้ำมากมายรวมตัวกันพุ่งซัดเข้าใส่แอนดี้จนกระเด็น เขาเปียกไปทั้งตัวและดูเหมือนว่าจะไม่ยอม
“หรือว่าพี่อยากจะดำน้ำเล่น!” โจขู่แอนดี้เพื่อให้เขาหยุด เขาแอนดี้ชะงักแล้วเลิกคิดที่จะขยับเพราะถ้าขยับเขารู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร จากนั่นโจก็หันหลังกลับเดินต่อไป

 
ตัดกลับมาที่บ้านของดาว เสาวรสถูกผงชูเมลเพาเฟอร์เลยทำให้หลับไปพักใหญ่ๆ พอเธอฟื้นขึ้นมาก็ยังมีอาการข้างอยู่บ้างแต่พวกละมุดและนรินทราก็รั้งเอาไว้
“คุณน้าใจเย็นๆก่อนนะค่ะ” ดาวพูดปรามเสาวรสไว้ ให้ใจเย็นลง
“พวกแกชนะชั้นแล้วนิ่ จะเอาอะไรอีก” เสาวรสพูดด้วยความเจ็บใจ
“คุณน้าคะ ฟังพวกหนูนะคะ การที่เราทะเลาะกันใช้ความรุนแรงกันเมื่อกี้มีแต่เสียกับเสีย พวกเราต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ มันคุ้มกันเหรอคะ? จริงอยู่พวกหนูก็ผิดที่ใจร้อนมากเกินไป จนทำเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ พวกหนูขอโทษค่ะ” ละมุดพูดอธิบายให้เสาวรสฟัง พร้อมกับเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอจึงขอโทษเสาวรสไป
“ขอโทษค่ะ” ทั้งชะเอมและแซลลี่ ต่างก็เสียใจ
“หนูขอโทษนะคะ คุณน้าที่หนูทำร้ายคุณน้า หนูขอโทษค่ะ” ดาวเองก็รู้สึกผิดที่ทำร้ายน้าของเธอแต่เหตุการณ์มันบังคับให้เธอต้องทำ
“คุณน้าอย่ากีดกันพวกเราอีกเลยนะคะ ต่อให้ใช้เวลานานแค่ไหนพวกเราก็จะพิสูจน์ให้คุณน้าเห็นว่าพวกเราไม่มีทางที่จะทรยศกันเด็ดขาดค่ะ” ละมุดขอร้องเสาวรสพร้อมยื่นคำสัตย์
 “นะคะ นะคะ คุณน้า นะคะ” เสียงของสาวๆต่างขอร้องเสาวรส
“ไม่!!!” เสาวรสยื่นคำขาดเสียแข็งไม่ยอม พวกละมุดหน้าจ๋อยกันเป็นแถว
“ต่อไปนี้ชั้นจะไม่ขัดขวางชีวิตของพวกเธออีก อยากทำอะไรกันก็เชิญ” เสาวรสสุดท้ายก็ใจอ่อนแต่ทำเป็นฟอร์มพวกละมุดดีใจใหญ่ ร้องเย้ เฮฮา ลั่นห้อง จนนรินทราต้องห้ามไว้
“ละมุด เธอเป็นเหมือนผู้นำของเพื่อนๆ เธอต้องดูแลซึ่งกันและกัน อย่าพากันไปทำไม่ได้ดีเด็ดขาด แม่มดเก่งๆแบบเธอสมัยนี้มันเหลือน้อยลงทุกที เธอต้องตั้งสติ อย่าวู้วาม เข้าใจมั้ย?” เสาวรสหันไปพูดกับละมุด
“ค่ะ”  ละมุดขานรับ
“แซลลี่ พิษสงร้ายจริงๆ ดูแลกันให้ดีๆ” เสาวรสพูดกับแซลลี่ไม่รู้จะเรียกว่าด่าหรือชมดีแซลลี่ก็ยิ้ม
“ชะเอม เธอมีพลังอำนาจมหาศาลอยู่ในตัว แต่อย่าลืมว่าต้องควบคุมมัน รู้จักที่จะใช้มันอย่าให้กิเลสต่างๆมันครอบงำเธอ เข้าใจมั้ย?” แล้วเสาวรสก็หันไปสั่งกับชะเอม
“ค่ะ” ชะเอมตอบเสียงอ่อยๆ
“ดาว น้ารักหลานเสมอต่อให้หลานจะเป็นยังไง น้าก็ยังรักหลานไม่เปลี่ยนแปลง” เสาวรสหันไปพูดกับหลานสาวอันเป็นที่รักของเธอ
“หนูก็รักคุณน้าเช่นกันค่ะ”
“เอาล่ะออกไปกันได้ล่ะชั้นอยากพักผ่อน” เสาวรสแก้เขินด้วยการไล่เด็กให้ออกไปจากห้องให้หมด
“งั้นชั้นอยู่เฝ้านะ”นรินทราพูดกับเสาวรส แต่เธอก็แค่พลิกตัวนอนตะแคงไปทางกำแพงนรินทราก็ยิ้ม เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนฟอร์มจัด
หมายเหตุ:
               -เสาวรส คือแม่มดขาว เพื่อนสนิทกับแม่ที่แท้จริงของดาว เธอได้รับมอบหมายจากแม่ของดาวให้พาดาวหนีไปให้ไกล แต่เธอก็ดันมาเจอกับนรินทราที่สูญเสียลูกไป เธอใจอ่อน และเพื่อความปลอดภัยของดาวเธอจึงยกหลานสาวให้กับนรินทราเป็นแม่บุญธรรมไป เธอเป็นคนใจดี แต่มีทิฐิสูง เกลียดพวกพ่อมดแม่มดเข้าไส้
               -นรินทรา แม่บุญธรรมของดาว เธอเป็นคนใจดี ใจกว่างเป็นแม่ที่ดี ปกปิดความลับเรื่องที่เอาดาวมาเลี้ยง เธอสูญเสียลูกไป เมื่อ 20 ปีก่อน ก่อนหน้าที่จะมีแอปเปิ้ล สาเหตุคือ แท้ง 
     -กฎเหล็กของแม่มดขาว
1.ห้ามใช้ศาสตร์มืด มนต์ดำ ไสยศาสตร์ทั้งหมดทั้งปวง
2.ห้ามแม่มดขาวคบค้าสมาคมกับมนุษย์หรือแม่มดที่เล่นไสยเวทย์โดยที่ไม่จำเป็น
3.แม่มดขาวสามารถรับศิษย์เข้ามาอยู่ในเผ่าได้แค่ 1  คนต่อแม่มดขาว 1 คนเท่านั่น
 4.แม่มดทุกคนต้องนั่งสมาธิเข้าฌาณแลอยู่ในศีล ฝึกวิชาเวทมนตร์กับธรรมชาติเท่านั่น
5.ห้ามแม่มดขาวทุกคน อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หรือสถานที่ ที่มีคนมากมาย เพราะฉะนั้นแม่มดขาวส่วนใหญ่จะสร้างหมู่บ้านอยู่ในป่าลึก ในเกาะ บนยอดภูเขา ในถ้ำ และอื่นๆอีกมากมายที่ห่างไกลความเจริญเพื่อซ่อนตัวจากพวกนักล่าและผู้ไม่หวังดี โดยทุกๆที่ ที่มีกลุ่มของแม่มดขาวอยู่ จะถูกร่ายมนต์อาณาเขตหรือว่ากางเขตอาคมไว้ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็น
6.ห้ามแม่มดขาวทุกคนใช้พลังเวทมนตร์ต่างๆกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความสามารถด้านเวทมนตร์
7.ในเผ่าพันธุ์ห้ามมีบุรุษเพศอาศัยอยู่ในเผ่าเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าแม่มดขาวจะแต่งงานต้องแยกกันอยู่กับสามี เวลาแม่มดขาวให้กำเนิดบุตรถ้าได้บุตรชายจะต้องเลือกว่าจะทิ้งลูกหรือออกจากเผ่า แต่ถ้าได้บุตรสาวสามารถอยู่ในเผ่าต่อไปได้ และให้เธอสืบทอดเป็นทายาทของแม่มดขาวต่อไปได้เช่นกัน
 
EPISODE 4: WITCH HUNTERS
COMING SOON

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา