You are crazy!!! บ้าอย่างนี้เจอฉันหน่อยเป็นไง

9.3

เขียนโดย PIPO_PARE

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.10 น.

  7 chapter
  12 วิจารณ์
  9,597 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557 18.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) คำขอโทษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
[ CHO TALKS ]
หลังจากที่ยัยตัวดีรีบวิ่งแจ้นขึ้นรถมา ยัยนั่นก็วิ่งไปนั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ไงยัยตัวดีมานี่เลย”ผมพูดพร้อมกับชี้มาเก้าอี้มาข้างๆผม ตอนนี้ผมอยากฟังความจริงจากปากยายนี่ให้รู้เรื่อง จากเมื่อกี้นี้ผมเดาว่ายายนั่นไปทำรองเท้าของคนอื่นเค้าพัง“ไงทำหน้าจ๋อยมาเชียว”
“โด่ ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะ”คิดว่าพี่ชายของเธอโง่รึไง
“ไม่เชื่อ!!!...ต้องเล่าเรื่องทั้งหมดก่อน”
“ก็...ตอนที่ชั้นออกมาจากห้องน้ำชั้นบังเอิญเดินชนผู้หญิงคนนั้นเข้าชั้นมองไม่เห็นหรอกว่ารองเท้ายายนั่นหักยังไงแต่ได้ยินเสียงยายนั่นร้อง ‘ว้าย’ทีเดียวแล้วก็เงียบไป พอชั้นลุกขึ้นมาได้ก็ขอโทษแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคเลยยายนั่นก็ตัดบทซะก่อน แล้วก็ลงไปนั่งร้องไห้อยู่อย่างที่พี่มาเห็นนั่นแหละ...ว่าแต่พี่เหอะชั้นเรียกมาจ่ายตังแล้วพี่ไปให้นามบัตรเค้าทำไม?”
“ก็พี่ได้ยินผู้หญิงคนนั้นจะซ่อมรองเท้าพี่เลยให้บัตรวีไอพีไปจะได้ติดต่อซ่อมฟรี”
“พี่คิดว่ามันเป็นรองเท้าของแท้มั้ย”ยายนั่นถามพร้อมขมวดคิ้ว ก็ไม่ผิดหรอกที่จะสงสัยเพราะของแบรนด์เนมขนาดนั้นไม่พังง่ายๆหรอก
“พี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกันแหละ...แต่ว่าปล่อยเค้าไปเหอะ”
“เชื่อชั้นมั้ยหล่ะ ดูท่าทางยายนั่นคงไม่จบง่ายๆ”คิดมากน่า
“คงไม่หรอกมะ...”
เอี๊ยดดดดดดด
เหวย ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบเลยน่ะเนี่ยเกิดอะไรขึ้นว่ะ
“เกิดอะไรขึ้นครับลุง”เด็ก ม.ปลายคนหนึ่งถามคุณลุงขับรถ
“มีคนมาปาดหน้ารถน่ะเดี๋ยวลุงขอลงไปเคลียแป๊ปนึง”
หลังจากนั้น
“”เค้าบอกว่าขอพบ...ลาเบนโต้ คุโช”อ้าวนั่นมันชื่อผมหนิ
“เป็นไงบอกแล้วว่ายายนั่นไม่จบง่ายๆ”
ในขณะที่ผมกำลังจะลุกออกไปเคลีย ยายนั่นก็เอามือมาขวางซะก่อน
“ไม่ต้องเดี๋ยวชั้นไปเอง”
“เฮ้ยเดี๋ยว”ไม่ทันซะแล้ว
[ KIBA TALKS ]
ในระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่มาพักผ่อนครั้งใหญ่ก่อนที่ผมจะต้องทำงานที่พ่อบอกผมว่ามันสำคัญมาก ยายนั่น ( คู่ควง ) ของผมก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาผมเลยจำใจต้องจอดรถเพื่อให้ยายนั่นไปทำภารกิจส่วนตัว
หลังจากนั้น
ผมซึ่งเห็นยายนั่นเดินกะเผกกะเผกมาเลยรีบออกไปดูว่ายายนั่นเป็นอะไร
“เป็นอะไรหรอ แจซ”
“มีคนทำรองเท้าชั้นพังนะค่ะ...ชั้นต้องเดินมาตั้งแต่ตรงนู้นดูดิเท้าชั้นเจ็บไปหมดเลย”
“ใครทำรองเท้าเธอพังหล่ะ”ผมถามไปงั้นแหละเพราะความจริงผมก็ต้องซื้อรองเท้าให้เธอใหม่อยู่ดี
“ดูดิ ทำรองเท้าพังแต่ดันให้แต่นามบัตร”ห๊ะแปลกๆ
“ไหนหล่ะขอดูนามบัตรหน่อย”ผมแบมือขอดูนามบัตรซึ่งยายนั่นก็ยอมให้แต่โดยดี…อะไรว่ะเป็นผู้ชายหรอเนี่ย
“แล้วมันขอโทษเธอรึเปล่า”
“คนที่ทำพังน่ะหรอค่ะ”
“ใช่”ถ้ายายนั่นบอกว่าไม่หล่ะก็ไอหมอนั่นต้องโดนผมกระทืบแน่
“ไม่ค่ะ แถมเค้ายังเรียกคนอื่นมะ...”อะไรว่ะเป็นผู้ชายอะไรทำของๆคนอื่นเสียหายแล้วยังไม่ยอมขอโทษ ผมคนหนึ่งแหล่ะที่จะไม่ยอมยกโทษให้
“มันอยู่ไหน!?”
“คือว่า...”
บรื้นนนนนนนน…เอี๊ยดดดดดดด ( เสียงปาดหน้ารถทัศนศึกษา )
หลังจากนั้นผมก็คุยกับคนขับรถว่าผมต้องการพบกับไอหน้า...
“ไงเธอ...อ้าวแปลงเพศแล้วหรอ”เฮ้ยนี่มัน...ผู้หญิงนี่หน่า
“เธอคือไอ้ คุโชเนี่ยหรอ”ผมชูนามบัตรที่ผมถือในมือขึ้น
“อ้อ นั่นแฟนชั้นทำไมหรอ”แล้วยายนี่จะลงมาทำซากอะไรว่ะ
“งั้นก็เรียกแฟนเธอมาสิ...ชั้นมาเคลียเรื่องคำขอโทษที่แฟนเธอควรจะให้กับแฟนชั้น”
“อ้อ..รองเท้านั่นนะชั้นเป็นคนทำเองแหละและอยากถ้าจะเคลียก็มาเคลียกับชั้นหนิ”อ้าวตกลงเป็นผู้หญิงหรอกหรอแต่ถึงจะเป็นผู้หญิงผมก็ไม่เว้น
“งั้นเธอก็ขอโทษแฟนชั้นสิ”
“ชั้นขอโทษไปแล้ว และชั้นจะไม่ขอโทษใครซ้ำสอง”ยายนั่นพูดพร้อมกับยักคิ้วกวนประสาทผมอย่างท้าทาย
“แต่แฟนของชั้นบอกว่าเธอยังไม่ได้ขอโทษ”
“ขอโทษไปแล้วแต่ยังไม่ทันได้พูดจบแฟนนายก็ฟูมฟายอย่างกับจะเป็นจะตายซะก่อน”ผมก็ไม่คิดว่ายายนั่นพูดโกหกหรอกน่ะแต่ผมต้องการฟังคำขอโทษจากปากยายนั่นใหม่ซึ่งก็ไม่น่าจะยุ่งยากมากนัก
“แค่ขอฟังคำขอโทษจากปากของเธออีกครั้งมันคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกมั้ง”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าชั้นจะพูดแค่ครั้งเดียว แล้วอีกอย่างชั้นก็ไม่ได้ผิดแค่คนเดียวยายนั่นก็ผิดที่มาเดินชนชั้นและชั้นจำได้ว่าไม่มีคำขอโทษออกมาจากปากยายนั่นเลยทั้งๆที่ชั้นเนี่ยล้มแต่ยายนั่นแค่ส้นรองเท้าหัก และชั้นก็เรียกพี่ เอ้ย แฟนมาเคลียให้แล้วก็เห็นว่าจะเอารองเท้าไปซ่อมก็เลยให้บัตร วีไอพี ไปแจ้งที่ศูนย์เพื่อจะได้ซ่อมฟรีหรือว่า...อยากได้งิน ความจริงชั้นก็มีให้น่ะแต่ต้องขอโทษน่ะที่นึกว่าพวกนายรวยกันหน่ะ”
“นี่เธอ...”
“อะไร ตกลงจะเอาเงินหรือไงถึงได้ขับรถมาปาดหน้าขนาดนี้...ในรถคันนี้มีคนเกือบห้าสิบคนเลยนะแต่นายประเมินชีวิตของคนพวกนี่เท่ากับเงินไม่เท่าไหร่เองหน่ะหรอ”
“!!!”
“ถ้าไม่พูดอะไรแล้วก็หลีกน่ะเพราะรถของชั้นจะได้ไปต่อรู้มั้ยมันเสียเวลา...น่ารำคาญ”ถึงคำหลังจะพูดเหมือนกระซิบแต่ดูจากทรงยายนี่ตั้งใจกวนทีนผมชัดๆ ในระหว่างที่ยายนั่นกำลังหันหลังกลับผมก็นึกวิธีแก้เผ็ดยายปากปี...นี่ขึ้นได้
“เดี๋ยว...ไม่เอาคำขอโทษแล้วชั้นจะเอาเงิน”
“หือ...เท่าไหร่หล่ะ”
“แค่ 5 แสนเองJ”
“ห๊ะ!!! 5 แสนนั่นมันครึ่งล้านเลยน่ะ”
“เห็นปากดีก็นึกว่ารวยแต่ถ้าไม่มีเงินก็ไม่เป็นไรนะเพราะว่าทำใจไว้อยู่แล้ว”ดูสิยายนั่นเริ่มยั้วซะแล้ว หึนึกว่าจะกวนคนอื่นได้อย่างเดียวหรอบอกได้อย่างเดียวว่าเธอ...คิดผิด!!!
“มีอยู่แล้วแต่รองเท้านั่นอย่างสูงที่สุดก็ไม่น่าจะเกิน 2 แสน แต่นายจะเรียกถึงห้าแสนเนี่ยนายร้อนเงินหรอแต่เอ๊ะรถคันนั้นมันปอเร่นี่นาแต่ว่าใครมันก็ร้อนเงินได้ทั้งนั้นแหละจริงมั้ย”ผมกะจะยั่วโมโหยายนั่นแท้ๆแต่กลายเป็นผมที่โดนยั่วโมโหผมบอกตามตรงน่ะว่าเกิดมาไม่มีใครหน้าไหนกล้ามายั่วโมโหผมหรอกน่ะเพราะผมหน่ะเป็น...ทายาทเพียงคนเดียวของแก๊ง อาโอริวซึ่งผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าถ้ายายนั่นรู้ว่าผมเป็นใครก็คงไม่กล้าปากดีอย่างนี้หรอก ในขณะที่ผมกำลังจะบอกยายนั่นว่าผมเป็นใครก็พอดีมีผู้ชายคนหนึ่งลงมาซุบซิบกับยายนั่นซะก่อนหลังจากนั้นยายนั่นก็เลยหยิบปากกากับเช็กขึ้นมาพร้อมกับเขียนอะไรยุกยิกลงไป แล้วก็ฉีกกระดาษออก
แควก
“อ่ะนี่เช็ก 5 แสนบาทและชั้นก็เอาหัวเป็นประกันเลยด้วยว่าเช็กใบนี้ไม่เด้งแน่นอน”ยายนั่นพูดพร้อมกับยื่นเช็กในมือมาให้ผมแต่มีหรอที่ผมจะรับเงินนั่น
“...”
“ไม่เอารึไง ชั้นไม่มีเวลามาเล่นแล้วเพราะว่าชั้นมีธุระที่สำคัญกว่านายมากรออยู่”
“...”
แควกๆ
ยายนั่นฉีกเช็กในมือทันที ทันใดนั้นก็มีรถลีมูซีนมาจอดขนาบข้างยายนั่นกับผู้ชายคนนั้น
“ไปหล่ะหวังว่าชาตินี้คงไมได้พบเจอกับนายอีกแล้วน่ะ...บาย”
อ้าวเห้ยไปกันง่ายๆขนาดนี้เลยหรอขณะที่ผมกำลังจะไปเคลียอีกครั้งโทรศัพท์ของผมก็สั่นซะก่อนผมก้มดูหน้าจอของผมและมันก็ขึ้นคำว่า พ่อ สงสัยคงเรียกให้เราไปทำงานใหม่หล่ะมั้ง...ฝากไว้ก่อนเหอะคราวหน้าที่เจอกันยายนั่นต้องก้มหัวขอโทษถึงเป็นผู้หญิงผมก็จะไม่เว้นอีกแล้วผู้หญิงอะไรกวนส้นตึกจริง
หลังจากนั้นผมก็ขับรถไปส่งแจสซี่ก่อนเพราะงานของแก๊งมันอันตรายแต่นี้พ่อย้ำผมว่ามันสำคัญมากเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับอนาคตของผมเลย งานนี้อันตรายขนาดไหนเนี่ยผมชักอยากจะรู้ซะแล้วพอผมส่งแจสซี่เสร็จก็แวะที่บ้านก่อนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยไปที่นัดหมาย พอผมไปถึงที่หมายทีแรกผมนึกว่ามันจะเป็นบ่อนซะอีกแต่นี่มันเอ่อ...บ้านหรอผมหมายถึงมันเป็นคฤหาสห์หลังใหญ่ที่มีเนื้อที่ใหญ่มากแต่เสียใจมันเล็กกว่าบ้านผมซะอีก เอ๊ะ โอ้โฮ มันคงพิเศษจริงๆแหละถึงขั้นลงทุนมารออยู่ข้างหน้าประตูทางเข้า พอผมจอดรถเสร็จก็เดินไปหาพ่อผมพึ่งสังเกตุนะเนี่ยว่าวันนี้หน้าของพ่อผมดูมีความสุขแปลก แปลกมากจนผมสงสัยผมเลยถามว่า
“วันนี้เป็นงานที่พวกเราจะได้ผลประโยชน์มากหรือเปล่าครับทำไมพ่อดูเอ่อ...”ผมไม่กล้าพูดให้จบประโยคเพราะพ่อไม่อยากให้ผมถามหรือซักไซ้เรื่องของท่านมากนัก
“มีความสุข”
“ใช่ครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกรีบเข้าไปกันเถอะและอย่าทำอะไรพลีพลามทำให้พ่อเสียหน้าเข้าใจมั้ย”พ่อพูดพร้อมกับโอบบ่าของผมมันทำให้รู้สึกแปลกๆอยู่บ้างเพราะปกติพ่อจะทำหน้าเข้มและไม่ค่อยจะพูดกับผมเลย ผมพูดได้คำเดียวว่า...แปลก
ผมและพ่อเข้าไปในห้องที่เหมือนกับห้องรับแขกของบ้านผมเพราะสถานที่มันดูให้ความรู้สึกเหมือนข่มเพื่อให้อีกฝ่ายนึงกลัวเมื่อเกิดการตกลงกันขึ้นผมรออีกสักพักก็คนสี่คนเข้ามานั่งสองแรกคนเป็นหญิงชายอายุก็น่าจะประมาณพ่อของผมคนถัดมาเป็นผู้ชาย เอ ผมดูคุ้นหน้าจัง และคนสุดท้ายเป็นเห้ย!!! ดูยายนั่นก็ดูตกใจเหมือนกันที่เห็นผม ยายนั่นที่ผมว่าถึงก็คือคนที่มีเรื่องกับแฟนผมและก็มีเรื่องกับผมด้วยเมื่อเย็นที่ผ่านมานี่ไงผมมองพ่อของผมอย่างสงสัยแต่ตอนนี้พ่อกำลังมองยายทอมนั่นอยู่หรือว่าพ่อคิดจะเลี้ยงยายนี่เห็นว่าหน้าตาดีแน่ ไม่ได้การซะแล้วผมต้องรีบห้ามผมซะก่อนในขณะที่ผมกำลังจะพูดอะไรพ่อก็บอกกับผมว่า
“อยู่เฉยๆแล้วทุกอย่างมันก็จะดีเอง”ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่นิ่งเงียบ
หลังจากที่ยายนั่นนั่งลงเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อผมก็เริ่มพูดทันที
“ที่เรามาในวันนี้ก็เพราะตอนนี้แก๊งใหม่อย่างแก๊งทาคุเอ็นได้มีการไล่ล่าอาณาเขตซึ่งตอนนี้ยังเป็นแก๊งที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ผมเชื่อว่าอีกใหม่นานก็อาจจะใหญ่ขึ้นได้ผมได้คิดรวมแก๊งของเราไว้ด้วยกันเพื่อความปลอดภัยของแก๊งและพวกคุณก็ตกลง”
สองคนนั้น ( ป้าและลุง ) พยักหน้า
“ดังนั้นผมเลยคิดว่าน่าจะแจ้งให้เด็กสองคนนี้ได้ทราบก่อนที่จะมีงานหมั้น...”
“งานหมั้น!!!”ยายนั่นดูตกใจมากพอๆกับผมดูจากคนที่อยู่ภายในห้องนี้แล้วมันทำให้ไม่สมารถคิดเป็นอย่างอื่นได้เลยแต่เราควรจะมองโลกในแง่ดีสิใช่มั้ย
“ใช่จะลูกงานหมั้นของหนูและพี่คิบะ”คุณป้าพูดพร้อมกับยิ้มมาทางผม ดูหน้ายายนั่นเหมือนพร้อมจะระเบิดความโมโหออกมาได้ทุกเมื่อแต่ดูก็รู้ว่ายายนั่นก็คงโดนบังคับเหมือนผมนั่นแหละ โอ๊ย ผมว่ายายนั่นต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ
“แต่หนูไม่หมั้นค่ะ”ยายนั่นพูดเสียงต่ำเหมือนกำลังสะกดอารมณ์แต่คุณป้าไม่พูดอะไรนอกจากใช้สายตาแปลกๆมองยายนั่น
“แต่แม่ค่ะหมอนั่นมีแฟนแล้วน่ะค่ะ”ใช่ผมมีแฟนแล้ว
“ใช่ครับผมมีแฟนแล้วและผมคิดว่าเมื่อกลับบ้านไปผมจะพาเธอมาให้พ่อรู้จักเพราะฉะนั้นผมไม่หมั้น!!

นี่ตัวเองอ่านกันแล้วอย่าลืมติชมกันด้วยน้า เราจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา