หอคอยรักเจ้าชายแวมไพร์ (บทนำ)

9.0

เขียนโดย papa_sang

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.31 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,038 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 11.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


1.
พ.ศ. 25xx เขาใหญ่ในปีนี้ในช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศยังคงเย็นยะเยือกไม่เปลี่ยนเหมือนเช่นทุกๆปีที่ผ่านมาหลังจากที่พื้นแห่งที่นี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อระดับต้นๆของประเทศ ระบบเศษฐกิจนับว่าดีมากมีโรงแรมรีสอร์ทน้อยใหญ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นทุกปี
“ไม่ได้มาซะนาน อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ” เสียงคนสูงอายุสั่น
แววตานั้นกรอกมองไปโดยทั่วพื้นที่ที่เมื่อเกือบหกสิบปีที่แล้วยังเป็นป่ารกทืบจะมีพื้นที่ทำไร่บ้างเป็นบางพื้นที่ ในยุคสมัยที่ที่ดินมีราคาดีดตัวขึ้นสูงถึงหลักล้านเขาได้แบ่งขายที่ดินไปให้กับนายทุนจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างเป็นหมู่บ้านจัดสรรแต่ยังเหลืออีกเกินครึ่งไว้สำหรับปลูกบ้านไว้อาศัยในเวลาแก่เฒ่า
“คุณพ่อชอบบ้านหลังนี้หรือเปล่าคะ”
คนถูกถามมองบ้านตรงหน้าที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตรงหน้าอย่างพอใจ บ้านไม้ทรงไทยแต่ผสมผสานกับสไตล์ยุโรปได้อย่างลงตัว เพียงศรีษะผงกรับน้อยๆแทนคำตอบว่าพอใจ
“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในบ้านกันดีกว่านะคะ ข้างนอกอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” ร่างสูงวัยถูกพยุงให้เดินเข้าไปในบ้านก่อนที่คนพยุงจะหันไปสั่งบุตรสาวที่กำลังขนกระเป๋าสัมภาระลงจากรถอารมณ์บูดบึ้ง “กอหญ้า อย่าลืมกระเป๋ายาของคุณตานะลูก”
“ค่ะแม่” ร่างบางตอบรับแล้วเอื้อมไปหยิบกระเป๋ายาที่เบาะหลังแล้วเดินตามขึ้นบ้าน
“ทำไมเราต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยคะแม่ อยู่กรุงเทพฯก็ดีอยู่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงขุ่น
กระเป๋าหลายใบรวมถึงกระเป๋ายาถูกเธอวางลงบนโซฟาใหญ่ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนั่งเป่าลมออกจากปากใบหน้าบ่งบอกได้ว่าเธอกำลังเหนื่อย
“แม่อยากให้คุณตาได้สูดอากาศดีๆบ้าง ดีกว่าอุดอู้อยู่ในเมืองเป็นไหนๆ”
เธอพยักหน้าน้อยเป็นเชิงเข้าใจ แต่ก็ยังไม่หยุดยิงคำถาม “แล้วพ่อล่ะคะแม่ เราย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วจะให้คุณพ่ออยู่กรุงเทพฯคนเดียวเหรอคะ”
“กรุงเทพฯ กับปากช่องอยู่ห่างกันแค่นี้เอง ลูกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้า พ่อมาหาเราได้ทุกสัปดาห์” เธอตอบบุตรสาวพร้อมเดินมาหยิบกระเป๋ายาไปเก็บเข้าที่ “อีกอย่าง ปีหน้าคุณพ่อก็จะย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลปากช่องนี้แล้ว ย้ายมาก่อนก็ไม่เสียหายอะไรนิ ดีซะอีกจะได้ดูแลบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ แถมคุณตาก็ได้สูดอากาศบริสุทธิ์”
ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วทิ้งหัวลงพิงกับพนักโซฟา การย้ายบ้านใหม่นั่นก็หมายความว่าเธอเองก็ต้องย้ายที่เรียนใหม่ด้วยทั้งที่อีกแค่ปีเดียวก็จะจบ ม.ปลาย คิดถึงการที่เธอจะต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แล้วก็ต้องถอนลมหายใจออกมาอีก
“มันจะแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” คนเป็นแม่เอ่ยถามยิ้มๆ
“กอหญ้าไม่อยากได้เพื่อนใหม่นี่คะ กว่าจะสนิทกันก็คงอีกนาน”
“แต่แม่ว่าลูกคงไม่ต้องหาเพื่อนใหม่ให้ยากหรอก เพราะครอบครัวของลีน่าเพื่อนลูกก็ย้ายมาอยู่หมู่บ้านข้างหน้าบ้านเรานี่เอง”
“จริงเหรอคะแม่? ลีน่าไม่เห็นเคยบอกหนูเลย” เธอดีดตัวขึ้นจากโซฟาทันที
“คงกะจะทำเซอร์ไพร้ล่ะมั้ง”
“กอหญ้า”
จบคำพูดของแม่เสียงตะโกนหน้าบ้านก็ดังขึ้นเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของเพื่อนรัก กอหญ้าวิ่งปู๊ดเดียวก็ไปถึงประตู เธอฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเพื่อนสาวของเธอ หล่อนบอกเธอว่าจะต้องย้ายไปต่างจังหวัด แต่ก็ไม่ได้บอกว่าที่ไหน
“ลีน่า! ฉันไม่คิดว่าเธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะย้ายมาที่นี่เหมือนกัน เพิ่งรู้จากคุณแม่ตอนที่รถของแม่เธอวิ่งผ่านหน้าบ้านฉันก็เลยปั่นจักรยานตามมา”
“ทำยังกับไม่เคยเจอกันสักสองสามปี” แม่เธอแซว “ไปนั่งเล่นกันที่ศาลาริมน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวตอนเที่ยงแม่จะเรียกมากินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะแม่”
สองสาวพูดคุยกันสนุกสนานที่ศาลาริมน้ำหลังบ้าน ที่ตรงนี้เป็นทะเลสาบขนาดเล็กที่มองไปอีกฝั่งเป็นป่ากุหลาบสีขาว ใช่!...มันเป็นป่ากุหลาบจริงๆ เพราะทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยต้นกุหลาบที่สูงยาวจนเป็นเครือพันออกดอกสีขาวบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไกลมาถึงฝั่งนี้
“สวยจังเลยเนอะ?” ถ้าอยู่ใกล้ๆลีน่าอาจจะเด็ดมันมาดมสักดอกสองดอก
ไม่ไกลจากศาลาเท่าไหร่มีคูหินขนาดไม่ใหญ่เป็นทางไว้เดินเชื่องไปที่สวนกุหลาบฝั่งนั้นด้วย บางอย่างผุดขึ้นมาในความคิดของสาวน้อยทั้งสอง
“ลองเดินไปดูมั้ย?”
“จะดีเหรอ แต่นั่นไม่ใช่พื้นที่ของคุณตาเธอแล้วนะ จะถูกเจ้าของสวนเขาว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
จริงอย่างที่เธอพูด เพราะก่อนจะถึงสวนกุหลาบนั่นมีรั้วลวดหนามกลั้นไว้อยู่มองเห็นแต่ไกล กอหญ้าก็เลยล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ทั้งสองเปลี่ยนไปคุยเรื่องโรงเรียนใหม่ที่จะเข้าเรียนในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
“รู้สึกจะชื่อโรงเรียน St. Rose นะ รู้สึกว่าสวนกุหลาบนั่นจะอยู่ด้านหลังของโรงเรียนด้วยนะ” ลีน่าไม่แคล้วที่จะกลับไปสนใจสวนกุหลาบอีกครั้ง
“อย่างนั้นเหรอ?” กอหญ้าพยักหน้าแล้วมองไปที่สวนกุหลาบ “หรือว่าสวนนั่นจะเป็นของโรงเรียนนะ” เธอสันนิษฐาน
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ ฉันอยากเข้าไปเดินเล่นในนั้น”
หล่อนคิดเหมือนเธอ
เสียงร้องเรียนของให้ไปทานข้าวกลางวันหยุดความคิดของสองสาวไว้เพียงเท่านั้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน หลังทานอาหารกลางวันเสร็จลีน่าก็ขอตัวกลับบ้านเพราะแม่ของเธอจะพาไปซื้อชุกนักเรียนใหม่ในตอนบ่าย กอหญ้าจึงมานั่งอ่านหนังสือที่ศาลาเพียงคนเดียว บางทีเธอก็อยากเข้าไปดูสวนกุหลาบนั่นใกล้ๆปฏิกิริยาของร่างกายเร็วเท่ากับความคิด สาวน้อยปิดหนังสือแล้วค่อยๆเดินไต่คูหินไปยังที่สวนนั่นด้วยความอยากรู้ ยิ่งเข้าใกล้ กลิ่นกุหลาบก็ยิ่งชัดเจนเหมือนกับกำลังยั่วยวนให้เธอรีบเข้าไปหามันโดยเร็ว เท้าของเธอเดินมาหยุดที่ริมรั้วลวดหนามเก่าคร่ำครึที่ดูเหมือนว่าตรงนี้จะมีคนผ่านเข้าออกจนลวดหนามนั้นพังออกเป็นทาง แต่ก็ยังเหลือลวดหนาวอีกเส้นที่กลั้นเอาไว้ สวนกุหลาบอยู่ข้างหน้าเธอนี้แล้ว ยิ่งเข้าใกล้ กุหลาบพวกนั้นยิ่งดูสวยงาม ยิ่งพอลมพัดพากลิ่นหอมๆนั้นคลุ้งไปทั่วบริเวณยิ่งทำให้มันน่าหลงใหลยิ่งนัก ร่างบางก้าวขาข้ามเข้าไปด้วยความลืมตัว สิ่งที่ดึงดูดเธอได้ในตอนนี้คือกุหลาบพวกนั้นที่ชูช่อท้าลมเหมือนกำลังกวักมือเรียกเธอให้เข้าไปหา มือเรียวช้อนช่อกุหลาบขึ้นชมด้วยความหลงใหล สวยจริงๆ...สวยงามเหลือเกิน เธอเดินชมสวนกุหลาบจนเผลอเดินลึกเข้ามาถึงหน้าหอคอยเก่าๆ คิ้วโก่งขมวดมุ่นมองประตูทางเข้าที่ถูกปิดไว้ด้วยประตูไม้ผุๆแค่ใช้นิ้วสะกิดก็คงพังได้แล้ว เธอหันหลังกำลังจะเดินกลับแล้ว แต่ความอยากรู้นั้นยังมีมากจึงหันกลับไปยังหอคอย ‘ทำไมมันถึงมาตั้งอยู่ตรงนี้นะ’
ตอนนี้กอหญ้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าหอคอย มือของเธอเอื้อมไปจับลูกกุญแจเก่านั้นจนมันหลุดติดมือมา เธอตกใจที่ทำมันหลุดแต่สุกท้ายก็โยนมันลงบนพื้นตรงนั้น ที่นี่เหมือนโดนปล่อยทิ้งให้รกร้างไม่มีการดูแลใดๆ แม้แต่สวนกุหลาบพวกนั้นก็เช่นกัน หญิงสาวย่นจมูกปัดฝุ่นบนมือที่ติดมากับแม่กุญแจออก เธอชะโงกคอมองผ่านช่องรูโหว่เข้าไปด้านในที่มืดสนิท สายตาของเธอกวาดมองไปรอบหอคอยเก่า เธอไม่เข้าไปในนั้นแน่ ไม่มีทาง....
กอหญ้าถอยออกห่างจากหอคอยแล้วเดินกลับออกไป แต่เดินออกมาจากตรงนั้นไม่กี่ก้าวลมแรงก็พัดต้นกุหลาบจนลู่ล้มปิดทางที่เดินเข้ามา กลีบกุหลาบที่โดนลมพัดลอยปลิวไปทั่วบริเวณ เหมือนฝนก็กำลังปอยลงมาแล้วด้วย กอหญ้าวิ่งกลับไปยังหอคอยเพื่อหาที่กำบัง เธอชะเง้อคอมองไปยังทางที่เดินเข้ามาแล้วก็ได้แต่ตกใจ นี่เธอเดินเข้ามาไกลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เม็ดฝนเริ่มกระหน่ำตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้เธอคงต้องเข้าไปหลบในหอคอยที่แล้วล่ะ ร่างบางผลักประตูไม้เก่าเข้าไปยังด้านใน ในนี้ไม่ได้มืดอย่างที่คิดแถมยังเป็นห้องกว้างดูสะอาดกว่าภายนอกเยอะ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ตรงกลางห้องนั้นมีต้นดอกกุหลาบต้นหนึ่งที่ดูเหมือนว่ามันจะดูสวยกว่าต้นข้างนอกทุกต้น ‘ปลุกกุหลาบในหอคอยเนี่ยนะ?’ คำถามในใจเธอที่ไร้ซึ่งคำตอบ
กุหลาบดอกโตสีขาวนั้นสวยงามกว่ากุหลาบทุกดอกฝนสวนที่เธอเห็น แต่ทั้งต้นมันมีอยู่แค่ดอกเดียวเท้านั้น น่าแปลกที่กุหลาบในร่ม จะเติบโตสวยงามกว่ากุหลาบกลางแจ้ง เธอกวาดสายไปไปโดยรอบเห็นบันไดที่ใช้เดินขึ้นไปบนยอดหอคอย แต่ดูสภาพมันเก่ามากขืนเดินขึ้นไปบันไดไม้นั่นคงหักแน่ๆ
ข้างนอกฝนยังคงตกหนักไม่หยุด กอหญ้าจึงเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบันไดสายตาก็มองกุหลาบดอกสวยอย่างชื่นชม แวบหนึ่ง กุหลาบนั้นเป็นสีแดงจนเธอตกใจ กอหญ้าขยี้ตาแล้วเบิ่งตามองมันอีกครั้ง
“สงสัยจะตาฝาด” เธอพึมพำ
กุหลาบสีขาวจะเป็นสีแดงไปได้ยังไงกัน นึกแล้วก็อยากขันซะจริงๆ ดูเหมือนว่าฝนข้างนอกจะหยุดตกแล้ว กอหญ้าเดินออกไปแง้มดูที่ประตูก็เห็นอากาศภายนอกปลอดโปร่งเธอจึงเปิดประตูเดินออกจากหอคอย ต้นกุหลาบที่ล้มกีดขวางทางเดินเมื่อคู่นี้กลับยืนต้นเรียงเป็นแถวเหมือนตอนที่เดินเข้ามาไม่มีผิด ฝนตกแต่ไม่มีน้ำค้างบนใบไม้เลยสักหยด เป็นไปได้ยังไง ด้วยความสงสัย เธอจึงเดินไปตามทางเดินแล้วมองรอบตัวด้วยความประหลาดใจ พื้นดินยังแห้งเหมือนเดิมเหมือนตอนเดินมาไม่มีผิด แล้วพายุเมื่อครู่นี้หมายความว่าไง พอเดินมาถึงริมรั้วกอหญ้าก็มองกลับเข้าไปทางหอคอยที่ตอนนี้มีแต่ต้นกุหลาบบดบังไม่เห็นตัวหอคอยเลยแม้แต่น้อย ขาเรียวก้าวออกจากบริเวณนั้นทันทีมุ่งหน้ากลับเข้าบ้านพร้อมทั้งคำถามร้อยแปดที่อยู่ในหัวเธอที่หาคนมาตอบคำถามให้ไม่ได้
“ไปไหนมาแม่ไปตามที่ศาลาไม่เห็นเจอ” แม่ถามเมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้านแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีร้อนใจอะไรยังคงเปิดนิตยสารการเรือนอ่านอยู่อย่างเช่นที่เคยทำ
เธอไม่รู้จะตอบว่ายังไง เพราะถ้าบอกว่าแอบเข้าไปในสวนกุหลาบที่ไม่ใช่พื้นที่ของตนคงถูกตำหนิไม่น้อย ร่างบางเดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับแม่ของเธอ
“แม่คะคือ...” ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี
“หืม...มีอะไรอย่างนั้นหรือ” แม่ลดหนังสือลงแล้วเลิกคิ้วจ้องหน้าเธอ
“เมื่อกี้...ฝนตกหรือเปล่าคะ?”
“ฝนอะไรของลูกกอหญ้า แดดเปรี้ยงขนาดนี้”
หญิงสาวมองออกไปด้านนอกก็เป็นอย่างที่แม่เธอว่า แต่ก็นั่นแหละ มันทำให้เธอรู้สึกสับสนปรนเปรไปหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หอคอยเมื่อครู่ หากจะพูดถึงทฤษฎีฝนตกไม่ทั่วฟ้าแล้วล่ะก็ มันไม่น่าจะไกลความเป็นจริงได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พื้นที่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำไมไม่มีวี่แววของพายุฝนเลยแม้แต่สักนิด
“นี่ลูกมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
“ป่ะ..เปล่าค่ะแม่ไม่มีอะไร” เธอตอบเหรอหรา “งั้นกอหญ้าขอเอาหนังสือไปเก็บก่อนนะคะจะได้มาช่วยแม่ทำกับข้าวเย็น”
“อื้อ...เอาสิ”
พอเก็บหนังสือเข้าที่ กอหญ้าก็อดไม่ได้ที่จะเดินออกไปที่ระเบียงประตู ห้องนอนของเธออยู่ฝั่งเดียวกับทะสาปพอดี เธอมองไปยังสวนกุหลาบที่ตอนนี้สงบนิ่งไร้ลมไร้ฝนต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เป็นไปได้ยังไง....
ในอีกฟากหนึ่งของทะเลสาปภายในหอคอยเก่า นัยน์ตาสีเพลิงมองดูหญิงสาวไม่วางตา ทุกอากัปกิริยาของหล่อนก่อนหน้าล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา