หอคอยรักเจ้าชายแวมไพร์ (บทนำ)

9.0

เขียนโดย papa_sang

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.31 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,039 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 11.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

2

ดูเหมือนว่าหลายคนจะดูตื่นเต้นกับการมาเรียนวันแรก นั่นหมายถึงสองสาวที่กำลังเดินเข้าห้องเรียนอยู่ตอนนี้ด้วย

“เอาล่ะทุกคนเงียบได้แล้ว วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่จะแนะนำให้รู้จัก” เสียงนกกระจิบในห้องเงียบไปแล้ว “เชิญจ้ะสองสาว”

ทั้งสองเดินไปหยุดยืนหน้าชั้นเรียน

“สวัสดี ฉันลีน่ายินดีที่ได้รู้จัก”

“ฉันกอหญ้า ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

สองสาวยิ้มแย้มให้กับเพื่อนร่วมห้องใบหน้าสดใส ดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีต้อนรับเธอสองคนไม่น้อย เสียงหนุ่มเป่าปากโห่แซวในขณะที่นักเรียนหญิงก็ส่งยิ้มให้ด้วยความยินดี แต่ยกเว้นนักเรียนหญิงสาวคนนั้น ที่มองเธอสองคนใบหน้าบึ้งตึง

“อย่าสนใจเลย สามคนนั้นไม่ชอบให้ใครชมว่าสวยกว่าพวกหล่อน” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาต้อนรับเธอถึงหน้าห้องพร้อมกระซิบ “ฉันชื่อ ซานิ เป็นหัวหน้าห้องที่นั่งสำหรับเธอสองคนอยู่ด้านหลัง ตามฉันมาสิ” เจ้าของเสียงเดินนำหน้าไปแล้ว ลีน่าและกอหญ้าจึงเดินตามไปหลังชั้นเรียน

ไม่รู้ว่ากอหญ้าคิดมากไปหรือเปล่า ตอนที่เดินผ่านสามคนนั้นเธอแอบเห็นคนหนึ่งที่ดูจะเป็นหัวหน้าแก๊งเหยียดริมฝีปากใส่เธออย่างจงใจ ดูเหมือนชีวิตในการเรียนจะไม่ค่อยราบรื่นซะแล้ว....

สองสาววางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะที่หัวหน้าห้องพามาส่งก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนั่งที่ตามเดิม ก่อนไปเธอยังส่งยิ้มให้พวกเธอด้วย

“ฉันชื่อเทย์โอหล่อทีสุดในห้องนี้ยินดีที่รู้จัก”

“โม้น่า ฉันต่างหากล่ะที่หล่อที่สุด ฉันแชมป์”

สองหนุ่มหน้าหล่อพุ่งหน้าเข้าหาทันทีที่หัวหน้าห้องเดินจากไปเล่นเอาสองสาวตกใจสะดุ้งมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้ทั้งสองหนุ่มก่อนตอบพร้อมกันเสียงอ่อย

“สวัสดี....”

“บ้านพวกเธออยู่ที่ไหน?”

“ใครเป็นคนมาส่ง?”

“แล้วมีแฟนรึยัง?”

ปัง!

เสียงเปิดประตูเสียงดังจนทุกสายตาต้องหันไปมองเป็นทางเดียวกัน แต่มันก็ทำให้สองหนุ่มตรงหน้าหยุดยิงคำถามใส่เธอสองคนได้ในทันที

“เซ็งว่ะ..” สองหนุ่มหันมาบุ้ยปากยักไหล่ให้สองสาวแล้วกลับไปนั่งโต๊ะเรียนตามเดิม

ชายหนุ่มรางสูงเดินมือล้วงกระเป๋ากางเกงนักเรียนเข้ามาพร้อมกับร่างแบบบางแต่สูงเพรียวของหญิงสาวอีกคน สายตาของทั้งสองเรียบนิ่งเดินผ่านสองสาวไปนั่งโต๊ะข้างๆกันที่ถูกจัดไว้ติดริมหน้าต่าง กอหญ้ามองใบหน้าเรียวคมของชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ก่อนที่แววตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นจะมองกลับมาเธอถึงหันกลับไปจ้องหน้ากระดาน ผู้ชายคนนี้...ทำไมดูลึกลับชอบกล หรือบางทีเธออาจจะอุตริคิดไปเอง

“ฉันชื่อคาร์เลย์ ส่วนนี่ เอลลูญ์ เธอสองคนคงเป็นนักเรียนใหม่” หญิงสาวข้างชายหนุ่มแนะนำตัว

กอหญ้าหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับรอยยิ้มตอบกลับจากคนที่นั่งถัดไปเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของแววตาเรียบนิ่งนั้นมองเธอแค่แว้บเดียวก็หันกลับไป เธอถึงได้แค่ขมวดคิ้วมอง

“ฉันลีน่า ส่วนเพื่อนฉันชื่อกอหญ้า” ลีน่ายิ้มแย้มให้คาร์เลย์

การเรียนของวันแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง กอหญ้าจึงสลัดความคิดทั้งหลายทิ้งไปในตอนนั้น แต่ตลอดชั่วโมงเรียนเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองคนโต๊ะข้างก็เห็นว่าเขาเองก็ตั้งใจมองกระดานจดจ่อกับการเรียนไมต่างจากคนอื่น

“ฉันว่าเขาหล่อดีนะ” ลีน่ากระทุ้งแขนใส่เธอ

ก่อนพักเที่ยงสองสาวแวะเข้าห้องน้ำ กอหญ้าหันมองเพื่อนสาวพลางเลิกคิ้ว

“เธอหมายถึงใครเหรอ?”

“ก็เอลลูญ์ไง เธอไม่คิดเหมือนฉันรึไงล่ะ”

“อ่อ...ก็ดี” เธอยักไหล่แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างมือ

“ดูเหมือนว่าเธอสองคนจะยังไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะ”

ร่างบางโดนชนจนเซไปติดผนังห้องน้ำ เธอมองคนที่เข้ามาชนอย่างตั้งใจแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เพราะดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสองคนสักเท่าไหร่

“ฉันว่าเธอพูดมาเลยดีกว่า เพราะอ้อมค้อมไปเราคงไม่รู้หรอกว่าเธอหมายถึงอะไร”

“ดี...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้มาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก “ห้ามแกสองคนยุ่งกับเอลลูญ์ของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”

“เธอเป็นแฟนเขาเหรอ?” ลีน่าอดถามไม่ได้

ตาเรียวมองมาอารมณ์ขุ่น เธอผลักไหล่ลีน่าจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น พอเริ่มเห็นท่าทางว่าเพื่อนจะมีปัญหา หญิงสาวสองคนที่เฝ้าหน้าห้องน้ำก็เดินอาดเข้ามาประกบข้างสายตาจ้องมองสองสาวอย่างเอาเรื่อง

“ใช่! แล้วแกจะทำไม”

“ฉะ...ฉันก็แค่ถามเฉยๆ” ลีน่าตอบเสียงสั่นหน้าซีด

“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ซะ”

นิ้วชี้จิ้มลงกลางหน้าฝากสองสาวเรียงตัว จนทั้งสามเดินออกจากห้องน้ำไปกอหญ้ากับลีน่าจึงลุกขึ้นปัดกระโปงป้อยๆ ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแหยๆ

“เธอคงไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอกนะลีน่า” กอหญ้าเอ่ยถามเพื่อน

“ก็แค่เห็นเค้าหล่อดีเฉยๆไม่ได้ชอบหรอก”

“ดีแล้ว”

ทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปโรงอาหารอยู่อยู่ไม่ไกล แต่พอเดินมาระยะหนึ่งกอหญ้าก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินเลาะเลี้ยวไปทางหลังอาคาร และดูเหมือนว่าเขาเองจะรู้ตัวว่ากำลังโดนเธอมองอยู่จึงตวัดสายตามองมาจนทั้งสองประสานสายตากันเพียงแว้บเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันกลับแล้วเดินหายไปด้านหลังอาคาร

“มีอะไรเหรอกอหญ้า” ลีน่าเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนหยุดเดิน หล่อนมองไปตามสายตาของเพื่อนแต่ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า

“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ” เธอตอบแล้วก็เดินนำหน้าไป

ภายในโรงอาหารเสียงดังจอแจ กอหญ้าซื้อข้าวเสร็จก็เดินมานั่งโต๊ะรอลีน่าที่แยกออกไปซื้อน้ำ ไม่นานนักหล่อนก็เดินฉีกยิ้มกลับมาพร้อมกับหญิงสาวที่เธอจำได้ว่าหล่อนคือซานิหัวหน้าห้องนั่นเอง

“ขอนั่งด้วยคนนะ”

“เอาสิ ดีซะอีกนั่งกินหลายๆคน”

สามสาวนั่งทานข้าวคุยกันอย่างออกรสเอ่ยถามกันโน่นนี่นั่นจนเริ่มรู้สึกสนิทกัน ซานิดูเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนง่ายแถมคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ

“จริงสิ ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย” ลีน่าเอ่ยขึ้น

“ว่ามาสิ”

“คือ...ฉันอยากรู้ว่าสวนกุหลาบด้านหลังนั้นเป็นของโรงเรียนหรือเปล่า”

จบคำถามของลีน่าทั้งสองก็มองซานิจดจ่อรอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าคนพูดเจื้อยแจ้วเมื่อครู่จะเงียบกริบแล้วยังหน้าซีดไปอีก นั่นยิ่งทำให้คนที่รอฟังคำตอบอยากรู้เข้าไปอีกโดยเฉพาะกอหญ้า

“คือ...ฉันว่าพวกเธอไม่ต้องอยากรู้หรอก เพราะตรงนั้นเป็นที่ต้องห้าม”

“ทำไมแบบนั้นล่ะ ที่นั่นก็สวยออก”

นั่นสิ ทำไมกัน

“ฉันเองก็ไม่รู้...ฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะ”

ซานิลุกหายไปแล้ว ทิ้งให้สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ฉันว่าที่สวนกุหลาบนั่นต้องมีอะไรแน่ๆ” ลีน่าสันนิฐาน “หลังเลิกเรียนเราไปดูกันมั้ยกอหญ้า?”

คำชวนของลีน่าทำให้คำถามร้อยแปดที่เหมือนจะจางหายไปกลับมาก่อกวนเธออีกครั้งหลังจากวันนั้น บางทีเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เธอพบเจอในวันนั้นมันคืออะไรกันแน่

“ไม่ได้นะ...เธอสองคนห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด” ซานิที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ร้องเสียงดังจนหลายคนมองมายังพวกเธอ

“ทำไมล่ะซานิ ถ้าเธอไม่อยากให้พวกเราไปอย่างน้อยเธอก็น่าจะเล่าให้พวกเราฟังว่าทำไมที่นั่นถึงถูกห้ามให้เข้าไป”

ก็นั่นน่ะสิ...ทำไมที่นั่นถึงได้ถูกห้าม ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย

ซานิทำหน้าลำบากใจแต่ก็นั่งลงที่เดิมแล้วค่อยๆเล่าถึงสวนกุหลาบให้ทั้งสองสาวฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนกับกลัวว่าใครจะมาได้ยินสิ่งที่กำลังจะพูด

“มีคนบอกว่า เคยมีนักเรียนที่ฝ่าฝืนเข้าไปในนั้นแล้วหายตัวไป ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” คนเล่ากลืนน้ำลาย “อีกอย่าง ที่นั่นก็ไม่ใช่เขตของโรงเรียนแค่มีพื้นที่ติดกันเท่านั้น ด้านหลังมีรั้วลวดหนามกั้นอยู่”

“เธอหมายถึง...หายสาบสูญไปเลยน่ะเหรอ?” กอหญ้าเอ่ยถาม เธอเองก็อยากรู้เกี่ยวกับสวนกุหลาบนั่นเหมือนกัน

“ใช่...ผู้ปกครองจะฟ้องร้องทางโรงเรียนก็ทำไม่ได้ก็อย่างที่บอกว่าเพราะที่นั่นไม่ใช่ที่ของโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของที่ นักเรียนพวกนั้นแอบเข้าไปทั้งๆที่ทางโรงเรียนก็สั่งห้ามไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ถือว่านักเรียนเหล่านนั้นที่ผิดกฎ”

“เธอกำลังจะบอกว่า...มีนักเรียนหายไปมากกว่าหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ”

ซานิไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ

กอหญ้าเริ่มคิดหนักเหงื่อเริ่มผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ แต่บางทีเรื่องนี้อาจจะแค่เป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่เห็นจะหายตัวไปเหมือนอย่างที่ซานิว่านี่นา แต่ถึงยังนั้นเธอก็ยังหาเหตุผลมาเป็นคำตอบให้กับตัวเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้อยู่ดี

“เธอไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมซานิ?”

หญิงสาวส่ายหัวให้เธอแทนคำตอบก่อนพูด “ไม่เชื่อเธอลองไปถามใครก็ได้ แต่ยกเว้น เอ่อ....” สีหน้าเธอดูหนักใจที่จะพูดถึงใครคนนั้น

“ใครเหรอซานิ” ลีน่าเร่งเร้า

“ก็คาร์เลย์กับเอลลูญ์น่ะสิ”

“ทำไมถึงถามสองคนนั้นไม่ได้”

“ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกันน่าแล้วพวกเธอจะไม่เดือดร้อน ฉันต้องรีบไปแล้ว” ไม่ทันที่ทั้งสองจะทันได้เอ่ยถามอะไรต่อซานิก็เดินหายไปซะแล้ว

“ฉันว่ามันต้องมีอะไรที่นั่นแน่ๆ” ลีน่าพูดลอยๆ

แต่นั่นเป็นคำพูดที่สามารถปลุกต่อมความอยากรู้ของกอหญ้าได้ไม่น้อย ถ้าอยากรู้นัก ก็ต้องสืบให้รู้สิว่าทำไมต้องห้ามเข้าไป แล้วคนที่หายไปไปอยู่กันที่ไหน ถ้าเป็นอะไรไปก็น่าจะพบหลักฐานะไรสักอย่างสิ จะหายสาบสูญไปเลยได้ยังไงกัน

“กอหญ้า...เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า” ลีน่าสะกิดจนเธอสะดุ้งพร้อมกับเรียกชื่อเพื่อนซ้ำเป็นครั้งที่สาม

“วะ..ว่าไงนะ”

“ก็ฉันถามว่าเธอนั่งเหม่อทำไมน่ะสิ แล้วสรุปว่าเหม่อคิดอะไรอยู่ยะ?”

“เปล่า...ไม่มีอะไร ฉันก็คิดเรื่องโน่นนี่นั่นไปเรื่อย” เธอตอบ

กอหญ้ายังไม่อยากเล่าเรื่องที่แอบเข้าไปในสวนกุหลาบในวันนั้นให้เพื่อนฟังจนกว่าเธอจะหาคำตอบบางอย่างได้มากกว่านี้

หลังโรงเรียนงั้นเหรอ?...

สองสาวเดินออกจากโรงอาหารมานั่งเล่นใต้ต้นก้ามปูใหญ่ใกล้ๆสนามบอลรอเวลาเข้าเรียนในภาคบ่าย ซึ่งจะเริ่มในอีกราวๆยี่สิบห้านาที

“ฉันปวดท้องเข้าห้องน้ำ เธอจะไปกับฉันไหมลีน่า”

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวฉันนั่งอ่านหนังสือรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”

กอหญ้าพยักหน้าให้เธอแทนคำตอบแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก แต่พอเดินมาถึงจุดที่เธอเห็นเขาคนนั้นเดินเข้าไปหญิงสาวก็หยุดเดินแล้วมองไปตามแนวอาคาร ทางนั้นน่าจะเป็นหลังโรงเรียน เขาจะไปที่นั่นทำไมนะ ‘สวนกุหลาบติดกับด้านหลังของโรงเรียน’ ใช่จริงๆด้วย เท้าของเธอเร็วยิ่งกว่าความคิด กอหญ้าเปลี่ยนเป้าหมายจากห้องน้ำเป็นหลังโรงเรียนในทันที

ถัดจากอาคารเรียนสามชั้นด้านหน้าเป็นอาคารชั้นเดียวที่มีไว้เก็บของพวกจำพวกโต๊ะเก้าอี้ต่างๆ มองลึกเข้าไปอีกก็จะเห็นเป็นรั้วลวดหนามกั้นเหมือนอย่างที่ซานิว่า กอหญ้าเดินมาหยุดอยู่หลังรั้วลวดหนามแล้วมองเข้าไปในสวนกุหลาบ ‘เอลลูญ์เข้ามาทางนี้ แล้วเขาเข้ามาทำอะไรในเมื่อก็ไม่เห็นมีอะไรนี้นา’ อยู่ดีๆก็ได้คำถามในหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เธอกำลังจะถอยหลังกลับแต่ก็เหลือบไปเห็นบริเวณที่รั้วขาดเป็นทางเข้าออกอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปตามทางนั้น หรือว่าเขาจะเข้าไปในสวนกุหลาบนี่นะ ต้องใช่แน่ๆ

ขาเรียวก้าวเข้ามาในสวนกุหลาบอีกครั้งโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากเขาเข้ามาในนี้จริงแล้วเธอจะตามเขาเข้ามาทำไม แต่ความอยากรู้นั้นมีอยู่มากจนมองไม่เห้นความขัดแย้งในความคิดในตอนนี้

กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เสียงสัญญาณเตือนเข้าเรียนภาคบ่ายดังขึ้นดึงสติของกอหญ้าให้กลับมา เธอชะงักฝีเท้าเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับ ‘คงไม่ได้เข้ามาหรอกมั้ง’ เธอคิดเช่นนั้นแล้วเดินกลับออกไป แต่ก่อนที่เธอจะไปก้าวขาพ้นเข้าไปในเขตรั้วโรงเรียนกิ่งกุหลาบที่ยื่นพ้นออกมาก็ข่วนเข้าที่ต้นแขนจนได้แผลเลือดซิบเข้าจนได้ ถึงแผลจะไม่ใหญ่ แต่ก็ควรจะล้างแผลเพื่อความปรอดภัย

กลิ่นเลือดลอยแตะจมูกกระตุ้นอารมณ์ร้อนในกายให้พลุกพล่าน นัยน์ตาสีแดงเพลิงจ้องมองสาวน้อยเดินหายกลับไปด้วยความหงุดหงิด

“ทำไมเธอถึงต่อต้านกับพลังสะกดจิตรได้?”

“นั่นสิ...ทำไมถึงต้านทานได้”

คำถามนั้น เขาและเธอเท่านั้นที่จะต้องเป็นคนหาคำตอบให้กับตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา