หอคอยรักเจ้าชายแวมไพร์ (บทนำ)

9.0

เขียนโดย papa_sang

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.31 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,042 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 11.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

3
“นั่นแขนลูกลูกไปโดนอะไรมากอหญ้า” แม่เอ่ยถามเมื่อเธอวางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะ
“ต้นกุหลาบข่วนน่ะค่ะแม่”
“กุหลาบที่ไหน แล้วแผลลึกไหม?” น้ำเสียงเป็นห่วงพร้อมกับเดินมาจับแขนเธอพลิกดูโดยรอบ
“ไม่เป็นไรมากค่ะแม่แผลมันแค่นิดเดียว” เธอพูดยิ้มๆ “แม่ทำยังกับหนูแขนหักอย่างนั้นแหละแผลเท่าเส้นผม”
“แม่ไม่รู้นี่ ก็เห็นปิดแผลซะขนาดนั้น”
กอหญ้าแกะผ้าพันแผลออกเผยให้เห็นรอยข่วนที่ใหญ่กว่าเส้นผมอย่างที่เธอว่านิดเดียว “กอหญ้าแค่ไม่อยากให้มันโดนฝุ่นตอนนั่งรถมาเท่านั้นเองค่ะ” หญิงสาวรีบบอกเจตนาเพื่อให้มารดาคลายความกังวลลงบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปเอาพลาสเตอร์มาติดแผลให้ก็แล้วกันจะได้ไม่เกะกะ”
หลังจากได้พลาสเตอร์ติดแผลเรียบร้อยแล้วเดินถือกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาช่วยแม่ในครัวต่อ
“เอ่อ...แม่คะ” เธอเรียกด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก แต่คนที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยินถนัด
“หืม ว่าไง” เธอขานรับพร้อมเลิกคิ้วมองลูกสาว “มีอะไรงั้นหรือ”
ไม่รู้ว่ากอหญ้าควรจะถามดีหรือเปล่า เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอสมควรจะรุ้เลยแม้แต่นิด แต่พอคิดดูดีๆแล้วถามไปก็คงไม่มีอะไรเสียหายเธอจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“สวนกุหลาบนั้น...เป็นของใครเหรอคะ”
สองแม่ลูกตักอาหารมาวางบนโต๊ะที่มีคุณตาของกอหญ้านั่งรออยู่ก่อนแล้ว ถึงท่านจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงดีจนเดินเหินไปไหนมาไหนได้ไม่รำบากมากนัก แต่ก่อนที่แม่ของเธอจะเอ่ยตอบคำถามของเธอคุณตาก็ขัดขึ้น
“จะรู้ไปทำไมเป็นเด็กเป็นเล็ก” น้ำเสียงน้ำเหมือนจะตำหนิคนเป็นหลานอยู่นัยน์ๆก่อนที่จะเอ่ยต่อ “แล้วสร้อยที่ตาให้ไว้ยังใส่อยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ..หนูใส่มันตลอดเวลาตามที่คุณตาบอก” เธอล้วงมันออกมาจากคอเสื้อให้ดูว่าใส่ไว้เหมือนที่บอก “ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับสวนกุหลาบนั้นเหรอคะ” เธอยังคงถามด้วยความอยากรู้
แววตาคนมีอายุกระตุกวูบหนึ่งแล้วมองอาหารบนโต๊ะ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าถอดมันออกก็แล้วกัน” น้ำเสียงดูจะเฉไฉไม่อยากตอบเสียมากกว่า “กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวอาหารจะเย็นไม่อร่อย”
กอหญ้าหันไปสบตาแม่ของเธอและก็ดูเหมือนว่าแม่เองก็จะสงสัยไม่ต่างไปจากเธอเลย ยิ่งทำให้เธออยากรู้เรื่องสวนกุหลาบนั่นยิ่งขึ้นไปอีก แล้วสร้อยเส้นนี้เกี่ยวอะไรด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งแต่สงสัย
“คุณตาทานก่อนเถอะค่ะ กอหญ้าจะออกไปนั่งอ่านหนังสือสักพักก่อน เย็นๆถึงจะทาน” เธอบอกยิ้มๆ
สี่โมงเย็นเป็นเวลาอาหารของคุณตาเพราะท่านต้องทานอาหารก่อนทานยา ส่วนเธอกับแม่นั้นมักจะทานหลังหกโมงไปแล้ว คนสูงวัยพยักหน้าน้อยๆให้หลานสาว ก่อนจะเอ่ย “อย่าเข้าใกล้สวนกุหลาบเด็ดขาด นี่คือคำสั่งของตา”
หยิงสาวมองคนเป็นตาด้วยความใคร่รู้แต่ก็เงียบก่อนจะรับคำเบาๆ “ค่ะ...”
ที่ศาลาริมน้ำยามเย็นอากาศเย็นสบายลมพัดเฉื่อยโชยกลิ่นกุหลาบจางๆ มันยิ่งทำให้เธออดที่จะให้ความสนใจมันไม่ได้ช่อดอกกุหลาบหลายร้อยหลายพันช่อไหวไปตามลมคล้ายกำลังเอ่ยชวนเธอให้เข้าหา และสุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้ที่จะปิดหนังสือไว้แล้วเดินไปเอียงมองมันข้างรั้ว
“อยากรู้จังว่าในนั้นมีอะไรกันแน่”
พอคิดถึงคำสั่งห้ามของคุณตาแล้วกอหญ้าก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะตัดใจกลับหลังหันให้มันหักห้ามความอยากรู้ในตัวเอง
พึบ.....
เหมือนจะมีอะไรสักอย่างวิ่งผ่านหลังเธอเข้าไปในสวนกุหลาบ กอหญ้าหันกลับไปมองก็เห็นแต่กิ่งกุหลาบที่เอนลู่ไปตามลม คิ้วโก่งขมวดเป็นปมแน่นเอียงคอมองหาที่มาของเสียงเมื่อครู่ แต่ก็เห็นเพียงความว่างเปล่า นี่ก็ยังไม่มืดเข้าไปดูสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง สุดท้ายเธอก็คงต้องพ่ายแพ้ให้กับความสงสัยของตัวเองอีกจนได้เมื่อขาเรียวก้าวผ่านรั้วลวดหนามเข้ามายังสวนกุหลาบที่เหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดให้เธอเข้ามาที่นี่ทุกครั้งที่มองมัน
มาถึงหอคอยเดิมที่เธอเคยเข้าไปหลบฝน กอหญ้าก็แง้มประตูเปิดเข้าไปดูก็ยังเห็นเพียงแค่กุหลาบต้นเดิมต้นนั้น แต่ทำไมดอกของมันยังสวยสดอยู่เลยล่ะ ด้วยความสงสัยร่างบางจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อสังเกตให่แน่ชัด หรือนี่จะเป็ฯดอกใหม่ที่เพิ่งจะผลิบาน แต่ทำไมตำแหน่งของมันยังอยู่ที่เดิมเหมือนอย่างที่อยู่เมื่อเดือนที่แล้วที่เธอเข้ามา เธอเอื้อมมือไปแตะกลีบกุหลาบสีขาวสะอาดพลันรู้สึกว่าสายตาพล่ามัวจนสุดท้ายก็ล้มลงตรงนั้นในความมืดมิด
พึบ...
รางบางถูกช้อนขึ้นมาด้วยมือหนาของชายหนุ่มร่างสูง จับต้นคอระหงส์นั้นเผยออกจนเห็นต้นคอขาวแล้วปัดเส้นผมที่ปกไหล่ออกไปก่อนที่จะโน้มหน้าลงไปจ่อปากที่ต้นคอของเธอเหมือนกับที่เคยทำกับเหยื่อที่หลุดเข้ามาทุกคน เขี้ยวยาวทั้งสองงอกยาวออกมาอย่างรู้หน้าที่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ฝังมันบนต้นคอนั้นก็ต้องชะงัก
“หยุดทำไม...รีบๆจัดการเธอซะ” เสียงคนข้างหลังเร่งเร้า
กลิ่นหอมจากร่างบางตรงหน้านี้ช่างหอมหวาน แต่พอมองหน้าเธอทีไรเหมือนหัวใจมันจะเต้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ‘บ้าน่า...หัวใจนายจะเต้นได้ยังไง นายเป็นแวมไพร์นะเอลลูญ์’ ชายหนุ่มได้แต่เตือนตัวเองในใจ
พอคิดได้เช่นนั้นเขาจึงจ่อเขี้ยวคมลงที่ต้นคอนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าพอปลาบเขี้ยวนั้นแตะถูกต้นคอเพียงนิดเดียวร่างของแวมไพร์หนุ่มก็ต้องเจ็บปวดราวกับโดนไฟฟ้าช็อตเจ็บแป๊บไปทั่วตัวจนต้องปล่อยมือออกจากหญิงสาวจนร่างของเธอหล่นลงพื้นแน่นิ่ง
“เป็นอะไรไป?” เสียงนั้นบ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจพร้อมกับปรี่เข้ามาที่ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่
“ฉันก็ไม่รู้ มันเจ็บไปทั้งตัวตอนที่จะกัดเธอ ฉันทำไม่ได้” เขาตอบ
มือเรียวถกคอเสื้อของคนที่นอนหมดสติอยู่ลงเสียงจร้าสะท้อนเข้าตาจนเธอจ้องยกแขนขึ้นมาบังก่อนที่ร่างนั้นจะบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปปล่อยมือหญิงสาวตรงหน้าแล้วร่างของแวมไพร์สาวก็หายวับไปจากตรงนั้น
น่าแปลกที่เอลลูญ์กับเห็นมันเป็นเพียงแค่จี้อะไรสักอย่างที่ห้อยอยู่ที่คอเธอไม่ได้มีแสงแสบตาเหมือนที่แวมไพร์สาวเห็น
“เอามันออกไป..” เสียงนั้นดังก้องไปทั้งหอคอย
เอลลูญ์อุ้มร่างของหญิงสาวหายออกไปจากหอคอยก่อนที่จะพาเธอมาที่ระเบียงบ้านที่เขาเคยมองเห็นเธอยืนอยู่ เขาเปิดประตูแล้ววางร่างเธอลงบนเตียงนุ่มแล้ววิ่งหายออกไปทางหน้าต่างก่อนที่เธอจะทันได้ตื่นขึ้นมาพบ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามร่างบางสั่นงันงกที่แอบอยู่ใต้บันไดหอคอย
“ไม่รู้...หล่อนต้องมีอะไรสักอย่างที่ต่อต้านฉันได้” หล่อนขบกรามแน่น “แถมมันยังจะสลายร่างฉันอีกด้วย” เธอว่า
“แต่ทำไมฉัน...” ชายหนุ่มเดินไปหยุดที่หน้าประตูมองไปยังระเบียงห้องนั้นที่ไกลออกไป “ถึงไม่เป็นแบบเธอล่ะ แค่รู้สึกเจ็บแป๊บเท่านั้นตอนที่จะกัดเธอ”
คำถามนั้นเธอเองก็ตอบเขาไม่ได้เช่นกัน ได้แต่พูดถึงจุดประสงค์ที่เธอต้องการให้เขาฟัง
“แต่ถึงยังไง วันนี้ก็ต้องหาเลือดมาให้ต้นกุหลาบภายในคืนนี้”
จบคำพูดของเธอ ชายหนุ่มมีสีหน้าหนักใจ สิ่งที่เธอบอกมา นั่นหมายถึงเขาจะต้องฆ่าคนอีกแล้วอย่างนั้นสิ
“รู้แล้ว..” เขาตอบแค่นั้นก่อนที่จะเดินหายออกไปปล่อยให้เธอมองตาม
ร่างบางค่อยๆขยับพร้อมกับปลอกตาที่กระพริบถี่ๆก่อนที่จะลืมตาขึ้นมองเพดานห้องนอน กอหญ้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นมากุมขมับไล่ความมึนงง
“เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ” เธอบ่นกับตัวเอง
ก่อนที่จะลงจากเตียงนอนเธอพบว่ากางเกงขาสั้นที่เธอใส่นั้นเปื้อนคราบฝุ่นข้างหนึ่งจึงขมวดคิ้วหวนนึกถึงที่มาของมัน เธอจำได้ว่าเธอเดินเข้าไปในสวนกุหลาบนี่นา แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง มองไปที่เตียงก็พบหนังสือที่เพิ่งอ่านวางอยู่ กอหญ้าเดินออกไปที่ริมระเบียงที่ยื่นออกไปนอกห้องนอนมองไกลไปทางสวนกุหลาบนั้นแล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
“ก็จำได้ว่าเข้าไปในหอคอยแล้ว...”
จากนั้นเธอก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย จำได้แค่ว่าพอจับกุหลาบดอกนั้นแล้วก็รู้สึกตาลายหน้ามืดแล้วก็เหมือนจะเป็นลมล้มไปตอนนั้น แล้วเธอจะมาอยู่บนเตียงในห้องนี้ได้ยังไง ไม่มีใครหรืออะไรที่จะเป็นพยานหลักฐานให้เธอได้เอ่ยถามเลยแม้แต่สิ่งเดียว นับวันคำถามในใจที่เธออยากรู้คำตอบนั้นก็มีมากขึ้นทุกวัน เสียงเคาะประตูหน้าห้องดึงให้เธอเลิกคิดถึงเรื่องนั้นชั่วคราวก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู
“คะแม่...”
“แม่คิดว่าอยู่ที่ศาลาซะอีก ไปตามไม่เจอเลยลองมาเคาะห้อง” แม่ถอนหายใจ “ปะ...ไปทานข้าวกัน”
“ค่ะ” กอหญ้าตอบรับแล้วเดินตามแม่ไปชั้นล่าง
ในอีกฟากหนึ่งของสวนดอกกุหลาบนั้นร่างสูงยืนมองเธออยู่ไกลๆ แต่เขากลับมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจนในขณะที่เธอมองเห็นเพียงแค่ต้นกุหลาบลางๆโบกพัดกิ่งก้านไปตามลม
เธอเป็นใครกันทำไมเขาถึงได้อยากรู้จัก ไม่เหมือนกับเหยื่อรายอื่นๆที่แค่หลงเข้ามาเขาก็จัดการได้เพียงเวลาไม่กี่วินาที แต่เธอคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าเลือดในกายจะกลับมาไหลเวียนอีกครั้ง จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง... นั่นก็คงเป็นคำถามของเขาที่ไม่มีใครตอบได้เช่นกัน
พอร่างบางหายไปจากระเบียง เขาจึงมายืนอยู่ที่ห้องที่เพิ่งมาส่งเจ้าหล่อนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากรู้จักกับเธอ เพราะอะไร...เขาไม่รู้ เอลลูญ์กวาดสายตามองไปโดยรอบห้องนอนสีหวานแว๋วแปลกตาที่เขาไม่เคยเห็น ภายในห้องจัดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย มีเตียงนอนกลางห้องกับชั้นวางหนังสือที่ตั้งติดผนังอีกฝั่ง ตรงนั้นยังมีโต๊ะเขียนหนังสือลายคิตตี้สีชมพูกับเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง ที่มุมปลายเตียงนั้นมีตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ เสียงฝีเท้าดังที่หน้าประตูห้องเอลลูญ์จึงรีบหลบไปที่ริมระเบียงด้านนอกเลื่อนประตูกระจกปิดให้สนิท แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องกำลังเดินมาทางนี้เขาจึงกระโดดลงจากระเบียงไป
“เมื่อกี้ก็ไม่ได้ปิดประตูนี่นา...” หญิงสาวแปลกใจเดินออกมาส่องหน้าที่ระเบียงแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรหรือใครอยู่แถวนั้น จะมีก็แต่ลมพัดเบาๆมาต้องหน้า
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เธอคิดว่าไม่ปรกติแต่จะเป็นอะไรนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงยังไม่ก็ควรจะระวังเอาไว้ไม่เสียหาย คิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงรีบเลื่อนบานประตูปิดให้มิดชิดแล้วล็อคให้เรียบร้อยตามด้วยเลื่อนผ้าม่านปิดทับอีกชั้น อย่างน้อยก็ไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาเห็นได้ แต่ก็คงไม่มีใครบ้าลุยน้ำมาปีนหาเอหรอกมั้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา