Perish Hell นรกหัวใจไพ่ตายสุดท้ายคือเธอ

9.2

เขียนโดย kurosaki

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.19 น.

  5 chapter
  30 วิจารณ์
  8,841 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จับยัดใส่นรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 บทที่ 1 จับยัดใส่นรก

ฉันดันแว่นกันแดดลงมาปิดแววตาที่เหี้ยมเกรี้ยม ซึ่งพร้อมแล้วที่จะบดขยี้อีกฝ่ายอย่างไร้ความปราณีก่อนจะหักพวงมาลัยเขาไปจอดรถในชั้นใต้ดิน บริษัทที่ดูใหญ่โตแต่ฉันไม่ยักจะมองเห็นความดูดีมีราศีสักเท่าไหร่เลย หึ ก็มันแน่อยู่แล้ว เอาเงินบริษัทคนอื่นมาใช้นี่นา ราศีหรือความดูดีหรูหราก็หมดไปเพราะการละลายทรัพย์อย่างบ้าคลั่งของอพวกยนรกรับประทานกระบาลพวกนี้แล้วล่ะ 
ร่างสูงระหงของฉันเดินไปหยุดอยู่ที่พนักงานสาวประชาสัมพันธ์ เธอยิ้มให้กับฉันก่อนจะเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“มาพบใครคะ” เธอกล่าวเสียงหวาน
“ฉันมาพบคุณ ทรงเกียรติอำพันแสงอรุณ จากบริษัท AME ค่ะ” ฉันกลอกเสียงหวานใส่พนักงานประชาสัมพันธ์ เหอะ ทุเรศคำพูดตัวเองจริงๆที่ต้องมาพูดแบบนี้...พูดแบบมีหางเสียง
“มีนัดกับท่านประธานรึยังคะ เพราะในสมุดรายการวันนี้ท่านประทานไม่ได้มีนัดกับใครเลยค่ะ” การเตรียมแผนร้ายๆที่ก่อนอื่นต้องหลอกให้เหยื่อตายใจแบบนี้ ฉันทำมานักต่อนักแล้วล่ะ ส่วนพวกโง่ๆก็เชื่อกันซัสนิทใจเลยทีเดียว
“ฉันมีนัดเป็นการส่วนตัวกับประทานของคุณค่ะ ช่วยบอกด้วยว่าประทานของคุณอยู่ห้องไหน ถ้าไม่บอกล่ะก็ประทานคุณอาจโมโหคุณก็ได้นะคะ เพราะฉันต้องคุยเรื่องสำคัญกับท่านประทานของคุณซึ่งเขาบอกว่าให้นัดมาอย่างลับๆแต่ติดที่ว่าฉันลืมถามเขาว่าอยู่ห้องไหน ดังนั้นเรื่องนี้อย่าไปบอกใครนะคะไม่งั้นคุณมีสิทธิ์โดนไล่ออกแน่” พนักงานสาวหน้าซีดเผือกพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหอะ พวกโง่ๆที่กลัวการถูกไล่ออกก็เป็นแบบนี้กันหมด ฉันล่ะสงสัยจังทำไมคนพวกนี้ถึงไม่ตั้งใจเรียนให้สูงกว่านี้อีกนิดน้า จะได้ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องกลัวเจ้านายสับปะเลงเขแบบนี้
“สะ...ทราบแล้วค่ะ เรื่องนี้ดิฉันจะไม่นำไปบอกใครเด็ดขาด ท่านประธานกำลังพักผ่อนอยู่ชั้นสี่ที่ห้องของประทานเองค่ะ” ฉันละออกจากประชาสัมพันธ์แล้วเดินไปกดลิฟท์ หึ สวัสดีค่ะท่านประธานจอมโลภ นั่นแหละคำทักทายของฉันที่จะพูดกับเขาล่ะ
 
 
ฉันยืนหัวโด่อยู่หน้าประตูห้องประทานชั้นสี่ ยิ้มเยาะให้กับความโง่ที่คิดจะมาเป็นหนามเป็นเสี้ยนให้กับบริษัทฉันก่อนจะกดกริ๊งรัวๆๆ เพื่อให้เกิดความรำคาญอย่างกวนประสาท
“รู้แล้วครับจะไปเปิดแล้ว”  ถึงจะได้ยินเสียงคนอีกฟากนึงก็ตามแต่ถ้าหยุด นี่ก็ไม่ได้เรียกว่าการกวนประสาทน่ะสิ ถูกมั้ย?
กริ๊งงงงงง~
“มาแล้วครับ เฮ้ย!” หลังจากที่คนอีกฝากเปิดประตูฉันก็กระชากคอเสื้อเขาแล้วกระแทกเขาไปชิดกำแพงซ้าย ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยให้ประตูปิดแล้วเข่าไปที่ลูกบิดเพื่อล๊อคก็เป็นอันเรียบร้อย
“สวัสดีค่ะ ท่านประทานจอมโลภ” ฉันพูดตามสคิปที่คิดเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่แล้วคนตรงหน้าที่มีเรือนผมสีเพลิงแสดแววตาสีดำใสๆก็ขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่เมื่อฉันพูดประโยคนั้นจบลง
“ผะ...ผมไม่ใช่ประธานนะ พ่อผมต่างหากล่ะที่เป็นน่ะ” ฉันเลิกคิ้วอย่างแล้วส่งรอยยิ้มเย็นไปให้คนตรงหน้า หึ ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครล่ะ ก็ตรงอกเสื้อของนายน่ะมีชื่อว่า นาย ทรงเกียรติ อำพันแสงอรุณ
“อ้อ เหรอแต่ยังไงนายก็ต้องมากับฉันอ่ะนะ มานี่!” ฉันกระชากคอเสื้อเขาอีกครั้งแล้วจับทุ่มไปนอนลงบนโซฟาแต่หมอนี่ขัดขืนอยู่ไม่น้อย เห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงเลยคิดว่าสู้ไม่ได้สินะ แต่ขอโทษเหอะ ฉันน่ะเรียนศิลปะการผ่อนแรงและเอาแรงของคู่ต่อสู้มาเป็นแรงของตัวเองที่มีชื่อว่ายูโดมาตั้งแต่สามขวบแล้ว ไม่มีทางที่จะเอาผู้ชายคนเดียวไม่อยู่หรอก ฉันกระโดดลงไปนอนทับไอ้คุณทรงเกียรติแล้วยิ้มยะเยือกไปให้อีกละลอก
“นายน่ะ ถ้าไม่อยากตายล่ะก็เอาเงินจากบริษัทของตระกูล ‘พนมคราม’ คืนมาดีกว่านะ” ฉันพูดพรางเปลี่ยนจากท่านอนทับมานั่งทับแทนและก็ใช้มือซ้ายจับคอมือขวาของเขาแล้วจัดการบิดมัน
“โอ๊ย! เจ็บนะนี่เธอทำอะไรเนี่ย” ฉันเมินเสียงร้องของคนตรงหน้าก่อนจะใช้มือขวาของตัวเองจับมือซ้ายของเขาแล้วรวบมันไว้กับมือขวา กระแทกลงบนเบาะโซฟาเหนือหัวอย่างแรง
“อย่ามาทำไขสือ บริษัทที่นายโกงเงินไปแค่ไม่กี่วันกลับจำไม่ได้แต่เงินที่ได้มาเนี่ยคงจะจำได้แม่นเลยสินะ” ฉันกดน้ำหนักลงบนท้องของคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างจงใจ
“ก็ถึงได้บอกไงเล่า! ว่าผมไม่ใช่ประธาน พ่อผมต่างหากที่เป็นประทาน เฮ้ย!” จบคำพูดของคนตรงหน้าฉันก็จัดการดึงป้ายชื่อที่อยู่ตรงหน้าอกข้างขวาของเข้าออกมา
   “ป้ายชื่อสวยดีนะ มันอ่านว่า ประธาน ทรงเกียรติ อำพันแสงอรุณ แหนะ”ฉันยื่นป้ายชื่อไปตรงหน้าของคนที่อยู่ใต้ร่าง เขาทำปากเบะๆเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่แต่ใครสนล่ะหลักฐานก็พร้อมขนาดนี้
“ไม่ใช่นะ ผมเป็นลูกชายของพ่อทรงเกียรติจริงๆ ผมชื่อเทล ไม่ใช่ทรงเกียรตินะ”
“คิดว่าจะหลอกฉันได้หรอ? นี่!” ฉันกดน้ำนั่งลงไปที่ท้องของสมเกียรติ ที่อ้างว่าตัวเองชื่อ ‘เทล’ หนักกว่าเดิม ใครมันจะไปเชื่อล่ะ
“โอ๊ย! เธอมันพวกสาย S ชัดๆ ทรมาณคนอื่นเป็นว่าเล่นเลยนะ!! ผมชื่อเทล เป็นลูกแท้ๆของประธานบริษัท อำพันแสงอรุณจริงๆ ช่วยฟังผมเล่าความจริงก่อนได้มั้ย” ฉันหยุดกดน้ำหนักแล้วปล่อยตัวเองนั่งทับคนข้างใต้อย่างสบายๆ
“ถ้างั้น...นายมีเสื้อสูทและป้ายชื่อของพ่อนายได้ยังไง” ฉันเลิ้กคิ้วถาม
“ผมก็แค่...เล่นซนเท่านั้นเอง อยากลองเล่นเป็นพ่อดูสักครั้งแล้ววันนี้มันประจวบเหมาะพอดีเพราะพ่อต้องออกไปทำธุระเร่งด่วนก็เลยรีบถอดเสื้อกับป้ายไว้ที่โต๊ะทำงาน ผมก็เลยลองเอามาใส่เล่นดูแล้วอยู่ดีๆก็มีคนกดกริ๊ง ก็เลยกะจะไปเปิดจนลืมถอดเสื้อของพ่อออก แล้วพอเปิดประตูออกผมก็โดยเธอจับกระแทกกำแพงเข้าซะแล้ว” คนตรงหน้าอธิบายเร็วปรือ แต่มีรึฉันจะยอมเชื่อง่ายๆ
“นายมีอะไรมาพิสูจน์ ว่านายไม่ใช่ประธานทรงเกียรติ”
“ผมมีบัตรประชาชนเก็บไว้ที่กระเป๋ากางเกง ปล่อยมือผมก่อนแล้วผมจะหยิบออกมาให้ดู” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างเลือดเย็นแล้วพูดออกมาว่า...
“ฉันหยิบเอง นายอาจตุกติกได้” ถึงมือจะคลำไปที่กางเกงแต่หน้าฉันก็ยังคงมองเขาไม่ละ ถ้าเกิดขัดขืนขึ้นมาฉันคงไม่มีเวลาเอาแรงจากคู่ต่อสู้มาหรอก ดังนั้นฉันจะไม่ประมาท อะไรแข็งๆ บัตรประชาชนมั้ง แต่มันติดอะไรอยู่เนี่ย! บ้าจริง! ฉันออกแรงดึงฮึดสุดท้ายอย่างแรง
“อ๊ากกกก!!!” เสียงตะโกนลั่นดังกังวานไปทั่วห้องของผู้ชายตรงหน้าทำเอาฉันสะดุ้งก่อนจะเปลี่ยนมือที่กำลังดึงบัตรประชาชนมาปิดปากคนข้างใต้แทบไม่ทัน ไอ้บ้านี่! จะร้องทำแป๊ะอะไรวะ!!
“คุณหนูครับ เกิดอะไรขึ้น” แต่คงจะไม่ทันจริงๆแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันควรทำยังไงน่ะหรอ ง่ายๆก็แค่...
“เฮ้ย!” พลิกร่างกายสลับกับเทลอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้มือขวาจับที่คอเสื้อเขาเหมือนเมื่อตอนแรก ส่วนมือซ้ายก็รีบปลดกระดุมบนออกอย่างรวดเร็ว จนคนที่กำลังคร่อมฉันอยู่เบิกตากว้าง แต่ใครสนล่ะ ฉันยังไม่อยากถูกจับได้ตอนนี้นี่นา!
“ถ้านายจำลายบราของฉันได้ล่ะก็ ฉันจะฆ่านาย!!” ฉันพูดรอดไรฟันด้วยสีหน้าที่โกรธกับรู้สึกโมโหที่ตัวเองดันเขินให้กับศัตรูไปซะได้ โอ๊ยๆๆๆๆ
เทลหันหน้าหนีหน้า(อก)ฉัน ฉันเลยจัดการเอามือซ้ายจับที่คางของเค้าให้หันมามองหน้าฉัน อย่าคิดว่าฉันซาดิสซ์เชียวนะ ถ้าหมอนี่ไม่มองมาที่ฉันแล้วแผนมันจะสำเร็จมั้ยเล่า!
“คุณหนู!! ผมจะเข้าไปแล้วนะครับ” และอีกสามวินาทีแผนการก็จะสำเร็จ สาม สอง หนึ่ง ฉันนำมือทั้งสองข้างกดท้ายทอยของเทลต่ำลงมาจนริมฝีปากเราทั้งสองประกบกัน
“คะ...คุณหนู” พนักงานชายพูดเสียงเบาหวิว เมื่อมาเห็นภาพตอนที่ฉันกับเทลประกบจูบกันอย่างดูดดื่ม จะเรียกแบบนั้นได้รึเปล่านะ หมอนี่จูบไม่เก่งเอาซะเลย น่าหงุดหงิดเป็นบ้า จูบของจริงนะมันต้องแบบนี้ต่างหากเล่า!  
ฉันเริ่มใช้ความนุ่มจากริมฝีปากเป็นตัวค่อยกระตุ้นให้คนตรงหน้าอยากลองสัมผัสมันมากขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผล เทลตอบรับสัมผัสอ่อนนุ่มของฉันด้วยการโต้กลับอย่างหวานละมุน นี่หรือว่า เขาจูบเก่งแต่แค่อัดอันไว้เพราะไม่อยากจูบกับฉัน เหอะ! งั้นก็ของแสดงความเสียใจด้วยนะที่มันหยุดในความต้องการไม่ได้น่ะ ถึงเขาจะเป็นศัตรู แต่มันคนล่ะเรื่องกับบทความหวานละมุนที่ช่วงท้องเหมือนมีอะไรบางอย่างบินว่อนเต็มไปหมด รู้สึกดีจนไม่อยากละออกจากสัมผัสนี้เลย สัมผัสอันอ่อนหวาน ที่หอมอบอวลไปกับความอบอุ่นถูกแพร่ซ่านโดยความนุ่มละมุนจากสัมผัสของฉันและสัมผัสที่รุกล้ำของเขา
เทลล่ะริมฝีปากออกจากฉันแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบกับพนักงานชายที่เข่าอ่อนช๊อคโลกสุดๆ
“ออกไปซะ ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป นายจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่เป็นครั้งที่สอง” พนักงานชายหน้าซีดเผือกรีบวิ่งแจ้นออกจากหน้าห้องอยากรวดเร็ว หมอนี่ ถึงจะทำหน้าตาน่ากลัวหรือพูดเสียงเย็นเฉียบก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจว่าจะกลัวทำไม...
“ทีนี้เธอเชื่อรึยังล่ะว่าผมไม่ใช่ประธานแต่เป็นลูกชายของประธาน” คนตรงหน้ายิ้มพลางหัวเราพลางในลำคออย่างไม่ปิดบัง
“ก็คงเชื่อ แต่ฉันก็จะไม่ปล่อยนายไว้หรอกนะ นายต้องมากับฉัน!!”
“เฮ้ย!” มือเล็กๆของฉันซึ่งกระชับคอเสื้อของคนตรงหน้าไว้แน่นและออกแรงดึงเพื่อให้เดินตามมา เทลขัดขืนฉันแทบเป็นแทบตาย แต่อย่าลืมสิว่าฉันเรียนยูโดมาตั้งแต่เด็ก การผ่อนแรงเป็นอะไรที่ง่ายมาก บิดข้อมือกริกเดียวเขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว
“ผมไม่ใช่ประธาน เธอก็รู้แล้วไม่ใช่รึไง จะเอาผมไปทำอะไรก็ไม่ได้ ปล่อยผมไปเหอะ” ฉันตวัดสายตาไปหาเทล โง่สิ้นดี!
“เอานายเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ แต่เอ...คงไม่ใช่การเรียกค่าไถ่หรอกมั้ง ก็เงินที่จะเอามาประกันตัวนายน่ะ มันเงินของครอบครัวฉันทั้งนั้นเลยนี่นา” ฉันพูดพลางกระชากเทลให้เดินลงจากบันไดหนีไฟ ที่ฉันเลือกทางนี้ก็คงรู้ๆกันอยู่ล่ะว่าเป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนใช้สักเท่าไหร่ ทุกคนมักจะใช้ลิฟท์กันหมด ที่รู้เพราะฉันเองถ้าให้เลือกระหว่างลิฟท์กับบันไดก็ต้องเลือกลิฟท์เหมือนกันนั่นแหละ =_=^
“ค่าไถ่งั้นหรอ โอ๊ย! เจ็บ” ฉันบิดเข้าที่เอวของเทลแรงๆ สิ่งที่เขาพูดมันไม่ค่อยเข้าหูฉันเท่าไหร่เลยแหะ ค่าไถ่ เหอะ ถ้านั้นมันเป็นเงินของบริษัทนายเองน่ะนะ
“อย่าพูดให้ขำหน่อยเหอะ ค่าไถ่มันคือเงินที่จะมาไถ่ตัวนาย แต่นี้ไม่ใช่ เพราะมันเป็นเงินที่ฉันควรจะได้มันมาอยู่มืออยู่แล้วต่างหาก มันต่างกัน!” ฉันกระแทกเท้าลงบันไดอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ทางออกประตูหนีไฟแล้วหันหลังไปสบตากับแววตาสีดำขริบของเทลอย่างเหี้ยมเกรียม
“นายต้องออกไปอย่าให้มีพิรุธ ถ้าคิดตุกติกฉันยิ่งไส้แตกแน่!!”
“เธอมีปืนด้วยหรอ” เทลทำตาโตอย่างตกใจ ก็เออน่ะสิ เพื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วจะทำยังไง อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดจะยิงใครตายอยู่แล้วล่ะน่า =_=!
“อยู่ในนี้” ฉันชี้ไปยังร่องอก ซึ่งเป็นที่เก็บซ่อนปืนที่ยังไม่ได้ขึ้นนก ถ้าขึ้นนกแล้วมันลั่นฉันได้นมแตกพอดี =_=;;
“อะ...อืม ผมไม่คิดตุกติกหรอกน่า” เทลหน้าแดงแปร๊ดอย่างกับมะเขือเทศทันทีที่ฉันพูดจบแล้วเขาก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เหอะแค่ร่องอกผู้หญิงหมอนี่ไม่เคยเห็นรึไง =_= ถ้าไม่เคยล่ะก็...ขอเน้น เด็กว่ะ
“เอ้า!” ฉันยื่นแขนไปให้เทลกะจะให้เขาควงเหมือนแฟนที่แอบคบกันอยู่ลับๆ แต่หมอนี่มัน...เซ่อชิบเป้ง เอาแต่ทำหน้างงอยู่นั่นแหละ เป็นไรมากป่ะ ชีวิตนี่นายไม่เคยควงผู้หญิงเลยรึไง
“จะให้ผมทำอะไร”
“เฮ้อ~ ยื่นแขนมา” ไม่ยอมควงไม่เป็นไร งั้นเปลี่ยนจากควงแขนเป็นโอบเอวเลยแล้วกันวะ งานนี้ฉันทุ่มสุดตัว  วิชเชิส นายติดหนี้ฉันล้นกะบาลเลยล่ะนะขอบอก
“อะ...เอ่อ”ฉันไม่ฟังเสียงขัดขืนของเทลแล้วลากเขาเดินไปเปิดประตูพร้อมกัน...แสงสาดส่องเขามาทางช่องทางออกจากบันไดหนีไฟ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันและเทลเด่นพอที่จะถูกจับตามองทั่วทุกสารทิศ พนักงานประชาสัมพันธ์หญิงเอ่ย พนักงานต้อนรับที่ตอนแรกฉันไม่เห็นหัวเขาเลย และพนักงานอีกเจ็ดแปดคนกำลังมองมาทางเรา ฉันเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวเดินไปอย่างไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น อยากมองก็เชิญเพราะยังไงพวกนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวจริงซึ่งอยู่หลังแว่นกันแดดสีมือนี้หรอก...
ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรทั้งสิ้นระหว่างที่เทล(ถูกบังคับ)โอบเอวฉันแล้วเดินมา สงสัยคงจะกลัวโดนไล่ออกถ้าเกิดปริปากพูดอะไรออกมาระหว่างนั้นล่ะมั้ง...
“เข้าไปนั่งในรถ”ฉันบอกเทลที่ทำตามอย่างว่าง่ายและก่อนที่เขาจะถามอะไรมากมายฉันก็จัดการมัดเขาด้วยเชือกที่ผูกอยู่ที่ขาอ่อนใต้กระโปรงของฉันมาตลอด จะเชื่อมั้ยว่าฉันเตรียมแผนนี้เมื่อวานตอนเย็นแล้วลงมือทำวันนี้โดยไม่มีอะไรผิดแผนเลย
“โอ๊ย! แน่นเกินไปแล้ว ช่วยคลายออกให้หน่อยสิ” เทลขอร้องฉันด้วยเสียงที่ออดอ้อนสุดชีวิตและพยามถูเชือกไปมา
“ไม่!!” ฉันตัดบทสนทนาก่อนจะเดินไปนั่งที่คนขับแล้วสตาทรถออกวิ่งด้วยความเร็วดังจะไปลงนรกอเวจี ไม่ๆ ฉันจะพานายไปลงนรกคนเดียวต่างหากล่ะเทล...หวังว่าคงสนุกกับการมียมทูตมารร้ายอย่างฉันทรมาณนะ!!
 

 
 ถ้าชอบก็อย่าลืมเม้นนะคะ แต่ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็ติได้เต็มๆเลยค่ะ ^^ โอ๊ะ ใครเล่น DEK-D เข้าไปอ่านบทความแล้วกด FAV. ได้เลยนะ
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา