Past-memories อดีต-ความทรงจำรักวุ่นๆกับยัยตัวร้าย

7.7

เขียนโดย Ryoko

วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.34 น.

  25 ความทรงจำที่
  44 วิจารณ์
  25.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เจ้าชายแห่งรัตติกาล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 เจ้าชายแห่งรัตติกาล

 

          หลังจากที่ฉันได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันต้องหากับโพตส์ถึงจะยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรก็เถอะนะ แต่จะให้ฉันหามันก็ยังไงๆ อยู่ มันคืออะไรฉันก็ยังไม่รู้ แล้วมันตั้งอยู่ที่ตรงไหนของส่วนโลกฉันก็ยังไม่รู้เล๊ย! แล้วจะให้ฉันไปหาในขุมไหนเนี่ย?

          ฉันเดินคิดอะไรเพลินๆ ไปเรื่อยเปื่อยในหัวก็คิดถึงเรื่องที่น่าปวดหัวทั้งเรื่องที่โพตส์บอก ทั้งเรื่องที่สิ่งเจ้าพวกนั้นต้องการ อะไรที่มันสำคัญมากกว่าพลังของพระเจ้า ถ้าให้คาดเดาก็น่าจะเป็นศิลาทั้งสาม แต่ในโรงเรียนแบบนี้...ที่แบบนี้เนี่ยนะ จะมีชิ้นส่วนศิลาแผ่นที่หนึ่งอยู่!? ถ้ามีจริงฉันก็อยากจะรู้ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบใด จะคน สัตว์ หรือสิ่งของ? เฮ้ออ~ ถึงคิดไปมันก็ไม่ช่วยอะไรน่ะนะ มีแต่จะปวดหัวเปล่าถ้าถึงเวลา มันคงจะปรากฏออกมาเองล่ะอย่าไปคิดให้มันรกสมองเปลือกพื้นที่เลยดีกว่า

          "นี่..." จูจู่ก็มีเสียงเสียงหนึ่งเรียกฉันจากด้านหลัง และเมื่อฉันหันไปดูก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง..เธอสวยมาก เน้นว่ามากจริงๆ ผมเธอเป็นสีดำเงาเป็นประกาย ดวงตาสีแดงกล่ำ เธอส่งยิ้มเบาๆ มาให้ฉันก่อนจะเอ่ยว่า "เธอคิดว่ามันจะปรากฏออกมาเองจริงๆน่ะเหรอ?"

          เฮ๊!? นี่เธอกำลังหมายถึงอะไร?

          "มันจะไม่ปรากฏจนกว่าทายาทที่แท้จริงจะปรากฏ คำสาปที่ถูกตราไว้จะไม่มีวันหายไปตราบใดที่คนคนนั้นยังอยู่เจ้าชายแห่งรัตติกาล...เจ้าหญิงแห่งความมืด อาเรีย.." เมื่อเธอพูดจบก็เดินไปยังโรงยิมทันที

          เดี๋ยวสิ...ที่เธอพูดฉันไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวและคือคำสาป? แล้วเจ้าชายแห่งรัตติกาลคือใคร? ไหนเจ้าหญิงแห่งความมืดอาเรียอีกล่ะ?..และฉันก็ตัดสินใจวิ่งตามเธอไปในไม่กี่วินาทีที่เธอเดินจากไป

          "เดี๋ยวสิ..ฉันไม่เห็นจะ---"

          ......ไม่จริง......หายไปแล้ว เธอทำได้ยังไงกัน? ....เรื่องนี้มันชักจะไม่ธรรมดาแล้วสิ 'มันจะไม่ปรากฏจนกว่าทายาทที่แท้จริงจะปรากฏ' แล้วใครคือทายาทที่แท้จริงกันล่ะ? ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงมีเงื่อนงำซับซ้อนไปหมดฉันปวดหัวไปหมดแล้ว!!

          "คุรุมิจัง.." มีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อฉันขึ้นอย่างแผ่วเบา...มันดังมาจากข้างหลัง เมื่อฉันหันไปดูคนที่เรียกนั้นก็ต้องตกใจทันที .....คนบ้าอะไร! ทำไมไม่ตายๆไปซะ ไอผู้ชายทุเรศ!

          "ตายยากจริงนะนาย" ฉันเลี่ยงที่จะสบตาคนคนนั้นและเดินหนีออกมาทันที แต่เขาก็ยังไม่วายเดินตามฉันมาอีก เขาต้องการอะไรจากฉัน!?

          "นี่..ทำไมเธอถึงทำเหมือนรังเกลียดผมนักล่ะ?" เขาเอ่ยถามพร้อมเดินมาดักหน้าฉันไม่ให้เดินต่อ

          "ช่วยอย่ามายุ่งกับฉันจะได้มั้ย? ฉันมีเรื่องที่ต้องใช้สมองคิด" ฉันเอ่ยปัดๆ ส่งๆ และหันหลังตอบเดินไปทันทีแต่ตานั้นก็ยังตามมาอีก!!

          "เรื่องอะไรล่ะที่เธอต้องคิด เดี๋ยวผมช่วยคิดก็ได้" เขาเดินมาดักหน้าฉันอีก ยังไงกันแน่นะอีตาคนนี้!! -*-

          "เรื่องของฉัน อย่ายุ่งนายคิดไม่ออกหรอก!!" 

          "คิดสองคน ดีกว่าคิดอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ...?" เขาเอ่ยบอกฉันเล่นเอาฉันไปต่อไม่เป็นเลย... ก็ใช่แต่ว่า ฉันให้เขามายุ่งเกี่ยวอะไรมากไม่ได้หรอก

          "ฉันไม่เถียง แต่เรื่องนี้นายไม่ควรรู้.." ฉันบอกกับเขาไปตามความจริง หน้าก้มไม่กล้าเงยไปสบตากับเขาเพราะอะไรฉันก็ไม่รู้...

          "ฉันคิดด้วยไม่ได้เลยหรือไง?" เขาเอ่ยถามฉันเบาๆ และก็เปลี่ยนสรรพนามเฉยเลย ฉันรู้ว่าเขาอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของฉัน แต่ว่า..นี่มันเรื่องที่ฉันจะต้องคิดเอง

          "ฉันแค่อยากจะช่วยเธอ"

          "ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไรเรื่องนี้ฉันควรที่จะเป็นคนคิดมันเองมากกว่า" ฉันเอ่ยขอบคุณแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มบางๆไปให้เขาและเดินออกจากที่ตรงนั้นทันที ฉันก็ไม่ค่อยอยากให้เขาเสียความรู้สึกหรอกนะแต่ว่า..จะให้ฉันลากคนนอกที่ไม่รู้เรื่องอย่างเขามาเกี่ยวข้องด้วย มันก็กะไรอยู่ คงจะให้เขามาปวดหัวเพราะเรื่องของฉันไม่ได้หรอก..

          "หงุดหงิด..!" จูจู่ในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่ก็มีเสียงเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นและเมื่อฉันหันไปดูก็ได้พบกับผู้หญิงคนเดิมเธอยืนอยู่หลังใต้ไม้ที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้ แต่ตอนนั้นมันไม่มีใครเลยนี่ในบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีนักเรียนหรืแม้แต่คุณครูสักคนแล้วทำไมเธอถึงโผล่มาได้!?

          "ทำไมเธอถึงไม่ยอมเปิดใจ?"

          "เฮ๊!?"

          เธอกำลังพูดถึงอะไรน่ะ?

          "เขาคือกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ แต่เธอกลับปฏิเสธเขา...เธอคิดว่าเธอจะไขประตูยังไงถ้าไม่มีกุญแจ?"

          เขา? ทัตสึยะคุงน่ะเหรอ?

          "ทั้งที่เขาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงไม่จัดการให้จบๆ สักที เธออยู่ใกล้เขาแท้ๆ น่าจะรู้สึกอะไรที่แปลกไปบ้างสิ"

          ใช่! เธอพูดถูกทุกอย่างฉันอยู่ใกล้เขาและฉันก็รู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปจริงๆ พลังเวทย์ที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน พลังเวทย์มันมหาศาลมากแค่อยู่ใกล้ก็รู้สึกความกดดันทันทีก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่...

          "ฆ่าเขาซะ..!" 

          "!!!"

          ฉันถึงกับพูดไม่ออกทันทีที่เธอเอ่ยจบ ...จะให้ฉันฆ่าเขา...อย่างงั้นเหรอ? แล้วทำไมฉันต้องฆ่าเขา มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย! อยู่ๆก็มาสั่งให้ฉันไปฆ่าเขาแต่ไม่บอกเหตุผลที่ฉันต้องฆ่าเขาแล้วฉันจะทำได้ยังไงกัน!?

          "ถ้าเธอไม่ทำ...เธอนั้นล่ะที่จะเป็นฝ่ายที่ 'ถูกฆ่า' แทน" เธอเอ่ยเบาๆหากแต่เน้นคำว่าถูกฆ่าเป็นพิเศษก่อนจะเดินหายไปหลังต้นไม้ สายลมเย็นๆค่อยๆพัดมาอย่างแผ่วเบา ฉันยังจนอึ้งและตกใจกับคำพูดของเธออยู่ไม่ใช่น้อย ฉันจะฝ่ายถูกฆ่าเองงั้นเหรอ? นี่มัน..หมายความว่าไงกัน มะ..ไม่เข้าใจเลย..!!

 

 

          ณ ห้องเรียน

          ฉันเดินขึ้นมาที่ห้องเรียนของตัวเอง หัวก็คิดแต่เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูด ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยสักนิด! บ้าจริง! ปวดหัวไปหมดแล้ว..!

          "นึกแล้วเชี่ยวว่าต้องมาอยู่ที่นี่" มีเสียงหนึ่งดังมาจากประตูหน้าห้องเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปดูก็พบตาตัวปัญหาที่ทำให้ฉันต้องมานั่งปวดหัวกลุ้มอยู่แบบนี้ ตายยากจริงๆ!

          "มาทำไม?" ฉันเอ่ยถามอย่างห้วนๆ

          "ก็แค่..เป็นห่วงน่ะเห็นทำหน้าเกลียดขนาดนั้น" เขาค่อยๆ เดินมานั่งโต๊ะตรงหน้าฉันและหันหน้ามามองฉัน

          "ไม่จำเป็น" และฉันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมเดินหนีเขาทันที

          หมับ!

          แต่ก่อนที่ฉันจะได้เดินหนีเขาไปไกลกว่านี้เขาก็ยืนมือมาจับมือรั้งฉันไว้ไม่ให้ไปไหน พร้อมกับหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่ฉันเดินหนีและทำท่ารังเกลียดเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้

          "ทำไมถึงชอบทำท่าทางรังเกลียดฉันแบบนั้นด้วย?" เขาเอ่ยถามและทำหน้าเชิงไม่เข้าใจ

          "รังเกลียด? ฉันไม่ยักจำได้ว่าเคยทำอะไรแบบนั้น" ฉันเอ่ยไปห้วนๆ และมองหน้าคนตรงหน้าที่ทำสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง "พอเถอะ! ฉันมีเรื่องที่ต้องทำปล่อยมือได้แล้ว" ฉันเอ่ยบอกแทนที่คนตรงหน้าจะปล่อยมือฉันแต่กลับเขายิ่งบีบมือของฉันแน่นกว่าเดิมอีก ตานี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!?

          "ไม่ปล่อย จนกว่าเธอจะตอบคำถาม" ทัตสึยะว่าพลางทำสีหน้าจริงจัง

          "จะปล่อยไม่ปล่อย..?" ฉันเอ่ยถามเสียงเรียบ

          "ไม่" เขายังคงยืนยันคำตอบเดิม

          "ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย จะปล่อยไม่ปล่อย!?" ฉันกระแทกเสียงดังนิดๆเพื่อให้เขารู้ว่าถ้ายังจะยุ่งวุ่นวายกับฉันมากกว่านี้ ฉันจะโกรธเขาแล้วนะ

          "ไม่ปล่อย" ทัตสึยะยังคงยืนยันคำตอบเดิมด้วยท่าทางที่ไม่มีท่าทีกลัวฉันเลยสักนิด

          "ฉันเตือนนายแล้วนะ!" แม้ฉันจะเอ่ยไปอย่างนั้นแต่แววตาของเขาก็ยัคงฉายความมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีทางปล่อยมือฉันถ้าฉันไม่ตอบคำถามเขา หึ! นายมันบ้าเอง

          ตึก ตึก!

          "อึก!" ฉันยกมือขึ้นมากุมหน้าอกหลังจากที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอและอกทำให้หายใจไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ อะ..อะไรกัน! รู้สึกแน่นในหน้าอกไปหมด จู่ๆก็ร้อนวูบขึ้นมาทั้งตัว กะ..เกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน?

          "คุ คุรุมิจังเป็นอะไรรึเปล่า!?" ทัตสึยะรีบช่วยประคองตัวฉันไว้เพราะว่าฉันจวนจะล้มเต็มที

          "มะ..ไม่ ไม่เป็นอะไร" ปากก็บอกไปแบบนั้นแต่จริงๆ ใกล้จะตายอยู่แล้ว! ...ความร้อนวูบในหน้าอกมันค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ แน่นก็แน่น ร้อนก็ร้อน จะไม่ไหวอยู่แล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวฉันกันแน่ ..แต่ก่อนที่ฉันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้สติของฉันที่ฉันพยายามยื้อไว้ให้มากที่สุดก็ดับวูบลงและไม่รับรู้อะไรอีก...

 

 

 

          [tattsuya]

     

          หลังจากที่คุรุมิจังหมดสติไปผมก็รีบพาเธอมาที่ห้องพยาบาลทันที เธอเป็นอะไรของเธอนะ? เธอชอบทำท่าทางรังเกลียดผมอยู่เรื่อย ทั้งที่ตอนที่เจอกันตอนแรกเธอยังไม่ทำแบบนั้นเลย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปทำอะไรให้เธอเธอถึงทำท่ารังเกลียดผมนัก

          "อยากรู้ไหมล่ะ ว่าทำไม?" จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาจากหน้าต่างด้านข้างผม เมื่อผมหันไปดูก็พบกับผผู้หญิงคนหนึ่งเธอสวยมาก เน้นว่ามากจริงๆ ผมเธอสีดำเป็นประกาย ดวงตาสีแดงกล่ำเธอส่งยิ้มเบาๆ มาให้ผมแต่ผมว่ารอยยิ้มนั้นมันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้สิ...

          "คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?" ผมเอ่ยถามเธอเบาๆ

          "ก็เรื่องที่แคลอ อุ๊ย! ไม่สิ คุรุมิจังทำท่ารังเกลียดนายไงล่ะ" เธอพูดเสร็จก็หัวเราะในลำคอเบาๆและแสยะยิ้มบางๆมาให้กับผม แต่สำหรับผมผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้...

          "มะ..ไม่เป็นไร" ผมปฏิเสธเธอไปพลางยิ้มแห้งๆส่งให้เธอ

          "เอ๊? ไม่อยากรู้จริงๆน่ะเหรอ? หึ!" เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่หูของผมว่า "ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร...แต่ฆ่าเธอซะ ไม่งั้นเธอจะฆ่านายแทน ฮึฮึ" ผมถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจหลังจากที่เธอเอ่ยประโนคนั้นจบทันที ให้ผมฆ่าคุรุมิจังงั้นเหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

          "อย่ามาพูดบ้าๆนะ! จะให้ผมฆ่าคุรุมิเนี่ยนะ!? ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!!" ผมตะโกนออกไปดังลั่นแต่เธอก็ยังคงยิ้มมาให้ผมอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเช่นเดิม

          "ก็ไม่เป็นไร ถ้านายไม่เชื่อที่ฉันเตือนก็ช่างเถอะ แต่ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกันนะ...ผู้หญิงคนนี้ล่ะ ที่จะทำให้นายต้องถึงจุดจบ หรือง่ายๆก็คือ ความตาย ไงล่ะ...ลาก่อน แล้วไว้ค่อยเจอกันใหม่อีกครั้ง...ถ้านายยังรอดถึงตอนนั้นน่ะนะ ....เจ้าชายแห่งรัตติกาล...." เธอเอ่ยทิ้งไว้และหายไปจากสายตาของผม

          เจ้าชายแห่งรัตติกาลงั้นเหรอ? หมายความว่าไงกัน? แต่จะให้ผมฆ่าคุรุมิจังน่ะผมทำไม่ได้หรอก... เธอเป็นผู้หญิงที่เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้คนรอบข้างชอบมองไปทางเธอ และอยากจะพูดคุยกับเธอตลอดเวลา นั้นก็คงเป็นเหตุผลที่เธอป็อบขนาดนี้ เธอทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง มีข่าวลื่อออกมาว่าเธอจัดการกับพวก ม.3 รุ่นเดียวกับผมสามคนเรียบได้ในพริบตาพยานก็คือนักเรียนที่ยืนดูอยู่รอบๆ ผมคิดว่าเธอช่างสูงเกินจะคว้าเหลือเกิน...และพักนี้เธอยิ่งทำท่ารังเกลียดผมซึ่งๆหน้าไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปทำอะไรให้เธอกันนะ แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียวนะเท่าที่ผมจำได้ แล้วทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้นกับผมด้วยล่ะ? มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำไมหมู่นี้มีแต่เรื่องที่ไม่มีเหตุผลเกิดขึ้นกับผมตลอดเลย นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย...?

          "เลือด.."

          "..."

          ผมหันไปมองคุรุมิจังที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลและบ่นงุงิว่า 'เลือด' ออกมาเบาๆ นี่เธออยากได้เลือดงั้นเหรอ? แล้วจะเอาไปทำอะไรกันล่ะ?

          "...เลือด...เลือด...เลือด..." เธอพูดออกมาไม่หยุด ใบหน้าเรียวสวยของเธอเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาพร้อมกับอาการหายใจติดๆขัดๆอย่างกับเหนื่อยมากจนหอบและหายใจไม่สะดวก

          "คุรุมิจัง! เป็นอะไรรึเปล่า!?" ผมรีบช้อนร่างบางตรงหน้าขึ้นมาทันที ผมให้มือของผมอิงหน้าผากของเธอทำให้รู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่แผ่ออกมาเล็กน้อย มีไข้รึเปล่านะ?

          คุรุมิจังค่อยๆ ลืมตามองผมช้าๆ เธอทำหน้าเหมือนจะขาดใจตายก่อนที่เธอจะเอื้อมเอามือเล็กๆของเธอมาจับแขนเสื้อผมและจิกมัน

          "เลือด..ฉะ..ฉันอยากกินเลือด.." เธอพูดติดๆขัดๆเหมือนคนไม่มีอาการหายใจ ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวดสุดลิต ผมสงเกตเห็นว่าฟันของเธอเหมือนจะมีเขี้ยวงอกออกมาเล็กน้อย นี่เธอ..เป็นแวมไพร์งั้นเหรอ!!?

          "นะ..นี่เธอเป็น.." ผมแทบพูดไม่ออกเลย ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้เห็นเมื่อกี้ด้วย!

          "ขะ..ขอโทษ" เธอเอ่ยเบาๆ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นและเดินไปก่อนจะหันมาบอกกับผมว่า "ฉันคงทำให้นายกลัวสินะ...แฮ่กๆ ขะ..ขอโทษ จริงๆ นะ.."

          ผมมองร่างบางๆ ของเธอที่ฝืนยิ้มมาให้ผม...ยัยบ้าเอ้ย! ไม่ได้กลัวแค่ตกใจต่างหาก เดินไม่ไหวยังจะฝืนเดินอีก... ผมรีบเดินไปช่วยพยุงเธอที่ทำท่าเหมือนจะล้มทุกที

          "ยะ..อย่าเข้ามา ใกล้ฉัน..นะ" เธอเอ่ยเบาๆและแสดงท่าทางปฏิเสธสุดลิต

          "เดินยังแทบไม่ไหวยังจะมาทำเป็นปากดีอีก" ผมพยายามที่จะจับตัวเธอไว้ตอนเธอจะได้ล้มขมำลงกับพื้นจริงๆ

          "ออกไป.. แฮ่กๆ ก่อนที่ฉัน..จะ.." เธอพูดแล้วมองมายังต้นคอของผม ผมเห็นเธอกลืนน้ำลายก่อนที่เธอจะรีบหันหน้าหนี แต่นั้นก็พอเป็นคำตอบให้กับผมได้แล้วล่ะนะ...

          "..."

          ผมตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่ามันจะตรงกับที่ผมคิดไว้เป๊ะ!

          "ปะ..ปล่อยเถอะ.." 

          "..."

          ผมไม่ตอบเธอแต่สวมกอดเธอและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นสีหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมทำสีหน้ากลืนไม่ลงคายไม่ออก สีหน้าเธอดูแย่มากจริงๆ...

          พรึ่บ!!

          "!!!"

          ผมโดนเธอจับเหวี่ยงลงกับพื้นก่อนที่เธอจะเคลื่อนตัวมาคร่อมผมไว้ลงโน้มหน้าของเธอเข้ามาที่คอของผม ผมหลับตาด้วยความกลัวทันที...แต่...เธอกับไม่กัดผม...ทำไมล่ะ?

          "ขะ..ขอโทษ ฉันบอกแล้วว่าอย่ามาอยู่ใกล้ฉัน" เธอลุกขึ้นยืนและหลบหน้าหนีผมทันที

          "ทำไมไม่กัดฉันซะล่ะ?" ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

          "ฉะ..ฉันจะกัดนายไม่ได้...เป็นอันขาด" เธอเอ่ยคำหมั่นเดิม ทำไมถึงกัดไม่ได้ล่ะ? ผมสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงผมจึงรีบเข้ามาช่วยพยุงตัวเธอไว้ ก่อนจะมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น...

          ปัง!!!

          ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดขึ้นเสียงดังลั่น บุคคลที่เปิดประตูนั้นก็คือ...ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นพี่ชายคุรุมิจัง ที่เจอเมื่อตอนนั้น... แล้วเขามาทำอะไรกัน?

          "แคละ- คุรุมิจัง!!" เขารีบเข้ามาดูอาการของน้องตัวเองทันที สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเจ็บปวดสุดๆ ก็เป็นพี่น้องกันนี่นา...น้องเจ็บพี่ก็คงเจ็บไม่แพ้กัน

          "พะ...พี่เรียว" เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ และมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ

          "ไม่เป็นไรใช่มั้ย!? พี่ขอโทษนะ! พี่ไม่น่าปล่อยให้เธอมาโรงเรียนเองเลย แถมไม่ได้เลือดหลอดติดตัวมาอีกต่างหาก! พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ..." เขาสวมกอดเธอเบาๆและลูบหัวด้วยความเอ็นดูและห่วงใย... "จะกินก็ได้นะ.." เขาเอ่ยเบาๆ

          "ขอบคุณ.." เธอเอ่ยตอบก่อนจะฝังเขี้ยวคมลงบนคอของชายตรงหน้าและดูดอย่างกระหาย... เวลาผ่านไปนานพอสมควรเธอค่อยๆถอนเขี้ยวคมของเธอออกจากคอของชายตรงหน้า สีหน้าของเธอดูดีขึ้นจริงๆ สุดท้ายผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้อีกแล้วสินะ? พวกเขาต้องการกันและกัน แล้วผมจะแทรกแซกกลางพวกเขาสองคนได้ยังไงกัน...ผมทำให้พวกเขาแตกแยกกันไม่ได้หรอกนะ

     ผมค่อยๆ เดินออกจากห้องพยาบาลช้าๆ ก่อนจะหันมามองคนสองคนที่กำลังยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยน เขาจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนทั้งสองจะยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยนอีกเช่นเคย

 

 

     [kalo (kurumi)]

     

          "จะกินก็ได้นะ.."

          "ขอบคุณ.." ฉันเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าที่อุสาห์อนุณาตให้ฉันสามารถดื่มเลือดของเขาได้

          ฉันค่อยๆฝังเขี้ยวคมของฉันลงบนคอของพี่เรียวเบาๆพยายามทำไม่ให้พี่เขาเจ็บที่สุด ฉันดูดเลือดของพี่เรียวจนร่างหายฉันปรับสภาพกลับมาเป็นแบบเดิม และค่อยๆถอนเชี้ยวของฉันออกเบาๆ พี่เรียวทำหน้าเจ็บนิดหน่อยแต่ก็ยยิ้มให้ฉันและจูบที่หน้าผากของฉันเบาๆหนึ่งครั้งก่อนจะส่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนมาให้ฉัน ฉันชอบ..รอยยิ้มนี้ที่สุดเลย

 

 

          ณ คฤหาสน์

          เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็ตรงที่ห้องนอนและทิ้งตัวลงบนที่นอนที่แสนนุ่มนิ่มทันที แขนที่ยกขึ้นมาก้ายหน้าผาก วันนี้มีเรื่องให้ปวดหัวทั้งวันเลยแฮะ...จริงสิ ทัตสึยะคุงเขารู้เรื่องที่ฉันเป็นแวมไพร์แล้วนิ...เขาจะเอาไปบอกใครรึเปล่านะ?

          ก็อก ก็อก ก็อก...

          "เข้ามาได้เลย ประตูไม่ได้ล็อค.."

          แอ๊ด..

          เสียงเปิดประตูดังนั้นเบาๆ ฉันค่อยๆ มองไปที่ประตูเพื่อดูหน้าของบุคคลที่เข้ามาในห้องของฉัน

          "เหนื่อยเหรอ? เห็นกลับมาถึงก็ตรงขึ้นมาเลย.." พี่เรียวเอ่ยถามฉันเบาๆ คนที่ควรเหนื่อยมันพี่มากกว่าหนูนะ...

          "ก็นิดหน่อยน่ะ..แล้วพี่เรียวเป็นอะไรรึเปล่า? หนูดันเล่นดูดเลือดพี่มาตั้งเยอะแนะ...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?" ฉันมองไปที่คอของพี่เรียว รอยที่ถูกฉันกัดมันเริ่มจะบางๆลงบ้างแล้ว...

          "พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แคลอเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ..แน่ใจเหรอว่าแค่นั้นพอ?" พี่เรียวเอ่ยถามฉันเบาๆ 'แค่นั้น?' นี่มันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ พี่นี่ท่าจะบ้า!

          "คิดว่าน่าจะ...แล้วพี่รู้ได้ยังไงล่ะว่าหนูกำลังตกอยู่ในสภาพนั้น.."

          "คลืนไง?" พี่เรียวเอ่ยเบาๆ

          "คลืน?" ฉันเอ่ยทวนคำของพี่เรียวอีกครั้ง พี่เรียวขยักหน้าเบาๆเชิงว่าใช่

          "ก็คลืนของแคลอมันปั่นปวนไปหมดเลยน่ะสิ.. พี่ก็เลยคิดว่าต้องกระหายเลือดขึ้นมาแน่ๆ เลยตามไปที่โรงเรียนไง.."

          "งั้นเหรอ..?" ฉันเอ่ยเบาๆ นี่พี่เรียวเป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? แล้วจะมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยพี่เรียวได้บ้างล่ะ? "ขอบคุณนะพี่เรียว ^^" ฉันเอ่ยขอบคุณพี่เรียวเบาๆ ซึ่งพี่เรียวขยักหน้าและยิ้มมาให้ฉันอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอามือมาขยี้ผมฉันจนผมยุ่งไปหมด ><!

          "ไปกินข้าวได้แล้ว ยัยตัวเล็ก ^^" พี่เรียวเอ่ยล้อฉันนิดๆ

          "หนูโตแล้วนะ เห็นอย่างนี้อายุ 24 แล้วนะเออ" ฉันมุ่ยหน้าตอบพี่เรียวในทันที เชอะ! ตัวเล็กแค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ!

          "ไหน? 12 ชัดๆ ^^" พี่เรียวยังคงแกล้งล้อฉันอยู่เช่นเดิม เล่นเอาฉันหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

          "ง่า พี่เรียวอ่ะ!" ฉันเบะปากอย่างไม่พอใจ ซึ่งนั้นก็ทำให้พี่เรียวหลุดหัวเราะออกมาในทันที

          "โอเคๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว ป่ะ..ไปกินข้าวกัน ^^" 

          "อื้ม ^^" ฉันขยักหน้าและเดินตามพี่เรียวลงไปข้างล่างทันที

          ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน แล้วก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะมัวมานั่งคิดเรื่องที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกให้ปวดหัว สำหรับฉันแค่ได้อยู่ข้างๆพี่เรียวตลอดไปมันก็คือความสุขที่มากจนไม่อยากให้มันหายไปแล้ว รักพี่เรียวคนนี้ที่สุดเลย ^^

 

 

 

           I'll make you crazy

 

                              In memory next

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา