The Vampire Powers.

9.1

เขียนโดย katzee

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.24 น.

  37 chapter
  168 วิจารณ์
  42.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ความลับของเเวมไพร์ (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
‘ความลับของแวมไพร์’ นิ้วเรียวเปิดหนังสือที่สะดุดตาตั้งแต่แรก เธอได้อ่านมันไปอย่างช้าๆ ภาพเก่าๆโบราณที่นำมาติดแปะไว้เป็นรูปของชายหญิงสองคนฝ่ายชายโน้มตัวลงดื่มเลือดจากลำคอของหญิงสาว
นิโคลเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง มันต้องมีบางอย่างที่เธอต้องไขปัญหาข้อข้องใจของตัวเอง เพราะมันอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่างดลใจให้เธอพูดกับคนขายที่ร้านหนังสือนั่น แล้วมันคืออะไรกันแน่นะ มันก็แค่เรื่องเล่าสือต่อกันมาแต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าหนังสือเล่มที่เธออ่านอยู่นี้ เขียนจากลายมือล้วนๆ
 
3 ชั่วโมง ผ่านไป
 
“นิค จะอ่านมันอีกนานไหมเนี่ย ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วนะ ไหนดูสิมันมีอะไรพิเศษยังไงถึงทำให้เธอต้องลงทุนเดินไปไกลถึงร้านผีสิงนั่น” ระหว่างที่โรสยืนหวีผมอยู่หน้ากระจกก็เดินมายังเตียงนอนเอื้อมหยิบหนังสือที่นิโคลซื้อขึ้นมาอ่านเล่มหนึ่ง
 
โรสตั้งหน้าตั้งตาอ่านเมื่อเห็นหนังสือเล่มพวกนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ แต่ก็ต้องเบะปากโดยทันทีเพราะเนื้อหาข้างในมันชวนให้เธออยากจะฟุบหลับซะจริงๆแถมกับวันนี้ก็เหนื่อยล้าเนื่องจากงานที่โรงเรียนด้วย เธอโดนคุณครูฝ่ายปกครองถูกทำโทษให้ไปเก็บหนังสือในห้องสมุดให้ถูกต้องตามหมวดหมู่ของมัน อาจจะดูง่ายแต่ห้องสมุดที่ว่านี่ มหึมาอลังการสุดๆไปเลยให้เดินเล่นเองก็ยังไม่ทั่วทั้งบริเวณของมันด้วยซ้ำ
 
“ฝันดีนิค” เมื่อทนอาการง่วงงุนของตัวเองไม่ได้ ก็บอกลาโดยทันทีเธอคงนั่งอ่านเป็นเพื่อนกับนิโคลไม่ได้หรอก หญิงสาวแทรกตัวลงใต้ผ้าห่มและเมื่อหัวอันหนักอึ้งของเธอถึงหมอนก็เป็นอันหลับเอาซะง่ายๆ
 
นิโคลนั่งอ่านหนังสือเล่มนี้นานเท่าไหร่ไม่รู้ เหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้าอ่อนใสไหลลงมากระทบที่ดวงตาทำให้เจ็บแสบแต่เธอดันไม่
ไหวติงราวกับไม่รู้สึก สายตามองดูอักษรสีเลือดที่ค่อยๆผุดขึ้นทีละบรรทัดราวกับเวทย์มนตร์
 
ตัวหนังสือยังผุดขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวคิดว่ามันไม่มีทางหยุดแน่ แต่ทันใดนั้นตัวหนังสือดังกล่าวหยุดกะทันหัน เธอตกใจเล็กน้อย
พลางกวาดสายตามองมันไปมาด้วยใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ
 
ให้ตายสิ เธอไม่เคยกลัวอย่างนี้มาก่อนกับเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ มันเหมือนจะพยายามตอกย้ำให้เธอจำในคืนที่เดินทางกลับบ้านบนรถไฟกับพวกไซม่อน เธอรู้สึกเหมือนว่ามีผู้ชายบางคนที่น่าหลงไหลจูบเธอด้วยความกระหายแต่เธอก็ไม่ได้นึกรังเกียจกับรสสัมผัสนั้น เธอจูบเขาตอบด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เขาทิ้งเธอนั่งจมอยู่กับความมืดและเดินจากมันมาราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
เธอลืมเรื่องราวทั้งหมด
 
คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอถูกสะกดจิต หญิงสาวยกมือขึ้นมากุมหัวเมื่อเห็นภาพหน้าคนซ้อนกันหลายๆภาพและกำลังสั่งให้ลืมเรื่องของเขาทั้งหมด คำพูดเย็นชานั้นพร้อมกับสายตาที่เจือปนไปด้วยความอ้างว้างนั่นทำให้รู้สึกเจ็บปวด
ไม่ทันไรความเจ็บเหล่านั้นได้หายไป ก่อนจะเห็นตัวหนังสือสีเลือดที่ยังอยู่กับบรรทัดที่เธออ่านค้างไว้ มันค่อยๆปรากฏประโยคหนึ่งขึ้นมา
 
‘ฉัน มอง เธอ อยู่’ นิ้วเรียวยาวแตะตรงประโยค ก่อนจะสิ้นสติสลบเหมือดลง ปลายนิ้วเรียวปรากฏสัญลักษณ์บางอย่าง รูปทรงเลขาคณิตแต่หากบิดเบี้ยว เป็นรูปหกเหลี่ยม หญิงสาวหลับอย่างกับโดนปิดสวิตช์ กลุ่มคนบางพวกพยายามจะต่อต้านเพื่อทวงอิสรภาพกลับคืน และพวกมันได้มีตัวแปรสำคัญของพวกมันแล้ว!!
 
ร่างแกร่งเด้งตัวลุกขึ้นบนเตียงนอนด้วยใบหน้ากังวล เขาโน้มหน้าลงซุกฝ่ามือ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มและนัยน์ตาสีเดียวกันลอบมองเพื่อนรักก่อนจะถามขึ้นว่า
 
“ฝันอีกแล้วงั้นเหรอ”
 
หนุ่มผู้ถูกถามตวัดสายตามองเพื่อนเมื่อเงยหน้าขึ้น เอ็ดนั่งเล่นแล็ปท็อปรอคอยไรอันเนื่องจากออกไปสำรวจรอบๆที่พักพวกเขาเพื่อปรับสภาพความสามารถของตนเองให้ดียิ่งขึ้นถึงแม้มันจะไม่ช่วยอะไรมากมายก็ตาม
แอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลม ไม่กี่วินาทีไรอันโผล่พรวดเข้ามาด้วยสภาพเปียกปอน ก่อนจะรีบหายไปเข้าห้องน้ำโดยทันที
 
เอ็ดเบะปากมองตามขณะกำลังรอฟังคำตอบจากเพื่อนรักที่ยังกอดอกมองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยท่าทางครุ่นคิด ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาระหว่างอยู่ในค่ายนั่นหรืออาจจะเรียกว่าบ้านเลยเป็นได้ ไม่มีเรื่องไหนที่พวกเขาปกปิดความลับต่อกันเพราะอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้
พวกเขาทั้งสามถูกส่งออกมาปฏิบัติหน้าที่ให้กับนายของตน ต้องช่วยเหลือกันตลอดเวลาและคอยระแวดระวังคนรอบข้างด้วย เมื่อสิ่งที่พวกเขาเป็น ‘แวมไพร์’ นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเล่านับประสาอะไรกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ บางทีพวกเขาอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำถ้าหากไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร
 
“ฉันว่า มันไม่ใช่ฝัน”
“ว่าไงนะ บอกฉันได้หรือเปล่า” เอ็ดถามด้วยความสงสัย
“บางที ฉันควรจะ…..คุยกับเบียงก้า”
 
“บอกเราได้หรือเปล่า” ไรอันอยู่ในท่าทางเช็ดผมตัวเองด้วยสภาพเปลือยท่อนบนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเอ็ด
 
“ไม่ ฉันคิดว่าต้องปรึกษากับเบียงก้าก่อน เพื่อความแน่ใจ”
 
“ตามนั้น” เอ็ดเออออตามแอลขณะก้มหน้าลงเสิร์ชหาข้อมูลของพวกแวร์วูฟในอินเตอร์เน็ตเผื่ออาจจะมีแหล่งที่น่าเชื่อถือบ้างระหว่างรอเบียงก้ามาพบอีกครั้งเพื่อบอกรายละเอียดต่างๆในฐานะที่อยู่บนโลกนี้มาร้อยกว่าปี ซึ่งถือว่าประสบการณ์คงมีเยอะกว่าแวมไพร์เกิดใหม่อย่างพวกเขา
 
“ให้ตายสิ ฉันว่าตอนอยู่ในน้ำนี่น่าทรมาน ฉันไปเห็นพวกแวมไพร์เจ้าถิ่นตามล่าฉันเลยกระโดดลงน้ำ ซวยชะมัด”
 
“แวมไพร์เจ้าถิ่นเหรอ” แอลหันมาพูดพร้อมกับได้รับการพยักหน้าจากไรอัน
 
“บางทีเราควรจะมีเครื่องมือไว้ติดต่อสื่อสารกันบ้าง ยามเราโดนเล่นงานอาจจะช่วยกันได้”
เอ็ดเอ่ยขณะกดคลิกเมาส์ถึงแหล่งข่าวที่อ้างถึงว่าโดนพวกแวร์วูฟยึดเมือง เลื่อนอ่านมันเพิ่มเติมความรู้
 
ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย ในคืนนี้พวกเขาต้องหยุดพักเนื่องจากไม่รู้ว่าในครั้งก่อนที่โดนแวร์วูฟเล่นงานนั้นบางทีพวกมันอาจจะกำลังตามหาตัวพวกเขาอยู่ ดังนั้นพวกเขาจะต้องระวังตัวเองให้มากขึ้นโดยส่งกันออกไปสำรวจทีละคนในระแหวกพื้นที่ที่พวกเขาพักอาศัยกันอยู่
 
มันต้องมีกลุ่มพวกใดพวกหนึ่งคุ้มกันเมืองนี้ และพวกเขาเองต่างไม่รู้ว่าพวกมันจะตอกกลับมาด้วยวิธีใด
ในการฝึกฝนอยู่ในค่ายของพวกเขานั้น ฝึกฝนในความแข็งแกร่งในแบบนักรบหรือแบบมนุษย์ พวกเขาต้องรองรับวิธีที่ป่าเถื่อนก็จริงแต่เผ่าพันธุ์ตรงข้ามนั้นอาจจะอันตรายต่อกลุ่มพวกเขา ทั้งสามต่างคิดถึงปัญหาต่างๆที่กำลังตามมา และต่อสู้กับความรู้สึกในใจ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา