The Mysterious…หนียังไงก็ไม่พ้นเธอ

8.0

เขียนโดย Illusion

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.35 น.

  6 ตอน
  6 วิจารณ์
  8,970 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2557 02.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3: ความลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
       ฉันหัวหมุนอยู่ในห้องอยู่คนเดียวอย่างบ้าคลั่ง ภาพผู้หญิงคนนั้นผุดขึ้นในหัวฉันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ฉันอยากจะหนีไปไกลๆให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้นเลยแต่ตอนนี้ฉันควรจะทำไงก่อนดีนะ ฉันลุกขึ้นไปยังห้องของคุณน้าที่อยู่ถัดไปจากห้องฉันอีกห้องนึงก่อนที่จะเคาะประตูเรียกคุณน้าด้วยความหวาดระแวง เสียงเคาะนั่นทำให้คุณน้าเปิดประตูห้องของท่านออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะให้ฉันเข้าไปในห้องของเขา                              
 
 
 
                           “เป็นอะไรห๊ะยัยควีน…นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
 
 
 
                           “น้าพล…ยัยนั่นมันเป็น…เป็นปีศาจ!”
 
 
 
                           “ยัยนั่นคือใคร…”
 
 
 
                           “ก็ผู้หญิงที่ชื่อ ทามนั่นไง ฮื้ออ~”
 
 
 
                           “ควีน…หนู…เห้ออ~นี่หนูตลกมากไหมห๊ะลูก นี่มันดึกมากแล้วนะ น้าไม่เล่นด้วย พรุ่งนี้น้าต้องตื่นแต่เช้าไปต่างจังหวัด หนูเข้าใจน้าไหมว่า น้าเหนื่อย”
 
 
 
                            “ควีนไม่ได้โกหกนะคะน้าพล…พาควีนไปจากที่นี้ด้วยเถอะ”
 
 
 
                            “ยัยควีน! โตได้แล้วนะ ออกไปได้แล้ว ออกไปเลย”
 
 
 
                            “คุณน้า ฮื้ออ~เดี๋ยวก่อน น้าพลลล”
 
 
 
ฉันถูกดันออกมาจากในห้องของคุณน้าแล้วตอนนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวได้ไหลรินลงมาอาบบนหน้าใบฉันอย่างไม่หยุดหย่อน ฉันทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องของคุณน้าอยู่พักใหญ่ จนเริ่มรู้สึกตัวว่าเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ ฉันหันซ้ายหันขวาก็กลับไม่พบใคร ความหวาดกลัวเริ่มมาประทุในใจฉันมากขึ้นอีกแล้ว ฉันค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นและรีบวิ่งเข้าห้องของฉันพร้อมกับล็อคประตูหน้าต่างให้แน่นหนาทั้งหมดอีกครั้งนึงก่อนที่จะนั่งฟุบหลับลงไปข้างๆเตียง
 
 
 
 
 
 
 
เช้าวันถัดมา…
 
 
 
            ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความสงสัยว่าทำไมมันถึงดังอยู่แบบนั้น บนหน้าจอโชว์ให้เห็นถึงข้อความเตือนว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉันเอง ตอนนี้ฉันมีอายุครบ18ปีแล้ว ดีใจจัง ฉันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในห้องฉันคนเดียวเป็นเวลาพักใหญ่ จู่ๆภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ป่าแห่งนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเปิดฝักบัวสาดใส่หน้าฉันทันที พยายามสลัดภาพพวกนั้นทิ้งไปให้หมดแต่มันก็กลับทำให้ฉันกลัวมันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันชำระล้างร่างกายที่เปื้อนดินเปื้อนโคลนออกจากตัวฉันทั้งหมดก่อนที่จะมาเปิดหาวิธีฆ่าแวมไพร์
 
 
 
              สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผาหรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ
 
 
 
ใช่แล้ว…สิ่งที่ฉันหาตอนนี้ได้ก็คือกระเทียม ว่าแล้วฉันก็รีบลงไปควานหากระเทียมซึ่งอยู่บริเวณห้องครัวของฉันนี่เอง ฉันพกมันใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้เพื่อความปลอดภัย ฉันยิ้มให้กับกระเทียมเล็กน้อยอย่างสบายใจเมื่อฉันมีสิ่งที่ป้องกันจากผู้หญิงอันตรายคนนั้นได้แล้ว
 
 
 
                         “คุณหนู ทำอะไรหรอคะ”
 
 
 
เสียงป้าแววคนรับใช้ของฉันเองพูดขึ้นและมองฉันด้วยท่าทีที่สงสัยว่าฉันกำลังยิ้มให้กับกระเทียมไปทำไมกัน ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลยทีเดียว
 
 
 
                         “อ๋อ…เอ่ออ คือ…น้า…น้าพลอยู่ไหนหรอคะ”
 
 
 
                         “ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วคะ เห็นบอกว่าไปทำงานที่ต่างจังหวัด อีกสองวันกว่าจะกลับ ท่านฝากของขวัญไว้ให้คุณหนูด้วยนะ…สุขสันวันเกิดนะคะคุณควีน”
 
 
 
                         “ขอบคุณคะ…”
 
 
 
ว้าววว…ของขวัญ คุณน้าไม่เคยลืมวันเกิดฉันแม้แต่ครั้งเดียวจริงๆเนาะ ฉันยิ้มบางๆให้กับป้าแววทีนึงก่อนที่จะวิ่งอย่างร่าเริงไปเปิดดูของขวัญที่สวนหลังบ้าน ข้างในกล่องนั่นมีสร้อยคอสีเงินรูปหัวใจขนาดเล็ก มันเป็นอะไรที่สวยงามมากอย่างบอกไม่ถูก ฉันหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาดูช้าๆอย่างทะนุถนอม สร้อยเส้นนั่นสะท้อนแสงขึ้นมาทันทีที่ไปกระทบกับแสงแดด เพชรเล็กๆทั้งนั้นเลยที่ติดอยู่กับสร้อยเส้นนี้ แต่ที่มันทำให้ฉันชอบมากที่สุดก็คือ รูปหัวใจที่อยู่ตรงกลางนั่นเป็นสีทองอล่าม แถมยังเปิดเก็บรูปเล็กๆไว้ข้างในได้อีกด้วย ฉันรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นเข้าไปในกล่องอีกครั้งนึงก่อนเพราะฉันคงใส่คนเดียวไม่ได้แน่ เดี๋ยวค่อยให้ป้าแววใส่ให้ดีกว่า  เหตุการณ์เมื่อคืนที่คุณน้าไม่เชื่อฉันมันกลับทำให้ฉันหายโกรธคุณน้าไปอย่างสนิทเพราะถ้ามีคนมาบอกว่าเจอปีศาจฉันก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน
 
 
 
                       “อรุณสวัสดิ์…”
 
 
 
เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น ซึ่งถ้าฉันไม่หันกลับไปก็พอรู้ว่าเป็นใคร ฉันสูดลมหายใจเข้าทีนึงก่อนที่จะรวบรวมความกล้าหันไปยังเสียงๆนั้นทันที ร่างของผู้หญิงคนนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งอย่างเช่นเคย ถ้ามองเธอจากตรงนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะน่ากลัวป่านนี้ เธอค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นๆจนทำให้ฉันเริ่มสติแตกแต่โชคดีที่ฉันคิดได้ว่าฉันมีสิ่งที่ปกป้องฉันไว้ได้นั่นก็คือ กระเทียมนี่เอง ฉันค่อยๆล้วงเอากระเทียมนั้นออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับชูให้เธอเห็น
 
 
 
                      “อย่าเข้ามานะ…ฉันมีกระเทียม”
 
 
 
ได้ผลจริงๆด้วย เธอผงะออกเล็กน้อยและทำสีหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เธอทำคิ้วชนกันและเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่จะหลุดขำออกมาเสียงดัง
 
 
 
                      “ฮ่า ฮ่า~ ตลกชะมัด”
 
 
 
                     “อะไร…ขำทำไม…อย่าเข้ามานะ”
 
 
 
                     “เธอคิดว่าฉัน…กลัวกระเทียมงั้นหรอ”
 
 
 
                     “ก็…ก็ผีดิบกลัวกระเทียมไม่ใช่หรอ ฉันไปอ่านมา”
 
 
 
                     “ผีดิบงั้นหรอ…นี่เธอเรียกฉันว่าผีดิบหรอ”
 
 
 
                     “ใช่! เธอมัน…ยัยปีศาจ”
 
 
 
                    “ตระกูลนี้ชอบดูถูกพวกฉันจริงๆสินะ!”
 
 
 
                    “เธอพูดเรื่องอะไร…ฉันไม่เข้าใจ”
 
 
 
                     “งั้นมานี่…ฉันจะให้เธอเข้าใจมันมากขึ้น”
 
 
 
ฉันตาโตทันทีที่เธอพุ่งตัวเข้ามาหาฉันอีกแล้ว ตอนนี้กระเทียมและกล่องสร้อยคอของฉันตกลงไปกองอยู่กับพื้น ก่อนที่ทุกๆอย่างจะรวดเร็วไปหมด ความแรงและความเย็นของลมทำให้ฉันหลับตาปี๋และกอดยัยนั่นแน่นมากขึ้น
 
 
 
                     “ลองลืมตาดูสิ…”
 
 
 
ยัยนั่นบอกให้ฉันลืมตาดู ซึ่งฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสิ่งๆนี้คืออะไร ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้ฉันอยู่ในอ้อมกอดของยัยนั่นซึ่งเธอกำลังเดินอยู่นี่เอง แต่ทำไมทุกอย่างมันดูรวดเร็วไปหมดละทั้งๆที่เธอเดินอยู่แท้ๆ ฉันก้มไปมองขาที่เธอกำลังเดินอยู่นั่นไม่เหมือนคนปกติทั่วไปเลยสักนิด เท้าเธอไวมากจนฉันมองแทบไม่ทัน เอาง่ายๆตอนนี้มันรวดเร็วยิ่งกว่ารถวิ่งอีกตั้งหาก ฉันมองหน้าของยัยนั่นก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาอย่างสดใส พร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ ทำเอาฉันร้องออกมาไม่เป็นภาษาเลยทีเดียวแต่ในขณะเดียวกันมันกลับทำให้ฉันประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ฉันหยุดมองและจ้องมันอยู่อย่างนั้นเลยทีเดียว ตอนนี้ฉันกับเธออยู่บนสูงสุดของต้นสน เผยให้ฉันเห็นบรรยากาศข้างล่างทั้งหมด หมอกหนาๆและแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องมากระทบมายังใบหน้าของฉัน ลำธารที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาก็ทำให้ฉันมองมันอย่างไม่มีวันเบื่อ ภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ฉันลืมตัวไปเลยว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหน
 
 
 
                    “สวยไหม…”
 
 
 
ยัยนั่นถามฉันขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้พักใหญ่ ฉันหันไปมองเธอด้วยความตกใจเล็กน้อย สติสตางค์ฉันกลับมาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ฉันมองลงไปด้านล่างที่อยู่ลึกมากพร้อมกับผงะหงายหลังโดยอัตโนมัติ ร่างของฉันกำลังล่วงลงไปต่อหน้าเธอ ฉันร้องออกมาเสียงดังและไม่เป็นภาษาเลยแหละคะ ก็ตอนนี้ฉันกำลังร่วงลงมาจากบนต้นสน ต้นสนเลยนะคะ มันสูงมาก ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนตกลงมาคือยัยนั่นยังคงนั่งชมวิวทิวทัศน์ ไม่มีท่าทีที่ตกใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับฉันเลยสักนิด ฉันกรี๊ดร้องออกมาและหลับตาปี๋ กลัวแบบสุดขีดเลยก็ว่าได้ จนในที่สุดฉันก็หมดสติไปในที่สุด…
 
 
 
                        
 
 
 
                เฮือกกก~
 
 
 
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัวก่อนที่จะมองบรรยากาศรอบๆข้างอย่างสงสัยว่าฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน มีกระท่อมไม้หลังเล็กๆหลังนึงที่ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันอยู่ตอนนี้ ฉันค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
 
 
 
                             “ฮัลโหล…มีใครอยู่ไหมคะ”
 
 
 
ฉันส่งเสียงออกไปก็ไม่พบใครสักคนเลยที่จะตอบกลับมา ฉันพยายามมองหาว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใครกันและทำไมถึงมาตั้งอยู่ในป่าลึกแบบนี้…บรรยากาศก็เริ่มมืดเข้ามาทุกทีเลยทำให้ฉันต้องหาของที่จะทำให้บ้านนี้สว่างขึ้นมา ฉันเดินไปเดินมาเรื่อยๆจนพบกับไม้ขีดไฟฉันหยิบมันขึ้นมาแล้วก็จุดไปตามเทียนที่วางอยู่รอบๆในตัวบ้านทั้งหมด แสงเทียนทำให้บรรยากาศข้างในบ้านมีแสงสว่างมากพอสามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น ฉันเดินเข้าไปในห้องๆนึงซึ่งภายในห้องนั้นมีเตียงนอนขนาดเล็กพร้อมกับกรอบรูปที่ตั้งไว้ที่โต๊ะข้างๆเตียง ฉันหยิบมันขึ้นมาดูก็ต้องเพ่งมองรูปนั่นอีกครั้งให้ชัดเจนมากขึ้น ภาพๆนั้นเป็นภาพที่เก่ามากแต่ก็พอเห็นลางๆได้ว่ามีใครบ้าง เป็นภาพครอบครัวๆหนึ่งมีพ่อแม่ลูกที่กำลังยิ้มอย่างสดใส แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในภาพก็คือผู้หญิงอันตรายคนนั้นนี่เองที่พาฉันเข้ามาในป่าแห่งนี้ดูจากรูปที่ถ่ายนั่นก็ยังมีผู้หญิงอีกคนที่ดูจะมีอายุมากกว่าฉันอยู่เหมือนกันนะ หรือว่านี่คือพี่สาวของเธอ หน้าตาเหมือนกันเชียว…
 
 
 
                              “นั่นครอบครัวฉันเอง…” ฉันหันไปมองตามเสียงนั่นก็พบเธอที่ยืนมองรูปที่ฉันถืออยู่ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
 
 
 
                              “ที่นี้ที่ไหนหรอ…”
 
 
 
                              “บ้าน…ของฉัน”
 
 
 
                              “…….”
 
 
 
                              “แต่เป็นบ้านหลังที่สองนะ…เพราะบ้านฉันจริงๆก็คือที่ๆเธออยู่นั้นแหละ”
 
 
 
                               “ห๊ะ…มะ…หมายความว่าไง”
 
 
 
                               “ที่ตรงที่น้าเธอสร้าง เคยเป็นบ้านของฉันมาก่อน”
 
 
 
                               “…….เธอ…อยู่มานานแล้วหรอ”
 
 
 
                                “สองร้อยสิบเก้าปี…”
 
 
 
                                “…..” โอ้…พระเจ้า สองร้อยสิบเก้าปีนี่มันคือเรื่องจริงใช่ไหม… ฉันหันไปมองหน้าของเธออย่างตกใจก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ามาหาฉันและจับกรอบรูปนั่นวางลงไว้ที่เดิม
 
 
 
                                 “คนในตระกูลของเธอ…ทำให้ครอบครัวฉัน ต้องตายกันหมด”
 
 
 
                                 “ห๊ะ…”
 
 
 
                                “ผู้หญิงคนที่อยู่ในรูปคนนั้นแหละพี่สาวฉัน แล้วกษัตริย์ ตัณศิลา หรือพี่ชายคนโตของพ่อเธอ หว่านเสน่ห์จนพี่สาวฉันติดกับ เขามีอะไรกับพี่สาวฉัน เขาเจ้าชู้ มีหญิงอื่นเยอะแยะไปหมด พี่สาวฉันรู้ถึงกับทนไม่ได้เลยบุกไปที่บ้านของเขา แต่เขากลับไม่สนใจพี่สาวฉันเลยสักนิด หาว่าพี่สาวฉันเป็นคนธรรมดาที่เรียกร้องอยากได้เขามาครอบครอง พี่สาวฉันเสียใจและทุกข์ทรมานกับความปวดร้าวนั่นมาก เธอเหลืออดเลยแสดงพลังที่เหนือกว่าคนปกติขึ้นมาให้พวกเขาได้เห็นกัน พอเขารู้ว่าพวกฉัน…ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เขากลับสั่งคนมาบุกฆ่าและเผาครอบครัวฉัน วันนั้น…เป็นวันที่ฉันไม่อยู่บ้าน ฉันจึงรอดชีวิตมาได้ แต่เธอรู้ไหมว่า…ฉันต้องใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยวและลึกลับมาโดยตลอด ฉันเกลียดตระกูลของเธอมากที่ทำให้ครอบครัวฉันต้องตาย!และทำให้ทุกคนเกลียดแวมไพร์อย่างฉัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนสงบสุขดี ไม่มีใครรังเกียจหรือกลัวพวกฉันเลยสักนิด”
 
 
 
                               “ก็เธอ…ดื่มเลือดเป็นอาหารนิ๊! จะไม่ให้เกลียด ให้กลัวได้ยังไงกันเล่า ยัยบ้า!”
 
 
 
                              “แวมไพร์อย่างฉันไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์เน่าๆอย่างพวกเธอเลย ฉันดื่มเลือดสัตว์เป็นอาหารและไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อน”
 
 
 
                              “ยังไงก็ช่าง แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย เธอถึงมาทำร้ายฉันแบบนี้…นั่นมันนานมากแล้ว”
 
 
 
                               “เกี่ยว…เพราะเธอเองก็เป็นสายเลือดนั่นด้วย ฉันจะฆ่าให้หมด ดูดเลือดชั่วๆของพวกเธอออกมา”
 
 
 
                               “จะ…จะบ้ารึไง! ฉันไม่เกี่ยวด้วยเลยสักนิด” ฉันเริ่มหวาดกลัวเล็กน้อยกับฉันที่เธอพูด ฉันค่อยๆก้าวถอยหลังจนไปชนเข้ากับเตียงนอนเลยทำให้ฉันล้มหงายหลังลงอย่างไม่เป็นท่า แต่โชคดีที่ล้มลงไปทับกับเบาะนุ่มๆของเตียง
 
 
 
                               “ฉันตามฆ่าตระกูลนี้ไม่ได้สักที เพราะว่ากษัตริย์มีองครักษ์ที่หนาแน่นเต็มไปหมดเลยทำให้เข้าถึงยากไปหน่อย แต่ก็โชคดีของฉันที่ได้เจอเธอ หญิงสาวอายุเพียงสิบแปดปี เกิดมาเป็นลูกของกษัตริย์แท้ๆแต่กลับไม่ได้ใช้นามสกุลเพราะพวกเขาไม่อยากให้ผู้หญิงขึ้นมาปกครองประเทศ น่าสมเพชสิ้นดี”
 
 
 
                              “…….”
 
 
 
                              “แต่เธอ…กลับแปลกกว่าคนอื่นๆ”
 
 
 
                              “..…”
 
 
 
                              “ฉัน…อ่านความคิดของเธอไม่ได้ ทำไมนะ”
 
 
 
                              “เธอ…ทำอะไรได้บ้างหรอ…”
 
 
 
                              “เธอก็ไปหาในอินเตอร์เน็ตดูสิ ว่าฉันเป็นยังไง ฮ่า ฮ่า”
 
 
 
เสียงหัวเราะเธอดังขึ้นมาทันทีที่พูดถึงอินเตอร์เน็ต เธอคงหัวเราะเยาะชอบใจที่ฉันเอากระเทียมมาเป็นเครื่องป้องกัน เธอไม่กลัวกระเทียมเลยสักนิดแล้วยังงี้ฉันจะสามารถฆ่าเธอด้วยวิธีไหนได้เนี่ย…คิดๆดูจากที่ฉันฟังความหลังเธอแล้ว นับเป็นเรื่องที่สะเทือนใจฉันอยู่ไม่น้อยที่ตระกูลของฉันเป็นคนอย่างนั้นไปได้ ตอนนี้ฉันไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่แล้ว ฉันสงสารเธอจัง ฉันเชื่อเธอสนิทเพราะเท่าที่ฉันเจอมันสื่อให้ฉันรู้ได้ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่นอน ภาพที่เธอหัวเราะอยู่ตอนนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยทำร้ายฉันเลยสักครั้ง มีแต่ฉันเองตั้งหากที่กลัว เธอไม่ใช่ปีศาจร้ายเหมือนอย่างในอินเตอร์เน็ตบอกเลยสักนิด ความไม่เหมือนใครของฉันมันคืออะไรกันนะ แล้วทำไมเธอถึงอ่านความคิดของฉันไม่ได้ แปลกจัง… ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมอีกครั้งนึงแล้ว ฉันลุกเข้าไปหาเธอด้วยใจกล้าและจับหน้าเธอหันมาเผชิญหน้ากับฉันอย่างไม่เกรงกลัว
 
 
 
                        “ฉัน…ขอโทษแทนท่านด้วย ที่ทำกับพี่สาวเธอไปแบบนั้น”
 
 
 
                        “…..”
 
 
 
พูดจบฉันก็ยิ้มให้เธอครั้งหนึ่งก่อนที่จะรอฟังคำให้อภัยจากปากเธอแต่มันกลับไม่มีคำไหนหลุดออกมาจากปากเธอเลยแม้แต่คำเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบไปหมด สายตาของเธอจ้องมาที่ฉันอย่างเยือกเย็น ฉันค่อยๆลดมือที่จับหน้าเธออยู่ลงไปอย่างช้าๆกลัวว่าเธอจะโกรธเอาได้ เธอจับหัวไหล่ของฉันทั้งสองข้างไว้แน่น หน้าที่เรียบนิ่งของเธอบวกกับแววตาที่จ้องเขม็งมองมาใบหน้าฉันอย่างไม่ลดละ ทำเอาฉันรีบหลบสายตานั่นไปทันที
 
 
 
                  ตึกตึก ตึกตึก
 
 
 
ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจฉันเต้นแรงมาก ตอนนี้ฉันทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว ยัยนั่นยังคงยืนจ้องหน้าฉันอยู่เหมือนเดิม ที่รู้ๆ จู่ๆตอนนี้หน้าฉันดันร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย…นี่มันคืออาการอะไรกันนะ ฉันหลับตาและสูดหายใจเข้าปอดอีกครั้งนึงก่อนที่จะมองไปยังแววตาเธออีกครั้งด้วยความกล้าบ้าบิ่น
 
 
 
                  ตึกตึกตึกตึกตึกตึก
 
 
 
  หัวใจฉันเต้นแรงและเร็วมากขึ้น เหมือนคนกำลังวิ่งอยู่เลย ใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นๆของเธอเลยก็ว่าได้ ฉันมองไปที่ดวงตาของเธอซึ่งตอนนี้เธอกลับไม่ได้จ้องมาที่ตาของฉันสักนิดเดียวแต่มันกลับจ้องต่ำลงไปกว่านั้น ฉันมองตามไปยังสิ่งที่เธอกำลังจ้องอยู่ นั่นก็คือริมฝีปากของฉันนี่เอง ฉันกระพริบตาถี่ๆด้วยความกลัวเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาปี๋และเม้มปากเข้าหากันไม่พร้อมที่รับริมฝีปากอมชมพูนั่นสักเท่าไหร่
 
 
 
                         “คิดว่าฉันจะจูบเธองั้นหรอ”
 
 
 
 ฉันลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อยที่เธอมากระซิบใส่ฉันที่ข้างหูก่อนที่เธอจะพาฉันกลับมายังห้องนอนอันอบอุ่นของฉันอย่างรวดเร็ว
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา