เสน่หาทาสซาตาน NC18+ (โหดนิดๆ หยิกกัดน้อยๆ)

-

เขียนโดย สุภาวดี

วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  29.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 11.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ความเปลี่ยนแปลง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

9

ความเปลี่ยนแปลง

 

          1 เดือนผ่านไป หลังจากคืนนั้นที่ธีรพัฒน์ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับหญิงสาวที่บอกว่าเกลียดนักหนาอีก ซึ่งตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาดูเหมือนเขาจะทำได้ดีมาโดยตลอด แม้ภายในใจจะรู้สึกไม่เป็นสุขนัก เวลาที่เห็นทินกรเข้ามาวอแวหยอกล้อพูดคุยกับเลขาของเขาที่นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย แม้จะรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็เลือกที่จะเก็บไว้ และดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะลดน้อยลงทุกวัน

          หลังจากธีรพัฒน์เข้ารับตำแหน่งประธานบริหาร T-Group อย่างเป็นทางการแล้ว เขาก็ยุ่งกับงานของตัวเองที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาคิดเรื่องส่วนตัวมากนัก จะว่าเป็นความโชคดีของเขาหรือเปล่าที่ส่วนหนึ่งของงานที่เยอะแยะเหล่านี้เขาไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรมาก เพราะมีเลขาทั้งเก่งและรอบคอบคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง แม้เธอจะทำตัวห่างเหินหมางเมินกับเขาไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องงานเธอจะยินดีอธิบายพูดคุยและตรวจสอบให้เขาเป็นอย่างดี ซึ่งเขายอมรับกับตัวเองโดยไม่มีข้อแม้ว่าแพรวาเป็นคนทำงานเก่ง รวดเร็ว และรอบคอบเหมือนที่มารดาของเขาได้เคยพูดไว้จริงๆ แต่เรื่องพฤติกรรมเขาก็ยังเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงหิวเงิน เจ้ามารยา หลอกล่อหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายติดกับอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ

          “วันนี้ตอนบ่ายฉันมีนัดกับลูกค้าข้างนอก เธอต้องไปกับฉัน” ธีรพัฒน์เดินมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะของหญิงสาวแล้วออกคำสั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ จากคนเป็นเลขาทั้งสิ้น

          แพรวากำลังนั่งอ่านเอกสารในมืออย่างตั้งใจต้องสะดุ้งเพราะเสียงคำสั่งของเจ้านายที่ดังอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อหันไปก็พบว่าเขาเดินออกไปจากห้องแล้ว

          ตลอดเวลาเดือนเศษๆ ที่ผ่านมาดูเหมือนเจ้านายของเธอจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเธอนอกเหนือไปจากเรื่องงาน คราแรกเธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา แต่เพราะงานที่มีมากขึ้นทำให้เธอเลิกที่จะสนใจและหันมาทำงานในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถแทน หากเหงาหรือเบื่ออยากพักผ่อน เธอจะเลือกออกมานั่งดื่มกาแฟและพูดคุยกับริสาที่มานั่งประจำอยู่หน้าห้องแทนที่นั่งของเธอเมื่อก่อนนี้ ตามคำสั่งของทินกรที่ต้องการให้มีคนคอยช่วยรับโทรศัพท์ติดต่อประสานงานจากภายนอกแล้วส่งต่อให้เธอเพื่อรายงานเจ้านายอีกที ส่วนเธอจะรับคำสั่งและประสานงานโดยตรงกับธีรพัฒน์แต่เพียงผู้เดียว

 

          “เป็นไงบ้างริสา งานเยอะไปหรือเปล่า” แพรวาเอ่ยทักริสาเมื่อออกมานั่งดื่มกาแฟที่โต๊ะของหญิงสาวหน้าห้อง

          “ไม่เลยจ้ะแพร ตั้งแต่แพรถอดเฝือกออก ริสาแทบจะไม่มีอะไรทำเลยด้วยซ้ำ” ริสาหันมาตอบเพื่อนรักเสียงใส จริงอยู่ที่ทินกรย้ายเธอขึ้นมาช่วยพิมพ์เอกสารงานต่างๆ ให้แพรวาระหว่างที่ยังใส่เฝือกอยู่ แต่พอหญิงสาวตรงหน้าถอดเฝือกออกแล้วเธอก็แทบจะไม่มีอะไรทำเลย เพราะงานต่างๆ แพรวาทำได้รวดเร็วและคล่องกว่าเธอมาก จนงานไม่เคยตกถึงเธอหากไม่จำเป็น

          “แพรก็กลัวริสาจะเหนื่อยเพราะงานตรงนี้มันค่อนข้างจุกจิกน่ะ อะไรที่แพรพอทำได้แพรก็จะทำผ่านไปเลย”

          “แหม่ พอทำได้อะไรล่ะ แพรเล่นทำเองซะหมดแล้วริสาจะทำอะไรล่ะจ๊ะ ดูสิ ไม่มีอะไรให้ทำหนักๆ เข้าจะโดนไล่ออกหรือเปล่าก็ไม่รู้” คนว่างงานบ่นอุบจนได้รับรอยยิ้มบางๆ จากคนที่มานั่งดื่มกาแฟตรงหน้า

          “ไม่หรอกจ้ะ ริสาช่วยงานแพรได้เยอะ ไหนจะเอกสารที่ต้องส่งออกไปยังแผนกอื่นๆ อีก ไม่งั้นแพรตายแน่ๆ เลย ทั้งงานเจ้านาย ทั้งเอกสารที่ส่งไปภายนอก”

          แพรวาบอกผู้ช่วยของเธอให้คลายความกังวล ก่อนจะเอียงหน้ามาหาเพื่อนสาวที่ดึงแขนเธอเข้าไปใกล้

          “โน่น เดินหน้าบึ้งมาโน่นแล้ว เจ้านายเอาแต่ใจของแพรน่ะ” ริสาชี้มือกระชิบบอกคนข้างๆ ให้รู้ตัว

          “งั้นแพรเอาแก้วกาแฟไปเก็บก่อนนะ” ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนี้โดยไม่หันไปมองชายหนุ่มที่กำลังเดินมาทางเธอ

          “คุณแพรวาไปไหน” เสียงเข้มติดจะบึ้งตึงถามหาหญิงสาวที่เขาเห็นเหมือนเธอนั่งอยู่ตรงนี้เมื่อครู่

          “เอาแก้วกาแฟไปเก็บค่ะ” ริสาลุกขึ้นก้มหน้าตอบเจ้านายเสียงเบา เพราะเกรงกลัวต่อสายตาที่คมเข้มบึ้งตึงของเขา

          “อือ ถ้ามาแล้วบอกให้เข้ามาเร็วๆ ด้วย... มีงานด่วน” คนเป็นเจ้านายยังคงออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

          “อะไรของเขานะ ทำอย่างกับแพรเป็นนักโทษอย่างนั้นแหละ แค่ออกมานั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่” ริสาบ่นกับตัวเองเบาๆ ถึงแม้เธอจะมานั่งทำงานตรงนี้ได้เดือนกว่าๆ แล้ว แต่ยังไงเธอก็ยังไม่ชินกับเจ้านายที่อารมณ์แปรปรวนแบบนี้สักที ไม่รู้แพรวาทนได้ยังไง ถ้าเป็นเธอคงเผ่นไปนานแล้ว

          “แพร รีบเข้าไปเลย คุณธีร์โมโหใหญ่แล้วบอกว่ามีงานด่วนด้วย” คนไม่ชินกับเจ้านายเอาแต่ใจรีบละล่ำละลักบอกเพื่อนสาวให้รีบตามเจ้านายเข้าไปในห้อง

 

          แพรวาเคาะประตูห้องสองสามทีเป็นมารยาทเพื่อบอกกับคนข้างในให้รู้ว่าเธอกำลังจะเข้าไป 

          เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบคนหน้าบึ้งนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจโดยไม่สนใจจะหันมามองเธอด้วยซ้ำ และไหนบอกว่ามีงานด่วนแต่ทำไมไม่สนใจเธอซะอย่างนั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเขาแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

          “คุณธีร์มีงานด่วนหรือคะ”

          “เปล่า...” ธีรพัฒน์ตอบเพียงสั้นๆ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนถามเลยสักนิด เขายังคงตั้งหน้าตั้งตากับเอกสารในมือต่อไป ทำให้คนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับควันออกหู ‘นี่เขาโกหกริสาเพื่อให้เธอรีบเข้ามาในห้องทำไมกัน’ แพรวาบ่นในใจขณะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หลังจากนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ

               

            กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโรยรินมาแต่ไกล เมื่อสาวสวยร่างอวบแสนเซ็กซี่เดินขึ้นมายังชั้นผู้บริหารด้วยท่วงท่าที่สง่างามดูเย้ายวนด้วยชุดเดรสเกาะอกสีดำสั้นเพียงคืบเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของริสา

            “ฉันมาพบคุณธีร์ คงไม่ต้องบอกนะว่าฉันเป็นใคร” เมธินีจีบปากจีบคอบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องทำงานของชายคนรัก

            “เอ่อ แต่ริสาต้องแจ้งคุณแพรก่อนนะคะ เธอจะได้บอกคุณธีร์ให้ว่าคุณเมนี่มาพบ” คนมีหน้าที่ต้อนรับบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แม้ภายในใจจะไม่ชอบหญิงสาวตรงหน้ามากนักก็ตาม เพราะเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับสายตาที่จิกมองเธออย่างประเมินค่าแบบนั้น

            “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก เพราะยังไงธีร์ก็ให้ฉันเข้าไปพบอยู่แล้ว” ว่าเสร็จร่างอวบเย้ายวนก็ผลักประตูห้องทำงานของชายคนรักเข้าไปทันที โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆ ของหญิงสาวหน้าห้องอีก

            ธีรพัฒน์เงยหน้าจากเอกสารในมือด้วยความไม่พอใจที่จู่ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะ หรือการบอกกล่าวจากคนเป็นเลขาที่นั่งอยู่ภายในห้อง ซึ่งริสาต้องรายงานเธอก่อนจะให้ใครเข้ามาในห้องนี้อยู่แล้ว

            ชายหนุ่มเจ้าของห้องตวัดสายตามองริสาที่รีบตามเข้ามาหมายจะห้ามปรามคนใจร้อนให้รอก่อนแต่ก็ไม่ทัน จึงทำได้เพียงยืนก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรม

            “อะ เอ่อ ริสาบอกให้เธอรอก่อนแล้วค่ะ แต่ไม่ทัน”

            “ไม่เป็นไร คุณออกไปทำงานของคุณเถอะ”

            ธีรพัฒน์พยักพเยิดให้คนที่นั่งหน้าห้องออกไปประจำที่ของเธอ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเลขาคนสวยที่ขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเตรียมจะออกไปจากห้องด้วยเหมือนกัน เพราะเธอไม่อาจจะทนมองภาพบาดตาบาดใจระหว่างเจ้านายกับสาวคนรักได้

            “ฉันยังไม่ได้บอกให้เธอไป แพรวา” เสียงเข้มเอ่ยขัดเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะออกไปจากห้องอีกคน ซึ่งการกระทำของคนทั้งสองหาได้รอดพ้นจากสายตาของคนจับผิดไปได้

            เมธินีมองสายตาของชายคนรักที่ใช้มองเลขาของเขา ไม่เหมือนกับตอนที่มองเธอเลยสักนิด และไม่ใช่สายตาที่เจ้านายจะมองลูกน้องด้วย ‘ฮึ อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอคิดจะแย่งธีร์ไปจากฉัน ฉันเอาเธอตายแน่ แพรวา’ เมธินีคิดในใจอย่างแค้นเคือง

            “แพรจะไปเอาน้ำมาให้คุณเมนี่ค่ะ” หญิงสาวตอบ แล้วรีบผลักประตูออกไปทันที

            “แหม่ ไม่เห็นจะต้องเรื่องมากเลยค่ะธีร์ เมนี่กับธีร์ก็คนกันเอง ตอนอยู่ที่โน่นเมนี่จะเข้าออกห้องของธีร์ยังไงก็ได้ไม่เห็นต้องมีใครมาคอยรายงานเลยนี่คะ” คนไม่มีมารยาทลอยหน้าลอยตาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เคยทำเป็นประจำ

            “แต่ไม่ใช่ที่นี่! คุณต้องให้เกียรติผมบ้าง จะมาจะไปจะเข้ามาพบผมก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ยังไงผมก็ให้คุณเข้ามาพบอยู่แล้ว แต่ขอให้ผมรู้ตัวสักนิดได้ไหมมันเป็นมารยาท”

            คำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งสอนของธีรพัฒน์ทำให้คนมาใหม่รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ

            “ธีร์ขา... ก็เมนี่คิดถึงคุณนี่คะ”

            เมธินีเดินตรงดิ่งเข้าไปหาผู้ชายในดวงใจทันที พร้อมทั้งคล้องแขนที่คอของชายหนุ่มแล้วใช้ตักของเขาเป็นที่นั่ง ริมฝีปากสีแดงสดประทับลงที่แก้มสากอย่างตั้งใจจนเกิดเป็นรอยแดงได้รูปเรียวปากสวยของเธอ

            “ฮื้อ!... ไม่เหมาะนะเมนี่ อย่าทำแบบนี้อีก”

            ธีรพัฒน์เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากสวยของหญิงสาวเพื่อไม่ให้เธอจุมพิตที่ปากหนาของเขาได้

            “ทำไมล่ะคะธีร์ ก็เมนี่คิดถึงคุณนี่คะ ทีตอนนั้นเรายังทำได้เลยน่า... นะคะ”

            สาวร่างอวบยังคงออดอ้อนพยายามบดเบียดทรวงอกอวบอิ่มเข้าแนบชิดอกแกร่งเพื่อตั้งใจจะยั่วยวน มือสวยไตร่วนเวียนอยู่ตรงสาบเสื้อของชายหนุ่มอย่างซุกซน

            “อย่าเมนี่!... ไม่ใช่ที่นี่” ชายหนุ่มทนรำคาญไม่ไหวจึงคว้าหมับที่มือเล็กแล้วปรามหญิงสาวด้วยสายตาดุกร้าว

            แพรวาเคาะประตูห้องก่อนจะผลักเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นสำหรับแขกพิเศษของเจ้านาย หญิงสาวยืนมองภาพตรงหน้าอย่างทรมาน รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจจนยากจะทนนั่งทำงานอยู่ในห้องนี้ต่อไปได้ หลังจากนำน้ำส้มไปวางที่โต๊ะรับแขกภายในห้องแล้ว คนตัวเล็กหันไปสบตาผู้เป็นเจ้านายเพียงแวบเดียวก็ต้องเบือนหน้าหลบ เพราะดูเหมือนเขาจะมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออก

            “เดี๋ยว! เธอจะไปไหนแพรวา” ผู้เป็นเจ้านายหันไปขัดคนตัวเล็กที่ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะตอบอะไร คนถือตัวว่าเป็นแขกพิเศษก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

            “คุณแพรเธอไม่อยากเป็นก้างขวางคอเราสองคนไงคะธีร์ก็... ให้เธอออกไปเถอะค่ะ พอเมนี่หายคิดถึงคุณแล้วค่อยให้เธอเข้ามาทำงานนะคะ”

            “งานที่ฉันสั่งน่ะทำเสร็จหรือยัง จะออกไปเดินเพ่นพ่านทำไม” เสียงเข้มเอ่ยต่อว่าคนตัวเล็กอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก โดยไม่สนใจคำคัดค้านของคนบนตัก

            ในเมื่อไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ แพรวาจึงกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป โดยพยายามไม่มองไม่สนใจบุคคลร่วมห้องทั้งสองที่เป็นสาเหตุทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอปวดหนึบอยู่ตอนนี้ ‘คนใจร้าย จะพลอดรักกันแล้วจะให้เธออยู่ดูทำไมก็ไม่รู้’ คนตัวเล็กบ่นอย่างหัวเสีย

            “คุณกลับไปก่อนเมนี่ ผมจะทำงาน” คนเจ้าอารมณ์หันมาบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักแกร่งด้วยความรู้สึกหงุดหงิด พยายามเกาะมือของเธอออกจากลำคอ

            “อะไรกันคะธีร์ เมนี่เพิ่งมาเองนะคะ ให้เมนี่อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยก็ยังดี เมนี่คิดถึงคุณนะคะ อย่าเพิ่งให้เมนี่ไปเลยนะคะ... นะคะ” คนช่างตื๊อยังคงออดอ้อน พยายามซุกซบใบหน้ากับอกแกร่งของชายหนุ่มอย่างเอาใจ

            “ผมมีนัดกับลูกค้า คงทานข้าวกับคุณไม่ได้หรอก” ธีรพัฒน์บอกเสียงเรียบ ปรายตามองหญิงสาวอีกคนในห้อง ที่นั่งก้มหน้าสนใจกับงานในมือโดยไม่หันมามองเขา ทำให้คนอารมณ์ร้อนยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ และยิ่งทวีความโมโหมากขึ้นไปอีกที่คนบนตักทำตัวงี่เง่า

            “เดี๋ยวนี้คุณก็ไม่เคยไปหาเมนี่เลย โทรมาคุณก็ไม่รับ เมนี่ใจจะขาดอยู่แล้วนะคะ”

            “ผมมีงานต้องทำ คุณก็รู้ว่าผมเพิ่งมารับตำแหน่งที่นี่ต่อจากคุณแม่ได้ไม่นาน ก็ต้องทำความเข้าใจกับงานมากหน่อย” น้ำเสียงติดจะรำคาญของธีรพัฒน์ทำให้คนฟังนิ่งเงียบ

            “งั้นก็ได้ค่ะ แต่ธีร์ต้องสัญญานะคะ ว่าคุณจะไปหาเมนี่”

            เมธินีเงยหน้าจากอกแกร่ง ส่งวาจาออดอ้อนยอมลงให้กับชายหนุ่มแล้วลุกขึ้นจากตักของเขา เพราะเธอรู้ดีว่าหากทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะไม่ให้เธอได้ใกล้ชิดเขาอีก

            “ครับ” ธีรพัฒน์ตอบรับสั้นๆ เหมือนเป็นการตัดความรำคาญมากกว่า

            “เมนี่ไปก่อนนะคะคุณแพร แล้วเมนี่จะมาเที่ยวใหม่ค่ะ” สาวร่างอวบหันไปกล่าวลาหญิงสาวอีกคนในห้อง แล้วผลักประตูออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

            “ค่ะ” แพรวายิ้มให้ แล้วก้มหน้าทำงานของเธอต่อไป

            ธีรพัฒน์ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อคนที่เขาเคยให้ความสนิทสนมเดินออกจากห้องไปแล้ว ทำไมเขาถึงไม่คิดพิศวาสเพื่อนสาวคนสนิทเหมือนดั่งแต่ก่อนก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่พบเจอหล่อนเขาแทบจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปด้วยซ้ำ ธีรพัฒน์คิดในใจอย่างสับสนกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนเธอจะสนใจกับงานมากเกินไปจนไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยสักนิด

            “หยิบกระดาษทิชชู่มาให้หน่อย” ชายหนุ่มสั่งคนตัวเล็กเสียงเข้ม

            “ค่ะ” แพรวาลุกขึ้นจากเก้าอี้หยิบกระดาษทิชชูที่อยู่บนโต๊ะของเธอแล้วเดินตรงไปให้เขา

            “ได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงเบาเมื่อคนที่ต้องการกระดาษทิชชู่กลับไม่รับทิชชู่ในมือของเธอเสียที

            “เช็ดหน้าให้ด้วยสิ”

            คนเป็นเจ้านายขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนโต๊ะทำงานของเขาเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับมือของเธอที่จะยกขึ้นมาเช็ดหน้าให้เขาได้

            “คะ? ” คนตัวเล็กขยับตัวถอยหลังทันทีที่ชายหนุ่มเดินมานั่งลงตรงหน้าของเธอ

            “ไม่เห็นเหรอ ว่าหน้าฉันเปื้อนรอยลิปสติกน่ะ เช็ดให้หน่อยฉันมองไม่เห็น”

            คนเอาแต่ใจออกคำสั่งแล้วเอียงแก้มให้หญิงสาวที่เขาไหว้วาน แต่ดวงตาที่ฉายแววเป็นประกายวิบวับของเขาทำให้คนตัวเล็กไม่มั่นใจในสวัสดิภาพของตัวเองเสียเลย

            “เอ่อ... คุณก็ไปเช็ดในห้องน้ำสิคะ”

            “ฉันต้องการให้เธอเช็ดให้ไม่ได้หรือไงหะ เร็วๆ เข้าฉันจะรีบทำงาน” ชายหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ

            “ค่ะ”  

            แพรวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอแอบหลงรัก แล้วเอื้อมมือที่ถือกระดาษทิชชู่อยู่เช็ดรอยลิปสติกบนแก้มสากเบาๆ ความใกล้ชิดที่ใกล้แค่เพียงลมหายใจแบบนี้ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเต้นแรงผิดจังหวะ พานให้มือไม้สั่นไปด้วย

            ธีรพัฒน์เหลือบตามองคนตัวเล็กที่เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นน้อยๆ ของเธอ ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ดวงตากลมโตหวานซึ้งของเธอจับจ้องที่แก้มสากของเขาอย่างตั้งใจ ทำไมหัวใจเขาถึงเต้นแรงผิดจังหวะแบบนี้นะ จู่ๆ ความโหยหาจากสัมผัสที่เขาเคยลิ้มลองและหลงใหลก็ผุดขึ้นมา สองมือหนายื่นไปโอบเอวเล็กของหญิงสาวตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะกดปลายจมูกโด่งลงบนพวงแก้มนวลนุ่มนิ่มที่เขาแสนคิดถึงอย่างเผลอไผล

            “คุณธีร์!” แพรวาตกใจกับสัมผัสของเขาที่เธอไม่ทันตั้งตัว สองมือน้อยผลักอกแกร่งของชายหนุ่มให้ถอยห่าง ก่อนจะจ้องหน้าคนเอาแต่ใจอย่างโกรธเคือง

            “ก็ให้รางวัลไง ที่เธอเช็ดหน้าให้ฉัน” คนเอาแต่ใจยิ้มขำลอยหน้าตอบอย่างยียวน

            “แพรไม่ต้องการ” คนตัวเล็กกระชากเสียงใสด้วยความโมโหที่เขาทำอะไรตามอำเภอใจ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ เพราะเขาไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามแตะต้องเนื้อตัวเธออีกเลยหลังจากที่ทินกรไปทานข้าวกับเธอแล้วกลับมาพร้อมดอกกุหลาบช่อโต แต่วันนี้เขาเป็นอะไรกลับมาเจ๊าะแจ๊ะวุ่นวายกับเธออีกทำไม

            “แต่ฉันอยากจะให้” ธีรพัฒน์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            แพรวาเม้มปากแน่นพยายามสกัดกั้นความโกรธไม่ให้เข้าไปทำร้ายคนตรงหน้าที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งขโมยหอมแก้มเธอไปหยกๆ

            ในเมื่อทำอะไรไม่ได้คนตัวเล็กจึงตัดสินใจเดินกลับไปนั่งโต๊ะแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ โดยไม่หันไปสนใจชายหนุ่มที่นั่งยิ้มขบขันอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้อีกเลย

               

            เวลาล่วงเลยไปจนใกล้เวลาพักเที่ยง แพรวาเงยหน้ามองนาฬิกาที่ฝาผนังห้องแล้วทำให้คิดถึงนาฬิกาข้อมือของเธอที่ไม่รู้หายไปไหน 

            หลังจากวันนั้นเธอก็ไปถามกับแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดแล้วก็ไม่มีใครพบเจอ แล้วนาฬิกาของเธอหายไปไหนกันนะ แพรวาถอนหายใจหนักหน่วงเวลาที่คิดถึงนาฬิกาทีไรหน้าของคุณหญิงเพ็ญพักตร์ผู้มีพระคุณของเธอก็ฉายชัดขึ้นมาทุกที ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาของที่ท่านมอบให้ไว้ได้

“ไปทานข้าวกันครับคุณแพร” ทินกรเข้ามาเรียกหญิงสาวใกล้ๆ เพราะดูท่าเธอคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามายืนอยู่นานแล้ว วันนี้เขาไม่ต้องชวนธีรพัฒน์เพราะรายนั้นเข้าไปบอกกับเขาเมื่อเช้าแล้วว่ามีนัดกับลูกค้าช่วงบ่ายคงออกไปทานข้าวกลางวันด้วยเลย

“ฉันมีนัดกับลูกค้าข้างนอก” คนตอบกลับเป็นชายหนุ่มเจ้าของห้อง

“ฉันรู้แล้ว ก็เรื่องของแกสิ ฉันชวนคุณแพรวา” ทินกรหันมาบอกเพื่อนรักอย่างยียวน

“ฉันไปพบลูกค้า เลขาฉันก็ต้องไปกับฉันสิ” ธีรพัฒน์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดตรงที่ทินกรยืนอยู่

“อ้าว แล้วเมื่อเช้าไม่เห็นแกบอกฉันเลยว่าคุณแพรต้องไปด้วย”

“แล้วฉันจำเป็นต้องบอกแกด้วยเหรอ” ธีรพัฒน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน แล้วเดินผ่านทินกรไปยังประตูห้อง แต่ไม่วายหันกลับมาออกคำสั่งคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนรักของเขา

“ฉันจะไปห้องน้ำ เธอไปรอฉันข้างล่างได้เลย และอย่าให้ฉันต้องเป็นฝ่ายรอเธอนะแพรวา” เสียงเข้มเตือนหญิงสาว ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจใคร

“งั้น แพรขอตัวก่อนนะคะคุณกร” หญิงสาวตัวเล็กละล่ำละลักบอกเพื่อนชายที่แสนดีของเธอ

“ครับๆ เชิญครับ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

ทินกรหลีกทางให้แต่โดยดี เพราะไม่อยากให้หญิงสาวต้องลำบากใจ พักนี้เขาสังเกตเห็นเพื่อนรักกับเลขามีท่าทีหมางเมินใส่กันผิดปกติ แต่สายตาที่ธีรพัฒน์ใช้มองแพรวากลับไม่หมางเมินเหมือนการแสดงออก หลายครั้งที่เขาสังเกตเห็นธีรพัฒน์มองแพรวาด้วยสายตาหวานเชื่อมเวลาที่เจ้าตัวเผลอ ‘หรือว่าสมภารจะกินไก่วัดซะแล้วคราวนี้ ฮึ! ต่อหน้าทำเป็นดุเขา พอลับหลังก็เอาแต่จ้องเอาจ้องเอา อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะนายธีร์ ฉันจะเป็นก้างขวางคอแกให้กระอักเลือดเลยคอยดู ฮึ ฮึ’ ทินกรคิดในใจอย่างขบขันก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทำธุระของตัวเอง  

 

          ธีรพัฒน์ลงมายังลานจอดรถก็พบหญิงสาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มหยักยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อเดินเข้าใกล้หญิงสาว และยิ่งเคร่งขรึมมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าคนที่ยืนรอเขาอยู่นั้นกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่ทำให้เธอฉีกยิ้มเต็มวงหน้าอย่างมีความสุขแบบนั้น

          ‘งั้นแค่นี้ก่อนนะมล ไว้ค่อยคุยกัน บาย’ 

          แพรวารีบวางสายจากเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถฝั่งข้างๆ คนขับแล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว ด้วยรู้ถึงอารมณ์ของคนเป็นเจ้านายที่เข้าไปในรถก่อนแล้ว

          “คุยกับใคร” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาถามออกไปแบบนั้น

          “คะ?” หญิงสาวรู้สึกงงๆ ที่วันนี้เจ้านายของเธอดูแปลกๆ แต่จะว่าไปก็แปลกเกือบทุกวันนั่นแหละ อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวก็ทำเป็นไม่สนใจ เดี๋ยวก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาจนเธอตามแทบไม่ทัน

          “ฉันถามว่าเธอคุยโทรศัพท์กับใครเมื่อกี้นี้” คนอยากรู้ทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจที่หญิงสาวตรงหน้าทำท่าเหมือนไม่อยากจะตอบ

          “เพื่อนค่ะ” เธอจำเป็นต้องตอบเพราะถ้าไม่ตอบมีหวังโดนเหวี่ยงแน่ๆ

          “ขอให้มันจริงเถอะ” ธีรพัฒน์บ่นง่อมแง่มออกมาอย่างไม่พอใจนัก

          “หือ?” แพรวาหันมามองเหมือนได้ยินไม่ถนัดว่าชายหนุ่มพูดอะไร

          “เปล่า ฉันไม่ได้ว่าอะไรนี่”

          หลังจากนั้นภายในรถก็มีแต่ความเงียบ สองหนุ่มสาวไม่มีใครคิดจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก ธีรพัฒน์เหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเธอนั่งเบียดชิดจนแทบจะติดกับประตูรถ ทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ไม่รู้เจ้าหล่อนจะรังเกียจอะไรเขานักหนา เมื่อทนไม่ไหวมือหนาจึงหันไปคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กๆ ของหญิงสาวเพื่อดึงให้เธอขยับมานั่งดีๆ

          “โอ๊ย! คุณธีร์พัฒน์ คุณจะทำอะไรคะ” คนที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ข้างนอกรถตกใจหันมาแหวใส่ชายหนุ่มทันทีเมื่อถูกกระชากอย่างแรงที่ข้อมือบาง

          “นั่งให้มันดีๆ สิ รังเกียจฉันนักหรือไงห๊ะ!” คนหงุดหงิดตะคอกเสียงถาม

          “ไม่เกี่ยวกับคุณ” คนตัวเล็กกระแทกเสียงกลับอย่างไม่ลดละ

          “ยังปากดีเหมือนเดิมนะ สงสัยจะลืมไปแล้วว่าบทลงโทษของคนปากดีมันเป็นยังไง”

          ธีรพัฒน์พูดพร้อมกับยกมือแกร่งขึ้นลูบไล้ที่ริมฝีปากหนาของตัวเอง แล้วใช้สายตาเป็นประกายวิบวับมองเรียวปากบางอวบอิ่มของหญิงสาวอย่างหิวกระหาย 

          “คนบ้า!”

          คนเคยถูกทำโทษรีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองแน่น ได้ยินเสียงชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเหมือนกำลังมีความสุขจนเธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอย่างไรพิกล

 

          ธีรพัฒน์พาหญิงสาวมายังห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากมัก และนั่นก็หมายความว่าไม่ไกลจากคอนโดที่พักของหญิงสาวด้วยเช่นกัน 

          คนเป็นเจ้านายเดินนำเลขาคนสวยเข้ามายังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เขาจำได้ดีว่าวันนั้นเขาเห็นหญิงสาวข้างกายมากินอาหารที่ร้านนี้กับไอ้หนุ่มตี๋แว่นหน้าตาดีเจ้าสำอางคนนั้น

          เมื่อเข้ามาภายในร้านทุกคนต่างต้องสะดุดตากับความหล่อเหลาราวเทพบุตรของชายหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงรัศมีความร้อนแรงจากสายตาของสาวๆ รอบตัว แต่เขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ เพราะในความคิดของเขาผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ คิดแต่จะจับผู้ชายรวยๆ หน้าตาดี มีฐานะทางสังคม เพอร์เฟกต์ ซึ่งเขาเองก็รู้ตัวดีว่าเป็นหนึ่งในนั้น

          “คุณธีร์นัดลูกค้าไว้ที่นี่หรือคะ” แพรวาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

          “เปล่า ฉันนัดลูกค้าไว้ที่ร้านกาแฟ” ธีรพัฒน์ตอบพลางหยิบเมนูอาหารที่พนักงานในร้านนำมายื่นให้

          “อ้าว แล้วทำไม...” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของเจ้านายเอาแต่ใจก็แทรกขึ้นมา

          “ฉันหิวข้าว จะกินข้าวก่อนไปพบลูกค้าไม่ได้หรือไง”

          คนเอาแต่ใจพูดพร้อมกับก้มมองเมนูอาหารในมือด้วยท่าทียียวน ดูกวนประสาทคนฟังเสียอย่างนั้น นี่เขาจะมาจะไปจะทำอะไรไม่คิดจะบอกเลขาอย่างเธอบ้างหรือไงนะ นัดลูกค้าได้ยังไงโดยไม่ผ่านเลขา เวลากี่โมงก็ไม่บอก คนตัวเล็กบ่นในใจอย่างนึกโมโห

          “เธอสั่งให้ฉันด้วยก็แล้วกัน เคยมากินไม่ใช่เหรอ” ธีรพัฒน์พับเก็บเมนูในมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิม

          “คุณจะทานอะไรล่ะคะ” คนตัวเล็กทำเสียงแข็ง นึกไม่พอใจเขาขึ้นมาตงิดๆ

          “อะไรก็ได้ ฉันไม่เรื่องมากหรอกสั่งๆ มาเถอะ”

          เมื่อได้คำตอบจากชายหนุ่มเป็นอะไรก็ได้ตามใจเธอ หญิงสาวจึงหันไปสั่งอาหารที่เธอชอบ 3-4 อย่างกับพนักงาน แล้วหันกลับมาถามข้อสงสัยที่เธออยากได้คำตอบจากคนตรงหน้าทันที

          “ทำไมคุณถึงรู้ว่าแพรเคยมาทานที่นี่คะ”

          “ฉันเดาเอา”

          แม้จะเป็นคำตอบที่ง่ายๆ แต่ก็ยังสร้างความงุนงงให้เธออยู่ดี ‘เฮ้อ... เขาจะกวนประสาทเธอไปถึงไหนกันนะ’ แพรวาคิดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปถามสิ่งที่เธอควรจะต้องรู้เกี่ยวกับการออกมาพบลูกค้าครั้งนี้

          “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าลูกค้าที่คุณธีร์นัดไว้ชื่ออะไรคะ”

          “เจสัน เควิน” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปสนใจกับอาหารที่พนักงานกำลังยกเข้ามาเสิร์ฟ

          “แพรรู้สึกว่า เราไม่มีลูกค้าชื่อนี้นี่คะ” แพรวาขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เคยได้ยินชื่อลูกค้าที่เจ้านายเธอบอกเลยสักนิด

          “เขาเป็นเพื่อนฉันที่มาจากอเมริกา และกำลังจะมาเปิดธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย ฉันต้องการให้ลูกทัวร์ของเขามาพักกับโรงแรมของเราตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วประเทศ เธอมีอะไรจะถามฉันอีกไหม ฉันจะได้กินข้าวสักที” คนตอบเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด

          “เอ่อ ไม่มีแล้วค่ะ เชิญค่ะ”

          ใจจริงเธออยากจะถามเจ้านายเหลือเกินว่าเขานัดกันไว้กี่โมง เธอจะได้ทำตัวถูก เพราะปกติเธอเป็นคนกินข้าวช้า แล้วนี่เธอจะทำอะไรให้เขาหงุดหงิดอีกหรือเปล่าเนี่ย แพรวาบ่นในใจพร้อมกับตักอาหารในส่วนของเธอใส่ปาก

          “ไม่ต้องรีบ ฉันนัดไว้บ่าย 2 นี่เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ เอง” ธีรพัฒน์เปรยออกมา เพราะเห็นหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจจะพูดจากับเขา

          “ค่ะ”

          แพรวาเหลือบตาขึ้นมามองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มลงแล้วสนใจกับอาหารของตัวเองต่อไป แม้ว่าจะมีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่เธอก็เลือกที่จะเก็บไว้มากกว่า เพราะไม่อยากจะต้องเสียอารมณ์กับคนกวนประสาทอย่างเขา

 

          หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ธีรพัฒน์ก็พาแพรวามายังร้านกาแฟที่เขานัดพบกับเพื่อนร่วมธุรกิจซึ่งกำลังจะมาเป็นลูกค้าคนสำคัญของโรงแรมในเครือ T-Group ของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ 

          ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านชายหนุ่มก็สะดุดตากับเพื่อนชาวต่างชาติของเขาทันที ด้วยรูปลักษณ์ที่สูงใหญ่ ผิวขาวจัดจนดูซีด ผมสีทองเป็นประกายโดดเด่น ธีรพัฒน์จึงเดินตรงเข้าไปทักทายอย่างรวดเร็ว

          “สวัสดี เจสัน นายมานานหรือยัง” ธีรพัฒน์ตรงเข้าไปหาเพื่อนชาวต่างชาติพร้อมทั้งยื่นมือเพื่อให้อีกฝ่ายสัมผัส

          “อ้าวธีร์ สวัสดี ฉันเพิ่งมาสักครู่เอง” เจสัน เควิน ลุกขึ้นแล้วยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือของเพื่อนร่วมธุรกิจคนสำคัญทันที แต่สายตากลับมองมาที่หญิงสาวตัวเล็กหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่วางตา

          “นี่คุณแพรวา เลขาของฉัน” ธีรพัฒน์กล่าวแนะนำหญิงสาวข้างกายให้คนเป็นเพื่อนได้รู้จัก

          “แพรวา นี่คุณเจสัน เควิน เป็นเจ้าของบริษัททัวร์เควินทราเวลที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา”

          “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือพนมไหว้เพื่อนของเจ้านายที่เขาบอกว่ากำลังจะมาเป็นลูกค้าคนสำคัญอย่างนอบน้อมสวยงาม

          “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแพรวา” เจสัน รับไหว้หญิงสาวเช่นกันเพราะเขาเคยศึกษาเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีของเมืองสยามมาบ้าง แต่ก็ไม่วายจะยื่นมือออกไปเพื่อขอสัมผัสมือหญิงสาว

          “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณเจสัน” แพรวาจำเป็นต้องยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายเพื่อรักษามารยาท

          “คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับ” ชายหนุ่มชาวต่างชาติได้ทีหยอดคำหวานให้เลขาของเพื่อน เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยหวานขนาดนี้มาก่อน

          “ขอบคุณค่ะ” แพรวาตอบรับเสียงเบา รู้สึกเหมือนมีรังสีความร้อนมากระทบผิวกายแปลกๆ เมื่อหันไปมองธีรพัฒน์จึงพบว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาไม่พอใจ

          “นายจับมือเลขาฉันนานไปแล้วเจสัน จะนั่งกันได้หรือยัง”

          ธีรพัฒน์พูดเสียงเข้ม รู้สึกขัดใจกับภาพตรงหน้า ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจของเขาและหยิบเอกสารของเพื่อนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นดู

          “แหม่ แค่นี้ทำเป็นหวง เชิญนั่งก่อนครับคุณแพรวา เดี๋ยวสั่งเครื่องดื่มกันก่อนนะครับ” เจ้าของธุรกิจทัวร์บริการอย่างมีน้ำใจ

          “ขอบคุณค่ะ” แพรวากล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ กับเจ้านายของเธอ

          “สั่งกาแฟให้ฉันด้วย” ธีรพัฒน์บอกหญิงสาวข้างกาย ก่อนจะหันไปสนใจเอกสารในมือต่อ

          คนรับคำสั่งเมื่อเห็นพนักงานของร้านกาแฟเดินเข้ามารับออร์เดอร์ เธอจึงสั่งกาแฟดำให้กับเจ้านาย และชาเย็นสำหรับเธอ ส่วนชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามเขามีกาแฟแก้วเดิมอยู่แล้ว

          “ในสัญญามีอะไรต้องเพิ่มเติมแก้ไขหรือเปล่าธีร์” เจสันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าธีรพัฒน์วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะแล้ว

          “อืม... เท่าที่อ่านดูก็ครอบคลุมแล้วนะ แต่ต้องให้เลขาฉันดูอีกที เพราะฉันเองก็เพิ่งมารับหน้าที่ได้ไม่นาน” ธีรพัฒน์ตอบแล้วหยิบเอกสารบนโต๊ะส่งให้แพรวาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย

          “นายเก็บสัญญาไว้ดูก่อนก็ได้ ฉันไม่รีบหรอก” เจ้าของธุรกิจทัวร์รายใหญ่บอกอย่างใจกว้าง

          “นายจะเปิดตัวที่นี่เมื่อไร” ธีรพัฒน์เอ่ยถามขณะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย

          “เปิดสำนักงานจริงๆ น่าจะเป็นเดือนหน้า แต่วันอาทิตย์นี้ฉันจะจัดงานฉลองเชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวก่อน นายว่าเป็นไง”

          “อืม ก็ดี อยากดังก็ต้องอาศัยสื่อนี่แหละ เร็วดี นายมันเจ้าพ่อโปรโมชั่นอยู่แล้วนี่” ธีรพัฒน์หัวเราะแซวเพื่อนอย่างขบขัน

          “นายต้องมาด้วยนะธีร์ แล้วก็เชิญคุณแพรด้วยนะครับ” เจสันหันไปส่งยิ้มหวานให้กับหญิงสาว

          “เอ่อคือ แพร...” แพรวากำลังคิดว่าเธอควรจะไปหรือไม่ไปดี

          “ฉันไป เลขาฉันก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว” เจ้านายที่แสนเอาแต่ใจของเธอกลับเป็นคนตอบซะเอง

          “ฉันคิดว่าเลขานายจะเป็นคุณเมนี่ซะอีก” จู่ๆ เจสันก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขารู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเขากับเลขาสาวสวยตรงหน้า จึงแกล้งถามถึงคู่ควงของธีรพัฒน์เพื่อหยั่งเชิง  

          “เมนี่ไม่ได้ทำงานกับฉันแล้ว เธอต้องไปช่วยธุรกิจของครอบครัวน่ะ” ธีรพัฒน์ตอบเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองหน้าหญิงสาวข้างกายเพียงแวบเดียว แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของคนที่จ้องจะจับผิดอย่างเจสันไปได้ ‘สองคนนี้ต้องมีอะไรกันแน่ๆ แต่จะลึกซึ้งแค่ไหนนั้นเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่รับรองว่าสิ่งที่เห็นต้องไม่ใช่สิ่งที่เป็นอย่างแน่นอน’ เจสันให้คำมั่นกับความคิดของตัวเอง

          “แล้วนายได้เจอเธอบ้างหรือเปล่า”

          “ก็เจอบ้าง ทานข้าว ฟังเพลง บางทีเมนี่ก็ไปหาฉันที่ออฟฟิศ แต่ช่วงนี้เธอไปต่างประเทศบ่อยก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน นายถามทำไมเหรอ”

          คำตอบของธีรพัฒน์ทำให้หญิงสาวที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด แววตาที่เคยสดใสตอนนี้กลับฉายแววเศร้าหมองอย่างชัดเจน ที่แท้ทุกครั้งที่เขากลับบ้านเร็วก็คงไปกับคุณเมนี่ มันเป็นสิ่งที่เธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วและจะมานั่งเสียใจทำไมกัน สำหรับเธอก็แค่ของเล่นแก้เบื่อที่เขาหยิบมากลั่นแกล้งเท่านั้น

          “ฉันอยากให้นายชวนเธอไปร่วมงานฉลองเปิดตัวบริษัทของฉันด้วยน่ะ”

          “อืม ได้สิ แล้วจะบอกให้” ธีรพัฒน์รับคำกับเพื่อนตรงหน้าเสียงเรียบ แต่สายตากลับมองไปที่หญิงสาวข้างกายตลอดเวลาในยามเผลอ

          “คุณแพรเป็นอะไรหรือเปล่าครับ นั่งเหม่อเชียว” เจสันเอ่ยทักอย่างจับผิด เขาสังเกตเห็นเลขาคนสวยของเพื่อน มีอาการเศร้าหมองเหม่อลอยตั้งแต่เขาถามถึงคู่ควงคนสนิทของเจ้านายเธอ ‘แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เขาต้องสืบให้ได้’ คนช่างจับผิดคิดในใจอย่างหมายมั่น

          “ปะ เปล่าค่ะ ขอโทษด้วยนะคะแพรคิดอะไรเพลินไปหน่อย งั้นแพรขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะ” แพรวาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ที่แสนเจ็บช้ำ เธออยากจะไปให้ไกลจากตรงนี้ เพราะไม่อยากได้ยินได้ฟังเรื่องราวของเขากับสาวคนรักอีกแล้ว แต่ก่อนที่แพรวาจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปยังที่สงบของเธอ เสียงทรงอำนาจก็ดังขึ้น

          “เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป ออกไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน... ฉันจะกลับแล้ว” ธีรพัฒน์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที ทำให้คนที่ยังนั่งอยู่รีบลุกขึ้นด้วย

          “อ้าว นี่นายจะกลับแล้วเหรอธีร์”

          “อือใช่ เดี๋ยวคราวหน้าเชิญนายไปดื่มกาแฟที่ออฟฟิศฉันก็แล้วกัน วันนี้ฉันมีธุระต่อ”

          “ฉันต้องไปอยู่แล้ว นายมีเลขาสวยๆ อย่างนี้ ฉันอยากจะไปหานายทุกวันเลยได้ป่ะล่ะ” เจสันหันไปยิ้มหวานใส่หญิงสาวตรงหน้าอย่างเป็นมิตร

          “ตามใจนายสิ ฉันไปละ ไว้ค่อยคุยกัน” กล่าวเสร็จเท้าหนาก็ก้าวออกไปจากตรงนั้นทันทีเหมือนเด็กถูกขัดใจ น้ำเสียงประชดประชันปนบึ้งตึงของธีรพัฒน์ทำให้เจสันหัวเราะในลำคออย่างนึกขำ

          “คุณแพรรีบตามไปเถอะครับ ดูท่าทางนายธีร์จะมีธุระด่วนถึงได้รีบขนาดนั้น”

          เจสันบอกหญิงสาวที่ยังยืนหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก เพราะยังมึนงงกับพฤติกรรมของเจ้านายที่จู่ๆ ก็เดินออกไปหน้าตาเฉยแบบนั้น

          “งั้นแพรขอตัวก่อนนะคะ แล้วพบกันค่ะ”

          แพรวาบอกชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงไพเราะ ด้วยเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่คนสำคัญ เธอจึงจำเป็นต้องรักษามารยาทแทนเจ้านายของเธอที่เอาแต่ใจจนดูน่าเกลียด

          “ครับ แล้วพบกัน”

          เจสันกล่าวลาหญิงสาวแล้วยืนมองคนตัวเล็กเดินออกไปจากร้านจนลับตา ก่อนจะหันไปเรียกพนักงานร้านกาแฟมาเช็กบิล เพื่อไปจัดการงานธุระของตัวเองเช่นกัน

 

          แพรวาเดินออกมาจากร้านกาแฟแล้วมองหาชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายที่เดินออกมาจากร้านโดยไม่รอเธอแต่ก็ไม่พบ หรือว่าเขาจะกลับไปแล้วนะ คงมีธุระด่วนต้องรีบไปอย่างที่คุณเจสันบอกไว้จริงๆ หรือไม่เขาก็คงไปหาคนรักของเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้ความรู้สึกเจ็บแปลบภายในจิตใจก็กลับตีตื้นขึ้นมาจุกอกของเธออีกแล้ว แพรวาพยายามขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำดังที่ตั้งใจ

          หญิงสาวเข้าห้องน้ำแค่เพียงไม่นานก็กลับออกมา เธอพยายามกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้อยู่แถวนี้แน่ๆ นั่นแสดงว่าเขากลับไปแล้วจริงๆ แพรวาจึงตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อตรงไปเรียกรถแท็กซี่ ขณะที่กำลังขยับเท้าออกไปนั้น พลันได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อเธอจากด้านหลังทำให้สองเท้าต้องหยุดชะงักเพื่อหันกลับไปมอง

          “น้องแพรครับ น้องแพร” หมอวิทยาร้องเรียกหญิงสาวในดวงใจที่เขาจำได้แม่นแม้เห็นเพียงข้างหลังของเธอ

          “พี่วิท!”

          แพรวาหันมาตามเสียงเรียกเมื่อพบว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอจึงส่งยิ้มหวานยืนรอชายหนุ่มที่กำลังสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา

          “น้องแพรมาทำอะไรแถวนี้ครับ” คนรีบมาหอบหายใจถาม เพราะยังเหนื่อยกับการเร่งฝีเท้าเมื่อครู่

          “แพรมีนัดกับลูกค้าที่นี่ค่ะ ตอนนี้เสร็จแล้วกำลังจะกลับ แล้วพี่วิทมาทำอะไรคะ”

          “พี่มาซื้อหนังสือน่ะ จะกลับแล้วเหมือนกัน น้องแพรมาคนเดียวหรือครับ” ชายหนุ่มถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่าหญิงสาวจะมาพบลูกค้าเพียงลำพัง

          “แพรมากับเจ้านายค่ะ เขามีธุระที่อื่นต่อแพรก็เลยต้องกลับเอง” แพรวาสันนิษฐานตามความเข้าใจ

          “งั้นให้พี่ไปส่งนะครับ ยังไงพี่ก็ต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้วด้วย” หมอหนุ่มใจดีขันอาสาอย่างเต็มใจ

          “อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” แพรวาส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อยืนยันคำขอบคุณอีกครั้ง

          ระหว่างที่หมอวิทยากำลังพาหญิงสาวในดวงใจเดินมายังประตูทางออกเพื่อไปลานจอดรถนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ธีรพัฒน์ผลักประตูเข้ามาพอดี มือหนาของชายหนุ่มตรงเข้ากระชากแขนของคนตัวเล็กทันทีจนหญิงสาวเซถลาเกือบจะปะทะอกแกร่งของเขา แต่หมอวิทยาคว้าแขนอีกข้างของเธอไว้ได้ทันทำให้ร่างบางไม่เข้าประชิดแผงอกของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

          “โอ๊ย! คุณธีร์” แพรวาโอดครวญเพราะรู้สึกเจ็บแขนข้างที่ถูกกระชากและรู้สึกตกใจที่จู่ๆ คนที่เธอคิดว่าเขากลับไปแล้วนั้น มายืนอยู่ตรงหน้า

          “กรุณาปล่อยแขนน้องแพรด้วยครับคุณ” หมอวิทยาบอกชายหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะจับแขนของหญิงสาวแรงเกินไป

          “นายนั่นแหละที่ต้องปล่อย” ธีรพัฒน์ตะคอกเสียงแข็งใส่ผู้ชายที่เขาจำได้ดีว่าเป็นคนเดียวกับที่นั่งอยู่ในร้านอาหารกับหญิงสาววันนั้น

          “คุณธีร์ แพรเจ็บแขนค่ะ” คนตัวเล็กร้องบอก เมื่อรู้สึกว่ามือหนาของเขาบีบแขนเธอแรงยิ่งขึ้น

          “เธอเจ็บแขนคุณไม่ได้ยินหรือไง” หมอวิทยาบอกอีกฝ่ายเสียงเครียด เขารู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้ามีอารมณ์รุนแรงเกินกว่าจะพูดกันด้วยเหตุผลได้

          ธีรพัฒน์ก้มมองใบหน้าของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ดวงตาของเธอมีน้ำใสๆ คลออยู่เต็มหน่วงทั้งสองข้าง เขาจึงสะบัดแขนออกจากเธอจนเกือบเป็นการผลักด้วยอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ ‘ฮึ แค่นี้ทำเป็นสำออย เจ้ามารยาสิ้นดี นังแม่มด’ ธีรพัฒน์ต่อว่าหญิงสาวในใจ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับหญิงสาวอย่างคนเอาแต่ใจ

          “ฉันจะไปรอที่รถ ถ้าเธอยังไม่ตามออกไปละก็ เธอเจอดีแน่แพรวา” ธีรพัฒน์ตะคอกใส่คนตัวเล็กพร้อมส่งสายตาอาฆาตแค้นเคืองไปให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

          “เขาเป็นใครเหรอครับน้องแพร” หมอวิทยาถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

          “คุณธีร์พัฒน์ค่ะ เป็นเจ้านายของแพร” คนตัวเล็กก้มหน้าตอบ เพราะรู้สึกละอายใจที่เจ้านายมาอาละวาดแบบนี้

            “อ้าว ไหนน้องแพรบอกว่าเขากลับไปแล้วไงครับ”

          “ค่ะ ตอนแรกแพรคิดว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

          แพรวาตอบหมอวิทยาด้วยความรู้สึกมึนงง เธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ที่จริงเจ้านายของเธอน่าจะกลับไปตั้งนานแล้วแต่ทำไมเขายังอยู่ที่นี่ แถมยังเดินมาตามเธออีก

          “พี่ว่าน้องแพรอย่าไปกับเขาดีกว่า ดูท่าทางเขาอารมณ์ร้อน พี่กลัวเขาจะทำร้ายน้องแพรอีก” หมอหนุ่มบอกด้วยความกังวลนึกเป็นห่วงหญิงสาวที่เป็นดวงใจขึ้นมา

          “ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแพรไม่ไปกับเขา มีหวังคงโดนหนักกว่านี้แน่ แพรต้องขอโทษพี่วิทด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา”

          “ถ้ามีอะไรน้องแพรโทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะครับ พี่เป็นห่วง”

          “ขอบคุณค่ะ งั้นแพรขอตัวก่อนนะคะ” แพรวายิ้มขอบคุณให้กับพี่ชายที่แสนดีของเธออย่างจริงใจ

          “ครับ”

          หมอวิทยายืนมองหญิงสาวที่เดินจากไปจนลับตา ความรู้สึกปวดหนึบก่อเกิดขึ้นมาภายในจิตใจเมื่อคิดถึงแววตาที่มีความหมายของเธอมองชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายอย่างลึกซึ้ง ครั้งนี้เขารู้สึกหวาดหวั่นและท้อใจมากกว่าตอนที่พบกับทินกรคนที่พาหญิงสาวมาโรงพยาบาลวันนั้นเสียอีก แวบเดียวที่เขาสังเกตเห็นดวงตาคมเข้มของธีรพัฒน์ฉายแววหึงหวง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงและเกรี้ยวกราด ที่สำคัญเขาเห็นความหวั่นไหวในดวงตาของหญิงสาวที่มีต่อเจ้านายของเธออย่างชัดเจน ‘นี่เขาจะต้องพ่ายแพ้ให้กับความใกล้ชิดอย่างนั้นหรือ’ หมอหนุ่มคิดในใจอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเดินออกไปยังลานจอดรถเพื่อกลับไปทำหน้าที่สำคัญของตัวเองต่อไป

 

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

         

หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง

E-mail : oilza24@hotmail.com

โทร : 094-4942566

ไลน์ : oilza_writer

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา