ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  109.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ...ตอนที่ ๔...เลือกข้าง...(๔)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 


 

 

 

================================================

 

 

 

 

       " ช่างทำอาวุธ? "  ไกรทวนคำอย่างสงสัยเดินตามหลังท่านู้เฒ่าพร้อมกับถือแก้วสังกะสีที่ถูกดัดแปลงให้เป็นแก้วกาแฟไปด้วย...พอเริ่มชินกับรสขมปี๋ของมันแล้ว กาแฟตุรกี(อีสตันบูล)ที่ท่านผู้เฒ่าว่าก็หอมกรุ่นและเข้มข้นยิ่งกว่ากาแฟทุกๆชนิดที่เขาเคยดื่มมา แถมยังทำให้ตาสว่างสุดๆจนเขาชักเริ่มชอบมันเสียแล้ว

 

       " อ่าฮะ...ช่างทำอาวุธ "  ท่านผู้เฒ่าที่เดินนำอยู่หันกลับมาพยักหน้ารับเล็กน้อย ่กอนจะเดินนำต่อไปโดยไม่พูดอะไรต่อ จนไกรต้องทำปากจิ๊กจั๊กอย่างหงุดหงิดก่อนจะต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง

 

       " แค่เนี๊ยะ! "

 

       " อ้าว? ก็เจ้าถามแค่นี้ "

 

       " ปัดโธ่...ในสมัยผม ถ้าเขาเริ่มต้นประโยคแบบนี้ท่านมีหน้าที่ต้องขยายความเกี่ยวกับไอ้ช่างทำอาวุธอะไรนั่นแล้ว "

 

         ท่านผู้เฒ่าเอามือไพล่หลังพร้อมกับเหลือบมามองไกรเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก

 

       " ...ข้าช่วยเขาไว้จากทัณฑ์ฟันคอ "

 

       " พรืดดด!! "

 

       " เออๆ...ข้าก็คะเนไว้แล้วว่าเจ้าต้องทำหน้าแบบนี้ กวนโทสะเสียจริงนะ...เอาเถอะ พูดถึงช่างทำอาวุธ...ถ้าไม่นับนิสัยแปลกๆที่ไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไหร่กับสันดานขี้เมาหยำเป...ก็...ซักครู่นะ ขอเวลาข้าคิดก่อนว่าข้อดีของเขาคืออะไร... "

 

       " ...อืม...ข้าไปล่ะ "  ไกรทำท่าจะชิ่งทันที แต่ท่านผ้เฒ่ารีบหันกลับมาคว้าคอไว้เสียก่อน

 

       " อ่าวเฮ้ย! จะไปไหนกัน? เรายังไม่ถึงที่หมายเลย "

 

       " โห! เล่นไซโค---หมายถึงขู่ซะขนาดนี้คงจะมีใครมีอารมณ์ไปด้วยหรอก เอาเป็นว่าหาดาบธรรมดาๆชนิดดีๆหน่อยซัก ๒ เล่มให้ข้าก็แล้วกันนะ "

 

       " อุวะ! มีเจ้าคนแรกเลยนะเนี่ยที่กล้าสั่งให้ข้าหาศาสตราให้ เป็นบุญเจ้าแค่ไหนแล้วที่ศกุนตลาไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าได้ลำบากเก็บหัวเจ้ามาเย็บกับคอใหม่แล้ว...เจ้าเป็นถึงหนึ่งในมือสังหารผู้เป็นเขี้ยวและกรงเล็บขอหมู่บ้านแล้วนะ จะให้ใช้อาวุธธรรมดาได้อย่างไร! " 

 

         ไกรถอนหายใจเฮือกพร้อมกับเกาหัวแกรกๆ ก่อนที่เขาจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมาเรียบๆ

 

       " ด้วยความเคารพนะ ท่านผู้เฒ่า...แต่ในยุคของข้า อาวุธก็คืออาวุธ ต่อให้ถูกตีด้วยช่างตีเหล็กระดับเทพมาจากไหน ถ้าคนถือมันห่วย ยังไงอาวุธมันก็ห่วยอยู่ดี...อาวุธจะดีหรือไม่สำหรับข้าแล้วมันไม่สำคัญเท่ากับตัวผู้ใช้หรอก "

 

       " ...Do as Romans do when you are in Rome ...จงทำตนอย่างคนโรมันเมื่อเจ้าอยู่ในโรม... อย่าได้ลืมเลือนสิว่า ณ เวลานี้เจ้าไม่ได้้อยู่ในที่ที่เจ้าคุ้นเคย จะคิดจะอ่านอันใดก็ขอให้ตรองให้หนักเสียก่อน...มาเถอะน่า...ถ้าหากถึงเวลาที่เจ้าได้ศาสตราประจำกายของเจ้าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากล่าวกันก็ยังไม่สาย "  ท่านผู้เฒ่าก็ใจเย็นอย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้ที่มีศักดิ์เป็นนายเหนือทุกคนในหมู่บ้านฯแบบนี้ เพราะเขาโน้มน้าวใจไกรด้วยการให้เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่อาจจะปฏิเสธได้ ในขณะที่ไกรเองก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาเริ่มกำลังลามปามกับผู้ที่อยู่เหนือกว่าแล้ว เขาจึงรีบสงบปากคำพร้อมกับลอบถอนหายใจเฮือกและพยักหน้าเบาๆ

 

       " เฮ้อ...ตามแต่ที่ท่านผู้เฒ่าต้องการเถอะ อ้อ...แล้วก็อีกอย่างนึง "

 

       " หืม? "

 

       " ภาษิตที่ท่านว่านั่น ยุคของข้าเขาจะพูดว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม จะเข้าใจตรงกันมากกว่าน่ะ "

 

       " เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ? ....อืม...ฟังแล้วเสนาะหูดีนี่ "  ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อยกับความรู้ใหม่ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

 

         ชายหนุ่มทั้งสองคนซึ่งหนึ่งเป็นถึง ท่านผู้เฒ่า ผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดกับอีกหนึ่งผู้เป็น มือสังหาร ใหม่เอี่ยมอ่องชนิดถอดด้าม เดินพลางคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ  ในขณะที่เดินผ่านซุ้มกลุ่มคนต่างๆ มันทำให้ไกรอดคิดอะไรบางอย่างไม่ได้ จนเขาต้องเอ่ยถามออกมา

 

       " นี่...ท่านผู้เฒ่า ข้าถามจริงๆเถอะนะ...ถึงจะบอกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้าน แต่ที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านลับที่ไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก  ในขณะที่ผู้ที่สามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ก็มีแต่พวกที่มีคดีติดตัว(พวกมือสังหาร)กันทั้งนั้น... "

 

       " ฟังแล้วแสลงหูพิลึก แต่ก็ถูกของเจ้านั่นแหละ...เอ้า จะพูดอะไรก็ว่ามาเถอะ "

 

       " ที่ข้าอยากจะถามก็คือท่านไปเอาเงินที่ไหนมาบริหารจัดการเลี้ยงหมู่บ้านที่มีคนเยอะขนาดนี้ได้ล่ะ? "

 

       " บริหารจัดการ ?? ...ในยุคของเจ้านี่ช่างสรรหาคำพูดจริงๆนะ ถ้าหากจะถามว่าข้าเอาอัฐที่ไหนมาเลี้ยงลูกบ้านล่ะก็ข้าก็ต้องบอกว่าหมู่บ้านยุคันตวาตของพวกเราแทบจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโลกภายนอกด้วยซ้ำ...เจ้าก็รู้เช่นเห็นชาติอยู่แล้วนี่ว่าที่นี่ถูกสร้างให้เป็นป้อมปราการเผื่อมีศึกสงคราม แล้วป้อมที่ใดต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกกัน...เสบียงกรังที่เจ้าเห็นส่วนใหญ่พวกเราก็ปลูกและเลี้ยงเองที่หลังหมู่บ้านด้านที่ติดกับหุบเขาทั้งนั้น ส่วนน้ำก็อาศัยต้นน้ำสะอาดที่ไหลลงมาจากยอดเขาซึ่งไหลอยู่ชั่วนาตาปี...จะมีที่หาได้ยากหน่อยก็ตรงพวกของเกินจำเป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่สามารถหาได้ตามหมู่บ้านรายทางที่พวกมือสังหารมักจะซื้อเข้ามาอย่างที่เจ้าเห็นอนาสตาเซียกับศกุนตลาซื้อมานั่นแหละ "

 

       " แปลว่าหมู่บ้านของท่านพร้อมจะเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อสินะ? "

 

       " ...หมู่บ้านของ เรา ...ไกร...เฮ้อ...ข้าเชื่อว่าศกุนตลาหรือไม่ก็สิงห์คงจะบอกกับเจ้าไปแล้ว ว่าหมู่บ้านของเราไม่ได้คิดจะเข้าร่วมช่วงชิงความเป็นใหญ่ในสุวรรณภูมิ ไม่ว่าจะข้างผู้ใดทั้งนั้น ...พวกเราเป็นเพียงมือ สังหาร หาใช่กองทัพ...และมือสังหารอย่างพวกเราเป็นเพียงแค่ผู้ที่คืนสมดุลให้กับโลกเท่านั้น " 

 

       ' แล้วไอ้คำว่าคืนความสมดุลมันแปลว่าอะไรล่ะนั่น? '  ไกรคิดในใจเล็กน้อย แต่เขาก็เกรงใจอีกฝ่ายมากพอจะไม่ถามคำถามที่ น่าจะ เสียมารยาทนี้ออกไป ซึ่งพอดีกับที่พวกเขาเดินมาถึงมุมกำแพงด้านทิศใต้ของป้อมปราการที่ถูกปลูกไว้ด้วยกระท่อมที่มีปล่องไฟสูงที่มีควันสีหม่นๆลอยเอื่อยๆออกมาตลอดเวลาเพียงกระท่อมเดียว ปลีกวิเวกห่างจากที่พักอาศัยอื่นโดยสิ้นเชิง พร้อมกับเสียงค้อนกระทบโลหะและทั่งเหล็กเสียงดังสนั่นเป็นจังหวะๆดังออกมาจากในกระท่อม ซึ่งบอกได้จากสภาพแวดล้อมทั้งหมดอย่างง่ายๆเลยว่าพวกเขามาถึงที่แล้ว แต่เมื่อไกรทำท่าจะเดินเข้าไป ท่านผู้เฒ่าก็รั้งไหล่เขาไว้เสียก่อนจนเขาต้องหันกลับไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างงงๆ

 

       " เอ่อ... "  ท่านผู้เฒ่าครางออกมาด้วยสีหน้าปั้นยาก ก่อนจะพูดต่อเบาๆ

 

       " ...ไกร ข้าขอเตือนเจ้าไว้สัก ๒-๓ ข้อนะ เมื่อเข้าไปแล้ว อย่าพยายามสบตาเขา อย่าพยายามขยับตัวแบบปุปปับกระทันหัน อย่าพูดด้วยน้ำเสียงหรือท่าทีประสงค์ร้ายต่อหน้าเขา...แล้วก็...เอ่อ อีกข้อ... "

 

       " อีกข้อ? นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ? ถามจริงๆเหอะนี่ข้ากำลังจะไปพบกับช่างทำอาวุธหรือฆาตกรใจโหดกันแน่เนี่ย?! "

 

       " ก็นี่ข้อสุดท้ายแล้วอย่างไรล่ะ โธ่ "  

 

       " ข้อสุดท้าย? "

 

       " ใช่ ข้อสุดท้าย... "  ท่านผู้เฒ่าทำสีหน้าลำบากใจพร้อมกับครางออกมาเล็กน้อยและพูดต่อเบาๆ  " พยายามหูตาไวเข้าไว้ล่ะ เผื่อว่ามีมีดซัด โตมร(หอกสั้นสำหรับเขวี้ยง) หรือดาบซัดเข้ามาจะได้หลบทัน...เพราะข้าเองก็คงไม่มีปัญญาปกป้องเจ้าเช่นกัน...ถ้าดวงชะตาแข็งพอก็คงจะรอดกันไปได้หมดนี่แหละ " 

 

       " อืม...เกล้ากระผมถวายบังคมลาล่ะ "  หลังจากบวกลบคูณหารจากที่ได้ยินแล้ว ไกรตัดสินใจกลับหลังหันและเตรียมชิ่งทันที ติดแต่ตรงที่ท่านผู้เฒ่ารีบคว้าคอเขาไว้เสียก่อน

 

       " เฮ้ย! จะไปไหนอีกเล่า! ปัดโธ่! " 

 

       " โห! พูดขนาดนี้ใจคอท่านยังจะให้ข้าเข้าไปอีกเหรอ?! ขนาดท่านที่เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านยังต้องวิ่งหลบมีดหลบดาบหัวซุกหัวซุน แล้วข้าเป็นใครกันล่ะเขาถึงจะเกรงใจข้า แบบนี้มันแกล้งส่งข้าเข้าไปตายชัดๆ!! "

 

       " เอาเถอะน่า! เท่าที่จำได้เขาไม่เคยเอาใครถึงชีวิตหรอก อย่างไรเจ้าก็ต้องไปเอาอาวุธจากเขาอยู่ดี "

 

       " ไม่ได้เพิ่มความสบายใจขึ้นมาเลยซักนิด! "  ไกรครางออกมาเบาๆพร้อมกับถอนหายใจเฮือก ต่อให้ไม่นับคำพูดของท่านผู้เฒ่า ถึงยังไงเขาก็มาถึงที่แล้ว จะให้ถอยตอนนี้ก็ขัดต่อหลักการณ์เขาเหมือนกัน...เขาปลุกปลอบใจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้ง

 

       " เอ้า! ไปก็ไป! เอาวะ ไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือได้ยังไงเนอะ! "

 

       " ถ้ำเสือ? แล้วเจ้าจะเอาลูกเสือมาทำไมกัน? ถ้าอยากได้จริงๆก็ไปขอจากสิงห์เอาสิ "  ท่านผู้เฒ่าหันกลับมาถามอย่างงงๆ ทำเอาไกรต้องเกาหัวแกรกๆอีกครั้ง...แปลว่าวลี ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ ยังไม่ได้เกิดในยุคนี้สินะ

 

       " เป็นวลีอุปมาอุปไมย...แปลประมาณว่าถ้าไม่ยอมเสี่ยงก็ไม่มีวันได้ของที่ต้องการ...อะไรประมาณนี้น่ะ "

 

         ท่านผู้เฒ่าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนที่เขาจะพับแขนเสื้อที่ยาวเกินความจำเป็นของตัวเองขึ้นมาถึงต้นแขนเหมือนกับจะเตรียมพร้อมรบอย่างไงอย่างงั้น จนไกรต้องเหล่มองอย่างระแวงแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร 

 

       " เอ้า...พร้อมนะ "

 

       " ถามเหมือนจะไปเสี่ยงตายด้วยกันเลยแฮะ...เอ้า พร้อม! "

 

         ท่านผู้เฒ่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผลักประตูไม้ไผ่ตรงหน้าเข้าไปโดยมีไกรเดินตามมาติดๆ แต่พอเข้าไปและเห็นผู้ที่อยู่ข้างในเท่านั้น ไกรก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกตะลึง

 

      ...ยักษ์!...

 

         นี่เป็นคำจำกัดความเดียวที่เขาพอจะบอกได้ในวินาทีแรกที่เขาเห็นชายที่อยู่ตรงหน้า ...เพราะความสูงของชายคนนี้อย่างน้อยๆก็ประมาณ ๒.๓๐ เมตร หรืออาจจะเกือบๆ  ๒.๔๐ เมตรเลยทีเดียว ใบหน้าที่บอกได้ทันทีว่าเป็นคนตะวันตกเต็มไปด้วยรอยบาดแผลฉกรรจ์ที่หลายบาดแผลโดยเฉพาะรอยที่ดวงตาด้านขวาน่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยซ้ำ รอยแผลเป็นบนใบหน้ามันมากเสียจนเขาไม่อาจจะคะเนอายุอีกฝ่ายจากหน้าตาได้เลย แม้กระทั่งบนร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามราวกับนักเพาะกายก็ยังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น...เมื่อท่านผู้เฒ่าเปิดประตูเข้ามา ดวงตาสีฟ้าที่เหลืออยู่ข้างเดียวของอีกฝ่ายก็หันขวับมาจ้องพวกเขาวาววับราวกับแววตาของสัตว์ร้ายที่เรืองแสงในที่มืดไม่มีผิด!

 

       " ว...เหวอ "  ไกรครางออกมาเบาๆอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้...นี่อย่าว่าแต่ปามีดปาดาบเลย อีกฝ่ายสามารถหักกระดูกเขาเป็นชิ้นๆได้ด้วยมือเปล่าด้วยซ้ำ!

 

       " ท่านผู้เฒ่า... "  ชายคนนั้นคำรามออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงและดวงตาที่แข็งกระด้างพร้อมกับค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีประสงค์ร้ายจนไกรต้องก้าวถอยหลังไปและตั้งท่าเตรียมพร้อมทันที 

 

       " เจ้า! "  

 

         แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ชายร่างยักษ์คนนั้นก็ถูกอะไรบางอย่างกระทุ้งที่ด้านหลังอย่างแรงจนร่างขนาดยักษ์นั่นลอยหวือจนไกรกับท่านผู้เฒ่าต้องรีบกระโดดหลบอีกฝ่ายอย่างหัวซุกหัวซุน ปล่อยให้อีกฝ่ายถลาลงพื้นจนกระท่อมถึงกับสะเทือนทั้งหลัง พร้อมกับเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งตวาดแหวดังลั่น

 

       " ปัดโธ่เอ๊ย! ไอ้ยักษ์นี่!! ได้ของแล้วก็ออกไปเซ่! มายืนให้คับที่คับทางอยู่ได้ คิดว่าตัวเจ้ามันเล็กๆรึไง! "  

 

         เมื่อไกรหันไปพบกับเจ้าของเสียง เขาก็ได้เห็นหญิงสาวร่างสันทัดคนหนึ่งที่ง้างเท้าค้างไว้ในท่าถีบอยู่  ใบหน้าที่ขนาดตอนนี้ถมึงทึงยังไม่อาจปิดบังประกายแห่งความงามไว้ได้ ผมสีดำขลับของเธอถูกตัดสั้นผิดแผกจากหญิงสาวทั่วไป ไล่ลงมาถึงเสื้อผ้าที่ท่อนบนของเธอมีเพียงแค่ผ้าพันหน้าอกที่มีลักษณะคล้ายผ้าก๊อซสีขาวพันส่วนที่ควรปิดไว้เสียแน่นจนแทบจะล้นออกมา ปล่อยให้ส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นแขนที่ล่ำเล็กน้อยหรือหน้าท้องที่เห็นซิกแพ็คชัดเป็นมันเลื่อมเปลือยเปล่าไว้ ส่วนท่อนล่างนุ่งเป็นโจงกระเบนที่ผูกไว้แน่นเพื่อความทะมัดทะแมง ซึงดูยังไงก็ไม่เข้ากับหน้าตาที่สวยพอฟัดพอเหวี่ยงกับศกุนตลาเลยซักนิด

 

       " อย่าบอกนะว่า... "  ไกรหันไปครางใส่ท่านผู้เฒ่าเบาๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าได้แต่ยิ้มแห้งๆ

 

       " อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ...เขาคือช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน "

 

 

 

 

..................................................

 

 

 

     

       " คิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? ท่านอนาสตาเซีย "  ในที่สุดศกุนตลาที่เห็นสหายผู้มีศักดิ์เหนือกว่าของเธอเหม่อลอยจ้องแหวนทองคำขาวที่ท่านผู้เฒ่าพ่อของเธอฝากไว้ให้ดูแลอยู่นานก็อดเอ่ยถามขึ้นเบาๆไม่ได้ เพราะหญิงสาวตรงหน้าของเธอดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย

 

       " ห...หือ? ...เมื่อครู่เจ้าพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ? "  

 

       ' ท่าจะอาการหนักจริงๆแฮะ '  ศกุนตลานึกในใจเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือก

 

       " ข้าถามท่านว่าท่านคิดอะไรอยู่ เห็นท่านเหม่อลอยอย่างแปลกๆ ถ้าจับไข้ได้ป่วยข้าจะได้พาไปหาท่านบาทหลวงเบเนดิกซ์ หรือจะไปหาหมอซินแสเฮง ก็แล้วแต่ท่านจะเลือกเลย "

 

       " ข้าไม่ได้ป่วย! "

 

       " ข้าเข้าใจค่ะ คนป่วยมักจะไม่ยอมรับว่าป่วยอยู่แล้ว "

 

       " ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉยของเจ้า เจ้านี่มันก็กวนโมโหไม่ต่างจากสิงห์สักเท่าไหร่เลยนะ! ก็ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ป่วยไง! ข้าแค่นึกอะไรเพลินไปนิดหน่อยเท่านั้น "

 

       " พูดราวกับว่าท่านเหม่อลอยเช่นนี้เป็นปกติอย่างนั้นแหละ "

 

       " นี่เจ้ามีความสุขมากรึอย่างไรกับการจับผิดข้าแบบนี้เนี่ย! "  หญิงสาวหันมาตวาดเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกและพูดต่อ

 

       " ข้าแค่คิดว่าเวลาข้ามองแหวนวงนี้มันราวกับแหวนวงนี้มันมีพลังอำนาจบางอย่างที่พยายามจะสื่อสารกับข้าอย่างนั้นแหละ "  

 

         ศกุนตลาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะขออนุญาตและถอดแหวนวงนั้นมาดูช้าๆ ...เธอกำแหวนวงนั้นไว้ในมือก่อนจะหลับตาลงและพึมพำท่องมนต์อะไรบางอย่าง แต่จนแล้วจนรอดแหวนวงนั้นก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรจนเธอได้แต่ยักไหล่เบาๆ

 

       " ท่านคงจะคิดมากไปเองกระมัง...ข้าเห็นไม่รู้สึกถึงสิ่งเหนือธรรมชาติเช่นท่านว่าเลย "

 

       " เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ? "  อนาสตาเซียรับแหวนคืนพร้อมกับถามอีกครั้งอย่างหวาดระแวงจนศกุนตลาต้องถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง

 

       " เจ้าค่าาาา...ข้าทดลองใช้คาถาสูงสุดอัญเชิญสิ่งเหนือธรรมชาติท่ท่านว่านั่นแล้ว แต่ไม่เห็นมีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย...มันก็แปลได้สองอย่างเท่านั้นและ คือถ้าหากสิ่งที่สถิตอยู่ในแหวนไม่ใช่ระดับที่สูงกว่ารุกขเทพหรืออากาศเทพ ...แหวนวงนี้ก็เป็นแค่แหวนธรรมดาๆ "

 

       " อ้าว?! แล้วถ้าเกิดมันเป็นอย่างแรกที่เจ้าว่าไปล่ะ? "

 

       " โธ่เอ้ย ท่านอนาสตาเซีย...ลองตรองดูง่ายๆนะ ถ้าท่านมีศักดิ์เหนือยิ่งกว่าอากาศเทพที่ควรจะมีวิมานเป็นของตัวเองจริงๆ ท่านจะมาลำบากสิงอยู่ในแหวนธรรมดาๆแบบนี้ไหม? "

 

       " อึ่ก! "  หญิงสาวจนต่อถ้อยคำกับคำตอบด้วยน้ำเสียงแกมรำคาญของอีกฝ่าย ก่อนจะปลอบใจตัวเองว่าคงจะแค่คิดมากไปเองเท่านั้น

 

         โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น มรกตน้ำงามที่ถูกสลักไว้เป็นสัญลักษณืของหมู่บ้านยุคันตวาต อันเป็นหัวแหวนวงนั้นกลับเรืองแสงเปล่งประกายวูบออกมา ก่อนจะทิ้งไว้เพียงประกายบางๆที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้!

 

       " ...แค่คิดมากไปเองสินะ "

 

 

 

 

 

..............................................

 

 

 

 

 

      ...ย้อนกลับมาที่ไกรและท่านผู้เฒ่าอีกครั้ง...

 

       " เนี่ยนะ...ช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดที่ท่านว่า? "  

 

       " ใช่ "

 

       " สตรีน้อยนางนี้เนี่ยนะ?! "

 

       " อ่า...ใช่ "

 

       " แล้วท่านจะใช้สรรพนามว่า เขา ให้ข้าเข้าใจผิดว่าเป็นบุรุษทำไมเล่า!  แทนที่จะเรียกว่า นาง หรือ เธอ หรือไม่ก็ หล่อน ไปเลยให้เข้าใจง่ายๆ! " 

 

       " ก...ก็...คนสุดท้ายที่เอ่ยถึงเขาในสรรพนามที่บ่งบอกว่าเป็นสตรี ป่านนี้ยังเป็นโรคกลัวของมีคมชนิดขึ้นสมองอยู่เลยนี่...ไม่นับรวมแผลหอกที่กลางหลังอีก ๒-๓ แผลนะ "

 

       ' อ...อะไรฟะ! โหดขนาดท่านผู้เฒ่ายังเกรงใจแบบผิดบุคลิกสุดๆ ตกลงยัยทอมนี่มันเป็นใครกันแน่ฟะเนี่ย?! '

 

       " พวกท่านกระซิบกระซาบอะไรกันไม่ทราบ! "  หญิงสาวผู้ที่ท่านผู้เฒ่าให้เครดิตว่าเป็นช่างทำอาวุธที่เก่งที่สุดในหมู่บ้านตวาดออกมาเสียงแข็งโดยที่ถ้าหากไม่นับคำว่า ท่าน แล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่บ่งบอกถึงความเคารพในตัวของผู้เฒ่าสูงสุดแบบนี้ มันทำให้ไกรถึงกับต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขานึกว่าทุกคนในป้อมปราการนี้จะบูชาท่านผู้เฒ่าราวกับเทพเจ้าเสียอีก

 

       " อ้อ เปล่าๆ ข้าเพียงแค่กำลังจะแนะนำเจ้าให้ไกรรู้จักเท่านั้น ไกร...ก็อย่างที่ข้าบอกนั่นแหละ เขาคือช่างทำอาวุธที่มีฝีมือที่สุดในหมู่บ้านฯ หรืออาจจะดีที่สุดในแผ่นดินสุวรรณภูมิด้วยซ้ำ...นาง เอ๊ย! เขาเป็นคนญี่ปุ่นอย่างที่เจ้าคิดนั้นแหละ "

 

       " ชื่อของข้าคือ ยูกิโอะ...ยูกิแปลว่าหิมะ ส่วนโอะแปลว่าเงื่อน ส่วนเจ้าก็คือไกรที่ทุกคนต่างก็พูดถึงสินะ "  หญิงสาว(ที่ให้ทุกคนปฏิบัติกับตนเป็นชาย) นามว่ายูกิโอะกอดอกพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อย ในขณะที่ไกรรีบค้อมหัวให้ทันทีพร้อมกับตอบรับเบาๆ

 

       " ข้าคือไกรที่ทุกคนพูดถึงนั่นแหละ ย...ยินดีที่ได้รู้จักนะ ยูกิโอะ "  ไกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการแผงไว้ด้วยแววให้เกียรติและเคารพอีกฝ่ายสุดๆ แต่ท่านผู้เฒ่ากลับร้องเสียงหลงดังลั่นว่า

 

       " ผิดท่าแล้ว ไกร! "

 

       " หา? "  

 

         ไกรร้องได้แค่นั้นเขาก็ถูกมือเรียวบางแต่ทว่าแข็งปานคีมเหล็กอย่างผู้ที่จับอาวุธและค้อนตีเหล็กมาทั้งชีวิตของยูกิโอะคว้าเข้าเต็มคออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะถูกผลักไปติดกับผนังกระท่อมอย่างแรงจนกระทั่งกระท่อมทั้งหลังถึงกับสะเทือน ชายหนุ่มร้อง อั่ก! ได้เพียงคำเดียว ที่ปลายคางของเขาก็ถูกจ่อไว้ด้วยมีดสั้นรูปร่างประหลาดที่ใบมีดถูกทำขึ้นจากโลหะสีเขียวครึ้มราวกับปีกแมลงทับทันที ในขณะที่แววตาสีน้ำตาลอ่อนของยูกิโอะวาววับราวกับสัตว์สมิงพร้อมกับจิตคุกคามที่เข้มข้นจนแทบจะเห็นเป็นสาย...หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเธอแทบจะติดปลายจมูกของเขาอยู่รอมร่อพร้อมกับที่เธอจะกัดฟันกระซิบกับอีกฝ่ายเรียบๆ

 

       " ไม่มีผู้ใดเคยสอนเจ้าเลยรึอย่างไรว่าไม่ควรเรียกชื่อชาวญี่ปุ่นอย่างห้วนๆ หากเจ้าไม่สนิทชนิดเป็นคู่ผัวตัวเมียกับอีกฝ่ายน่ะ...หือ?! "  พร้อมเสียงกระซิบ หญิงสาวค่อยๆกดใบมีดนั้นใส่ลำคอของเขา สะกิดหนังกำพร้าจนเลือดไหลซึมออกมาเป็นยางบอน แต่ก่อนที่เธอจะกดมีดกินลึกไปมากกว่านี้ ท่านผู้เฒ่าก็รีบตะโกนห้ามออกมาดังลั่น

 

       " ยูกิโอะคุง หยุดมือประเดี๋ยวนี้!! "

 

         น้ำเสียงที่ทรงซึ่งสิทธิอำนาจของท่านผู้เฒ่าทำให้มือของหญิงสาวหยุดชะงัก เธอกัดฟันกรอด ก่อนถอนมีดขึ้นและปาลงปักกับพื้นพร้อมกับคำรามลั่นอย่างเสียไม่ได้

 

       " อ้อ! นี่ก็แสดงว่าที่เขาพูดกันว่าท่านได้ลูกรักคนใหม่แทนยัย คุณหญิงอนาสตาเซีย ผู้สูงศักดิ์นั่นก็เป็นเรื่องจริงสินะ! "

 

       " ลูกรัก? "  ท่านผู้เฒ่าทวนคำพร้อมกับทำหน้าแปลกๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก  " ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปเอานิยมนิยายกับคำนินทากาเลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกคนมีความสำคัญสำหรับข้าเทียบเท่ากันหมด...ซึ่งข้าว่าเจ้าก็น่าจะรู้ดีนี่ "

 

         น้ำเสียงที่เริ่มแข็งกร้าวขึ้นของท่านผู้เฒ่าทำให้หญิงสาวหันขวับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ก่อนที่เธอจะหลับตาลงและถอนหายใจเฮือกอย่างยอมรามือ...เธอปล่อย หรืออีกนัยหนึ่งคือกระชากไกรทิ้งลงพื้น ก่อนจะเดินไปหยิบไหเหล้าป่าที่วางระเกะระกะอยู่เป็นสิบไหขึ้นมาและกรอกน้ำเมาในไหเข้าปากราวกับมันเป็นน้ำเปล่า...เธอใช้ท่อนแขนเช็ดเหล้าที่เปรอะปากอยู่พร้อมกับพ่นลมหายใจยาวเหยียดจนกลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วห้อง ก่อนที่จะหันมาที่ไกรพร้อมกับพูดกร้าวๆอีกครั้ง

 

       " เป็นบุญของเจ้า ไกร...ที่ท่านผู้เฒ่าออกหน้ารับแทนเจ้าอย่างนี้...จงจำใส่กะโหลกหนาๆของเจ้าไว้ให้มั่น ต่อไปหากจะพูดกับข้าให้ต่อท้ายนามของข้าว่า  ยูกิโอะซัง (คุณยูกิโอะ) หรือถ้าให้ดีก็เรียกว่า ยูกิโอะซามะ (ท่านยูกิโอะ) เลยก็ได้ "

 

       " ย...ยูกิโอะซามะ? "  ไกรครางออกมาเบาๆ...นี่ขนาดท่านผู้เฒ่าที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านยืนหัวโด่อยู่แท้ๆ ยัยนี่ยังเห็นเป็นหัวหลักหัวตอเลย ...ย...ยัยบ้าเลือดนี่มันเป็นใครกันแน่ฟะ?!!

 

       " ถือว่าข้าขอเถอะน่า ยูกิโอะคุง "  ท่านผู้เฒ่าเริ่มใช้เสียงอ่อนอย่างรู้นิสัยเอาแต่ใจของอีกฝ่ายดี เขาคุยเรื่องสัพเพเหระกันจนอีกฝ่ายเริ่มอารมณ์ดีขึ้น ถึงจะยังคงส่งสายตาคมปลาบมาใส่ไกรเป็นพักๆก็เถอะ

 

       " เข้าเรื่องของท่านดีกว่าท่านผู้เฒ่า ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาเจรจากับท่านทั้งวันนะ "  ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงมะนาวหน้าแล้วเหมือนเดิม แต่ก็บอกได้ทันทีจากที่เห็นเลยว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีจนยอมเล่นด้วยแล้ว...ท่านผู้เฒ่าหันมาลอบยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายเบาๆ

 

       " ยูกิโอะคุง เจ้าก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าไกรพึ่งจะได้เป็น มือสังหาร คนใหม่น่ะ "

 

         ยูกิโอะเลิกคิ้วก่อนจะซดเหล้าอีกครั้งและพยักหน้าเบาๆ

 

       " ช่ายยย...ไม่รู้สิแปลก ก็คราวนี้ท่านเป็นคนเอ่ยแต่งตั้งเองกับปากเลยนี่ "

 

       " ฮ่าๆๆๆ เอาเถอะ... "  ท่านผู้เฒ่าหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้าเรียกไกรที่ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆให้เข้ามาพร้อมกับพูดต่อ

 

       " ยูกิโอะคุง...นี่ถือเป็นคำขอร้องจากข้าก็แล้วกัน...ช่วยตีสุดยอดศาสตราวุธให้กับไกรทีสิ "

 

 

 

 

 

 

..........................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา