The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  37.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) ตอนที่ 25

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ผ่านไปเกือบสิบชั่วโมงแล้วที่ปอนด์ยังนอนนิ่งไม่ได้สติ ร่างกายที่อ่อนแอของเขาฟื้นฟูสภาพได้ช้ามาก การหลับยาวจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ปอนด์ควรจะทำ แต่ปัญหาก็คือนี่ไม่ใช่การพักผ่อนอยู่ที่บ้าน การสลบไปนานแบบนี้จึงสร้างความไม่พอใจให้คนอีกคนในห้องนี้เป็นอย่างมาก

                “เฮ้ย! ตื่น” ป้องศักดิ์ใช้เท้าสะกิดร่างของปอนด์ที่ไม่ไหวติง “อะไรวะเนี้ย เป็นถึงคนของริวกิทำไมถึงอ่อนแอปวกเปียกแบบนี้วะ”

                แรงเตะเริ่มแรงขึ้นจนสมองที่กำลังพักผ่อนของปอนด์รับรู้ได้ ปอนด์ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดหัวและความเจ็บปวดจากบอบช้ำของร่างกาย คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนริมฝีปากของเขาเริ่มแห้งกรัง ตัวที่ร้อนจากพิษไข้ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ปอนด์จะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ เพราะคนอย่างป้องศักดิ์นอกจากจะไม่สงสารแล้ว คงทำอะไรที่หนักหน่วงมากกว่านี้เป็นแน่

                “อึก” ปอนด์ครางเสียงออกมาเบาๆจากความเจ็บปวด เขาค่อยๆพยุงร่างที่เหนื่อยอ่อนให้นั่งตรง แม้จะเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากก็ตาม

                “กินเข้าไปซะ” ป้องศักดิ์ขว้างซาลาเปาสองลูก มันเด้งไปโดนจมูกและปากของปอนด์ก่อนจะตกลงไปยังตัก

                ปอนด์แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงหรือความรู้สึกใดๆนอกจากความเหนื่อยล้า ตาของเขาแทบจะปิดสนิท ร่างกายที่ตั้งตรงโอนเอนไปมาเพราะทรงตัวแทบไม่ไหว เขาค่อยๆหยิบซาลาเอาขึ้นมาเข้าปาก และกัดกินมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ต่อมรับรสของเขาจะฟ้องว่าไม่อร่อย แต่เพื่อประทังชีวิตและเติมเต็มกระเพาะที่ว่างเปล่าในตอนนี้ ปอนด์ก็ไม่มีตัวเลือกสักเท่าไหร่นัก

                “กินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำล้างหน้า ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนหน่อยก็ดีนะ” ป้องศักดิ์โยนผ้าขนหนูและเสื้อยืดกางเกงขาสั้นลงบนเตียง “สภาพแกเน่าไม่ต่างจากศพ ดูแล้วไม่ค่อยเจริญตาเลยว่ะ”

                ปอนด์เริ่มกินซาลาเปาลูกที่สอง แม้เขาจะหิวมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถกินได้เร็วเท่าที่ใจต้องการ เพราะอาการระบมที่แก้มและแผลที่ปากมันทำให้เขาเจ็บปวดทุกครั้งที่อ้าปาก

                “พรุ่งนี้ก็จะจบเรื่องนี้แล้ว ฉันจะได้ไปจากบ้านโกโรโกโสนี่เสียที” ป้องศักดิ์ลงไปนั่งที่เก้าอี้ปลายเตียง

                “ฉ… ฉันนึกว่าที่นี่เป็นบ้านแก”

                “ฉันจะโง่พาแกมาที่บ้านของตัวเองทำไม” ป้องศักดิ์หัวเราะ “อย่างที่ฉันบอกแก คนที่เกลียดหน้าไอ้ริวกิมันเยอะ บ้านหลังนี้ก็มีสปอนเซอร์ใจดีออกสถานที่ให้”

                ปอนด์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของป้องศักดิ์เท่าไหร่นัก เพราะอาการปวดหัวเริ่มกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง จนเขาไม่สามารถทนได้ไหวอีกต่อไป

                “แกมียาแก้ไข้สักสองเม็ดมั้ย”

                “อย่ามาสำออยหน่อยเลย ลูกไม้แกล้งไม่สบายเรียกความสงสารมันไม่ได้ผลหรอก ต่อให้แกตายต่อหน้าฉันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

                ป้องศักดิ์ลุกขึ้นไปล็อคประตูห้องนอนทันที เมื่อเห็นปอนด์กลืนซาลาปาคำสุดท้ายลงคอไป เขาหยิบมีดพกในประเป๋ากางเกงเดินตรงปรี่ไปหาปอนด์

                “แกจะทำอะไร”

                “เฉยๆเถอะ” ป้องศักดิ์ตัดเชือกที่ผูกมัดปอนด์ออก

                ปอนด์ขยับตัวเพื่อคลายความปวดเมื่อย มันทำรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยเมื่อร่างกายเป็นอิสระ เขาแทบอยากจะวิ่งออกนอกห้องนี้ไปในแทบจะทันที แต่สภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยในตอนนี้ คงไม่เหมาะกับการทำอะไรเสี่ยงตายแบบนั้นอย่างแน่นอน เพราะดูแล้วคนอย่างป้องศักดิ์คงไม่มีความเมตตาปราณีสักเท่าไหร่

                “ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้สะอาดเถอะไป ฉันเห็นหน้าตาเปื้อนเลือดแกแล้วฉันอยากจะอ้วก” ป้องศักดิ์ลากเก้าอี้ไปนั่งขวางประตูไว้ “ถ้าแกคิดจะหนีล่ะก็ ฉันอาจจะหน้ามืดแทงแกสักแผลสองแผลก็ได้นะ ขอเตือนไว้ก่อน”

                ปอนด์ค่อยๆหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูที่ป้องศักดิ์โยนทิ้งไว้ให้ตรงปลายเตียงขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงเขาไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนนี้

                “เปิดประตูทิ้งไว้ด้วยนะ” ป้องศักดิ์สั่ง

                “แกจะบ้าเหรอ”

                “ฉันสั่งให้ทำแกก็ต้องทำ”

                “แกเป็นพวกโรคจิตชอบดูคนอาบน้ำเหรอ”

                “แกอย่าเอาฉันไปเหมารวมกับคนอย่างพวกแกหน่อยเลย ฉันไม่ใช่พวกนิยมความวิปริตเหมือนแกกับริวกิหรอกนะ” ป้องศักดิ์หยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา “ฉันให้แกเปิดประตูทิ้งไว้เผื่อว่าแกมีแผนหรือเข้าห้องน้ำนานๆ ฉันจะได้รู้ไงเจ้าโง่”

                “แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ”

                “แกมีสิทธิ์ต่อรองกับฉันด้วยเหรอ”

                สมองของปอนด์ตอนนี้ไม่สามารถคิดหาคำพูดอะไรเพื่อโต้ตอบกลับไปได้ แม้เรี่ยวแรงจะกลับมาส่วนหนึ่งจากซาลาเปาสองลูก แต่นั่นก็ยังไม่พอให้เขาสู้รบปรบมือกับใครได้ ปอนด์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี หรือบางทีอาจเพราะสมองสั่งการช้าลงก็ได้

                “เอ้ารีบๆเข้าสิ อายเหรอไอ้หนู” ป้องศักดิ์จ้องไปยังปอนด์ที่ยืนแข็งอยู่หน้าห้องน้ำ “หรือต้องมีคนถอดให้”

                “ป… เปล่า”

                ปอนด์ค่อยๆถอดชุดออกโดยใช้ผ้าขนหนูปกคลุมร่างกายท่อนล่างไว้ ร่างกายที่ขาวเนียนของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำไปทั่วทั้งตัว รอบเขียวช้ำใหญ่ที่หน้าท้อง รอยแดงอมม่วงที่บริเวณหน้าอก ข้อมือและข้อเท้า ทำให้รู้สึกได้ว่าปอนด์แผลเหล่านี้ต้องสร้างเจ็บปวดและทรมานให้กับปอนด์เป็นอย่างมาก แต่เขาก็อดทนไม่ปริปากบ่นถึงความบอบช้ำที่ได้รับเหล่านี้เลย

                ป้องศักดิ์ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือเมื่อเห็นว่าปอนด์ยอมทำตามคำสั่งของเขา ในขณะปอนด์เองก็ค่อยๆเดินย่องเข้าห้องน้ำไปอย่างช้าๆ เขาแง้มประตูปิดอย่างเบาๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง

                “อ๊ะๆ แกคงนึกว่าฉันคงไม่กล้าทำอะไรแกจริงๆสินะ” ป้องศักดิ์ยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในมือของตัวเอง “ฉันไม่ชอบคนที่ว่านอนสอนยาก และความอดทนฉันก็มีน้อย หวังว่าแกคงจะเข้าใจที่ฉันพูดนะ”

                “รู้แล้วน่ะ”

                ผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ห่อหุ้มร่างที่สาหัสของปอนด์ถูกดึงออก อากาศของเวลาตีสองเมื่อกระทบกับอาการไข้ในร่างกายของปอนด์ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองแก้ผ้าอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง แต่เขาต้องกัดฟันไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ปอนด์แบกร่างที่หนาวสั่นไปตรงหน้าฝักบัวที่ปราศจากเครื่องทำน้ำอุ่น เขาแอบเหล่มองออกนอกประตูห้องน้ำไปยังป้องศักดิ์ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเกมบนมือถือ แม้จะรู้สึกเขินอายแต่ปอนด์ก็มั่นใจได้ว่าป้องศักดิ์ไม่มีทางพิศวาสในร่างกายอ่อนเยาว์ของตัวเองอย่างแน่นอน

                หยดน้ำที่ไหลจากฝักบัวทุกหยดราวกับฝนเข็มขนาดเล็กที่ทิ่มแทงเนื้อหนังของปอนด์ได้อย่างเจ็บปวด เขากัดฟันและครางในลำคออย่างเจ็บปวดเบาๆ จนเมื่อความเจ็บปวดที่เขาได้รับเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความชินชา ปอนด์ก็เริ่มรู้สึกสงบขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

                “ว่าไง”

                เสียงพูดดังขึ้นจนทำให้ปอนด์หันไปมองอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นป้องศักดิ์ทำท่าทางเหมือนกับลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ ปอนด์พยายามหรี่ตาเพื่อสำรวจ

                “อะไรนะ เรื่องง่ายๆแค่นี้เธอก็ทำไม่ได้ แค่เข้าไปในห้องของเด็กนี่เธอก็ไม่มีปัญญาทำอย่างนั้นเหรอ”

                “ยามไม่ให้เข้า? กุญแจห้องของมันเธอก็มี ทำไมไม่บอกยามไปล่ะว่าเป็นญาติกันเหมือนที่เราเตรียมกันไว้”

                “หา! ไอ้เด็กเวรนี่บอกยามไว้ว่าไม่ให้ใครเข้า ปัดโธ่โว้ย! เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังโง่ได้” ป้องศักดิ์หัวเสีย “พรุ่งนี้ก็ถึงวันนัดไอ้ริวกิแล้ว เธอยังเข้าไปหารูปจากห้องไอเด็กนี่ไม่ได้อีก”

                “แล้วจะเอาอย่างไรต่อไป”

                “เธอไม่ต้องห่วงทางฉันหรอก พรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันจะพาตัวประกันไปที่โกดังร้างที่นัดไว้ แล้วจะทำตามแผนต่อไปเอง เธอก็ทำตามแผนของเธอต่อไป”

                “เธอก็คอยดูข่าวจากทางฝั่งริวกิมันไว้ให้ดีๆ เจสันด้วยอีกคนที่ประมาทไม่ได้ รอบนี้ฉันเทไพ่ทั้งหมดที่มีฉะนั้นเราจะพลาดไม่ได้เข้าใจมั้ย”

                “พรุ่งนี้ถ้าได้ตัวริวกิแล้วฉันค่อยติดต่อเธอไป อย่าทำตัวให้ผิดสังเกตล่ะ”

                “แค่นี้นะ เธอก็พยายามหาวิธีเอาภาพมันมาให้ได้แล้วกัน”

                หลังจากวางสายไปอย่างรีบร้อนป้องศักดิ์ก็จัดการเล่นเกมที่ค้างคาอยู่ตามเดิม โดยไม่สนใจว่าปอนด์จะได้ยินสิ่งที่เขาพูดหรือไม่ เพราะสำหรับป้องศักดิ์แล้วปอนด์ก็คือหนูตัวเล็กๆที่ไม่มีพิษภัยอะไร เขาวางแผนทุกขั้นตอนอย่างรัดกุมมาหลายปีแล้ว ป้องศักดิ์ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ถ้าได้ตัวริวกิมาสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือ แปรเปลี่ยนความโกรธแค้นที่สะสมมาหลายปี ให้กลายเป็นรอยแผลตามร่างกายของริวกิ จากนั้นจะส่งตัวริวกิให้ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง และป้องศักดิ์มั่นใจได้ว่านายใหญ่ของเขาคนนี้สามารถจัดการกับริวกิได้อย่างเงียบเชียบ งานนี้นอกจากเขาจะได้ชำระแค้นที่มีแล้วยังได้เงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนอีกด้วย สำหรับป้องศักดิ์แล้วนี่คือสิ่งที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย

                ปอนด์พยายามคาดเดาว่าผู้สมรู้ร่วมคิดของป้องศักดิ์เป็นใคร เขาพยายามคาดเดาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่อย่างที่ป้องศักดิ์เคยบอกไว้ ศัตรูของริวกิอาจมีเยอะมากจริงๆ มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าปอนด์จะจัดการได้ นอกจากพยายามหาทางเอาชีวิตรอดในตอนนี้ และรอจังหวะดีๆเพื่อหาทางหลบหนี

                เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ปอนด์พยายามถ่วงเวลาในห้องน้ำ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้กับความหนาวเย็นที่เกินจะทานทนได้ เขาเช็ดตัวให้แห้งก่อนจะสวมเสื้อผ้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างเชื่องช้า ปอนด์เดินไปยังมุมห้องตรงข้ามกับที่ป้องศักดิ์นั่ง

                “แกเสร็จแล้วก็มานี่” ป้องศักดิ์พักสายตาจากมือถือ และกวักมือเรียกปอนด์อย่างใจเย็น

                “ทำไม”

                “ฉันก็จะมัดแกกลับไปเหมือนเดิมไง นี่ไม่ใช่การพักผ่อนตามบังกะโลนะเว้ยไอ้หนู เข้าใจสถานการณ์บ้าง”

                “ไม่ต้องมัดแล้วก็ได้ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก”

                ป้องศักดิ์ลุกขึ้นปลดล็อคประตูและลากเก้าอี้กลับยังปลายเตียง ก่อนจะย่างกรายไปหาปอนด์ที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่มุมห้อง เขาหยิบเอาเชือกฟางเส้นยาวออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างช้าๆ

                “แกคิดว่าฉันจะมีเวลานั่งเฝ้าแกตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ นี่ไม่ใช่โรงเรียนอนุบาลนะเว้ย”

                พูดจบป้องศักดิ์ก็มอบหมัดขวาแรงๆเข้าที่มุมปากของปอนด์อย่างจัง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากทั้งแผลเก่าที่ยังไม่หายดี และแผลใหม่ที่เพิ่งปริแตกออก ปอนด์ล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้งก่อนที่จะถูกมัดข้อมือและข้อเท้าไว้ตามเดิม

                “ฉันไม่ชอบเด็กดื้อ” ป้องศักดิ์ขู่พร้อมเตะเข้าที่กลางลำตัวของปอนด์ซ้ำไปยังจุดเดิม

                “อึก” ปอนด์บิดลำตัวไปมาด้วยความเจ็บจุก เขาพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา ปอนด์ไม่รู้ว่าระหว่างใบหน้ากับลำตัว เขาเจ็บปวดตรงไหนมากกว่ากัน หรือบางทีที่เจ็บที่สุดอาจเป็นตรงกลางหัวใจที่บอบบางของเขา โชคชะตาช่างเขียนบทละครให้เขาได้อย่างโหดร้ายชนิดที่ปอนด์เองก็ไม่ทันตั้งตัว

                ไม่นานนักเสียงเปิดประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก ป้องศักดิ์หันขวับไปยังร่างสูงใหญ่ที่เป็นคนประตูอย่างรวดเร็ว และในทันทีที่เขามองเห็นแววตาที่เรียวงามแต่แฝงไปด้วยความอาฆาตคู่นั้น ป้องศักดิ์ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนที่ยืนตะหง่านอยู่ตรงประตูคนนั้นเป็นใคร

                “ร… ริวกิ” ป้องศักดิ์อุทานด้วยความประหลาดใจ “แกมาได้อย่างไร”

                “แกคงลืมไปสินะ ว่าเล่นเกมนี้อยู่กับใคร” ริวกิแสดงพลังอำนาจด้วยน้ำเสียง

                “เป็นไปไม่ได้ แกอยู่ที่ญี่ปุ่น แกน่าจะมาถึงพรุ่งนี้สิ”

                “จะผ่านไปกี่ปีความโง่ของเศษสวะอย่างแกก็ไม่เคยหายไปเลยนะ” ริวกิตะคอกด้วยความโกรธ “ฉันมาเอาของของฉันคืน”

                ปอนด์ที่นอนขดตัวอยู่กับพื้นรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของริวกิ แม้ว่าเขาจะไม่มีแรงลุกขึ้นไปดูใบหน้าของเจ้าพ่อไนต์คลับคนนี้ แต่ปอนด์ก็รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยขึ้นมาในทันใด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา