The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  37.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) ตอนที่ 29

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               หลังจากร่วมรักร่วมสวาทที่เกิดจากการปลุกเร้าของปอนด์ผ่านพ้นไป ปอนด์ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายดีแล้ว อาจเป็นเพราะการได้ขยับร่างกายจึงทำให้เหงื่อออก เขาตัดสินใจให้ริวกิถอดสายน้ำเกลือออกให้ แม้เริ่มแรกริวกิจะไม่เห็นด้วย แต่ลูกอ้อนที่ดื้อดึงของปอนด์ก็ทำให้ริวกิยินยอมได้อย่างไม่ยากเย็น

                “อาบน้ำด้วยกันนะครับริวกิ” ปอนด์ใช้สองมือดึงแขนของริวกิที่นั่งเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง

                “นายหายดีแล้วแน่นะ”

                “ยาของนายดีขนาดนี้ จะไม่ให้หายได้อย่างไรกันล่ะ”

                “นายไม่เหมือนคนอื่นๆที่ฉันเคยพบเจอมาเลยปอนด์” ริวกิใช้มืออีกข้างประกบเข้ากับมือของปอนด์

                “นายก็ไม่เหมือนคนอื่นๆที่เคยเข้ามาในชีวิตฉัน”

                “คนอื่นๆในชีวิตนาย หมายถึงผู้ชายที่ชื่อโจ๊กเหรอ”

                “นายรู้จักโจ๊กด้วยเหรอ”

                “รู้สิ... ก็ไอ้ผู้ชายที่เขียนโน้ตแปะไว้ที่ประตูห้องนายว่าเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้าไงล่ะ”

                “ทำไมถึงรู้ได้ละเอียดขนาดนี้ล่ะ”

                “ฉันแวะไปหานายก่อนที่จะตัดสินใจไปญี่ปุ่น นอกจากนายจะไม่อยู่ห้องแล้ว ยังไปเจอกระดาษชวนอ้วกนั่นแปะอยู่หน้าห้องนายอีกด้วย” ริวกิทำหน้างอน “ฉันก็เลยดึงออกมาแล้วฉีกทิ้งข้างล่างอพาร์ทเม้นต์นายเสียเลย”

                “โจ๊กเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉันมาหลายปีแล้ว”

                “เพื่อนที่ไหนเขาทำตัวหวงกันขนาดนี้”

                “เพื่อนที่ไหนเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ นายอย่าคิดมากเลยนะ”

                “จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมานั่งสอบปากคำนายหรอก อันที่จริงฉันเองก็ไม่มีเพื่อน ฉันก็ไม่รู้ว่ามิตรแท้เขาแสดงออกความรักกันอย่างไร”

                “ฉันนี่ไงเพื่อนของนาย ต่อจากนี้ไปถ้านายมีอะไรก็บอกฉันได้ทุกเรื่องแหละ”

                “ไม่รู้สิ ฉันยังไม่พร้อมจะเปิดใจ”

                น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจในตัวเองของริวกิ สั่นเครือไปถึงกลางใจของปอนด์ แม้เขาจะอยู่ใกล้ริวกิแค่นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาบาดแผลในใจของริวกิได้ทั้งหมด ปอนด์ผู้สดใสได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า การละลายน้ำแข็งที่เกาะกินหัวใจใครสักคนมานาน มันคงต้องใช้เวลามากกว่าแค่สองหรือสามคืน

                “ว่าแต่นายขึ้นไปห้องฉันได้ไง ฉันกับพี่หมูแล้วว่าห้ามให้ใครขึ้นห้องโดยที่ฉันไม่ได้พาไป แม้ว่าคนๆนั้นจะอ้างว่าเป็นญาติก็ตาม” ปอนด์ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้ริวกิรู้สึกเศร้ามากไปกว่านี้

                “เรื่องนั้นน่ะเหรอ ไม่เห็นจะยากเลย” ริวกิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เงินทำได้ทุกอย่างแหละ”

                “คนนิสัยไม่ดี” ปอนด์ทำท่างอนแก้มป่อง “พี่หมูนะพี่หมู เห็นเงินสำคัญกว่าความปลอดภัยของน้อง”

                “อย่าไปว่าเขาเลย เพราะว่าเขาคงคุ้นหน้าคุ้นตาฉันและคงรู้ว่าฉันไม่ทำร้ายนาย เขาก็เลยยอมช่วยเหลือ” ริวกิลุกขึ้นกอดคอปอนด์ “ไปอาบน้ำได้หรือยังล่ะ ฉันอยากให้นายถูหลังให้”

                ทั้งคู่หยอกล้อกันอย่างสนิทใจกันมากกว่าเดิม แม้จะยังไม่คุ้นเคยต่อกันมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วโดยที่ทั้งสองฝ่ายเองก็ยังไม่รู้ว่าความผูกพันธุ์มันก่อตัวขึ้นตอนไหน อาจจะเพราะทั้งปอนด์และริวกิเริ่มรู้จักกันด้วยด้านมืด จึงทำให้ปรับตัวเข้าหากันได้ดีเมื่อเจอส่วนดีๆของกันและกัน แตกต่างกับบางคู่ที่ใส่หน้ากากสวยงามเข้าหากัน แต่เมื่อวันนี้ธาตุแท้เผยออกมา ก็ไม่มีใครรับซึ่งกันและกันได้

 

 

 

                หลังจากอาบน้ำกับริวกิอยู่เกือบชั่วโมง ปอนด์และริวกิต่างก็พูดคุยเรื่องส่วนตัวของกันและกันมากขึ้น แม้ฝ่ายที่พูดจะเป็นปอนด์เสียส่วนใหญ่ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เป็นช่วงเวลาที่สุดวิเศษได้

                “ริวกิทำไมนายพูดภาษาไทยชัดจัง” ปอนด์ถามขณะที่ถูหลังริวกิด้วยฟองน้ำในอ่าง

                “ฉันเรียนภาษาไทยมาตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ”

                “แล้วทำไมถึงเลือกเรียนภาษาไทยล่ะ”

                “เปล่า… ฉันไม่ได้เลือก” ริวกิพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “พอท่านพี่ตาย ความหวังทุกอย่างของทั้งตระกูลยามิกาว่าก็ถูกส่งต่อมาให้ฉัน ท่านพ่อจึงวางตัวฉันให้มารับหน้าที่สำคัญในการดูแลกิจการที่ไทย ฉะนั้นชีวิตของฉันทั้งหมดถูกฝึกมาเพื่ออยู่ที่นี่ ดูแลที่นี่”

                “ฉันขอโทษที่ถามนะ”

                “ไม่เป็นไรเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ความลับ ฉันยังเคยสัมภาษณ์ให้กับนิตยาสารเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวฉันอยู่เลย แต่วันนั้นฉันไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในอ่างอาบน้ำ” ริวกิเอียงขอมาหาปอนด์ “มา… เดี๋ยวฉันถูหลังให้นาย”

                “ปกติฉันไม่เคยมีใครถูหลังให้”

                “ฉันก็ไม่เคยถูหลังให้ใคร” ริวกิหันหน้ามาหาปอนด์ ก่อนจะจับปอนด์ให้หมุนตัว “ที่บ้านฉันภรรยาจะมีหน้าที่ถูหลังให้สามี แต่ฉันคิดว่าสมัยนี้แล้วสิทธิผู้ชายกับผู้หญิงก็ไม่ควรจะเหลื่อมล้ำกันมากเหมือนสมัยก่อน ยิ่งในเมืองไทยเอง ฉันเห็นผู้หญิงหลายคนทำงานเก่งกว่าผู้ชายอีก”

                “นายหมายถึงคุณรุ่งรัตน์เหรอ” ปอนด์เคลิบเคลิ้มไปกับความสบายที่ริวกิบันดาลให้

                “รุ่งรัตน์ก็เป็นคนเก่งและขยันทำงานมาก แม้บางทีเธอจะดูแปลกๆไปหน่อย แต่ฉันก็มองว่าทุกคนก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากบอกใครเป็นธรรมดา”

                “แล้วคุณซินดี้ล่ะ เธอเล่าให้ฉันฟังว่านายเคยช่วยชีวิตเธอไว้”

                “ใช่วันนั้นฉันแบกเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่เมามากไปส่งที่แท็กซี่ เขาอ้วกใส่ฉัน” ริวกิลำดับเหตุการณ์ “ฉันเลยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบแล้วก็จะเอาไปทิ้งที่ถังขยะ บังเอิญฉันไปเจอพวกเสพยากำลังฉุดกระชากซินดี้อยู่ ฉันก็เลยเข้าไปช่วย จากนั้นฉันก็ได้รับการติดต่อมาว่าเขาทำงานอยู่ที่สำนักข่าว และอาสาจะเป็นสายข่าวให้ฉัน”

                “ฉันเกือบลืมแหนะ” ปอนด์สะดุ้งโหยง “คุณซินดี้เธอเอาแฟลชไดร์ฟข้อมูลลับอะไรสักอย่างมาให้ฉัน ฝากให้ฉันเอามาให้นาย ถ้าจำไม่ผิดฉันซ่อนไว้ในกระเป๋าตัง มันน่าจะยังไม่หายไปไหนนะ เพราะรู้สึกว่าป้องศักดิ์ไม่ได้ยุ่งกับกระเป๋าตังฉันเลย”

                “เอาไว้ก่อนเถอะ ฉันยังไม่อยากทำอะไรตอนนี้” ริวกิสวมกอดปอนด์จากข้างหลังในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะดึงร่างปอนด์ให้แนบชิดเข้ามา จนแผ่นหลังที่ขาวเนียนนุ่มของปอนด์สัมผัสเข้ากับแผงอกของริวกิจนไร้ช่องว่าง

                “ท… ทำอะไรครับ ริวกิ”

                “เดี๋ยวก็รู้” ริวกิใช้ปลายจมูกไล้ไปตามใบหูของปอนด์

                “อย่านะครับ” ปอนด์เริ่มใจเต้นแรงเมื่อลมหายใจอุ่นๆของริวกิพ่นไปตามซอกคอของเขา

                “คำว่าอย่าของนาย มันช่างตรงกันข้ามกับความต้องการจริงๆของร่างกายนะ” ริวกิจับไปยังจุดที่ไวต่อการสัมผัสของปอนด์

                “ต… แต่ร่างกายผมจะไม่ไหวนะครับ ผมยังไม่หายดี”

                “ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ฉีดยารักษานายอีกรอบไง”

                “ร… ริวกิครับ ย… อย่าเพิ่งครับ” ปอนด์เริ่มสติหลุดเมื่อริวกิเล่นกับเจ้าส่วนนั้นอย่างสนุก ก่อนจะฝากรอยรักที่ดูดดื่มบนหลังคอของปอนด์ “คือ ฉัน หิวน้ำ”

                “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้นายกินน้ำทั้งหมดที่ฉันมี”

                “อา… ไม่ใช่อย่างนั้นครับริวกิ” ปอนด์ทิ้งท้ายทอยให้ซบลงบนหัวไหล่ของริวกิ “อึก… อ๊า… ตั้งแต่ตื่นมาผมยังไม่ได้ดื่มน้ำเปล่าเลยครับ เสียเหงื่อไปเยอะด้วย”

                “จริงสินะ ตั้งแต่ฟื้นมานายก็ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย” ริวกิหยุดการจู่โจมปอนด์ไว้

                “ครับ” ปอนด์หอบเบาๆ “เดี๋ยวฉันไปเช็ดตัวก่อนนะ เริ่มหนาวแล้วด้วย”

                “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันตามไป” ริวกิคลายอ้อมกอดออก “นายเดินผ่านห้องทำงานของฉันไปก็จะเป็นห้องครัว กาต้มน้ำร้อนน่าจะเสียบทิ้งไว้อยู่ นายดื่มน้ำอุ่นน่าจะดีกว่า”

                “อื้อ” ปอนด์บุกขึ้น “เดี๋ยวฉันจะไปหาแฟลชไดร์ฟให้ด้วย ฉันจะได้สะสางเรื่องที่ค้างคาไว้เสียที”

 

 

                ปอนด์ค้นกระเป๋าตังในช่องเล็กๆเพื่อค้นหาแฟลชไดร์ฟที่เขาซ่อนไว้ มันยังคงถูกเก็บไว้ที่เดิม อาจจะเพราะว่าเป็นสิ่งที่ป้องศักดิ์ไม่ต้องการ เขาเลยไม่ได้ใส่ใจที่จะเอาไป ปอนด์ถือมันติดตัวไปด้วย ก่อนจะสวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกจากประตูห้องนอนไป แต่ทันทีที่เขาก้าวขาออกจากประตูที่ไม่เคยปิดไป เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบเจสันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาหนังสีดำในห้องทำงานของริวกิ

                “จ... เจสัน คุณมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ปอนด์หน้าแดง

                “สักพักใหญ่แล้วล่ะครับ”

                “แล้วคุณ... เอ่อ... คือแบบว่า” ปอนด์ไม่รู้จะเริ่มถามอย่างไรเมื่อสิ่งที่เขาอยากจะถามเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับเขา “คือ... คุณได้ยิน... เอ่อ…”

                “ครับ” เจสันส่งยิ้มให้ปอนด์ “ผมได้ยินเสียงจากในห้องนอนทั้งหมดแหละครับ ทั้งเสียงของคุณปอนด์และเสียงของท่านริวกิ”

                “ผ... ผมขอโทษครับ”

                “น่าสนุกนะครับ” เจสันอมยิ้ม

                “คุณเจสันพูดแบบนี้ผมก็เขินแย่ครับ” ปอนด์ได้แต่หัวเราะแก้เขิน

                “ผมต้องขอประทานโทษครับ ผมไม่ตั้งใจทำให้คุณอาย”

                “ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้ว่ามีคนอยู่ก็เลยทำเรื่องน่าอายลงไป”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ห้องของท่านริวกิเป็นห้องเก็บเสียง คนข้างนอกไม่รู้หรอกครับว่าทำอะไร”

                “โอ๊ย… ยิ่งพูดก็ยิ่งอายครับ” ปอนด์ทำท่าเก้อเขิน “ว่าแต่คุณเจสันยังไม่นอนเหรอครับ”

                “ยังครับ ผมรอรายงานการสืบสวนของตำรวจให้ท่านริวกิก่อนครับแล้วค่อยไปนอน”

                “ถ้าอย่างนั้นคุณก็นั่งรอนานแล้วสินะครับ” ปอนด์หน้าแดงอีกครั้ง “ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากเพราะผม”

                “ไม่หรอกครับคุณปอนด์อย่าคิดมากเลย ทุกคนก็มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน คุณปอนด์ก็ต้องทำหน้าที่ของคุณปอนด์ ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผม”

                “ค… คุณเจสันอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิครับ ไปกันใหญ่แล้ว” ปอนด์หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ หากเขายังไม่เปลี่ยนเรื่องคุย เขาคงต้องเอาหัวโขกผนังเพราะความเขินแน่นอน “ว่าแต่ปกติคุณเจสันนอนที่ไหนครับ โซฟานั่นเหรอครับ” ปอนด์ชี้ไปที่โซฟาหนังสีดำที่เจสันนั่งอยู่

                “เปล่าครับ”

                “หรือว่า... คุณนอนกับริวกิ”

                “เปล่า” เสียงริวกิดังมาจากข้างหลังปอนด์ “เจสันเขามีห้องนอนของเขา”

                เจสันลุกขึ้นคำนับริวกิทันทีที่เห็นนายของตัวเองเดินออกมา แม้จะอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่ดูไม่น่าเกรงขาม แต่เจสันก็เคารพริวกิอยู่ตลอดเวลา

                “ห้องนอนอยู่ข้างล่างห้องนี้แหละ” ริวกิเดินตรงไปยังตู้หนังสือข้างโต๊ะทำงานของเขา

                “ชั้นที่ยี่สิบสามเหรอ”

                “เปล่า” ริวกิดันตู้หนังสือออกไปข้างๆ ทำให้เห็นห้องลับที่มีบันไดวนลงไปด้านล่างอย่างสวยงาม “ฉันปรับเปลี่ยนห้องนี้ให้มีสองชั้น”

                “สุดยอดไปเลย มีห้องลับด้วย” ปอนด์อุทานอย่างประหลาดใจ

                “ว่าแต่แกมีอะไรจะรายงานฉันเจสัน รีบๆรายงานมาฉันจะพักผ่อน” ริวกิพูดกับเจสัน ปล่อยให้ปอนด์ยืนชื่นชมอยู่กับความลับที่เพิ่งรู้

                “ครับท่านริวกิ ผลการสอบปากคำป้องศักดิ์เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การยอมรับทุกข้อกล่าวหา ตอนนี้ผมให้ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะผมสงสัยว่ามันจะเป็นสายข่าวให้แก๊งค์ค้ายาที่มาป้วนเปี้ยนที่ไนต์คลับครับ อีกอย่างที่ผมยังสงสัยคือป้องศักดิ์ไม่น่าจะลงมือเพียงคนเดียว”

                “ใช่ครับ ตอนที่มันจับตัวผมไว้ ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์อยู่กับอีกคนหนึ่ง แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร” ปอนด์ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

                “ถ้าอย่างนั้นที่ผมสงสัยก็คงจะเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ว่าตอนนี้ป้องศักดิ์ยังไม่ซัดทอดไปยังคนอื่น”

                “ไว้ฉันจะขอแรงคุณอาให้สืบเรื่องนี้ และจัดการกับไอ้ป้องศักดิ์ให้เร็วที่สุด” ริวกินั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน “เจสันถ้าเรื่องที่แกจะรายงานจบแล้ว แกก็ไปพักผ่อนเถอะ”

                “ครับท่าน” เจสันโค้งคำนับให้ริวกิและปอนด์ ก่อนจะเดินหายลงไปที่ทางลับนั้น

                “นี่แฟลชไดร์ฟที่คุณซินดี้ฝากให้ฉันเอามาให้นาย” ปอนด์วางของชิ้นเล็กนั้นไว้บนโต๊ะหน้าริวกิ ก่อนที่เขาจะเดินไปยังโซฟาสีดำ ปอนด์หยิบหนังสือที่เจสันวางไว้ขึ้นมาอ่าน

                ริวกิหยิบโน๊ตบุ๊คจากในลิ้นชักขึ้นมาเปิด เขาเสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของริวกิแทบจะเปลี่ยนไปในทันทีที่เปิดแฟลชไดร์ฟขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วนสีหน้าที่เคร่งเครียด ก่อนจะมุ่งตรงไปหาปอนด์ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่

                “นายแน่ใจนะว่าเป็นแฟลชไดร์ฟอันนี้” ริวกิยื่นของเล็กๆในกำมือให้

                “ใช่ ฉันได้มาจากมือของคุณซินดี้ด้วยตัวเอง”

                “แล้วเธอบอกกับนายว่าข้างในนี้มีอะไร”

                “เขาบอกฉันว่ามันมีข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อผู้ค้ายาอะไรสักอย่างนี่แหละ” ปอนด์วางหนังสือลง “ทำไมเหรอ”

                “นายโกหก” ริวกิตะคอก “ข้างในนี้มันว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย”

                “ป… เป็นไปได้ไง”

                “ฉันต้องถามนายมากกว่า ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้”

                “บางทีคุณซินดี้อาจจะหยิบอันผิดมาให้ก็ได้ น… นายอย่างเพิ่งตกใจไป”

                “หยิบผิดอย่างนั้นเหรอ นายคิดว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ ตั้งแต่ฉันรู้จักกับซินดี้มาไม่เคยมีความว่าผิดพลาดเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว” ริวกิตะเบ็งเสียง “นายลบมันทิ้งใช่มั้ย นายจงใจจะปั่นหัวฉันเพื่อแก้แค้นฉันใช่มั้ย”

                “ฉ… ฉันเปล่า” ปอนด์ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทำไมนายไม่ลองถามคุณซินดี้ดูล่ะ”

                “ถามอย่างนั้นเหรอ” ริวกิหัวเราะเยาะ “นายไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ซินดี้อยู่ไหน”

                “เกิดอะไรขึ้น”

                “ก็เพราะข้อมูลที่อยู่ในนี้ไงล่ะ” ริวกิชูแฟลชไดร์ฟขึ้นมา “ทำให้เธอโดนเล่นงานจนสาหัส นายยังคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องล้อเล่นอยู่อีกเหรอ”

                “ริวกิใจเย็นๆก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่าข้อมูลมันหายไปได้อย่างไร ฉันไม่ได้ลบมันจริงๆนะ ตั้งแต่ฉันได้มันมาฉันยังไม่ได้เปิดดูเลย”

                “ฉันไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานอย่างนายดีมั้ย บางทีนายอาจจะเป็นสายสืบของพวกนั้นก็ได้” ริวกิจับข้อมือทั้งสองข้างของปอนด์ไว้ “นายคงสนุกกับการปั่นหัวคนอื่นสินะ”

                “เปล่านะ ริวกิฟังฉันก่อน”

                “ฉันคงจะดีกับนายมากเกินไปจนทำให้นายลืมไปว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันเป็นคนแบบไหน” ริวกิจ่อใบหน้าเข้าใกล้ปอนด์ “ฉันคงต้องเตือนสตินายสักหน่อยแล้วล่ะ”

                ริวกิผลักปอนด์ให้ล้มลงที่โซฟา ความโมโหทำให้เขาอย่างจะทำอะไรรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์ ริวกิรู้สึกโกรธมากที่โดนปอนด์หลอก เขาไม่ชอบเป็นคนงี่เง่าในสายตาใคร ที่จริงแล้วเขาไม่ควรจะไว้ใจปอนด์ตั้งแต่แรก ริวกิยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งแค้นใจมากยิ่งขึ้น

                ปอนด์พยายามดิ้นรนอธิบายให้ริวกิฟัง แต่ดูเหมือนคำพูดทุกอย่างจะไร้ผล เมื่อริวกิจับปอนด์ให้คว่ำหน้าก่อนจะใช้ร่างที่สูงใหญ่กดทับเอาไว้

                “ริวกินายบ้าไปแล้ว” ปอนด์เริ่มหายใจติดขัด

                “นายคงติดใจในความรุนแรงที่ฉันบริการให้สินะ ถึงชอบยั่วโมโหฉันอยู่บ่อยๆ”

                “ปล่อยฉัน” ปอนด์ร้องขอ “ฉันเจ็บนะ”

                “ฉันจะทำให้นายเจ็บกว่านี้”

                ปอนด์ใช้กำลังที่เพิ่งฟื้นตัวทั้งหมดเท่าที่มี ขัดขืนการกระทำของริวกิ เขาพยายามหงายตัวและสะบัดข้อมือให้หลุดจนสำเร็จ และไม่ทันที่จะได้คิดอะไร ปอนด์ก็สวนหมัดซ้ายเข้าไปยังใบหน้าของริวกิเข้าอย่างจัง จนริวกิชะงักงันไปชั่วขณะ ทั้งคู่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความตกตะลึง

                “หยุดก่อนเถอะนะ” ปอนด์ร้องลั่น เขาเอื้อมมือไปลูบรอยหมัดที่เพิ่งปล่อยไปตรงมุมปากของริวกิเมื่อตั้งสติได้ “ฉ… ฉันขอโทษ นาย… นายเป็นอะไรมากมั้ย”

                “อย่ามาเสแสร้ง” ริวกิปัดมือของปอนด์ทิ้ง “จริงๆนายกับฉันมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ป่าเถื่อนเหมือนกัน”

                ริวกิต่อยลงไปยังรอยช้ำจางๆที่ท้องของปอนด์เข้าอย่างจัง จนปอนด์ล้มลงไปนอนขดตัวอยู่บนโซฟา เขาปลดเชือกที่รัดเสื้อคุลมของปอนด์ออกจนเห็นร่างกายที่มีรอยช้ำจางๆของเด็กหนุ่ม

                “นายน่าจะเหมาะกับแบบนี้มากกว่านะ” ริวกิบรรจงขยี้ริมฝีปากอย่างดุเดือดลงไปยังเนินอกของปอนด์ เขาฝากรอยเขี้ยวจางๆไว้เพื่อเป็นการระบายอารมณ์

                “พอเถอะ ฉันเจ็บนะริวกิ” ปอนด์กรีดร้อง พร้อมหยดน้ำใสๆที่ปริ่มออกมาจากสองตา

                ดูเหมือนคำร้องขอจะยิ่งเป็นการเชิญชวน ริวกิยังคงฝากรอยเขี้ยวอีกสองจุดลงบนปลายยอดหน้าอกของปอนด์ และที่หัวไหล่ ความหน้ามือตามัวทำให้ริวกิไม่สามารถยับยั้งพลังในร่างกายของตนเองได้ อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ระบายความแค้น หรือเพราะโมโหกันแน่

                ก่อนที่อะไรจะผิดพลาดมากไปกว่านี้ เจสันก็พุ่งเข้ามาแยกตัวของริวกิให้แยกออกจากปอนด์ เขาส่งหมัดเพื่อเรียกสติเข้าไปยังใบหน้าของริวกิเข้าไปอย่างสุดกำลัง ปอนด์ที่มองภาพเหตุการณ์นี้อยู่มั่นใจได้ว่า หมัดของเจสันนั้นรุนแรงกว่าของเขาหลายเท่านัก จนริวกิเซถลาล้มไปกองกับพื้น

                “พอก่อนเถอะครับท่านริวกิ” เจสันคำนับให้กับริวกิที่นั่งลงบนพื้นอย่างหมดท่า “นี่ไม่ใช่ตันตนที่แท้จริงของท่านหรอกครับ ได้โปรดตั้งสติก่อน”

                “เจสัน” ริวกิตะคอก

                “ไว้ผมจะสืบเรื่องนี้ให้นะครับท่าน” เจสันยังคงก้มหน้า

                “ออกไป” ริวกิตวาด “พาไอ้เด็กนั่นออกไปด้วย”

                “ครับท่าน”

                เจสันประคองร่างของปอนด์ที่กำลังตกใจออกไปตามคำสั่งนายใหญ่ การตัดสินใจของเจสันดีที่สุดแล้วสำหรับคนทั้งคู่ ความสับสนและประหลาดใจผุดขึ้นมาในหัวของปอนด์อย่างรวดเร็ว อารมณ์ที่แปรปวนของริวกิทำปอนด์กลัว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา