The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  37.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

30) ตอนที่ 30

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               หลังจากเวลาผ่านไปสักพักปอนด์ก็เริ่มใจเย็นและสงบเงียบมากขึ้น ในตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดกลับไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นความรู้สึกของริวกิ ปอนด์นั่งนิ่งอยู่ในชุดพนักงานวายสตาร์คลับที่เจสันหาให้ใส่ จุดหมายปลายทางของคืนนี้คืออพาร์ทเม้นต์ของปอนด์ โดยมีคนขับรถเป็นเจสัน

                “คุณเจสันต่อยหน้าริวกิไปแบบนั้นไม่โดนเขาอาละวาดใส่เหรอครับ” ปอนด์ชวนเจสันคุยบนรถที่สงบเงียบเพื่อทำลายความอึดอัด

                “ไม่หรอกครับ ผมเชื่อใจในตัวท่านริวกิ ท่านเป็นคนที่มีเหตุผลก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปครับ”

                “ดีจังเลยนะครับ คุณกับริวกิคงไว้ใจซึ่งกันและกันมาก” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ผมเองก็อยากให้ริวกิไว้ใจผมสักนิดก็ยังดี”

                “จริงๆแล้วไม่มีใครทำให้ท่านริวกิไว้ใจได้เร็วเท่ากับคุณปอนด์เลยนะครับ” เจสันยิ้ม “เรื่องห้องนอนของผมคนอื่นก็ได้แค่สงสัย แต่สำหรับคุณปอนด์ท่านบอกให้ทราบด้วยตัวท่านเอง”

                “แต่ทำไมริวกิถึงทำกับผมแบบนั้นล่ะครับ”

                “ท่านริวกิแค่สับสนครับ การโดนคนใกล้ชิดหักหลังบ่อยๆมานานหลายปี มันหล่อหลอมให้ท่านริวกิกลายเป็นคนแบบนั้นครับ มันก็ไม่แปลกถ้าโดนแม้กระทั่งครอบครัวตัวเองหลอกใช้ แล้วจะกลายเป็นคนระแวงทุกอย่างรอบตัว” เจสันพยายามปลอบใจปอนด์ “ของแบบนี้ต้องใช้เวลาครับ ผมเองอยู่กับท่านริวกิตั้งแต่เด็ก ผมกล้าพูดได้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของท่านริวกิไม่ใช่คนแบบนี้ครับ”

                “แต่ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดีให้พวกคุณเชื่อ ว่าผมไม่ได้เป็นคนลบข้อมูลในแฟลชไดร์ฟนั่น มันอาจจะเสียหรืออะไรก็ได้ แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ริวกิคิดจริงๆนะครับ”

                “ผมเชื่อคุณปอนด์ครับ ผมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง”

                “คุณเจสัน” ปอนด์รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เพราะอย่างน้อยก็มีหนึ่งคนเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ใจ “ผมขอบคุณมากครับที่เชื่อในตัวผม แต่ต่อจากนี้ไปผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ริวกิคงเกลียดผมเข้าไส้ไปแล้ว”

                “ขอประทานอภัยที่ผมละลาบละล้วงนะครับ” เจสันพูดอย่างสุภาพ “ผมอยากจะถามคุณปอนด์สักข้อหนึ่ง”

                “ค… ครับ ได้ครับ”

                “คุณปอนด์รักคุณริวกิหรือครับ”

                “ร… เรื่องนั้น ผมเองก็…. จะว่าอย่างไรดี” ปอนด์กระอักกระอ่วนกับความรู้สึกในใจที่จะพูดออกมา “ผมก็ไม่รู้ครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ผมรู้ครับว่าผมกับริวกิต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แล้วเราก็รู้จักกันไม่นาน แต่ผมรู้สึกดีแปลกๆเมื่อได้อยู่ใกล้เขา ได้เจอหน้าเขา เวลาเขาโกรธผมกลับโกรธยิ่งกว่าเขา ผมก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเกล่านี้มันเรียกว่ารักได้หรือเปล่า”

                “ผมเข้าใจครับ ความรักมันเป็นเรื่องที่จำกัดความได้ยาก แต่ละคนก็มีมุมมองเรื่องนี้ต่างกัน”

                “ครับ”

                “แต่หนทางภายหน้ามันอาจจะไม่ได้ง่ายดายนะครับ คุณริวกิเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่ต้องสืบทอดกิจการและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลไว้ ผมไม่รู้ว่าอุปสรรคภายหน้าคุณจะรับมันไหวหรือเปล่า”

                “ผมเองก็ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นหรอกครับ แค่ริวกิมีความรู้สึกดีๆให้ผม มันก็ทำให้ผมมีความสุขแล้วล่ะครับ”

                “อนาคตถ้าท่านริวกิต้องแต่งงานมีครอบครับ แล้วคุณปอนด์ก็เป็นได้แค่เงาอยู่ภายหลังท่านริวกิ คุณปอนด์จะยังรู้สึกดีได้อีกหรือครับ เพราะด้วยสถานะอย่างท่านริวกิก็คงมีทางให้เดิน และส่วนมากจะเป็นทางที่ท่านริวกิไม่ได้กำหนดด้วยตัวเองทั้งนั้น”

                “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าถ้าถึงวันที่คุณเจสันพูดมาจริงๆ ผมจะรู้สึกอย่างไร เพราะกว่าจะถึงวันนั้นผมและริวกิคงต้องผ่านอะไรอีกเยอะแยะ และสิ่งเหล่านั้นคงหล่อหลอมให้เราทั้งคู่โตพอที่จะเผชิญปัญหาหนักๆได้”

                “ขอบคุณครับสำหรับทุกอย่างที่คุณปอนด์ทำให้ท่านริวกิ เพราะความอ่อนโยนและมองโลกในแง่ดีของคุณ ถึงทำให้ท่านริวกิได้เจอสิ่งดีๆในชีวิตบ้าง”

                “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ผมจะได้เจอกับริวกิอีกหรือเปล่า เขาคงโกรธผมมาก”

                “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะช่วยสืบเรื่องนี้ให้” เจสันปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ว่าแต่มีอะไรที่ลืมไว้ที่ห้องนอนท่านริวกิอีกมั้ยครับ”

                “ไม่มีแล้วครับ กระเป๋าตังกับมือถือก็ได้มาแล้ว ขอบคุณที่กลับขึ้นไปเอาให้นะครับ”

                “ยินดีรับใช้ครับ”

                ปอนด์รู้สึกโล่งอกที่ได้คุยกับเจสัน เขารู้สึกว่าชีวิตยังมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย สำหรับปอนด์สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาแล้วล้วนเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ถ้าเป็นเขาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนคงคิดจะหาวิธีแก้แค้นริวกิให้สาสม แต่มาวันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดควรจะเป็นตัวเองตัวเอง ไม่ใช่คนที่สร้างบาดแผลและความเจ็บปวดในใจให้เขา มันเป็นความรู้สึกที่เขาก็นิยามมันไม่ออก

               

 

                ยามเที่ยงของวันต่อมาที่มหาวิทยาลัย สามเพื่อนสนิทนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่หลังเรียนเสร็จ ปอนด์ โจ๊ก และฟ้าต่างกำลังถกเถียงกันเรื่องวิชาเรียนของเทอมหน้า ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะจบ

                “พวกเราจะฝึกงานที่ไหนกันดี” ฟ้าเปิดประเด็น

                “ตกลงเราต้องฝึกงานจริงๆเหรอ” โจ๊กถามด้วยความขี้เกียจ

                “ถ้าไม่ฝึกก็ไม่จบสิ ก็คนอื่นเขาลงเรียนกันตั้งแต่ปีที่สอง ปีที่สามกันหมดแล้ว เพราะโจ๊กขี้เกียจฝึกงานน่ะสิ พวกเราเลยดรอปยันปีสุดท้ายจนเลี่ยงไม่ได้แล้ว” ฟ้าสวนกลับ

                “อีกอย่างนะเทอมหน้ายังเหลืออีกสองวิชาที่ต้องลงเรียน จะมีที่ไหนยอมให้ฝึกงานไปด้วย เรียนไปด้วยบ้างนะ” ปอนด์ถอนใจ

                “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี อย่าเพิ่งเครียดไปครับ เรายังพอมีเวลาตัดสินใจ เชื่อใจโจ๊กคนนี้เถอะน่า”

                “เชื่อใจได้แน่นะโจ๊ก” ฟ้าแขวะ

                “พึ่งพาได้ ไม่หนี ไม่ชิ่ง ไม่เหมือนปอนด์แน่นอนฟ้า”

                “อ้าวอะไรวะโจ๊ก นี่นั่งอยู่เฉยๆก็โยนระเบิดมาหาเฉยเลย”

                “ก็แกชอบหนีนี่หว่า ห้องก็ไม่ค่อยอยู่ เรียนก็ไม่มาก็หายไปสองวันดื้อๆ มือถือก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้” โจ๊กระบายความในใจออกมาจากความอัดอั้นที่อยู่ลึกสุดก้นบึ้งของหัวใจ “เดี๋ยวนี้แกไม่เหมือนเดิมเลยว่ะปอนด์ คิดแล้วก็หงุดหงิด หมู่นี้แกเป็นอะไรไปวะ ไปสุงสิงอยู่กับใครกันแน่”

                “เฮ้ยคุยเรื่องเรียนดีๆกลายเป็นดราม่าไปได้ไงนี่” ฟ้าพยายามห้ามศึก

                “ก็จริงนี่ฟ้า นี่ถ้าเมื่อเช้าปอนด์ไม่ได้มาเคาะประตูห้อง โจ๊กก็คงออกมาเรียนคนเดียวแล้ว ปอนด์ไม่รู้หรอกว่าโจ๊กไปรอมันหน้าเผื่อจะมาเรียนด้วยกันทุกเช้า” โจ๊กหันหน้าไปฟ้องฟ้า

                “ขอโทษว่ะโจ๊ก” ปอนด์น้ำตาเริ่มเอ่อ “ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะกลับมาอยู่ในที่ๆควรอยู่ ที่ๆมันเป็นของฉันจริงๆ”

                คำพูดของโจ๊กบีบเค้นไปยังใจกลางความรู้สึกของปอนด์ ที่ตรงนี้เขามีเพื่อนที่รักและห่วงใยเขา แล้วทำไมเขาต้องรนหาเรื่องลำบากใส่ตัวเพื่อคนอื่นอีก เขาควรจะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ลืมสิ่งเลวร้ายที่พบเจอมา ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปเสียดีกว่า มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดต่อเขาทั้งคู่

                “ป… ปอนด์” โจ๊กมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของปอนด์ที่เริ่มหลั่งริน “โจ๊กขอโทษ จ… โจ๊กไม่ได้มีเจตนาว่าปอนด์นะ อย่าร้องสิ”

                “ปอนด์ใจเย็นๆนะ” ฟ้ากุมมือของปอนด์เพื่อส่งความห่วงใยไปให้

                “ฉันเกลียดที่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้” หยาดน้ำตาของปอนด์เริ่มไหลเป็นสาย “ฉันเกลียดเขาไม่ลง ทั้งๆที่เขาทำอะไรไม่ดีกับฉันตั้งหลายอย่าง แต่ทำยังไงฉันก็ไม่ยอมเกลียดเขาเลย จนฉันเริ่มเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เหมือนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ฉันไม่รู้จะทำไงดีแล้ว”

                ความอบอุ่นจากคนรอบข้าง ทำให้น้ำแข็งแห่งความอดกลั้นในใจของปอนด์ละลายลง จนความรู้สึกสับสนและคับแค้นทะลักออกมาจากกลางใจกลั่นเป็นหยาดน้ำตา เขาไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร เมื่อความสุขของตัวเองต้องแขวนไว้กับชีวิตคนอื่น

                จิตใจของปอนด์ในตอนนี้บอบบางจนเพียงแค่สะกิดเบาๆก็พร้อมที่จะแตกเป็นเสี่ยงคามือได้ตลอดเวลา สิ่งที่ทำให้ปอนด์เจ็บลึกลงไป ไม่ใช่บาดแผลภายนอกที่ริวกิฝากไว้ แต่มันเป็นความไม่ไว้ใจที่เป็นแผลตรงกลางใจของเขา ทั้งๆที่เขาไม่ควรใส่ใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่สมองสั่งการ เพราะหัวใจยังคงคอยตอกย้ำเหตุการณ์นั้นอยู่เสมอ

                “แต่ก่อนฉันจะยิ้มฉันจะร้องไห้มันก็เกิดจากตัวของฉันเอง แต่เดี๋ยวนี้ความสุขความทุกข์ของฉันอยู่ที่เขาทั้งหมด เวลาเห็นเขาทุกข์ฉันก็ไม่อาจฝืนยิ้มได้” ปอนด์เริ่มสะอึก

                “ปอนด์ใจเย็นๆ” ฟ้ากุมมือของปอนด์แน่นขึ้น

                “ฉันเข้าใจความรู้สึกแกว่ะปอนด์” โจ๊กพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “รู้สึกทรมานใช่มั้ยเวลาที่เห็นคนที่เรารักต้องเสียใจโดยที่เราทำอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่เราพยายามทำให้เขารู้สึกดีแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเรียกรอยยิ้มของเขาคนนั้นให้กลับมาได้ เพราะคนที่เขาต้องการไม่ใช่เรา”

                “โจ๊ก” ฟ้าเงยหน้ามองโจ๊กที่น้ำตาเริ่มไหลเช่นเดียวกัน “เอาไงดีวะเนี้ย นายกสมาคมสาววายตั้งหลักไม่ทัน”

                “รอยแผลทั่วตัวแกใครเป็นคนทำแกก็ไม่ยอมบอกฉันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วนี่แกยังมาร้องไห้ให้คนอื่นอีก แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าฉันรู้สึกอะไรกับแก”

                “จ… โจ๊ก” ปอนด์มองหน้าโจ๊กที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา

                โจ๊กเองก็อึดอัดเช่นเดียวไม่แพ้กับปอนด์ เขาเฝ้าพยายามดูแลปอนด์ทุกอย่าง เพื่อหวังให้ปอนด์รู้สึกดีกับเขามากกว่าเพื่อนทั่วๆไป ดวงตากลมโตที่ดุดันของเขาคอยเฝ้าดูความเป็นไปของปอนด์ทุกอย่าง แต่ในวันนี้เขาใช้ดวงตาคู่นั้นเพื่อระบายสิ่งที่อยู่ในใจแทน

                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นอะไรไปปอนด์ แต่ฉันรู้ว่าช่วงนี้แกไม่เหมือนเดิม เพราะแกไปสนิทกับคนอื่น”

                “อ้าวเดี๋ยวนะ… สรุปว่าที่ฉันจิ้นพวกแกเล่นๆ สรุปว่าแกชอบปอนด์จริงๆเหรอโจ๊ก” ฟ้าถามด้วยความประหลาดใจ

                “ก็ไม่รู้เหมือนกันฟ้า” โจ๊กปาดน้ำตาจากทั้งสองแก้มของเขา “ฟ้าจำวันที่เราไปดื่มกันที่วายสตาร์คลับได้มั้ย วันที่โจ๊กชวนพวกเราไปฉลองเพราะโจ๊กลืมท๊อฟฟี่ได้น่ะ”

                “โจ๊ก ไม่เอานะเว้ย อย่าเล่าเชียวนะ” ปอนด์รีบห้าม

                “วันนั้นที่ปอนด์เมาหนักจนโจ๊กต้องพากลับห้อง”

                “โจ๊ก” ปอนด์ส่งเสียงดุ

                “คืนนั้นโจ๊กกับปอนด์เผลอมีอะไรกัน”

                “ไอ้โจ๊ก!!!”

                “ไม่เป็นไรปอนด์ สาววายรับได้” ฟ้าพูดอย่างติดตลก “แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อเลยฟ้าชอบ”

                “คืนนั้นปอนด์เมามากแทบไม่ได้สติ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากแต่โจ๊กก็ยอมรับนะว่ามีความสุขมาก และหลังจากคืนนั้นโจ๊กก็รู้สึกผิดมาตลอดกับปอนด์มาโดยตลอด โจ๊กอยากจะดูแลปอนด์เพราะอยากจะไถ่โทษกับสิ่งที่โจ๊กทำลงไป”

                “เรื่องมันนานมาแล้วแกจะมาพูดทำไมวะ” ปอนด์ที่น้ำตาหยุดไหล เริ่มหน้าแดงระเรื่อ “ฉันก็ไม่ได้คิดมาก ไม่ได้โทษแกเลยนะเว้ย ลืมๆมันไปเหอะ”

                “แกอาจจะลืมมันได้ แต่สำหรับฉันไม่เคยลืม”

                “อ้าวคดีพลิก” ฟ้าล้อเพื่อนชายทั้งคู่

                “ฉันรู้สีกดีกับแกนะปอนด์ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ข้างแก ที่ฉันกลับบ้านบ่อยๆเพราะฉันไม่อยากให้ความรู้สึกดีของฉันมันทำให้แกรู้สึกอึดอัด” โจ๊กใช้สองมือเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำตาที่สองแก้มขาวอมชมพูของปอนด์ “แต่ฉันคิดผิดที่ไม่เคยบอกแกให้รู้ตรงๆ”

                “โจ๊ก… ฉันขอโทษว่ะ” ปอนด์เบือนหน้าหลบ

                “พอก่อนนะสวยวายเลือดกำเดาจะไหล” ฟ้าห้ามก่อนที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งเริ่มร้องออกมา “คือจะพูดอย่างไรดี ฟ้าอยากให้ทุกคนหยุดดราม่ากันก่อนนะ ฟ้าเองก็ดีใจนะที่เพื่อนรักทั้งสองได้กัน… เอ่อ… ฟ้าหมายถึงรู้สึกดีต่อกัน แต่ฟ้าว่าตอนนี้ทั้งโจ๊กและปอนด์ต้องใช้เวลาอีกหน่อยนะ สำหรับปอนด์เองฟ้าก็ไม่รู้หรอกว่าปอนด์มีปัญหากับใคร รวมถึงรอยแผลพวกนี้ฟ้าก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ฟ้าเองก็ไม่สบายใจที่เห็นปอนด์ไม่เป็นแบบนี้ ฟ้าอยากให้ปอนด์ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก รอจนกว่าแผลที่ตัวและที่ใจหายดี แล้วปอนด์ค่อยกลับมาคิดเรื่องเขาคนนั้นเมื่อตัวเองเข้มแข็งพอ”

                “ขอบคุณนะฟ้า ปอนด์จะตั้งใจเรียน จะพยายามสนใจเรื่องการสอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” ปอนด์ยิ้มให้ฟ้าด้วยความรู้สึกดีอย่างสุดใจ “ปอนด์รู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนคอยอยู่ข้างๆในเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ”

                “ต่อไปตาเธอโจ๊ก” ฟ้ามองหน้าโจ๊กอย่างเอาจริงเอาจัง “ฟ้าก็ไม่รู้ว่าโจ๊กรู้สึกกับปอนด์เกินเพื่อนหรือเปล่า แต่ช่วงเวลาแบบนี้โจ๊กเองก็ควรให้เวลากับตัวเอง และให้เวลาปอนด์ได้ตัดสินใจด้วย ผู้ชายรักกันมันเป็นเรื่องดี เอ๊ย… ไม่ใช่… คือฟ้าหมายถึง… ความรักมันเป็นเรื่องที่ดี แต่มันควรจะเกิดขึ้นอย่างถูกที่ถูกเวลาใช่ไหมล่ะ”

                “อืม” โจ๊กพยักหน้ารับ “โจ๊กเองก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่โจ๊กก็รู้สึกสบายใจที่ได้ระบายมันออกมา ขอโทษด้วยนะปอนด์ถ้าทำให้แกไม่สบายใจ”

                “ไม่เป็นไรโจ๊ก ฉันโอเค”

                “เอาล่ะท่านสุภาพบุรุษทุกท่านคะ พักเรื่องปวดหัวชวนเสียตัวนี่ก่อนนะคะ ตอนนี้สุภาพสตรีหิวข้าวแล้วค่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

                ปอนด์มองไปยังใบหน้าที่สดใสร่าเริงของฟ้า ผมทรงหน้าม้าและใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้ฟ้าเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เช่นเดียวกับโจ๊กผู้หล่อเหลา ทุกครั้งที่ปอนด์มองรูปหน้าที่คมคาย สายตาที่ดุดันของโจ๊ก ปอนด์ก็รู้สึกอบอุ่นได้ไม่แพ้กัน เขารู้สึกโชคดีที่สุดที่อยู่ในสังคมที่อบอุ่นเช่นนี้

                “กินอะไรดี” โจ๊กลุกขึ้น

                “อะไรก็ได้ที่โจ๊กเลี้ยง ที่สำคัญราคาต้องเกินห้าร้อยบาท” ฟ้าลุกขึ้นตาม

                “นี่จะให้เลี้ยงข้าวหรือมาปล้นกันนี่” โจ๊กหัวเราะ

                “ถ้าอย่างนั้น…” ปอนด์ที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ม้าหินอ่อนชะงักงันในทันที่ เมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นแรง เขาหยิบขึ้นมาดูเบอร์อย่างรวดเร็ว “โจ๊กกับฟ้ารอเราที่หน้าตึกคณะก่อนนะเดี๋ยวเราตามไป ขอคุยโทรศัพท์แป๊บ”

                “อ๋อ… อื้อ…” ฟ้าพยักหน้ารับคำ

                “แล้วตามมาเร็วๆนะ” โจ๊กเดินตามฟ้าไปติดๆ

                “สวัสดีครับ” ปอนด์ทักทายปลายสายเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองเดินออกห่างไปแล้ว

“คุณมีธุระอะไรครับ”

“ผมไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับพวกคุณแล้ว พอสักที่เถอะครับ ผมอยากใช้ชีวิตของผมอยู่กับโลกที่ไม่มีเรื่องวุ่นวายของพวกคุณ”

“ไปหาคนอื่นเถอะครับ แค่นี้นะครับ”

 

 

                รัตติกาลเดินผ่านห้วงเวลาของสายัณห์เข้ามาแทนที่ กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่แสงไฟทั่วทั้งมหานครถูกเปิดให้เจิดจรัสจ้า แข่งกับดวงดาราบนฟากฟ้าที่อยู่สูงไกล สำหรับบางคนแล้วแสงไฟเหล่านี้ไม่อาจส่องไปถึงหัวใจที่มืดมิดได้

                ริวกินั่งเหม่ออยู่หน้าโต๊ะทำงานมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ในมือของเขากุมแฟลชไดร์ฟขนาดเล็กอยู่ในมือไม่ยอมวาง ดวงตาที่ครุ่นคิดเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงอยู่ภายใน ใบหน้าของปอนด์ที่เสียใจยังคงหลอกหลอนอยู่ในภาพความทรงจำของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร และใครคือคนที่เขาควรจะไว้ใจ

                สำหรับซินดี้เธอคือผู้หญิงที่ริวกิติดต่อธุระสำคัญมาด้วยเป็นเวลาหลายปี เธอไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง ทุกการรายงานความเคลื่อนไหวของศัตรูล้วนแม่นยำและไม่เคยพลาด เธอแสดงฝีมือในงานใหญ่ๆให้ริวกิเห็นมาแล้วหลายครั้ง เช่นล่าสุดที่เธอทำงานให้ ก็คือการส่งข่าวเรื่องรูปภาพของปอนด์ที่อาจส่งผลต่อชื่อเสียงของเขา นั่นก็ถือเป็นผลงานที่ช่วยปกป้องเขาได้ดีอีกชิ้นหนึ่ง

                ส่วนปอนด์ผู้ซึ่งริวกิเองรู้จักได้ไม่นาน แทบจะไม่มีผลงานอะไรดีๆนอกจากการเป็นตัวถ่วงในชีวิต และวางแผนแบล็คเมลล์เขาถึงสองครั้ง เขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องเชื่อใจปอนด์ แต่ริวกิเองก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยังลังเลอยู่กับตัวเองแบบนี้

                ริวกิอยากจะโทรไปถามซินดี้ด้วยตัวของเขาเองใจแทบขาด จะได้ไม่ต้องหาคำตอบเถียงกับตัวเองเรื่องปอนด์อยู่นานเป็นชั่วโมงแบบนี้ แต่ติดตรงที่ว่าเขาได้รับข่าวว่าซินดี้ถูกลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสืบหารายชื่อแก๊งค์ค้ายาให้เขา ริวกิจึงต้องรอให้ซินดี้หายดีและให้เธอติดต่อเขากลับมาเอง

                ความกระวนกระวายในใจของเขายังรวมไปถึงความเป็นห่วงเป็นใยปอนด์ เขาอยากจะรู้ว่าตอนนี้ปอนด์จะทำอะไรอยู่ อาการของปอนด์จะเป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญคือปอนด์จะโกรธเคืองเขาแค่ไหน? แต่ความรู้สึกดีๆก็มักถูกขัดด้วยหัวใจอีกด้านที่คอยห้ามปรามไม่ให้ไว้ใจปอนด์ และคอยเสี้ยมให้ชิงชังขึ้นมาอีก

                ท่ามกลางความมืดหม่นในจิตใจที่ริวกิสร้างขึ้น เสียงจากโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเพื่อยุติสงครามในใจ ริวกิหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูสารลับที่ใครบางคนส่งมาหา

                “ข้อความจากปอนด์” ริวกิดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นชื่อผู้ที่ส่งข้อความมา

                “ตอนนี้ฉันจับตัวเด็กนี่ไว้อยู่ ถ้าแกไม่อยากให้มันตายจงมาหาฉัน แล้วห้ามบอกใครแม้กระทั่งคนใกล้ชิดของแกอย่างเจสัน รวมถึงตำรวจใหญ่ที่ถือหางแกไว้ด้วย ภายในห้านาทีฉันจะต้องเห็นแกลงมาจากห้องทำงานของแกคนเดียว แล้วฉันจะส่งที่อยู่สำหรับนัดพบไปให้ ถ้าแกตุกติกเมื่อไหร่ เตรียมรับศพเด็กของแกได้เลย ไม่มีโอกาสที่สอง เพราะฉันรู้จักคนเจ้าเล่ห์อย่างแกดี” ริวกิไล่อ่านข้อความในใจด้วยความตกตะลึง

ริวกินั่งวิเคราะห์ถึงข้อความที่ถูกส่งมาจากเบอร์โทรของปอนด์ การล้อเล่นที่รุนแรงแบบนี้คงไม่ใช่นิสัยที่ปอนด์จะใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งสิ่งเดียวที่เป็นไปได้นั่นก็คือปอนด์กำลังเดือดร้อนจริงๆ และสิ่งที่คนร้ายนั่นต้องการคือทำลายเขาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ริวกิไม่อยากประมาทฝีมือของศัตรู หากเขาทำอะไรผลีผลามลงไปคนที่ได้รับอันตรายอาจเป็นปอนด์ ริวกิไม่อยากให้ชีวิตของปอนด์ต้องมาคอยรับปัญหาของเขาอีกต่อไปแล้ว

                มือที่สั่นเครือฟ้องความรู้สึกในใจของริวกิได้เป็นอย่างดี นี่เป็นข้อความที่มุ่งหมายอาฆาตชีวิตเขาโดยใช้คนอื่นเป็นตัวประกัน ริวกิไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องเลวร้ายทุกอย่างต้องตกอยู่ที่ปอนด์แทนที่จะเป็นเขา ริวกิทั้งโมโหและโกรธแค้นใครก็ตามที่ทำพฤติกรรมแบบนี้ และเขาสาบานกับตัวเองว่าจะลากคอมันมาลงโทษให้ได้

                ริวกิไม่ได้มีเวลาตัดสินใจนานนัก เพราะเส้นตายของเขามีอยู่แค่ห้านาที เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เวลาผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ริวกิลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ตู้หนังสือเปิดทางลับออกด้วยความร้อนรนในใจ มันทำให้เจสันที่อยู่ในห้องถึงกับแปลกใจ

                “ท่านจะทำอะไรครับ” เจสันถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นริวกิกำลังจะเดินลงบันไดวนไป

                “ฉันมีธุระที่ต้องไปทำ คงต้องยืมของใช้บางอย่างจากแกหน่อย”

                “ท่านริวกิมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” เจสันพบความผิดปกติจากสีหน้าของริวกิ

                “แกไปเอากุญแจรถดำมาให้ฉัน ฉันจะออกไปข้านอก แล้วถ้าแกจะไปไหนมาไหนให้ใช้รถอีกคัน” ริวกิพูดจบก็หายวับไปยังทางลับ

                แม้กระทั่งริวกิผู้ที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์ก็ยังไม่อาจคาดคิดได้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก แค่คิดว่าเด็กหนุ่มที่เขาอยากปกป้องอยู่ในอันตรายก็ทำให้จิตใจเขาร้อนรุ่ม เขาไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่เบื้องหน้า จะเป็นการล้อเล่นหรือกับดัก ริวกิก็พร้อมจะเสียสละเพื่อปกป้องสิ่งที่ตนเองรัก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา