The twins Hunter of London

9.3

เขียนโดย Huntessell

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.25 น.

  4 chapter
  2 วิจารณ์
  6,219 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ฝาแฝดพิลึก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

4

 

 

 

 

หนาว.. ทำไมหนาวแบบนี้ ทางข้างหน้าทำไมมืดแบบนี้ ฉันอยู่ที่ไหน?

'วิ่งสิ!' 'วิ่งไปยัยหนู! เคี้ยกๆๆ!'
ไม่นะมันยังตามมาอยู่ ฉันต้องหนี! แต่จะหนีไปไหนล่ะ ที่นี่มืดไปหมด
'อย่าตามมานะไอ้ปีศาจ!' ฉันกำลังวิ่ง ทำไมร่างกายหนักอึ้งแบบนี้
'แกต่างหากที่เป็นปีศาจนังหนู'

โอ้พระเจ้า.. มันเกาะอยู่ที่หลังของฉัน

 

 


"กรี๊ด!! ออกไปนะ! ไปให้พ้น!"

"คุณหนู คุณหนูใจเย็นๆนะครับที่นี่ปลอดภัย"

"..คะ..คุณ..ฉะ..ฉันอยู่ที่ไหน" น้ำเสียงของโจแอนนาสั่นเครือเธอสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องสีเขียวทึมๆอย่างระแวดระวัง เธอจำชายหนุ่มเส้นผมสีขาวที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงได้เขากับชายอีกคนช่วยเธอมาจากฝันร้าย..นึกถึงตรงนี้ดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าว

"ที่นี่ปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรต้องกลัว" อาร์เธอร์ ถ้าเธอจำไม่ผิดผู้ชายผมดำคนนั้นเรียกเขาว่าอาร์เธอร์ เขาเลื่อนมือมาใกล้กับใบหน้าของเธอจนโจแอนต้องเอนตัวหลบการกระทำนั้นทำให้เขายิ้ม

"ขออภัยด้วยครับผมแค่อยากแน่ใจว่าไข้ของคุณลดลงแล้ว บาดแผลทำให้อาการของคุณทรุดลงเมื่อคืน" เขาว่าพลางชักมือกลับไป บาดแผลงั้นหรือเธอลืมไปเสียสนิท โจแอนก้มลงมองข้อมือขวาของตนที่มีผ้าพันแผลพันรอบไว้อย่างปราณีต

นั่นช่วยย้ำเตือนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นไม่ใช่แค่เพียงฝันร้าย

"..พวกคุณเป็นใครคะ?" เธอเห็นเขาแอบกระตุกยิ้ม

"ขอโทษที่ลืมแนะนำตัวครับ ผมอาร์เธอร์ เบรฟ ส่วนอีกคนที่ช่วยอุ้มคุณมา.."

"เดเมียน เดเมียน เบรฟ.." อาร์เธอร์ใช้นัยต์ตาสีอำพันจ้องโจแอนนานิ่ง เขาตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆเธอก็พูดชื่อน้องชายของตัวเองออกมาก่อนที่เขาจะทันแนะนำเสียอีก

"ขอโทษด้วยค่ะ เผอิญฉันจำได้ว่าคุณเรียกเขาด้วยชื่อนี้.."

"ไม่เป็นอะไรครับ คุณมีความสามารถในการจดจำที่น่าประทับใจทีเดียว.."

"ตัวปัญหาฟื้นแล้วงั้นรึ" เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดระหว่างที่อาร์เธอร์กำลังพูด ที่ประตูด้านหลังเดเมียนเดินเข้ามาพร้อมกับนัยต์ตาง่วงงุน

"นึกว่าจะยึดเตียงของฉันทั้งอาทิตย์เสียอีก" เขาว่าพร้อมจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ประโยคนี้ทำให้โจแอนแทบจะกระโดดลงจากเตียงทันทีถ้าไม่ใช้เพราะว่าขาของเธอระบมเกินกว่าที่จะขยับไหว

"พูดถึงก็มาพอดี นายน่าจะทำตัวสุภาพกับสุภาพสตรีหน่อยนะน้องชาย"

"สุภาพสตรีที่ทำให้ฉันต้องย้ายลงไปนอนที่โซฟาน่ะหรือ" เขาพูดขณะใช้นัยต์ตาสีรัตติกาลลุ่มลึกมองมาที่เธอครู่นึง

โจแอนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไม่ใช่ด้วยความขวยเขินที่ตนกำลังนอนบนเตียงของเขา แต่ด้วยแรงโทสะเล็กๆที่ก่อตัวเห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ประกาศว่าไม่ถูกชะตากับเธออย่างชัดเจน เธอสะกดกลั้นนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมใครเอาไว้ก่อนจะพูดออกไป

"ขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบากค่ะมิสเตอร์เบรฟ ฉันขอรบกวนคุณเท่านี้ก็พอ" โจแอนว่าพร้อมผุดลุกขึ้นจากเตียงซึ่งนั้นเป็นความคิดที่แย่ เพราะทันทีที่ยืนขึ้นก็รู้สึกเรากับว่ามีตุ้มถ่วงที่มองไม่เห็นถ่วงรั้งตัวเธอเอาไว้จนต้องลงไปนั่งที่เตียงอีกครั้ง

เธอได้ยินเสียงฮึขึ้นจมูกเบาๆดังมาจากชายหนุ่มผมดำ

"อย่าฝืนเลยครับคุณไรท์นจะยิ่งทำให้คุณเจ็บตัวเปล่าๆ" อาร์เธอร์พูดพร้อมกับเดินมาย่อตัวลงตรงหน้าเธอ

"ขอโทษค่ะแต่คุณรู้นามสกุลของฉันได้ยังไง?" โจแอนแปลกใจเธอจำได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับชายแปลกหน้าทั้งสองคนแต่อย่างใด เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองทางเดเมียน ไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้น

"คุณหิวมั๊ยครับ? เราลงไปคุยกันที่ห้องอาหารดีมั๊ยทานไปคุยไป ผมคิดว่าเราน่าจะมีเรื่องต้องพูดกันเยอะทีเดียว" สุภาพบุรุษตรงหน้าส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง

 


โจแอนนาเดินตามทั้งคู่มาจนถึงห้องอาหารขนาดกลางมีโต๊ะและเก้าอี้สีครีมเข้าชุดกันวางอยู่กลางห้องและถัดไปเป็นเคาท์เตอร์เล็กๆสำหรับทำอาหาร อาร์เธอร์ดึงเก้าอี้ให้เธอนั่งลงที่ตรงข้ามกับเดเมียนที่กำลังดับบุหรี่ลงกับจานรอง
ไม่นานนักเขาก็ยกอาหารชุดหนึ่งมาวางตรงหน้าเธอเป็นอาหารง่ายๆประกอบด้วยสลัดกับซุปเห็ดอุ่นๆ ก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งที่นั่งข้างๆเดเมียน

"ทานตอนยังร้อนๆเถอะครับ" เขาพูดเชื้อเชิญโจแอนได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเธอใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปเข้าปากไปได้หนึ่งคำ

"อร่อยมากค่ะมิสเตอร์เบรฟ" เธอหมายความตามที่พูดจริงๆ

"ดีใจที่คุณชอบนะครับ ต้องยกความดีให้เดเมียนที่ทำให้ผมมีอาหารรสชาติดีๆทานทุกวันนี้" เขาว่าแล้วหันไปตบบ่าน้องชายที่ยังคงเอาแต่นั่งนิ่ง

โจแอนนาตัดสินใจวางช้อนลงในทันที ไม่ใช่เพราะอาหารไม่อร่อยหรือเธอรู้สึกหงุดหงิดที่ชายผมดำคนนี้ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นตัวปัญหา แต่เพราะความสงสัยใคร่รู้กำลังรบกวนจิตใจของตัวเองอย่างหนักโจแอนจึงตัดสินใจถามออกไป

"ขอโทษอีกครั้งค่ะมิสเตอร์เบรฟ.."

"ได้โปรดเรียกผมว่าอาร์เธอร์เถอะครับ"

"..ค่ะ อาร์เธอร์ คุณช่วยบอกฉันหน่อยเถอะค่ะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันคืออะไร แล้วสิ่งที่ทำร้ายฉันมันคือตัวอะไร" เธอยิงคำถามใส่จนรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด

"ก็อย่างที่เธอพูดนั่นไง ปีศาจ อสุรกาย" น่าแปลกที่เดเมียนเป็นคนตอบคำถามเธอ

"คุณจะบอกว่าเจ้านั่นคือปีศาจ..จริงๆงั้นหรือคะ"

"ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเล่ามันคงทำให้แขนเธอเหวอะขนาดนั้นไม่ได้หรอกถูกมั๊ย" เขาว่าพร้อมกับชี้มาที่ข้อมือของเธอ

"เจ้าตัวที่เล่นงานคุณมันคือ'Fanggi'(คมเขี้ยว) มันออกทำร้ายและฆ่าคนอยู่ที่แถบตะวันตกของเมืองเราตามล่ามันมาระยะนึงแล้วจนมาพบกับเบาะแสสำคัญ"

"..."

"คุณบอกพวกเราได้มั๊ยครับว่ามันพูดอะไรกับคุณบ้าง?" โจแอนนาหัวใจเต้นแรงราวกับจะปะทุเรื่องราวที่ได้รับฟังช่างสุดแสนจะพิศดาร ปีศาจ ตามล่า อะไรกันในหัวของเธอมีคำถามผุดขึ้นมากมายเธอพยายามสงบจิตใจพยายามนึกว่าเจ้าปีศาจพูดอะไรกับเธอ

"ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก..มันฟังดูสับสนตอนแรกหล่อนก็แค่ยายแก่ธรรมดาที่เข้ามาขออาหาร.."

"นั่นแหละพวกFanggiมันชอบทำให้เหยื่อตายใจก่อนจับกินทั้งเป็น" ประโยคนี้ทำให้อาร์เธอร์ต้องหันกระทุ้งสีข้างน้องชายแรงๆหนึ่งที

"เราเข้าใจครับว่าการนึกถึงมันทำให้คุณกลัว แต่คุณพอจะจำได้มั๊ยว่ามันพูดอะไรอีกรึเปล่า?"

"..ค่ะมันพูดบางอย่าง มันเรียกฉันว่าผู้มีเมตตา" ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องชายหนุ่มทั้งสองหันมองหน้ากันครู่หนึ่งอย่างมีความหมายทันที

"มันหมายความว่าอะไรงั้นหรือคะ?.."

"โจแอนนาผมขอเรียกอย่างนี้นะ ผมหวังอยากจะให้คุณเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดฉะนั้นคงต้องขอให้คุณเปิดใจกว้างๆเพื่อรับเรื่องนี้นะครับ"

"หรือว่าพวกคุณเองก็.."

"หึหึ ไม่ใช่อย่างนั้นครับพวกเราเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่ปีศาจแบบที่คุณคิด"
เธอไม่ได้ตอบอะไร อาร์เธอร์จึงพูดต่อ

"คงต้องขออธิบายในส่วนงานของเราก่อน.."

"พวกคุณเป็นนักล่าใช่มั๊ยคะ" อีกครั้งที่อาการโพล่งถามของเธอทำให้เขาตกใจเล็กน้อยนั้นรวมถึงชายอีกคนด้วย

"..ฉันได้ยินหล่อนเรียกพวกคุณแบบนั้น..ขอถามได้มั๊ยคะว่าคุณล่าอะไร?" เธอถามเสียงอึกอักเหงื่อเย็นๆเริ่มออกที่ฝ่ามือจนเธอต้องถูมันเข้าด้วยกัน

"ปีศาจ" คราวนี้เดเมียนเป็นคนตอบ

"งานของพวกเราคือการล่าปีศาจที่หลบหนีมาจากอเวจี ตามรอยพวกมันแล้วส่งกลับลงนรก" เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นไปรินบรั่นดีสีสวยลงในแก้ว

"ผมรู้ว่ามันฟังดูยากที่จะเชื่อแต่ปีศาจนั้นมีตัวตนจริงครับโจแอนนา เช่นเดียวกับพระเจ้า" โจแอนได้แต่นิ่งอึ้งเธอรู้สึกว่าเรื่องราวต่างๆที่ได้รับรู้ในตอนนี้ไม่แขวนอยู่บนหลักความจริงแต่อย่างใด

แต่นั่นกลับทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

"ผมพูดค้างไว้ในส่วนงานของเรา เหมือนที่เดเมียนบอกนั่นแหละครับพวกเราทำหน้าที่

'หัตถ์ซ้ายของพระเจ้า' เราตามล่าสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบที่ก่อความวุ่นวายให้โลกมนุษย์ทุกรูปแบบหมายถึงบางครั้งก็มีสิ่งของด้วย ถ้าในสายตาคนอื่นพวกเราก็เหมือนพวกสติไม่ดีที่ล่าเรื่องเหนือธรรมชาตินั่นแหละครับ" อาร์เธอร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะราวกับว่าการใช้ชีวิตอยู่บนขอบของความจริงเพียงน้อยนิดนี้เป็นเรื่องสนุก

โจแอนนาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ทั้งที่อยู่เฉยๆแต่กลับรู้สึกคับแน่นหน้าอกเหมือนกำลังวิ่ง เธอพยายามรวบรวมข้อมูลที่ได้รับมาเชื่อมต่อกันภายในหัวคำถามมากมายซึ่งไร้คำตอบผุดขึ้นอย่างไม่ลดละ

"..งั้นเท่าที่ฉันเข้าใจ พวกคุณเป็นฝาแฝดที่ทำงานของพระเจ้าตระเวนล่าอมนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก..และส่งพวกมันกลับ..ไปอย่างนั้นใช่มั๊ยคะ" เธอสะอึกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงวิธีที่พวกเขาใช้ในการ'ส่งกลับไป'

"ถูกต้องแล้วครับ" อาร์เธอร์ตอบเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอีกครั้ง

"โอ้พระเจ้า.." เธออุทานออกมา

"เขานั่นแหละเจ้านายเรา" เสียงเดเมียนพูดขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินถือแก้วบรั่นดีหายเข้าในห้องอีกห้องหนึ่ง อาร์เธอร์ส่ายหัวเล็กน้อยกับความหยาบกระด้างของผู้เป็นน้องชายก่อนจะหันมามองโจแอนนาอีกครั้งหนึ่ง

"มันอาจฟังดูเหลือเชื่อแต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นทุกวันนั่นแหละครับ"

"..."

"ทีนี้มาถึงประเด็นที่ผมอยากจะคุยกับคุณ.. ผมคิดว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ"

"หะ..หมายความว่ายังไงกันคะ" เธอตัวเกร็งขึงร่างกายตอบสนองต่อคำพูดนั้นทันที โจแอนนึกไปถึงวินาทีเป็นตายตอนที่ถูกFanggiไล่ล่าเพียงแค่นั้นก็ทำให้ความกลัวสะท้านไปทั้งกายเธอแล้ว

"ทำใจให้สบายก่อนครับมันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น แต่ผมมีบางอย่างให้เชื่อว่าคุณกำลังตกเป็นเป้าจากสิ่งที่เราตามล่าอยู่" เขาพูดพร้อมกับยื่นมือมากุมที่มือเรียวของเธอนัยต์ตาสีอำพันนั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจขณะจ้องลึกมาในตาของเธอ แล้วจึงพูดต่อ

"ถ้าจะให้คุณเข้าใจทั้งหมดคงต้องใช้เวลาจนกว่าจะถึงตอนนั้นผมจึงอย่างแน่ใจว่าคุณจะปลอดภัยนะครับ งานครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆมาเรากำลังอยู่ในสถานการณ์แปลกๆที่ไม่อาจอธิบายได้..มีหลายสิ่งแปลกไป"

"..."

"ผมรู้ว่ามันฟังดูน่าตกใจไปสักหน่อยแต่คุณจะคิดยังไงครับถ้าเราจะขอให้คุณย้ายมาอยู่ที่นี่กับเราสักระยะนึง"

"ว่ายังไงนะคะ!" ด้วยอารามตกใจโจแอนชักมือกลับทันทีอยู่ดีๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นจนแก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อชัดเจน ชายตรงหน้าเริ่มหัวเราะในลำคออีกครั้งหนึ่ง

"เขาจะบอกว่าถ้ายังอยากมีชีวิตต่อก็ควรเลือกอยู่กับเรา" เสียงเดเมียนดังมาขณะเจ้าตัวยืนพิงกรอบประตูห้องทานข้าวอยู่ นัยต์ตาสีดำลุ่มลึกฉายแววนิ่งคล้ายว่าจะมองผ่านได้แม้แต่วิญญาณของเธอ

"คุณจะว่ายังไงครับ" โจแอนหันกลับมามองอาร์เธอร์อีกครั้งหัวใจเต้นส่ำอย่างประหลาด ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะที่ควรแน่หากสตรีตัวคนเดียวจะต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านกับชายถึงสองคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันแต่อย่างใด

"ไม่ได้หรอกค่ะ! เรื่องนั้นมันไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเลย!" ได้ยินเสียงฮึขึ้นจมูกดังมาจากเดเมียนอีกครั้ง

"เธอจะมัวห่วงแต่ประเพณีหรือห่วงชีวิตของตัวเองที่มีไอ้พวกบ้าเลือดจ้องจะขย้ำอยู่กันล่ะ"

"ผมเข้าใจครับแต่อยากให้คุณทบทวนดูอีกทีเรื่องนี้มันเกินที่คุณคนเดียวจะรับไหวนะครับ อย่างน้อยอยู่ใกล้ๆพวกเราคุณก็จะปลอดภัยขึ้นอีกระดับ บ้านของพวกเรากว้างพอสำหรับคุณอยู่แล้วคุณยึดห้องเดเมียนไปเลยก็ยังไงด้วย" อาร์เธอร์พูดแล้วผานมือไปทางเดเมียน ได้ยินเขาสบถบางอย่างขณะยกบรั่นดีขึ้นจิบ

"อย่าทำให้มันยุ่งยากเลย พวกเราเสนอที่พักพร้อมรับรองความปลอดภัยให้เธอเองก็ใช่ว่าจะสะดวกสบายนักที่อพาร์ตเมนต์ตัวเอง"

โจแอนแน่ใจว่าชายคนนี้ตรวจสอบเรื่องราวของเธอมาแล้วในระดับหนึ่งเขารู้ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงที่อยู่โดยที่เธอยังไม่ได้บอกสักคำ น่าเสียดายที่เขาพูดถูกอพาร์ตเมนต์รูหนูที่เธอใช้อาศัยใกล้จะเตะโด่งเธอออกอยู่ลอมล่อเงินเดือนน้อยนิดไม่สามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้มากเท่าที่ควรนัก

"คุณอาจมาช่วยเราทำงานด้วยก็ได้เพื่อให้สบายใจว่าคุณไม่ได้ทำให้เราลำบาก"

"ฉันทำแบบที่พวกคุณทำไม่ได้หรอกค่ะ!" โจแอนลุกขึ้นตบโต๊ะทันทีจะให้เธอทำเหมือนที่พวกเขาทำคงไม่มีวันเป็นไปได้แน่ แม้แต่แมลงเธอยังไม่ตบด้วยซ้ำการไล่ล่าตัดหัวปีศาจจึงเป็นเรื่องไกลเกินฝันสำหรับเธอ

อาร์เธอร์หัวเราะขึ้นมาทันทีแม้แต่เดเมียนก็ส่งเสียงฮึๆในลำคอ

"ฮะๆไม่ใช่อย่างนั้นครับเรามีงานอื่นให้คุณทำแน่นอนว่างานของเราคือปกป้องคุณไม่ใช่พาคุณเข้าไปหาอันตราย ตกลงคุณยอมรับข้อเสนอใช่มั๊ยครับโจแอนนา"

เธอถอยห่างออกมาเล็กน้อยเมื่ออาร์เธอร์เรียกชื่อเธอพร้อมๆกับเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย เธอคิดว่าชายคนนี้คงจะเป็นคนที่เข้าสังคมได้เก่งทีเดียว

เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลยสักนิดคืนก่อนเธอโดนตามล่าจากปีศาจในเรื่องเล่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้พี่น้องนักล่าผู้ทำงานของพระเจ้าช่วยเอาไว้ซ้ำร้ายยังบอกว่าเธอกำลังอยู่ในอันตรายจึงยื่นเข้าเสนอจะปกป้องโดยให้เธอย้ายมาอาศัยกับเขาทั้งคู่

เรื่องราวต่างๆฟังดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่เมื่อลองคิดว่าหากเธอเจอเหตุการณ์เหมือนครั้งนั้นอีกหากเธอถูกไล่ล่าจากสิ่งที่ไม่มีจริงอีกครั้งเธอก็ต้องการให้พวกเขาช่วย ถูกของอาร์เธอร์เธอไม่สามารถเผชิญเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียวได้

โจแอนนาสูดลมหายใจเข้าทำจิตใจให้สงบที่สุดเท่าที่ตนเองจะพอทำได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

"..ฉันจะรับข้อเสนอค่ะ"

 

 

_________________________________________

 

 

"เจ้าทำงานพลาด" เสียงกระซิบแหบแห้งดังแผ่วขึ้นมาจากแผ่นดินที่แยกตัวออก ภายในถ้ำหินย้อยแห่งหนึ่งชายแก่สวมชุดคลุมสีเทาเข้มกำลังนั่งหมอบลงกับพื้น

"ขออภัยด้วยนายท่าน.." เขาว่าขณะพยายามก้มตัวให้ต่ำเตี้ยติดพื้นถ้ำมากที่สุด

"ไม่มีคำแก้ตัวสำหรับคนไร้น้ำยาเช่นเจ้า"

"นายท่านได้โปรดฟังข้าก่อน จะ..เจ้าพวกนักล่ามันเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้..พวกมันชิงสิ่งนั้นไปก่อนที่เราจะทันได้มา"

"..."

"ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถิด" เสียงของชายแก่เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงสะอึกสะอื้น

"ไม่มีโอกาสสำหรับเจ้าอีกแล้ว" สิ้นสุดประโยคนั้นร่างของเขาก็ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงสีทับทิมไม่นานนักเศษเถ้าธุลีก็หายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง

"อควาเดียน"

"ครับนายท่าน" ชายร่างกำยำราวหินผาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดเขาก้าวผ่านเศษเถ้าตรงมาคุกเข่าลงที่รอยแยกนั้น

"เจ้าจงไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าทำให้ข้าผิดหวัง.." เสียงแหบพร่าขาดห้วงไปคล้ายว่าเจ้าของเสียงกำลังขาดอากาศ

"พักเถิดนายท่าน" เขาว่าพลางใช้มือสัมผัสลงที่ผืนดิน

"ขอรับรองด้วยชีวิตว่าข้าจะนำมันกลับมาให้ท่านให้จงได้"

 

 

 

 

 

To be continued

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา