The twins Hunter of London

9.3

เขียนโดย Huntessell

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.25 น.

  4 chapter
  2 วิจารณ์
  6,218 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เบาะแส

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

3

 

 

 

 

 


"รอเดี๋ยวก่อนสิคะ! ได้โปรดฟังที่ฉันจะอธิบายก่อน" เจ้าของเสียงหวานใสว่าพลางก้าวเท้าเร็วๆตามคนตรงหน้า
"เราคุยกันจบแล้วมิสไรท์น ผมขอยืนยันว่าสำนักพิมพ์ของเราจะไม่ลงข่าวที่งมงายและขมุกขมัวอย่างนี้"
"แต่คุนฮอปกิ้นส์คะดิฉันมีพยานที่ได้ยินเหตุการณ์นะคะ เขายืนยันว่าได้ยินเสียงร้องของบางอย่างที่ผิดปกติ" หญิงสาวยังคงพยายามต่อไปแม้ว่าบก.แห่งสำนักพิมพ์โรสเดลี่ตรงหน้าจะถอนหายใจใส่เธอเป็นครั้งที่สี่
"ผมล่ะนับถือในความพยายามของคุณจริงๆ แต่คุณไรท์นคุณต้องเข้าใจว่าเราไม่อาจตีพิมพ์บทความนี้ให้คุณได้เพียงเพราะมีคนขี้กลัวได้ยินเสียงที่'อาจจะ'เป็นอสูรกาย"
"แต่ว่ามิสเตอร์ฮอปกิ้นส์คะ.."
"เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกจนกว่าคุณจะมีหลักฐานหรืออะไรก็ตามมาสนับสนุนบทความของคุณ เราคุยกันจบแล้วคุณไรท์น ผมขอตัว"
เขาตัดบทเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังทิ้งให้ 'โจแอนนา ไรท์น' นักข่าวสาวของโรสเดลี่ยืนถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ที่เดิม ที่ผ่านมาเธอพยายามนำเสนอเรื่องนี้กับบก.มานับครั้งไม่ถ้วนและแม้คำตอบของเขาจะเหมือนเช่นเดิมทุกครั้งแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของโจแอนนาลดน้อยลงเลย
เธอรวบเส้นผมสีน้ำตาลของตนเองไปไว้ด้านนึงพลางสูดลมหายใจเข้ามากเท่าที่ปอดของเธอจะรับไหวแม้ว่ากำแพงตะหง่านตรงหน้าจะสูงแค่ไหนเธอก็รู้สึกว่ามันเตี้ยลงได้เมื่อทำแบบนี้
"เลิกเหยาะแหยะสักทีโจแอนนา" เธอกระซิบกันตัวเองก่อนจะหันหลังก้าวเท้าออกไปจากห้องนั้นทันที หลักฐานอย่างนั้นหรืองั้นเธอคงต้องลงแรงกว่านี้เสียหน่อย

 

 

22.15 ริมแม่น้ำเทมส์

 

โจแอนนาถูมือทั้งสองเข้าด้วยกันพลางเป่าลมหายใจเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ฝ่ามือที่เย็นเยียบของตัวเอง เธอเดินไปมาเป็นครั้งที่สิบไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรอยู่ จากปากคำพยานที่เธอได้สัมภาษณ์มาหลายคนบอกตรงกันว่าเสียงคำรามประหลาดนั้นเป็นเสียงของอสุรกาย..เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันทำให้ความสงสัยใคร่รู้ปะทุอยู่ในตัวของโจแอนมันยากเกินจะปฏิเสธว่าเธอหลงใหลในสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้มาตั้งแต่ยังเด็กไม่ว่าจะเป็นเทพนิยายหรือนิทานปรัมปราและความหลงใหลไม่เคยลดน้อยลงเลย

 

เวลาล่วงผ่านไปจนเกือบจะเข้าวันใหม่แต่โจแอนก็ไม่พบอะไรที่พอจะใช้เป็นหลักฐานได้เลย เธอถอนใจคงถึงเวลาต้องกลับเสียแล้วถนนหนทางในลอนดอนมืดสลัวกลางดึกเช่นนี้คงไม่ดีถ้าสตรีร่างเล็กอย่างเธอจะเดินท่อมๆไปมา โจแอนลุกขึ้นยืนใช้สองมือเล็กจัดแจงกระโปรงยาวสีน้ำเงินของตัวเองให้เรียบร้อย
"ขอโทษด้วยคุณหนู" โจแอนสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปพบต้นเสียงคือหญิงชราจรจัดในชุดคลุมมอมแมม
"ขออภัยด้วยที่ทำให้ตกใจ แต่คุณหนูพอจะมีอาหารสงเคราะห์หญิงแก่ยากไร้บ้างหรือไม่" เสียงขอเธอแหบแห้งและสั่นเครือ

โจแอนล้วงกระเป๋าของตัวเองและยื่นขนมปังที่เหลือจากมือเที่ยงของเธอให้หญิงแก่ตรงหน้า

"นี่ค่ะคุณป้าฉันช่วยได้เท่านี้"

"โอ้ ขอบคุณ ขอบคุณ มันช่างหอมเหลือเกิน" โจแอนยิ้มมองดูหญิงชราตรงหน้าใช้มือเหี่ยวแห้งกุมมือของเธอพลางลูบที่ข้อมือ
"คุณหนูช่างมีจิตใจดีเหลือเกิน.." อยู่ๆเธอก็เงียบไปและโจแอนเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบที่ข้อมือ เธอกระตุกแขนเบาๆหากแต่หญิงชราตรงหน้ายิ่งบีบข้อมือของเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม
"คุณป้าทำแบบนี้ฉันเจ็บนะคะ" เสียงของโจแอนเริ่มสั่นเครือบางส่วนในตัวเธอรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
"หอมเหลือเกิน..ผู้มีเมตตา"โจแอนนิ่วหน้า ดวงตาตื่นตระหนกสีมรกตจ้องคนตรงหน้าโจแอนพยายามดึงข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมเธอดิ้นสุดแรงหากแต่ไร้ผล

หญิงแก่ตรงหน้าเริ่มหัวเราะเสียงแหลม

"เลือดของผู้มีเมตตาช่างหอมหวานเหลือเกิน" หญิงแก่เงยหน้าขึ้นผมสีดำสกปรกคลุมเกือบทั้งใบหน้าริมฝีปากเหยียดยิ้มกว้าง..และกว้างขึ้นเรื่อยๆจนถึงใบหูแสงสลัวบนถนนเผยให้เห็นคมเขี้ยวนับร้อยเรียงตัวแน่นอยู่ในปากของเธอ เธอเริ่มหัวเราะอีกครั้งมีเลือดไหลซึมออกมาจากปากและไหลย้อยจนย้อมคอเสื้อของเธอเป็นสีแดง โจแอนกรี๊ดเหมือนคนเสียสติภาพสยดสยองตรงหน้าทำให้เธอต้องหันหลบตาพร่าและร้อนไปด้วยน้ำตา
"เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นผู้มีเมตตา เคี้ยกๆๆ" โจแอนนาถูกกระชากจนตัวโยนเล็บของปีศาจจิกเข้าที่แขนเธอจนแสบไปหมดเธอพยายามใช้มืออีกข้างดันมันออกไปแต่ทว่าไม่อาจสู้เรี่ยวแรงมหาศาลของมันได้เลย
"กรี๊ด!!" เธอกรี๊ดสุดเสียงเมื่อเจ้าปีศาจใช้คมเขี้ยวงับเข้าที่แขนของเธอความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งตัวจนแทบยืนไม่อยู่โจแอนทรุดตัวลงอย่างหมดแรงแต่ปีศาจยังคงฝังเขี้ยวลงบนเนื้อของเธอไม่ปล่อย ในช่วงที่สติของเธอลางเลือนนั้นเองโจแอนเหลือบเห็นกรรไกรสีเงินอันโตซึ่งร่วงออกมาจากกระเป๋าของเธอวางอยู่ที่พื้น

เธอสูดลมหายใจเอื้อมมือจนสุดแขนขว้ากรรไกรมากุมแน่นแล้วปักมันเข้าที่คอของปีศาจ! ได้ผล! มันคลายเขี้ยวถอยออกไปกรีดร้องอยู่บนพื้น ใช้มือเหี่ยวแห้งกุมลำคอที่มีเลือดข้นไหลนองออกมา
โจแอนไม่รอช้าเธอทรงตัวลุกขึ้นและหันหลังออกตัววิ่งทันทีวิ่งเร็วที่สุดที่เธอจะทำได้โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง
"นังเด็กเวร! อย่าหนีนะฉันจะฆ่าแก!" โจแอนนาน้ำตาซึมพบว่าเจ้าปีศาจวิ่งเร็วกว่าเธอหลายเท่านักเธอตัดสินใจเลี้ยวเข้าในตรอกมืดตรงหน้าและนั่งลงคุดคู้หลบอยู่หลังถังไม้ เธอสูดลมหายใจอีกครั้งพยายามทำให้ตัวเองสงบและไม่ส่งเสียงร้องออกมาก่อนจะดึงริบบิ้นผูกผมสีน้ำเงินของตัวเองมาพันไว้รอบแผลเหวอะที่ข้อมือสายตาเหลือบไปเห็นท่อน้ำเก่าถูกเชื่อมอยู่หมิ่นเหม่บนผนังเหนือหัว

เธอลุกขึ้นยืนใช้สองมือจับท่อน้ำและกระชากมันออกมาถึงจะยาวแค่ไม่กี่ฟุตแต่ก็น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง โจแอนนั่งลงอีกครั้งสองมือกุมท่อเหล็กแน่นสูดลมหายใจเข้าออกให้เบาที่สุดพลางใช้หูฟังทุกเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัวในใจได้แต่ภาวนาอย่าให้มันหาเจอ

 

แกร่ก! แกร่ก!

 

เธอสะดุ้งรู้สึกกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายเกร็งตึงไปหมด เธอได้ยินเสียง! เสียงบางอย่างกำลังไล่มาตามกำแพงโจแอนกระชับท่อนเหล็กในมือแน่นข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา หากมันไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้และเดินผ่านไปเธออาจจะหนีได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเสียงก็เงียบลงเธอเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นใจค่อยๆชะโงกหน้าออกไปมองที่ทางเดิน ไร้ซึ่งร่างของเจ้าปีศาจ โจแอนหยัดตัวลุกขึ้นมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้เธอโดนไปหยุดที่ใต้เสาไฟต้นหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงอีกครั้ง

 

แกร่ก! แกร่ก!

 

เสียงอยู่ข้างหลังนี่เองความเย็นเล่นวาบไปทั่วทั้งกายน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เริ่มเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอข่มใจตัวเองรวบรวมสติที่เหลืออยู่ค่อยๆหันไปมองที่ด้านหลัง

ก็พบเจ้าปีศาจเกาะอยู่ที่กำแพงด้านหลังเหนือจุดที่เธอซ่อนอยู่เมื่อครู่มันแสยะยิ้มอวดคมเขี้ยวของมันมันใช้เล็บยาวลากผ่านผนังนั่นทำให้เกิดเสียง แกร่ก!
"โอ้พระเจ้า.." เสียงของโจแอนแหบพร่า หากรอดไปได้ภาพตรงหน้าคงจะติดตรึงกลายเป็นฝันร้ายของเธอไปชั่วชีวิต
"เคี้ยกๆๆ พระเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้หรอกนังคุณหนู!" จบคำนั้นมันก็พุ่งตัวมาที่เธอด้วยความเร็ว!

โจแอนนาที่แทบสิ้นสติเธอทำตามสัญชาติญาณใช้ท่อเหล็กหวดออกไปเต็มแรงจนตัวเองเสียสมดุลล้มลง ท่อเหล็กโดนเข้าที่หัวของเจ้าปีศาจ! มันกระเด็นไปกระแทกกับถังไม้ด้านหลังแต่ความพยายามของมันยังไม่หมดอสุรกายลุกขึ้นคลานตรงมาหาเธอด้วยท่าทางสยดสยอง เธอพยายามลุกขึ้นแต่เรี่ยวแรงกลับเหือดหายไปจนหมด

ชั่ววินาทีที่เจ้าปีศาจกระโจนใส่เธอนั่นเองโจแอนได้ยินเสียงปืน!

ปัง! มันถูกแรงของกระสุนปืนอัดจนลอยไปกระแทกกับผนังอิฐด้านหลัง ครู่หนึ่งเหมือนมันเพิ่งตั้งสติได้มันก็หันมาคำรามใส่เธอทั้งๆที่มีของเหลวสีดำไหลออกมาจากอกของมัน
"พวกแกเป็นใคร!?" มันคำรามอีกครั้ง แต่ก่อนที่โจแอนนาจะทันเข้าใจสถานการณ์ใดๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ
"นั่งอยู่นิ่งๆอย่าขยับไปไหนเด็ดขาด" เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบจังหวะเดียวกับที่เจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเห็นเขาไม่ชัดนักแต่เขาตัวสูง ใส่โค้ทยาวและหมวกทรงสูง..
"ให้พวกเราเสียเวลาวิ่งหาทั้งอาทิตย์เลยนะนังแก่" ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับดึงมีดสปาต้าเล่มยาวออกมาจากโค้ทสายตาไร้อารมณ์จ้องปีศาจตรงหน้าพลางเดินเข้าไปหามันอีกก้าว
"อย่าทำหน้าตาน่ากลัวนักสิเดเมียนเดี๋ยวคุณหนูคนนี้จะตกใจเปล่าๆ" อีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับที่มือสวมถุงมือหนังยื่นมาประคองตัวโจแอนให้ลุกขึ้นยืน เธอหันไปตามเสียงก็พบกับชายหนุ่มตัวสูงเรือนผมสีขาวส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
"คุณปลอดภัยแล้วนะครับ ได้โปรดอย่าวิ่งหนีไป ตรงนี้ให้พวกเราจัดการเอง" เขากล่าวกับเธออย่างสุภาพพลางถอดเสื้อโค้ทแบบเดียวกันกับของชายอีกคนมาคลุมให้เธอ

โจแอนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายและถอยไปยืนด้านหลังตามที่ชายผมขาวตรงหน้าบอก
"เอาล่ะ ทีนี้ก็มาทำงานกัน" เขาว่าก่อนจะเอื้อมไปหยิบขวานที่เก็บอยู่กับสายรัดด้านหลังออกมาแล้วเดินไปยืนข้างเดเมียน
"พวกหมาเฝ้ายามของคริสตจักรงั้นรึ ข้าไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!"
"แกน่าจะกลัวไว้สักหน่อยนะ" เดเมียนกล่าวเป็นสัญญาณ แล้วอาร์เธอร์ก็เริ่มท่องบทสวดบางอย่างแทบจะในทันทีเจ้าปีศาจเริ่มส่งเสียงร้องราวกับกำลังถูกจับเผาไฟ

มันทรุดตัวลงม้วนอยู่บนพื้นบิดไปมาเหมือนแมลงที่ไร้ทางสู้เดเมียนอาศัยจังหวะนั้นตรงเข้าไปพร้อมกับมีดคู่ใจเงื้อมันขึ้นและสับลงตัดแขนข้างหนึ้งของมันขาด มันคำรามอีกครั้งก่อนจะใช้กรงเล็บข่วนไปที่เดเมียนหมายฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆแต่เดเมยนถอยหลบทันจังหวะเดียวกับที่อาร์เธอร์วิ่งเข้ามาสมทบ

เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของมันใช้ด้ามขวานรัดคอของมันเอาไว้เจ้าปีศาจส่งเสียงคำรามหมุนตัวไปมาพยายามสะบัดอาร์เธอร์ให้หลุดมันวิ่งไปเอาหลังกระแทกผนังจนเขาร่วงลงมา เดเมียนวิ่งเข้าไปพยุงพี่ชายสายเลือดเดียวกันขึ้นมา โดยไม่ทันระวังเจ้าปีศาจก็กระโจนใส่เขาอย่างแรงเดเมียนล้มลงนอน มีดในมือหลุดกระเด็นไปเขาพยายามเอื้อมไปหยิบแต่มันกระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวเขา เดเมียนใช้สองมือยันมันเอาไว้ขณะมันพยายามใช้คมเขี้ยวงับที่คอของเขาตอนนั้นเองที่อาร์เธอร์วิ่งเข้ามาใช้ด้ามขวานล็อกคอมันไว้อีกครั้งและดึงมันออกมาห่างจากตัวน้องชาย
"เดเมียน! ตอนนี้แหละ!" อาร์เธอร์ส่งเสียงให้จังหวะและผละตัวออกมา ทันใดนั้นเดเมียนก็หยิบมีดขึ้นมาและแทงเข้าไปที่หัวใจของมัน!

มันส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดก่อนจะลงไปนอนแผ่อยู่ที่พื้น

"เสร็จเรื่องสักที" เดเมียนพูดเสียงเจืออาการหอบเล็กน้อยก่อนจะเช็ดเลือดบนมีดกับชุดคลุมของเจ้าปีศาจ

"รีบๆทำให้จบซะอาร์เธอร์"

"ร้ายชะมัดเลยเจ้านี่" อาร์เธอร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะจัดแจงเงื้อขวานขึ้นหมายตัดหัวปีศาจ

"พะ..พวกแกตายแน่.." มันพูดทั้งๆที่เลือดนองเต็มปากเขี้ยวเล็บของมันหายไปแล้วตอนนี้กลายเป็นแค่หญิงชราจรจัดที่กำลังนอนจมกองเลือด

"ฉันว่าแกต่างหากที่กำลังจะได้กลับลงนรก" เดเมียนว่า

มันเค้นเสียงหัวเราะ

"หึหึ..อีกไม่นานเจ้าพวกนักล่า..อีกไม่นานนรกจะขึ้นมาเยือนพวกเจ้า..ยัยหนูนั่นแหละจะนำความตายมา..แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยพวกแกไม่ได้!"

"ฉันฟังแกพูดจบแล้วนังแก่ ทัณฑ์สววรค์" จบคำนั้นคมมีดก็สับลงที่คอของมัน

 

เป็นอันเสร็จงาน

 

นักล่าทั้งคู่หันมามองหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลที่ยืนสั่นเหมือนลูกนกอยู่ด้านหลังก่อนอาร์เธอร์จะเอ่ยขึ้นขณะทั้งคู่เดินไปหาโจแอนนา

"คุณหนูปลอดภัยดีแล้วนะครับ" โจแอนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นคนทั่งคู่นี่เป็นใครกันในหัวของเธอผุดคำถามมากมาย

"พะ..พวกคุณเป็นใคร" ชั่วครู่นั้นเธอรู้สึกมึนหัวขึ้นมาอย่างประหลาด ทุกอย่างดูเหมือนกับว่าจะอยู่ไกลออกไปภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนเธอรู้สึกว่าตัวเองล้มลง

 

สิ่งสุดท้ายที่โจแอนนาจำได้ คือนัยต์ตาสีรัตติกาลกำลังจับจ้องมาที่เธอ

 

 

 

To be continued

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา