The twins Hunter of London
เขียนโดย Huntessell
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.25 น.
แก้ไขเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เบาะแส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3
"รอเดี๋ยวก่อนสิคะ! ได้โปรดฟังที่ฉันจะอธิบายก่อน" เจ้าของเสียงหวานใสว่าพลางก้าวเท้าเร็วๆตามคนตรงหน้า
"เราคุยกันจบแล้วมิสไรท์น ผมขอยืนยันว่าสำนักพิมพ์ของเราจะไม่ลงข่าวที่งมงายและขมุกขมัวอย่างนี้"
"แต่คุนฮอปกิ้นส์คะดิฉันมีพยานที่ได้ยินเหตุการณ์นะคะ เขายืนยันว่าได้ยินเสียงร้องของบางอย่างที่ผิดปกติ" หญิงสาวยังคงพยายามต่อไปแม้ว่าบก.แห่งสำนักพิมพ์โรสเดลี่ตรงหน้าจะถอนหายใจใส่เธอเป็นครั้งที่สี่
"ผมล่ะนับถือในความพยายามของคุณจริงๆ แต่คุณไรท์นคุณต้องเข้าใจว่าเราไม่อาจตีพิมพ์บทความนี้ให้คุณได้เพียงเพราะมีคนขี้กลัวได้ยินเสียงที่'อาจจะ'เป็นอสูรกาย"
"แต่ว่ามิสเตอร์ฮอปกิ้นส์คะ.."
"เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกจนกว่าคุณจะมีหลักฐานหรืออะไรก็ตามมาสนับสนุนบทความของคุณ เราคุยกันจบแล้วคุณไรท์น ผมขอตัว"
เขาตัดบทเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังทิ้งให้ 'โจแอนนา ไรท์น' นักข่าวสาวของโรสเดลี่ยืนถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ที่เดิม ที่ผ่านมาเธอพยายามนำเสนอเรื่องนี้กับบก.มานับครั้งไม่ถ้วนและแม้คำตอบของเขาจะเหมือนเช่นเดิมทุกครั้งแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของโจแอนนาลดน้อยลงเลย
เธอรวบเส้นผมสีน้ำตาลของตนเองไปไว้ด้านนึงพลางสูดลมหายใจเข้ามากเท่าที่ปอดของเธอจะรับไหวแม้ว่ากำแพงตะหง่านตรงหน้าจะสูงแค่ไหนเธอก็รู้สึกว่ามันเตี้ยลงได้เมื่อทำแบบนี้
"เลิกเหยาะแหยะสักทีโจแอนนา" เธอกระซิบกันตัวเองก่อนจะหันหลังก้าวเท้าออกไปจากห้องนั้นทันที หลักฐานอย่างนั้นหรืองั้นเธอคงต้องลงแรงกว่านี้เสียหน่อย
22.15 ริมแม่น้ำเทมส์
โจแอนนาถูมือทั้งสองเข้าด้วยกันพลางเป่าลมหายใจเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ฝ่ามือที่เย็นเยียบของตัวเอง เธอเดินไปมาเป็นครั้งที่สิบไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรอยู่ จากปากคำพยานที่เธอได้สัมภาษณ์มาหลายคนบอกตรงกันว่าเสียงคำรามประหลาดนั้นเป็นเสียงของอสุรกาย..เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันทำให้ความสงสัยใคร่รู้ปะทุอยู่ในตัวของโจแอนมันยากเกินจะปฏิเสธว่าเธอหลงใหลในสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้มาตั้งแต่ยังเด็กไม่ว่าจะเป็นเทพนิยายหรือนิทานปรัมปราและความหลงใหลไม่เคยลดน้อยลงเลย
เวลาล่วงผ่านไปจนเกือบจะเข้าวันใหม่แต่โจแอนก็ไม่พบอะไรที่พอจะใช้เป็นหลักฐานได้เลย เธอถอนใจคงถึงเวลาต้องกลับเสียแล้วถนนหนทางในลอนดอนมืดสลัวกลางดึกเช่นนี้คงไม่ดีถ้าสตรีร่างเล็กอย่างเธอจะเดินท่อมๆไปมา โจแอนลุกขึ้นยืนใช้สองมือเล็กจัดแจงกระโปรงยาวสีน้ำเงินของตัวเองให้เรียบร้อย
"ขอโทษด้วยคุณหนู" โจแอนสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปพบต้นเสียงคือหญิงชราจรจัดในชุดคลุมมอมแมม
"ขออภัยด้วยที่ทำให้ตกใจ แต่คุณหนูพอจะมีอาหารสงเคราะห์หญิงแก่ยากไร้บ้างหรือไม่" เสียงขอเธอแหบแห้งและสั่นเครือ
โจแอนล้วงกระเป๋าของตัวเองและยื่นขนมปังที่เหลือจากมือเที่ยงของเธอให้หญิงแก่ตรงหน้า
"นี่ค่ะคุณป้าฉันช่วยได้เท่านี้"
"โอ้ ขอบคุณ ขอบคุณ มันช่างหอมเหลือเกิน" โจแอนยิ้มมองดูหญิงชราตรงหน้าใช้มือเหี่ยวแห้งกุมมือของเธอพลางลูบที่ข้อมือ
"คุณหนูช่างมีจิตใจดีเหลือเกิน.." อยู่ๆเธอก็เงียบไปและโจแอนเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบที่ข้อมือ เธอกระตุกแขนเบาๆหากแต่หญิงชราตรงหน้ายิ่งบีบข้อมือของเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม
"คุณป้าทำแบบนี้ฉันเจ็บนะคะ" เสียงของโจแอนเริ่มสั่นเครือบางส่วนในตัวเธอรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
"หอมเหลือเกิน..ผู้มีเมตตา"โจแอนนิ่วหน้า ดวงตาตื่นตระหนกสีมรกตจ้องคนตรงหน้าโจแอนพยายามดึงข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมเธอดิ้นสุดแรงหากแต่ไร้ผล
หญิงแก่ตรงหน้าเริ่มหัวเราะเสียงแหลม
"เลือดของผู้มีเมตตาช่างหอมหวานเหลือเกิน" หญิงแก่เงยหน้าขึ้นผมสีดำสกปรกคลุมเกือบทั้งใบหน้าริมฝีปากเหยียดยิ้มกว้าง..และกว้างขึ้นเรื่อยๆจนถึงใบหูแสงสลัวบนถนนเผยให้เห็นคมเขี้ยวนับร้อยเรียงตัวแน่นอยู่ในปากของเธอ เธอเริ่มหัวเราะอีกครั้งมีเลือดไหลซึมออกมาจากปากและไหลย้อยจนย้อมคอเสื้อของเธอเป็นสีแดง โจแอนกรี๊ดเหมือนคนเสียสติภาพสยดสยองตรงหน้าทำให้เธอต้องหันหลบตาพร่าและร้อนไปด้วยน้ำตา
"เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นผู้มีเมตตา เคี้ยกๆๆ" โจแอนนาถูกกระชากจนตัวโยนเล็บของปีศาจจิกเข้าที่แขนเธอจนแสบไปหมดเธอพยายามใช้มืออีกข้างดันมันออกไปแต่ทว่าไม่อาจสู้เรี่ยวแรงมหาศาลของมันได้เลย
"กรี๊ด!!" เธอกรี๊ดสุดเสียงเมื่อเจ้าปีศาจใช้คมเขี้ยวงับเข้าที่แขนของเธอความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งตัวจนแทบยืนไม่อยู่โจแอนทรุดตัวลงอย่างหมดแรงแต่ปีศาจยังคงฝังเขี้ยวลงบนเนื้อของเธอไม่ปล่อย ในช่วงที่สติของเธอลางเลือนนั้นเองโจแอนเหลือบเห็นกรรไกรสีเงินอันโตซึ่งร่วงออกมาจากกระเป๋าของเธอวางอยู่ที่พื้น
เธอสูดลมหายใจเอื้อมมือจนสุดแขนขว้ากรรไกรมากุมแน่นแล้วปักมันเข้าที่คอของปีศาจ! ได้ผล! มันคลายเขี้ยวถอยออกไปกรีดร้องอยู่บนพื้น ใช้มือเหี่ยวแห้งกุมลำคอที่มีเลือดข้นไหลนองออกมา
โจแอนไม่รอช้าเธอทรงตัวลุกขึ้นและหันหลังออกตัววิ่งทันทีวิ่งเร็วที่สุดที่เธอจะทำได้โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง
"นังเด็กเวร! อย่าหนีนะฉันจะฆ่าแก!" โจแอนนาน้ำตาซึมพบว่าเจ้าปีศาจวิ่งเร็วกว่าเธอหลายเท่านักเธอตัดสินใจเลี้ยวเข้าในตรอกมืดตรงหน้าและนั่งลงคุดคู้หลบอยู่หลังถังไม้ เธอสูดลมหายใจอีกครั้งพยายามทำให้ตัวเองสงบและไม่ส่งเสียงร้องออกมาก่อนจะดึงริบบิ้นผูกผมสีน้ำเงินของตัวเองมาพันไว้รอบแผลเหวอะที่ข้อมือสายตาเหลือบไปเห็นท่อน้ำเก่าถูกเชื่อมอยู่หมิ่นเหม่บนผนังเหนือหัว
เธอลุกขึ้นยืนใช้สองมือจับท่อน้ำและกระชากมันออกมาถึงจะยาวแค่ไม่กี่ฟุตแต่ก็น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง โจแอนนั่งลงอีกครั้งสองมือกุมท่อเหล็กแน่นสูดลมหายใจเข้าออกให้เบาที่สุดพลางใช้หูฟังทุกเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัวในใจได้แต่ภาวนาอย่าให้มันหาเจอ
แกร่ก! แกร่ก!
เธอสะดุ้งรู้สึกกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายเกร็งตึงไปหมด เธอได้ยินเสียง! เสียงบางอย่างกำลังไล่มาตามกำแพงโจแอนกระชับท่อนเหล็กในมือแน่นข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา หากมันไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้และเดินผ่านไปเธออาจจะหนีได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเสียงก็เงียบลงเธอเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นใจค่อยๆชะโงกหน้าออกไปมองที่ทางเดิน ไร้ซึ่งร่างของเจ้าปีศาจ โจแอนหยัดตัวลุกขึ้นมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้เธอโดนไปหยุดที่ใต้เสาไฟต้นหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงอีกครั้ง
แกร่ก! แกร่ก!
เสียงอยู่ข้างหลังนี่เองความเย็นเล่นวาบไปทั่วทั้งกายน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เริ่มเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอข่มใจตัวเองรวบรวมสติที่เหลืออยู่ค่อยๆหันไปมองที่ด้านหลัง
ก็พบเจ้าปีศาจเกาะอยู่ที่กำแพงด้านหลังเหนือจุดที่เธอซ่อนอยู่เมื่อครู่มันแสยะยิ้มอวดคมเขี้ยวของมันมันใช้เล็บยาวลากผ่านผนังนั่นทำให้เกิดเสียง แกร่ก!
"โอ้พระเจ้า.." เสียงของโจแอนแหบพร่า หากรอดไปได้ภาพตรงหน้าคงจะติดตรึงกลายเป็นฝันร้ายของเธอไปชั่วชีวิต
"เคี้ยกๆๆ พระเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้หรอกนังคุณหนู!" จบคำนั้นมันก็พุ่งตัวมาที่เธอด้วยความเร็ว!
โจแอนนาที่แทบสิ้นสติเธอทำตามสัญชาติญาณใช้ท่อเหล็กหวดออกไปเต็มแรงจนตัวเองเสียสมดุลล้มลง ท่อเหล็กโดนเข้าที่หัวของเจ้าปีศาจ! มันกระเด็นไปกระแทกกับถังไม้ด้านหลังแต่ความพยายามของมันยังไม่หมดอสุรกายลุกขึ้นคลานตรงมาหาเธอด้วยท่าทางสยดสยอง เธอพยายามลุกขึ้นแต่เรี่ยวแรงกลับเหือดหายไปจนหมด
ชั่ววินาทีที่เจ้าปีศาจกระโจนใส่เธอนั่นเองโจแอนได้ยินเสียงปืน!
ปัง! มันถูกแรงของกระสุนปืนอัดจนลอยไปกระแทกกับผนังอิฐด้านหลัง ครู่หนึ่งเหมือนมันเพิ่งตั้งสติได้มันก็หันมาคำรามใส่เธอทั้งๆที่มีของเหลวสีดำไหลออกมาจากอกของมัน
"พวกแกเป็นใคร!?" มันคำรามอีกครั้ง แต่ก่อนที่โจแอนนาจะทันเข้าใจสถานการณ์ใดๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ
"นั่งอยู่นิ่งๆอย่าขยับไปไหนเด็ดขาด" เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบจังหวะเดียวกับที่เจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเห็นเขาไม่ชัดนักแต่เขาตัวสูง ใส่โค้ทยาวและหมวกทรงสูง..
"ให้พวกเราเสียเวลาวิ่งหาทั้งอาทิตย์เลยนะนังแก่" ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับดึงมีดสปาต้าเล่มยาวออกมาจากโค้ทสายตาไร้อารมณ์จ้องปีศาจตรงหน้าพลางเดินเข้าไปหามันอีกก้าว
"อย่าทำหน้าตาน่ากลัวนักสิเดเมียนเดี๋ยวคุณหนูคนนี้จะตกใจเปล่าๆ" อีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับที่มือสวมถุงมือหนังยื่นมาประคองตัวโจแอนให้ลุกขึ้นยืน เธอหันไปตามเสียงก็พบกับชายหนุ่มตัวสูงเรือนผมสีขาวส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
"คุณปลอดภัยแล้วนะครับ ได้โปรดอย่าวิ่งหนีไป ตรงนี้ให้พวกเราจัดการเอง" เขากล่าวกับเธออย่างสุภาพพลางถอดเสื้อโค้ทแบบเดียวกันกับของชายอีกคนมาคลุมให้เธอ
โจแอนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายและถอยไปยืนด้านหลังตามที่ชายผมขาวตรงหน้าบอก
"เอาล่ะ ทีนี้ก็มาทำงานกัน" เขาว่าก่อนจะเอื้อมไปหยิบขวานที่เก็บอยู่กับสายรัดด้านหลังออกมาแล้วเดินไปยืนข้างเดเมียน
"พวกหมาเฝ้ายามของคริสตจักรงั้นรึ ข้าไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!"
"แกน่าจะกลัวไว้สักหน่อยนะ" เดเมียนกล่าวเป็นสัญญาณ แล้วอาร์เธอร์ก็เริ่มท่องบทสวดบางอย่างแทบจะในทันทีเจ้าปีศาจเริ่มส่งเสียงร้องราวกับกำลังถูกจับเผาไฟ
มันทรุดตัวลงม้วนอยู่บนพื้นบิดไปมาเหมือนแมลงที่ไร้ทางสู้เดเมียนอาศัยจังหวะนั้นตรงเข้าไปพร้อมกับมีดคู่ใจเงื้อมันขึ้นและสับลงตัดแขนข้างหนึ้งของมันขาด มันคำรามอีกครั้งก่อนจะใช้กรงเล็บข่วนไปที่เดเมียนหมายฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆแต่เดเมยนถอยหลบทันจังหวะเดียวกับที่อาร์เธอร์วิ่งเข้ามาสมทบ
เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของมันใช้ด้ามขวานรัดคอของมันเอาไว้เจ้าปีศาจส่งเสียงคำรามหมุนตัวไปมาพยายามสะบัดอาร์เธอร์ให้หลุดมันวิ่งไปเอาหลังกระแทกผนังจนเขาร่วงลงมา เดเมียนวิ่งเข้าไปพยุงพี่ชายสายเลือดเดียวกันขึ้นมา โดยไม่ทันระวังเจ้าปีศาจก็กระโจนใส่เขาอย่างแรงเดเมียนล้มลงนอน มีดในมือหลุดกระเด็นไปเขาพยายามเอื้อมไปหยิบแต่มันกระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวเขา เดเมียนใช้สองมือยันมันเอาไว้ขณะมันพยายามใช้คมเขี้ยวงับที่คอของเขาตอนนั้นเองที่อาร์เธอร์วิ่งเข้ามาใช้ด้ามขวานล็อกคอมันไว้อีกครั้งและดึงมันออกมาห่างจากตัวน้องชาย
"เดเมียน! ตอนนี้แหละ!" อาร์เธอร์ส่งเสียงให้จังหวะและผละตัวออกมา ทันใดนั้นเดเมียนก็หยิบมีดขึ้นมาและแทงเข้าไปที่หัวใจของมัน!
มันส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดก่อนจะลงไปนอนแผ่อยู่ที่พื้น
"เสร็จเรื่องสักที" เดเมียนพูดเสียงเจืออาการหอบเล็กน้อยก่อนจะเช็ดเลือดบนมีดกับชุดคลุมของเจ้าปีศาจ
"รีบๆทำให้จบซะอาร์เธอร์"
"ร้ายชะมัดเลยเจ้านี่" อาร์เธอร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะจัดแจงเงื้อขวานขึ้นหมายตัดหัวปีศาจ
"พะ..พวกแกตายแน่.." มันพูดทั้งๆที่เลือดนองเต็มปากเขี้ยวเล็บของมันหายไปแล้วตอนนี้กลายเป็นแค่หญิงชราจรจัดที่กำลังนอนจมกองเลือด
"ฉันว่าแกต่างหากที่กำลังจะได้กลับลงนรก" เดเมียนว่า
มันเค้นเสียงหัวเราะ
"หึหึ..อีกไม่นานเจ้าพวกนักล่า..อีกไม่นานนรกจะขึ้นมาเยือนพวกเจ้า..ยัยหนูนั่นแหละจะนำความตายมา..แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยพวกแกไม่ได้!"
"ฉันฟังแกพูดจบแล้วนังแก่ ทัณฑ์สววรค์" จบคำนั้นคมมีดก็สับลงที่คอของมัน
เป็นอันเสร็จงาน
นักล่าทั้งคู่หันมามองหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลที่ยืนสั่นเหมือนลูกนกอยู่ด้านหลังก่อนอาร์เธอร์จะเอ่ยขึ้นขณะทั้งคู่เดินไปหาโจแอนนา
"คุณหนูปลอดภัยดีแล้วนะครับ" โจแอนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นคนทั่งคู่นี่เป็นใครกันในหัวของเธอผุดคำถามมากมาย
"พะ..พวกคุณเป็นใคร" ชั่วครู่นั้นเธอรู้สึกมึนหัวขึ้นมาอย่างประหลาด ทุกอย่างดูเหมือนกับว่าจะอยู่ไกลออกไปภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนเธอรู้สึกว่าตัวเองล้มลง
สิ่งสุดท้ายที่โจแอนนาจำได้ คือนัยต์ตาสีรัตติกาลกำลังจับจ้องมาที่เธอ
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ