Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  25.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ถ้าชอบผู้ชายคนนี้...ต้องรับได้ทุกสถานการณ์ -[ ]-!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
-16-
ถ้าชอบผู้ชายคนนี้...
ต้องรับได้ทุกสถานการณ์ -[ ]-!
 
            [ปาว # Talk]
            กระสุนที่พุ่งลงมาใต้น้ำหยุดลงแล้ว ผมค่อยๆ พาโบอิ้งขึ้นมาเหนือผิวน้ำบริเวณพงหญ้าใกล้ๆ กับริมสระ เพื่อแอบสังเกตดูเหตุการณ์ด้านบน ตอนนี้ผมเจอคุณภาสน์ยืนอยู่และพยายามเพ่งมองลงมาในน้ำ ผมรีบตะโกนเรียกและโบกมือไปมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้คุณภาสน์มาช่วย
            ผมและคุณภาสน์ช่วยกันพาโบอิ้งขึ้นฝั่ง บริเวณริมฝั่งมีลูกสมุนของไอ้ศรนอนเกลื่อนอยู่แต่ไร้วี่แววของไอ้ศรและไอ้พี พวกมันหนีไปได้อีกแล้วหรอเนี่ย!
            “คุณชายครับ คุณโบอิ้งเธอไม่หายใจแล้ว”  คุณภาสน์บอกพร้อมกับนั่งลงข้างๆ โบอิ้ง จริงสินะโบอิ้งกระโดดลงน้ำแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอคงไม่ได้สูดเก็บอากาศไว้!
            “เรียกรถพยาบาล!!”  ผมตะโกนบอกก่อนจะเริ่มกดหน้าอกเพื่อช่วยชีวิต ขอโทษนะโบอิ้งฉันเป็นคนลากเธอมาเกี่ยวกับเรื่องนี้แท้ๆ
            ผมปั๊มหัวใจตามที่เคยได้เรียนรู้มาก่อนจะ เอ่อ...ต้องทำจริงๆ หรอเนี่ย
            “คุณชาย มีอะไรรึเปล่าครับ”  คุณภาสน์ถามเมื่อเห็นว่าผมนิ่งไป จะบอกได้ยังไงว่าผมไม่กล้าผายปอด =_=// เอาวะ! ขอโทษทีนะโบอิ้ง...ฉันต้องทำเพื่อช่วยเธอ
            ผมค่อยๆ ก้มลงไปประกบริมฝีปากโบอิ้งเอาไว้เพื่อเป่าอากาศเข้าไป ริมฝีปากเย็นชื้นของโบอิ้งทำให้ผมรู้สึกตกใจ  อย่าบอกนะว่าเธอจะไม่รอด ไม่มีทาง!! ผมจะต้องช่วยเธอให้ได้ ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสูดอากาศก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากกับโบอิ้งอีกครั้งเพื่อแบ่งปันอากาศหายใจให้
            “เดี๋ยวผมช่วยปั๊มไหมครับ”  คุณภาสน์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่สักพักแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเริ่มกดหน้าอกให้โบอิ้งอีกครั้ง
            “ไม่เป็นไร ผมยังไหว”  ผมบอกก่อนจะเริ่มกดหัวใจให้โบอิ้งตามจังหวะอีกครั้ง เมื่อกดครบตามจำนวนผมก็ก้มลงไปแบ่งอากาศให้โบอิ้งอีกครั้ง ครั้งนี้ริมฝีปากของเธอรู้สึกอุ่นขึ้นกว่าครั้งแรกทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาก
            ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ผมสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ ผมอดนึกถึงครั้งแรกที่เราจูบกันไม่ได้ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมกลับจดจำมันได้เป็นอย่างดี และที่น่าแปลกก็คือหลังจากวันที่เราจูบกันเวลาที่ผมเผลอ ผมมักจะมองหาโบอิ้งโดยไม่รู้ตัว
            “แอ่ก! แอ่ก!”  อยู่ๆ โบอิ้งก็สำลักพร้อมกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากปากและจมูกของเธอ
            “โบอิ้ง! เธอรู้สึกตัวแล้วใช่ไหม...โบอิ้ง!!”  ผมใช้มือตบที่ใบหน้าทั้ง 2 ข้างของโบอิ้งเบาๆ เพื่อเรียกสติ เธอค่อยๆ ดันเปลี่ยนตาตัวเองขึ้นขณะที่ยังคงสำลักน้ำอยู่
            “ไม่เป็นไรนะ...เธอปลอดภัยแล้ว”  ผมบอกพร้อมกับบีบมือเธอทั้ง 2 ข้างเอาไว้แน่น
            “อื้ม”  โบอิ้งพูดทั้งน้ำตา ผมค่อยๆ พยุงตัวเธอขึ้นนั่ง แต่เพราะเธอยังไม่มีแรงผมจึงต้องคอยประคองร่างที่สั่นเทาของเธอเอาไว้
            “พวกนี้...เขาตายแล้วหรอ”  เธอมองร่างที่แน่นิ่งของผู้ชายชุดดำ 4 คนพร้อมกับแสดงสีหน้าสลดลง ผมไม่อยากให้เธอเห็นภาพเหล่านี้เลย มันเป็นด้านมืดของผมที่น่ากลัวเกินกว่าที่เด็ก ม.ปลายธรรมดาอย่างเธอจะรับได้
            “ใช่...”  ผมตอบสั้นๆ เธอดูช็อกไปเลยเมื่อได้รับคำตอบจากผม ความเงียบและความอึดอัดเริ่มเข้ามาแทนที่
            “รถพยาบาลกำลังมานะครับ”  คุณภาสน์บอก ดูเหมือนคุณภาสน์ก็คงจะรู้สึกถึงความกดดันที่ผมกำลังเผชิญอยู่เหมือนกัน
            “ให้ลุงหมอไปดูอาการโบอิ้งที่บ้านแล้วกันครับ เรารอรถพยาบาลไม่ได้หรอก เราต้องรีบออกจากที่นี่”  ผมบอก
            “ได้ครับคุณชาย”  คุณภาสน์รับคำสั่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินแยกออกไปอีกทาง
            “เธอ...ลุกไหวไหม”  ผมถามพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วอย่างบ้าระห่ำ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกลัวว่าเธอจะไม่ยอมคุยกับผมอีก
            “...หวะ...ไหว”  เธอตอบกลับมาสั้นๆ แล้วพยายามใช้แขนยันพื้นเพื่อพยุงร่างตัวเอง แต่เธอก็ทำไม่สำเร็จ
            “งั้นฉันอุ้มเธอไปแล้วกัน”  ผมบอกแล้วถือวิสาสะรวบร่างของโบอิ้งขึ้นมา ก่อนจะพาเธอมุ่งหน้าไปยังรถของคุณภาสน์ที่จอดรออยู่ใกล้ๆ ประตูหลังของโรงเรียน
            คุณภาสน์รับหน้าที่ขับรถพาผมไปส่งที่บ้าน ส่วนลูกน้องที่เหลือทำหน้าที่เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ตำรวจจะรู้เรื่อง ในวงการนี้การฆ่าใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย จนบางครั้งผมก็นึกกลัวว่าสักวันคนรอบข้างของผมจะเป็นอันตราย
            ระหว่างทางที่มาที่บ้านโบอิ้งไม่ยอมพูดอะไรเลยนอกจากนั่งตัวสั่นและกอดตัวเองไว้เงียบๆ ความเงียบแบบนี้ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะทำให้ผมรู้สึกกังวลได้มากขนาดนี้ ผมไม่สามารถประเมินสถานการณ์ใดๆ ได้เลยภายใต้ความเงียบที่เธอส่งมาให้
            เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงบ้านก็พบว่าทีมแพทย์และพยาบาลประจำครอบครัวของผมมารออยู่แล้ว ผมรีบให้พวกเขาตรวจดูอาการของโบอิ้งทันที ส่วนผมก็แยกมาเย็บแผลที่คิ้วอีกห้องหนึ่ง โชคดีที่กระสุนแค่แฉลบทำให้เย็บไปแค่ 4 เข็ม ถ้าไม่เป็นเพราะว่าผมอยู่ใต้น้ำ ป่านนี้กระสุนคงเจาะทะลุสมองของผมไปแล้ว
            ที่จริงผมไม่ชอบวงการนี้เลย แต่พ่อผมบอกเอาไว้ว่า เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะทำได้ โอเชี่ยนคอป. จึงมุ่งทำแต่ธุรกิจแบบใสสะอาด ต่างจากแก๊งอื่นๆ ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินและขยายอำนาจของตัวเองโดยไม่สนใจใคร สิ่งนี้จึงทำให้วงการนี้น่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะรับรู้ได้นอกจากจะมาสัมผัสด้วยตัวเอง คนทั่วไปอาจจะมองว่ามันเท่และใครบางคนอาจจะอยากเข้ามาอยู่ แต่สำหรับผม...       ผมไม่เคยคิดอยากเป็นทายาทรุ่นที่ 10 ของแก๊งมาเฟียโอเชี่ยนคอป. เลย!
 
            [โบอิ้ง # Talk]
            “นี่...เพื่อนโห้ ตื่นได้แล้ว -o-”
            จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดที่ไหล่ก็เลยดันเปลือกตาหนักๆ ของตัวเองขึ้น ฉันเห็นภาพของโปรดอยู่ข้างๆ แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าใช่เรื่องจริงรึเปล่าเพราะภาพมันเลือนรางเหลือเกิน
            “ลืมตาขึ้นมาสักทีสิ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วง!”  โปรดพูดพร้อมกับใช้นิ้วถ่างตาทั้ง 2 ข้างของฉันขึ้น
            “พอแล้วๆ...โอ้ย!”  ฉันพยายามเอามือโปรดออกไปจากหน้า แต่มันรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่ต้นแขนซ้ายทำให้ฉันต้องปล่อยมือจากโปรดมาจับที่ไหล่ตัวเองแทน
            แผล!...งั้นแสดงว่าเรื่องทั้งหมดนั่น.... O_O!
            “เธออย่าบอกนะ ว่าเธอคิดว่าที่เพิ่งหนีตายกับพี่ชายฉันเป็นความฝัน =_=”  โปรดทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียงพร้อมกับจับให้ฉันลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ถึงจะปวดแผลแต่ก็ต้องยอมลุกมาคุยกับคุณเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
            อ่านสีหน้าฉันออกขนาดนั้นเลยหรอ -_-;
            “แต่...มันมีคนตายด้วยนะ”  ฉันตอบด้วยเสียงแหบพร่าจนตัวเองตกใจ นี่ฉันไม่สบายหรอเนี่ย =_=;
            “...ซึ่งโชคดีมากที่หนึ่งในนั้นไม่ใช่เธอ”  โปรดต่อท้ายประโยคให้ด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเรื่องการตายมันเป็นเรื่องที่นางคุ้นชินมานาน
            “แบบนี้แหละฉันถึงทั้งหวงแล้วก็ห่วงพี่ปาว ยิ่งใกล้อายุยี่สิบฉันยิ่งห่วง”  โปรดพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
            เอ๊ะ! จะว่าไปตอนนั้นฟานกับท็อทก็พูดถึงเรื่องอายุปาวเหมือนกันนี่นา -_-?
            “เรื่องอายุมันเกี่ยวกับการไล่ยิงกันด้วยหรอ”
            “ใช่น่ะสิ เพราะอายุจะยี่สิบนี่แหละ มันเป็นช่วงที่พี่ปาวต้องเริ่มเข้ามาศึกษาดูงานธุรกิจของครอบครัวเพื่อเตรียมตัวสืบทอด เพราะฉะนั้นคนที่มันคอยขัดแข่งขัดขาไม่อยากให้เรามีทายาทสืบทอดก็เลยต้องพยายามกำจัดพี่ปาวก่อนที่จะขึ้นเป็นประมุขตัวจริง!”  โปรดยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปอีก พูดอย่างกับการสืบทอดทายาทอสูรแน่ะ -_-;;
            “เธอช่วย...พูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม ฉันไม่เข้าใจ”
            “เอ้อ! ลืมไปว่าเธอสมองบื้อ”  โปรดร้องขึ้นอย่างคิดได้ ถ้าฉันไม่อยากฟังข้อมูลลับจากยัยโปรด ฉันไม่ปล่อยยัยนี่ไว้แน่ -*-!
            “ก็ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมแค่เตรียมสืบทอดธุรกิจของที่บ้านต้องไล่ฆ่าไล่แกงกันขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง”
            “เพราะว่าพวกเราไม่ใช่ครอบครัวนักธุรกิจธรรมดาไง...วงการนี้น่ากลัวนะ ฉันถึงต้องคอยกีดกันผู้หญิงที่พยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตพี่ปาว”  โปรดพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้นจนฉันเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
            “ตกลง...พวกเธอเป็นใครกันแน่”  ฉันถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจนัก ถึงจะยังไม่พร้อมที่จะรับฟังคำตอบแต่มันก็ได้ถามออกไปแล้ว รับไม่ได้ยังไงก็คงต้องรับมันไว้ก่อนแหละ...แล้วถ้าเกิดเป็นพวกค้ายาหรือว่าค้าอาวุธเถื่อนขึ้นมาพวกเขาจะเก็บฉันหลังจากรู้ความลับนี้ไหมนะ >_<!!
            “...มาเฟีย”  โปรดบอกเสียงเรียบ สีหน้าและท่าทางของยัยนั่นมันบอกฉันในทันทีว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่เธอชอบพูดบ่อยๆ
            มันคือเรื่องจริง!!! -[ ]-!
            “มา...มาเฟีย...งะ...งั้นหรอ”  ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความกลัว
            “แบบนี้ไงล่ะ แค่เข้ามาเตรียมตัวเป็นผู้บริหาร พี่ชายฉันก็เลยต้องโดนเล่นงาน...เธอเข้าใจเหตุผลแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องทำตัวเป็นแฟนพี่ปาว”
            “นี่เธออำฉันเกินไปแล้วนะ มาฟงมาเฟียที่ไหนกันนี่มันไม่ใช่นิยายนะ วู้!”  ฉันปฏิเสธสิ่งที่ได้ยินเต็มที่แล้วรีบพาร่างที่โงนเงนของตัวเองลุกขึ้นจากเตียง
            “เธอจะไปไหน”  โปรดเดินมาจับแขนฉันไว้เหมือนจะเข้ามาพยุง แต่นางคงไม่เคยพยุงใครก็เลยมีท่าทางเก้ๆ กังๆ
            “จะกลับบ้าน”
            “ฉันว่าเธอนอนพักอีกหน่อยดีกว่า นี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเอง” 
            “นั่นสิ เธอน่าจะพักอีกหน่อยนะ”  ปาวเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ประตูห้องพร้อมกับกระเป๋านักเรียนของฉัน
            “มะ..ไม่เป็นไร”  ฉันพูดตะกุกตะกักพร้อมกับก้มหน้างุดๆ แล้วพยายามแทรกตัวเองออกจากประตูที่ปาวยืนขวางอยู่
            “เดี๋ยว!”  ปาวเรียกฉันเอาไว้ ทำเอาฉันตกใจจนสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
            ถึงฉันจะปฏิเสธโปรดไปแล้วว่ามาเฟียมันไม่มีจริง แต่ฉันก็กลัวพวกเขาอยู่ดี หลังฐานหลายอย่างมันชี้ชัดว่าพวกเขาเป็นมาเฟียตัวจริงเสียงจริง T^T
            “กระเป๋าล่ะ”  ปาวชูกระเป๋านักเรียนของฉันขึ้น  “แม่บ้านจัดการให้แล้ว แต่พวกสมุดเล่มสองเล่มที่อยู่ในกระเป๋ามีบางหน้าที่มันเลือน...”
            “ขอบใจ!”  ฉันไม่รอให้ปาวสาธยายอะไรมากไปกว่านี้ ฉันรีบคว้ากระเป๋ามากอดไว้แล้วรีบวิ่งลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
            บริเวณเชิงบันไดมีชายชุดดำ 2 คนยืนอยู่ และตรงหน้าประตูมียืนเฝ้าอีก 4 คน ฉันเลยได้แต่ยืนจังก้าอยู่ตรงทางลงบันได ถ้าเกิดฉันวิ่งพรวดพราดลงไปพวกนั้นมันจะไม่ยิงฉันไส้แตกหรอ โอ้ย! จะบ้าตาย >_<!
            “นี่! เธอเป็นอะไรไหมเนี่ย เหงื่อท่วมเชียว”  ปาวมาแตะที่ข้อศอกฉัน
            “เหวอ!!!”  แต่เพราะความที่ฉันตกใจมากไปหน่อย ก็เลยผวาจนเสียหลักจะหงายหลังลงจากบันได!
            “เฮ้ย!! ระวังหน่อยสิ”  ปาวรวบเอวฉันไว้ได้ทันก่อนที่กลิ้งลงไป แต่เพราะเสียงโวยวายของพวกเราทำให้ชายชุดดำที่อยู่ตรงเชิงบันไดด้านล่างรีบวิ่งขึ้นมาดู
            “ไม่มีอะไร”  ปาวบอกเสียงเข้มทำให้พวกนั้นวิ่งลงไปยืนที่เดิม เขาพาฉันเข้ามายืนให้ห่างจากบันไดนิดหน่อย ดูท่าทางเขาเหมือนจะอึดอัดนิดหน่อยที่เข้ามาแตะตัวฉัน
            “ขอบใจนะ”
            “มะ...ไม่เป็นไร”  ปาวตอบ  “ว่าแต่เธอจะกลับบ้านเลยหรอ”
            “ใช่”
            “เปลี่ยนชุดก่อนไหม”  ปาวมองลงมายังชุดที่ฉันใส่อยู่ ฉันเลยก้มลงมองบ้าง
            “เฮ้ย!!”
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา