รักใสใส...แอบปันใจให้นายพี่ชาย

7.3

เขียนโดย Vlinderz

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 01.04 น.

  6 chapter
  11 วิจารณ์
  8,660 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 16.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) พลาสเตอร์สีเนื้อ >__<

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ แกๆ คนนั้นปะที่เป็นข่าวกันพี่แม็ททิวอะ ” วันนี้ตั้งแต่ฉันเดินเข้าประตูโรงเรียนมา เสียงซุบซิบ
นินทาต่างๆ นาๆ และสายตาแสนอาฆาตหลายคู่ ถูกเพ่งเล็งมาที่ฉัน เพราะอะไรนะเหรอ ก็ข่าวบ้าๆ
ของฉันกับพี่แท็วทิวในเว็บบอร์ดโรงเรียนเมื่อวานไง แหมรูปชัดซะขนาดนั้น คงไม่รู้หรอกมั้งว่าผู้
หญิงในรูปเป็นใคร ขนาดพักเที่ยงนะแค่ฉันเดินไปซื้อข้าวคนทั้งโรงอาหารแทบจะหันมามองฉันเป็น
ตาเดียว รู้สึกเหมือนไปฆ่าใครตายเลย แพรวก็เป็นไปกับเค้าด้วย ถามซักไซ้ฉันตลอดทั้งคาบไม่
เป็นอันต้องเรียนกันพอดีวันนี้   เห้ออออ
“ แก จะบอกฉันได้หรือยัง ตกลงเรื่องของแกกับพี่แม็ททิวมันเป็นมายังไง แล้วไปคนกับตอนไหน
ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว ทำไมฉันถึงไม่รู้ นี่ฉันเป็นเพื่อนแกนะ “ แพรวเปิดประเด็นทันทีที่ฉันวางจาน
ข้าวลงบนโต๊ะ
“ แกเลิกจินตนาการไปเองแล้วฟังนะ คือเมื่อวานฉันไปซื้อการดาษรายงาน บังเอิญเจอพี่เค้าที่ซุป
เปอร์ฯ แล้วฝนก็ดันตก ฉันไม่ได้ถือร่มไปพี่เค้าก็เลยเดินมาส่งฉันที่บ้าน แค่นั้นแหละ ” ฉันตัดสิน
ใจเล่าให้แพรวฟัง
“ หึยยย กางร่มเดินมาส่งที่บ้านท่ามกลางสายฝน โอ้ยย โรแมนติกอะ ” ตอนนี้ยัยเพื่อนตัวแสบ
ของฉันกำลังเพ้อฝันเข้าขั้นเพ้อเจ้อเลยก็ว่าได้
“ มันแค่นั้นจริงๆ เหรอ ฉันว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่ ”  สายตาจับผิดของนางจ้องมาทางฉัน
“ กอผ่งกอไผ่อะไรของแก กะ..ก็ ฝนมันตก แล้วไฟที่คอนโดพี่เค้าดับไง ฉันก็เลยชวนเค้ามารอที่
บ้าน แต่แม่ก็อยู่ด้วยนะ เป็นแก แกจะปล่อยเค้าไปอยู่มืดๆ ทั้งๆ ที่เค้าเดินมาส่งแกอะนะ ” ฉันพูด
ไปกินไป เพื่อให้ทุกอิริยาบทของฉันดูปกติที่สุด 
“ ฮันแน่ๆ ไหนบอกไม่มีอะไรไง แล้วแกจะสนใจทำไมว่าเค้าจะกลับไปอยู่มืดๆ มีพิรุธนะเนี่ย ” ฉัน
ก็ยังก้มหน้าก้มตากินต่อไปโดยไม่สนใจที่แพรวพูด
“ ถ้าเป็นฉันนะ โอ้ยยไม่อยากจะคิด >__< ”  ไม่ต้องบอกก็รู้แค่นางอ้าปากฉันก็รู้และว่านางกำลัง
คิดอะไร
“ ได้ข่าวว่าแกเป็นเด็กเรียน แล้วไอ้ที่พูดเมื่อกี้คือ .... ”
“ แหม  เด็กเรียนอย่างฉันก็มีหัวใจนะยะ ” แพรวทำหน้าบูดใส่ฉัน ก่อนจะลงมือตักข้าวใส่ปาก
หลังจากที่เราสองคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันกับแพรวก็ไปหาข้อมูลทำรายงานที่อาจารย์บี
พึ่งสั่งสดๆร้อนๆตอนคาบที่แล้วที่ห้องสมุด
 
-ห้องสมุด-
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินหาหนังสือที่ต้องการอยู่นั้น
“ ทำไมพี่ต้องไปกับนังนั้นด้วย ไหนบอกจะรีบกลับไปทำรายงาน แล้วข่าวนี่คืออะไร รินต้องการคำ
ตอบค่ะ “  ไอรินกับพี่แม็ททิวกำลังคุยกันอยู่ในโซนในสุดของห้องสมุด
“ ฝนตกครับ ผมก็เลยไปส่งน้องเค้า ”
“ ทำไมต้องไปส่งคะ กับรินพี่ไม่เห็นจะสนใจเลย ขนาดรินพูดกับพี่อยู่พี่ยังเอาแต่อ่านหนังสือ แล้ว
จะให้รินคิดยังไง ”
“ ขอโทษนะรินพี่จะอ่านหนังสือ ”
“ กรี๊ดดด พี่แม็ททิว !! ” ด้วยเสียงอันแหลมสูงของไอริน ทำให้อาจารย์ประภา บรรณารักษ์
ประจำห้องสมุดเดินมาเตือน ไอรินเดินกระแทกเท้าออกจากห้องสมุดโดยไม่สนใจสายตาของคน
รอบข้างที่มองเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันเดินไปหาพี่แม็ททิวด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ
“ เอ่อ ...  เรื่องข่าวนั้น ”
“ ผมไม่สนใจหรอก ” พี่แม็ททิวตอบกลับมาแทบจะทันทีที่ฉันพูดจบ สายตาของพี่เค้ายังคงจับ
จ้องอยู่ที่หนังสือในมือ เห็นดังนั้นฉันเลยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ คนอะไรก็ไม่รู้
หลงตัวเองชะมัด ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ฉันสนใจตัวเองมากกว่าเพราะฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเสีย
หาย
 
     วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของฉัน หลังเลิกเรียนฉันจึงอยู่ทำความสะอาดห้อง กว่าจะเสร็จก็
เย็นจนเกือบจะค่ำแล้ว ก่อนกลับบ้านฉันแวะล้างมือที่ห้องน้ำหลังตึกเรียน อยู่ๆ ประตูทั้งสองด้านก็
ถูกล๊อกจากด้านนอก ด้วยความตกใจฉันวิ่งไปที่ประตูทันที
“ ปัง ๆ เปิดนะ ปัง ๆ ๆ ๆ ” ฉันรัวมือไปที่ประตู
“ อย่ายุ่งกับพี่แม็ททิวอีก แค่นี้ยังน้อยนะ ถ้าเธอไม่ยอมฟังคำเตือนจากฉัน เธอโดนหนักกว่านี้แน่ ”
เสียงแหลมเล็กดังมาจากหน้าประตู น้ำเสียงของเธอทำให้ฉันจำได้ทันที
“ ไอริน ...   ไอรินใช่ไหม เปิดนะ เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย ฉันกับพี่เค้าไม่ได้เป็นอะไรกันนะ ”
“ งั้นเธอก็เลิกอ่อยเค้าสิ อยู่ห่างๆ เค้าไว้ อย่ามายุ่งกับของๆ ฉัน “ ฉันก็ได้ยินฝีเท้าที่กำลังห่าง
ไกลออกไป  ใจฉันเต้นเร็วจนรู้สึกได้
“ ปังๆ ๆ  ๆ  เปิดนะไอริน .....    ไอริน  !!    ปัง ๆ  ๆ   ๆ ” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ  รอบตัวของ
ฉันมีแต่ความเงียบ ฉันรัวมือใส่บานประตูเรื่อยๆ จนรู้สึกปวดไปมั่วทั้งมือ ในเวลาแบบนี้ทุกคนคง
กลับบ้านกันหมดแล้ว ความสิ้นหวังทำให้น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลรินอาบแก้มของฉัน  ความเงียบ
ทำให้ฉันรู้สึกกลัว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่เหมือนฉันเริ่มจะมีหวังขึ้นมา เมื่อฝีเท้าของใคร
บางคนดังแว้วๆ อยู่ไกล 
“ ช่วยด้วยค่ะ !!!  มีใครอยู่ข้างนอกไหม ปัง ๆ ๆ ๆ ” ฉันรัวมือใส่ประตูอีกครั้ง ตะโกนออกไปอย่าง
สุดเสียง  ปัง ๆ ๆ ๆ  ๆ ความปวดร้าวที่มือทำให้น้ำตาไหลของฉันไหลออกมาอย่างไปขาดสาย
“ ใคร !! ใครอยู่ในนั้น ” เสียงทุ้มๆ ของใครบางคนตะโกนอยู่หน้าห้องน้ำ ฉันจำมันได้ดีไม่รู้ตั้งแต่
เมื่อไหร่ที่มันถูกฝังลงไปในโซนประสาทของฉัน
“ พี่แม็ททิว!! ใช่พี่หรือเปล่า ช่วยเนด้วย ปัง ๆๆๆ ”
“ เน ! รอแปบนะ จะไปหาอะไรมางัดกุญแจ ” ถึงมันจะเป็นเสียงที่ราบเรียบ แต่มันก็ทำให้ฉันใจชื้น
ขึ้นมา ไม่นานพี่เค้าก็กลับมาพร้อมกับงัดกุญแจที่อยู่หน้าประตู ทันทีที่ประตูเปิด ฉันดีใจจนพูดอะไร
ไม่ออก ยืนทื่อเป็นหินอยู่อย่างนั้น น้ำตาที่รื้อขึ้นมา ทำให้ฉันมองเห็นคนตรงหน้าไม่ชัด
พี่เค้าดึงมือฉันให้เดินตามไป ฉันไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ตลอดทางพี่เค้าไม่ได้พูดอะไร เราหยุดนั่ง
ตรงม้าหินหน้าตึก 1 ในใจของฉันตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า ในหัวตื้อไปหมด พี่เค้าจับมือที่สั่นเทา
ของฉันขึ้นมาพิจารณา
“ เจ็บหรือเปล่า ” เสียงเย็นของพี่เค้าทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น ถึงสีหน้าจะเรียบเฉย แต่แววตาบ่งบอก
อะไรบางอย่าง มันดูร้อนรน ดูกลัว ฉันเองก็ไม่เข้าใจ แว็บเดียวเท่านั้นแค่แว็บเดียวที่ฉันเห็น แล้ว
มันก็กลับมาเยือกเย็นเหมือนเดิม  
“ กลับเถอะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง ” เราสองคนเดินกลับบ้านด้วยกัน
“ ทำไมพี่ถึงยังไม่กลับคะ” ฉันเอ่ยปากถามเพื่อทำลายความเงียบ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร
ระหว่างทางพี่เค้าแวะซุปเปอร์ฯแปบนึงเพื่อซื้อของ ไม่นานเราสองคนก็เดินมาถึงบ้านของฉัน
“ มีอุปกรณ์ทำแผลหรือเปล่า ”  พี่แม็ททิวถามขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูรั้ว
“ มีค่ะ ยังไงก็ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ ถ้าไม่ได้พี่คืนนี้เนคงนอนในห้องน้ำ ” ฉันตอบไปแบบยิ้มๆ
“ เดี๋ยวผมทำแผลให้ ” ประโยคสั้นๆ ทำให้ฉันนิ่งค้าง สีหน้าเรียบเฉยของพี่เค้าทำให้ฉันไม่อาจรู้
ได้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่  บ้านมืดแบบนี้แม่คงกลับดึกอีกตามเคย ฉันเชิญพี่เค้ามานั่งที่โซฟา
ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล พี่เค้าทำแผลให้ฉันโดยไม่พูดอะไร เค้าบรรจงทายาอย่าง
เบามือ สัมผัสของเค้าทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ฉันพึ่งเคยเห็นพี่เค้าใกล้ๆ แบบนี้ก็ครั้ง
แรกนี่แหละ ไรผมที่ลงมาปรกหน้าช่างรับกับใบหน้าคมคายของเค้า ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติ
ทำไมนะฉันถึงรู้สึกว่าพี่เค้าดูดีจัง นี่ฉันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ระหว่างที่ฉันอยู่ในความสับสน พี่เค้า
หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันดูเหมือนพลาสเตอร์
“ ทำไมถึงไม่ใช้พลาสเตอร์ธรรมดาปิดละคะ ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ แผลไม่ได้ลึกครับ แค่ถลอกธรรมดา ถ้าปิดแบบหนาอากาศจะเข้าไม่ได้ ปิดกันฝุ่นเข้าเฉยๆ ” จบ
ประโยคนั้นพี่เค้าก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง เราสองคนไม่ได้ปริปากพูด
อะไรกัน ฉันนั่งดูทีวีค่าเวลา ส่วนพี่เค้าก็จับจ้องอยู่ที่หนังสือ ทำไมแม่ยังไม่กลับสักที เริ่มหิวแล้วนะ
เหมือนกระแสจิตของฉันจะส่งไปถึงแม่ รถของท่านก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านโดยทันที
“ ไงจ้ะลูกสาว หิวไหมๆ ” แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือของพลุงพลัง
“ ผมช่วยนะครับ ” พี่แม็ททิวรับของจากแม่มาถือไว้ในมือ
“ อ้าว แม็ททิว พอดีเลยลูก อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ” พี่แม็ททิวถือของตามแม่เข้าไปในครัว
“ คือ พรุ่งนี้ผมมีสอบครับ ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือ กะว่าอยู่เป็นเพื่อนน้องรอคุณน้ามาผมก็จะ
กลับเลยครับ ” ถึงเสียงจะอยู่ในครัวแต่ฉันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันเดินไปส่งพี่เค้าหน้าบ้านก่อน
จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ ยังไงก็ขอบคุณจริงๆ นะคะ ” ฉันมองตามแผ่นหลังของเค้าจนมันลับสายไป
 
         คืนนั้นฉันพยายามข่มตาให้หลับ ใบหน้าของพี่เค้ามันลอยไปลอยมากวนใจฉัน ที่พี่เค้าไม่
ยอมกลับเพราะแบบนี้เอาเหรอ ฉันกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหม พลัสเตอร์สีเนื้อที่มือทำให้ฉัน
รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือพี่เค้า นี่ฉันกำลังหน้าแดงใช่ไหม ความร้อนอ่อนๆ เกิดขึ้นบนแก้มจนรู้สึก
ได้ ความรู้สึกนี่คืออะไรกัน ฉันใช้ผ้าห่มนุ่มๆห่มตัวก่อนจะผลอยหลับไป
 
 
แม็ททิวจะรู้ไหมว่าใครเป็นคนแกล้งเน ???
 
---------------------------- โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ -----------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา