สัญญาแห่งรักจากอดีต

9.6

เขียนโดย Soman

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.43 น.

  10 บท
  30 วิจารณ์
  11.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558 16.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เริ่มรู้จักตัวตนของเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               เวลา 20.00 น.  เอสเพิ่งจะขับรถออกจากบริษัท  เพราะวันนี้เขากะจะทำงานให้เสร็จ  แต่สุดท้ายก็ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้านเหมือนเดิม  ก่อนที่จะเข้าบ้านเขาไม่ลืมที่จะจอดรถแวะซื้ออาหารตามร้านแผงลอยข้างถนนแถวปากซอยบ้านของเขา  เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เขาได้จัดการกับอาหารที่ซื้อมาจนเรียบร้อย  เมื่อนั่งรอจนอาหารย่อยได้สักพักหนึ่ง เขาลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายที่กรำเหงื่อมาทั้งวัน  กว่าจะเสร็จกิจส่วนตัวของวันนี้ก็ปาเข้าไปถึง 5 ทุ่มกว่า  เขาเดินมาที่โต๊ะทำงานภายในห้องนอนของเขา

               ในขณะที่กำลังทำงานอยู่  ใจของเขาก็คอยจะคิดไปถึงแต่ทิพย์  และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

 

               "โอ้ย....นี่เราเป็นอะไรกันเนี่ย  ทำไมเราถึงคอยคิดถึงแต่ทิพย์นะ  ทำงานไม่รู้เรื่องเลย" เขาบ่นให้ตัวเองด้วยอาการที่กระวนกระวาย

               จนเวลาล่วงเลยไปถึง 00.00 น. สติของเขาเริ่มจะลางเลือน  สายตาเริ่มพร่ามัว  ความง่วงเริ่มจะมากขึ้น  มากขึ้น  สุดท้ายเขาก็ฟุบหลับคาโต๊ะทำงานนั้นเอง

 

               เขาเริ่มจะมีสติขึ้นมาอีกครั้ง  แต่สติก็มาไม่เต็มร้อยนัก ยังคงมีความรู้สึกเบลออยู่ด้วย  เขาเห็นว่าเหมือนตัวเองพุ่งผ่านเมฆหมอกอะไรสักอย่างหนึ่ง  พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว  เมื่อผ่านพ้นจากกลุ่มเมฆหมอกออกมาแล้ว  เขาก็เห็นว่าตัวเองลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองอะไรสักอย่าง   มีสิ่งก่อสร้างที่คล้ายตึกอยู่ไม่มาก  ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้เสียมากกว่า  ถนนหนทางก็ดูกว้างขวางดี  แต่ก็จะเห็นเป็นถนนดินลูกรังเป็นส่วนใหญ่  อีกทั้งรถราที่เห็นก็ดูบางตากว่าที่เขาเคยเห็นในชีวิตประจำวัน  รูปทรงก็ไม่คุ้นตา คล้ายๆว่าเคยเห็นแต่ก็ไม่แน่ใจสักเท่าใดนัก  และยังมีรถม้า  รถราง  เอ..นั่นอะไร  ดูคล้ายๆ  ใช่แล้ว นั่นมันสถานีรถไฟหัวลำโพง  ตรงโน้นวัดพระแก้ว  ที่นี่คือกรุงเทพฯ นี่นา  ดูแปลกตาดีจัง ไม่เคยเห็นกรุงเทพฯในลักษณะนี้มาก่อนเลย

               ในขณะที่กำลังเพลินกับการมองดูเมืองหลวงในอดีต  ฉับพลันนั้นเองเขาก็พุ่งออกไปจากสถานที่แห่งนั้น  ภาพต่างๆผ่านตาผ่านความรู้สึกของเขาไปอย่างรวดเร็ว  บ้าน ต้นไม้ ผู้คนและลักษณะการแต่งกาย หนทางที่มีแต่ดินและโคลน ที่เขาพอจะจับใจความได้คือ  เขากำลังพุ่งออกไปนอกเขตเมืองที่เจริญแห่งนี้  แต่จะไปที่ไหนกัน....

               แล้วภาพที่เห็นผ่านตาไปเหมือนกับการเร่งสปีดภาพนั้นก็หยุดเคลื่อนไหว  เขามาหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง  จากลักษณะที่เขาเห็น  เป็นบ้านไม้ทรงไทยยกพื้นสูงหลังใหญ่  มีต้นไม้ดอกไม้ประดับและไม้ผลปลูกอยู่โดยรอบบริเวณบ้าน ดูสงบร่มรื่น  เขารู้สึกว่าชอบบ้านหลังนี้จัง   ในขณะที่กำลังชื่นชมบ้านทรงไทยหลังนี้อยู่  ภาพก็ได้ตัดหายไปกลายเป็นภาพภายในบริเวณบ้าน  เขาได้เข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว  เขามองไปทางชานโล่งกลางบ้าน  และภาพที่เขาเห็นคือ  เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุจากที่คาดคะเน น่าจะประมาณสัก 10 ขวบเห็นจะได้  กับผู้หญิงวัยสาวอีก 3 คน กำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน  สักพักเด็กผู้หญิงก็หยุดวิ่ง  แล้วพูดคล้ายตะโกน  ในลักษณะไม่ค่อยพอใจ

               "พี่อ่อน พี่แก้ว พี่พิศ หน่ะ  รวมหัวกันแกล้งหนูอีกแล้ว  หนูเหนื่อยแล้วนะ..ฮึ!!"

               "โอ๋ๆ..คุณหนู สร้อยทองคะ  พวกพี่ขอโทษค่ะ  มัวแต่สนุกจนเพลิน  ยกโทษให้พวกพี่เถอะนะคะ"  เสียงของหนึ่งในสามคนรีบร้องบอก

 

               เมื่อเขาได้ยินเสียงการสนทนากันของพวกเธอ เขาก็ฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง  คุณหนู สร้อยทอง  เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อ สร้อยทอง  แถมยังถูกเรียกว่าคุณหนู  ท่าทางคงจะเป็นลูกเจ้าของบ้านหลังนี้  และน่าจะเป็นคนที่มีฐานะดีหรือไม่ก็ตระกูลสูง  ส่วนผู้หญิงสามคนนั้น น่าจะเป็นคนรับใช้ หรือไม่ก็พี่เลี้ยงเป็นแน่  เอ..หรือเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็น....

               ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเอง ภาพก็หายไปอีกครั้งหนึ่ง  สักพักก็มีภาพปรากฏขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เป็นภาพที่คล้ายกับการฉายหนังให้เขาดู  คล้ายกับเป็นการเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เธอยังเด็กจนกระทั่งโตเป็นสาว

 

               พ่อของเธอเป็นลูกคนจีนที่อพยพครอบครัวมาจากเมืองจีน  เข้ามาทำมาค้าขายในเมืองไทย  และก็ได้สาวไทยเป็นภรรยา  ด้วยความขยันบวกกับความเจ้าเล่ห์คดโกงของพ่อเธอ ทำให้มีกิจการเป็นเจ้าของโรงสีข้าว  มีที่นาของตัวเองเป็นร้อยๆไร่  และยังมีกิจการค้าขายที่ครอบคลุมไปหมดเกือบจะทั้งหมู่บ้าน  มีชาวบ้านในหมู่บ้านและในละแวกใกล้เคียงเป็นลูกหนี้อยู่มากมาย  ด้วยการคิดดอกเบี้ยที่แพงจึงทำให้ทรัพย์สินมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่พอมีปัญญาใช้หนี้ก็แทบจะอดมื้อกินมื้อ  ที่ไม่มีจ่ายก็ถูกยึดที่นา  บ้างก็ส่งลูกสาวมาขัดดอกหรือไม่ตัวเองก็ยอมมาเป็นทาส  น้อยรายที่จะรอดพ้นจากการเป็นลูกหนี้ของพ่อเธอ  ต่อมาเมื่อมีการประกาศเลิกทาสโดยสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ.2448 โดย รัชกาลที่ ๕ ที่บ้านของเธอจึงมีจำนวนทาสลดลง  แต่ก็ยังคงเหลือผู้ที่ยังคงอยู่เพราะไม่รู้จะทำอะไรบ้าง  อยู่โดยมีการเปลี่ยนคำเรียกว่าทาสเป็นคนรับใช้และมีการรับเงินเป็นค่าจ้างบ้าง  หรืออยู่เพราะตกเป็นเมียน้อยของพ่อเธอบ้าง

               สร้อยทอง  ด้วยความที่เป็นลูกของเจ้าของบ้านมีคนรับใช้มากมายที่คอยเอาอกเอาใจ  และความเป็นอยู่ที่สุขสบาย  จึงเป็นคนที่เอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก  ผิดใจเป็นไม่ได้เธอจะอาละวาดจนต้องยอมกันทุกครั้งไป  นั่นคือข้อเสียของเธอ  แต่เธอมีข้อดีคือ ไม่ดูถูกคนที่มีฐานะต่ำกว่าและยังพอมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่บ้าง  และที่สำคัญคือ เธอมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณที่สวยงาม  ผิวขาวของเธอดูสะดุดตาในย่านนี้เพราะเธอมีเชื้อสายจีนที่ขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  แถมเธอยังไม่ได้ทำงานหนักต้องตากแดดตากลมเหมือนลูกสาวชาวบ้านชาวนาแถวนี้  จึงยิ่งทำให้เธอดูสวยโดดเด่นมากขึ้นไปอีก  เธอเป็นเปรียบเสมือนนางฟ้านางสวรรค์ของหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่และเลยวัยหนุ่มไปแล้วในหมู่บ้านและในละแวกใกล้เคียง  ที่ใครๆต่างก็หมายปอง  แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะกลัวอิทธิพลของพ่อเธอ  ฉะนั้นความสวยของเธอจึงเปรียบเสมือนปลาทองในขวดโหล

               เธอไม่ค่อยมีเพื่อนหรือคนที่เธอจะสนิทด้วยมากนัก  เธอจะมีคนที่สนิทที่สุดอยู่เพียงสามคนก็คือพี่เลี้ยงทั้งสามของเธอ ที่ชื่อ อ่อน แก้วและพิศ ที่เป็นเพื่อนเล่นกับเธอมาตั้งแต่เด็ก  และมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เป็นประจำ  ไม่ว่าจะหนีไปเที่ยวงานประจำปีในหมู่บ้าน  หรือไปเที่ยวนอกหมู่บ้าน ฯลฯ  เธอมีเพื่อนเพียงแค่นั้นจริงๆ

               จากที่เขาเห็นเหตุการณ์ต่างๆในฝันนั้น  ถ้ามองเพียงผิวเผินภายนอกนั้น  เหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีเกิดมาพร้อมกับความสวยที่หมดจด  และมีความสุขกับชีวิตที่แสนจะสะดวกสบาย  แต่สิ่งที่เขาเห็นลึกเข้าไปถึงจิตใจของเธอคือ  ความทุกข์ที่ทับถมกันอยู่ภายในจิตใจของเธอ  เธอไม่มีความสุขกับชีวิตที่ใครๆต่างก็อิจฉาเอาเสียเลย  ทำไมเธอจึงมีแต่ความทุกข์เล่าหนอ.....

               เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ของเธอ  เขาเกิดความสงสารเธอขึ้นมาอย่างจับใจ  จนเหมือนว่าจะมีเสียงสะอื้นไห้ออกมาจากใจของเขา  จากเพียงแค่ความรู้สึกอาการสะอื้นภายในเบาๆ  มันเริ่มจะแรงขึ้น แรงขึ้นมาเรื่อยๆ  แล้วเขาก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมา  จนกระทั่งเขาได้สติรู้ตัวตื่นขึ้นมาจากความฝัน.

 

               เอส สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพร้อมกับการร้องไห้สะอึกสะอื้น  เขาพยายามตั้งสติเพื่อหยุดความเศร้าความสงสารที่ครอบงำจิตใจของเขาในเวลานี้  จนกระทั่งเขาหยุดอาการสะอึกสะอื้นได้แล้ว  จิตใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ  เขาเริ่มครุ่นคิดใคร่ครวญถึงความฝันเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

 

               "ผู้หญิงที่เราฝันเห็นมาตลอดคือเธอสินะ  สร้อยทอง"

               เขาหันไปมองนาฬิกา  แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะทำงานไปอาบน้ำ  เตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน  เริ่มต้นชีวิตในเช้าวันใหม่ที่ยังคงดำเนินไปตามปกติ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา