Creepypasta Family The Broken Myth

9.5

เขียนโดย Leragan

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.

  24 chapter
  9 วิจารณ์
  38.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ทายาทของความหายนะ (Son Of Postal)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               ดิ๊ง..ด๊อง เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้น บ่งบอกถึงเวลาเลิกเรียน ทำให้เกิดเสียงเฮฮาทางฝั่งของนักเรียนมัธยมต้น ในขณะที่นนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลับเดินออกมาเป็นกลุ่ม เป็นคู่ บ้างก็เดินไปที่อาคารชมรมของตน บ้างก็เดินไปสนามกีฬา บ้างก็กำลังเดินออกจากรั้วโรงเรียน
               ในเส้นทางเดินออกจากโรงเรียนเป็นเส้นทางที่ทอดยาวออกไป มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยกำลังก้าวเดินอยู่บนเส้นทางแห่งนี้ แสงอาทิตย์ในยามบ่ายส่องแสงสว่างใส่เหล่านักเรียนในเครื่องแบบของโรงเรียนจนก่อให้เกิดเงาทอดยาวออกมาจำนวนมาก แม้แสงแดดจะส่องแสงใส่เหล่าหนุ่มสาวมากเพียงใด แต่กลับไม่สร้างความรู้สึกถึงความร้อนแต่อย่างใด
               "ทำไมวันนี้ถึงดูไม่ร้อนนะ.." หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยออกมา เธอยกแขนป้องหน้าเอาไว้ในขณะที่มองดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าออกมา
               "เธอพูดเหมือนอยากจะให้มันร้อนเลยนะ..แคร์ล่า" หญิงสาวที่มีผมสีบลอนด์เหมือนกับแคร์ล่าเอ่ยประชดประชัน
               "ชั้นไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ..ชอว์น" แคร์ล่ารีบหันไปแก้ตัวด้วยท่าทางร้อนรน
               "คิก คิก..ชั้นหยอกหรอกน่า" ชอว์นที่มีท่าทางดูเป็นสาวขี้แกล้งเอ่ยออกมา "อย่าไปเครียดเลยนะ"
               "เธอนี่ก็ชอบแกล้งคนอื่นจังเลยนะ..ชอว์น" หญิงสาวอีกคนหนึ่งเอ่ยออกมา เธอมีเรือนผมสีชมพูยาวประบ่า เป็นทรงบ็อบ เธอเดินอยู่หน้าสุดของกลุ่มที่มีอยู่สามคน
               "เข้าใจแล้วจ้า..แม่เจ้าหญิงริกะ" ชอว์นหยอกริกะกลับ ทำให้หญิงสาวผมชมพูต้องเบือนหน้ากลับมาจ้องเขม็งพร้อมกับทำแก้มป่องใส่ ทั้งที่ยังคงเดินอยู่
               "จ้า..เจ๊ผิดไปแล้วล่ะ ยกโทษให้ด้วยนะ" ชอว์นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วจึงยกมือไปลูบศีรษะของริกะ
               "ไม่!" ริกะหันกลับไป ทำให้ชอว์นต้องรีบง้อทันที
               "โธ่..ริกะ ชั้นขอโทษน้าาา" ชอว์นแสดงสีหน้าออดอ้อน แต่กระนั้นริกะก็ยังคงเชิดหน้าหนี “ชั้นสัญญา..ชั้นจะไม่ทำอีกแล้วล่ะ ยกโทษให้ด้วยนะ”
ริกะถอนหายใจออกมา แล้วหันกลับไปแสดงใบหน้ายิ้มแย้มให้กับชอว์น “งั้นชั้นยกโทษให้ก็ได้”
            ชอว์นก้มหน้าถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มขำเล็กน้อย ทำให้แคร์ล่าและริกะที่หันมาก็ยิ้มกว้างออกมา แต่แล้วสาวผมชมพูก็ชนเข้ากับบางสิ่งจนเสียหลก แต่ชอว์นและแคร์ล่าที่เห็นเหตุการณ์ใช้แขนประคองริกะก่อนจะล้มลงได้ทัน
            “โอ๊ย!” หญิงสาวจับหน้าผากที่ชนเข้ากับสิ่งนั้น ในตอนนี้เธอยังคงไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่เธอชนนั้นคืออะไรจนชอว์นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
            “นี่..นายน่ะเป็นรูปปั้นหรือไง เอาแต่ยืนนิ่งๆไม่แหกตาดูบ้างเหรอว่าใครเค้ากำลังเดินมา” ชอว์นพูดออกมาด้วยความฉุน พร้อมทั้งยังเป็นการแก้ต่างให้ริกะ ..แม้ว่าสาวผมชมพูจะเป็นฝ่ายผิดเต็มๆก็ตาม
            “ขอโทษก็ไม่มีซักคำ ..เป็นผู้ชายซะเปล่า”
            คำๆนั้นทำให้เปลือกตาที่ถูกปิดอยู่ของชายที่ยืนนิ่งเปิดออกมา ปรากฏนัยน์ตาสีแดงโลหิตภายใต้ฮู้ดของเสื้อแจ็กเก็ตสีดำสนิท นัยน์ตาคู่นั้นกวาดมาที่ชอว์นแสดงความน่ากลัวน่าสยดสยองใส่หญิงสาวที่พูดต่อว่าตน ทำให้เธอที่ไปสบตาเกิดอาการขาสั่นเล็กน้อย คำพูดเริ่มติดขัด ส่วนแคร์ล่าที่ขี้กลัวอยู่แล้วจึงได้หลบหลังริกะทันที
            “ชั้นต้องขอโทษด้วยนะค่ะ” ริกะกล่าวขอโทษชายปริศนา แต่สายตายังคงมองไปที่เพื่อนทั้งสอง ก่อนจะกวาดไปมองที่ใบหน้าของชายผู้นั้น
            เมื่อริกะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายผู้นั้นแล้ว เธอแสดงสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชา พร้อมกับหรี่ตามองชายคนนั้นอย่างไม่ลดละ หญิงสาวยันตัวลุกจากอิริยาบถเดิม แล้วแหงนมองหน้าชายคนนั้นอีกครั้ง
            “ฮึ..ฮึ” เสียงหัวเราะในลำคอของริกะแผดเสียงออกมาเล็กน้อย
            “นายกล้าดียังไง..” ริกะยังไม่ทันได้พูดจนจบ เธอได้ยกเท้าขึ้นกลางอากาศเพียงครู่เดียว แล้วจึงพุ่งกระทุ่งใส่เท้าของอีกฝ่าย
            “อั่ก..มันเจ็บนะเฟ้ย ยัยบ้า” เสียงของชายหนุ่มที่แลดูคุ้นเคยดังขึ้น ภายใต้หน้ากากอนามัย
            “ไม่ต้องมาจงมาเจ็บเลย..นี่นายมาแกล้งเพื่อนชั้นทำไม” ริกะพูดสวนกลับ ในขณะที่สองสาวด้านหลังกลับแสดงท่าทางงุนงง
            “ชั้นมายืนรอรับเธอไงล่ะ..ยืนรอตั้งนานแทนที่จะได้ ‘ขอบคุณนะที่รอชั้น’ กลับเป็นโดนกะทืบเท้าแทน..คุ้มกันมั้ยเนี่ย” ชายหนุ่มพูดคล้ายลักษณะคนน้อยใจ แม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ก็ตาม
            “แล้วใครให้นายมายืนรอกันล่ะ..ลาอ้อน” ทันทีที่นามของชายหนุ่มปริศนาถูกเปิดเผย ชอว์นที่รู้เรื่องของชายผู้นี้จากที่ริกะได้เล่าให้ตนฟังจึงไปกั้นระหว่างทั้งสองให้เลิกทะเลาะกัน และสุดท้ายนั่นก็สำเร็จ
            “นี่! ริกะแนะนำเค้าให้รู้จักหน่อยสิ” ชอว์นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นเดียวกับแคร์ล่า ทำให้ริกะต้องถอนหายใจ แล้วจึงเดินไปคั่นกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย
            “แคร์ล่า ชอว์น นี่คือลาอ้อน แม็กซิมัส แฟนชั้นเอง” ริกะพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ เสียงของทั้งสี่หายไปชั่วขณะและยืนนิ่งกันไปหมด มีเพียงเสียงจอแจของนักเรียนที่เดินออกจากรั้วโรงเรียนเท่านั้น
            “อย่าเพิ่ง..นี่แนะนำจบแล้วเหรอ” ลาอ้อนหันขวับมองแฟนสาวที่ยังคงแสดงใบหน้าเรียบนิ่ง เธอยืนยันด้วยการออกเสียงคำว่า ‘อืม’
            “นี่เธอ..แนะนำแฟนแค่นี้เองเหรอ” ลาอ้อนเริ่มเสียงดัง
            “ใช่...” ริกะตอบสั้นๆ
            “เธอนี่จริงๆเลยนะ..โอริซิส ริกาเนะ” หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อชายหนุ่มเอ่ยนามเต็มของเธอ เธอรีบคว้าคอเสื้อของชายหนุ่มทันที
            “นี่นายไปรู้ชื่อนี้มาได้ยังไง” สาวผมชมพูพูดอย่างร้อนรน ในขณะที่ลาอ้อนแสดงสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์
            “พี่ของเธอกับแซนดี้บอกมา” ลาอ้อนตอบริกะออกไปด้วยท่าทางเรียบนิ่งเช่นเดิม
            “พี่นามาเอะ..พี่นะพี่ ยัยอเล็กซานดร้าหัวปลาหมึกก็อีกคน กลับไปจับโกนผมบวชชีแม่ม” ริกะเริ่มหันไปบ่นพึมพำ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับริกะ ที่ชอว์นและแคร์ล่าไม่สามารถรู้สึกถึงได้ ออร่าความมืดมิดปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณรอบข้างของหญิงสาว
            “นี่สินะ..ที่เรียกว่าด้านมืด” ลาอ้อนเดินเข้าไปใกล้ร่างของริกะ ก่อนง้างกำปั้นขึ้นแล้วเขกไปกลางกระโหลกศีรษะของหญิงสาวด้วยความเร็วเสียงอย่างเบามือ ...บรรยายซะเหมือนจะง้างมือทุบให้กบาลแตก
            “โอ้ย! ตาบ้า ทำอะไรเนี่ย” ริกะลูบศีรษะบริเวณที่ถูกเขก
            “ทำให้เธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงไงล่ะ” ลาอ้อนก็ยังคงพูดพร้อมแสดงใบหน้าที่เรียบนิ่ง
            “อืม! ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ละเนี่ย” ริกะพูดหน้านิ่ง
            “นี่เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ!!” ทั้งสามเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงและมองไปในทิศทางเดียวกัน ทางผู้ถูกมองได้แสดงท่าทีเหลอหลาออกมา
            “นี่เธอจำไม่ได้เหรอไงว่าวันนี้เรานัดอะไรกันไว้” ลาอ้อนเริ่มแสดงท่าทางหงุดหงิด
            ริกะเริ่มครุ่นคิดหาว่าวันนี้เธอนัดอะไรไว้กับชายหนุ่มผมทองเบื้องหน้า แต่นึกเท่าไหร่ก็ไม่เห็นว่าจะปรากฏความจริง แต่แล้วชอว์นและคาร์ล่าก็มาสะกิดริกะเพื่อบอกบางสิ่ง
            “ริกะ..วันนี้น่ะเป็นวันที่เธอต้องไปเดทกับลาอ้อน” ชอว์นพูดเตือนสติสาวหัวชมพู เมื่อริกะได้ยินเข้าก็แสดงท่าทีร้อนรน เธอหันไปมองลาอ้อนที่ยืนกอดอกท่าทางดูฉุนเฉียวเอามากๆ เธอหันกลับมามองเพื่อนสาวทั้งสาวที่ต่างพยักหน้าให้ความเพียงว่า ‘จะเอาใจช่วย’
            ริกะถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปทางชายหนุ่มที่มีท่าทางหงุดหงิดพอสมควร หญิงสาวเดินก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม เมื่อก้าวจนอยู่ใกล้พอจะสนทนาจึงก็ได้เอ่ยปาก
            “ไปกันเถอะ..ลาอ้อน” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวเบาจนคนอยู่ห่างกว่าจุดที่เธอยืนอยู่คงไม่ได้ยิน แต่ด้วยพลังของเรียลลิตี้เบนเดอร์ของลาอ้อน ทำให้สามารถขยายเสียงที่เกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะเบาเพียงใดก็ตาม
            “นี่ถ้าชั้นมาคนเดียวก็คงไม่หงุดหงิดอะไรหรอกนะ..แต่นี่มากันตั้งสามคน รวมชั้นกับเธอก็ห้าแล้ว เกรงใจพวกเค้าบ้าง” ลาอ้อนเอ่ยปากเสร็จสิ้น จึงได้ผายมือไปทางด้านหลังแล้วชี้ไปที่อีกด้านนึงของประตู ริกะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้เห็นผู้ที่มายืนรออยู่ตรงทางเข้าของรั้วโรงเรียน
             “แซนดี้จัง..” หญิงสาวแสดงท่าทางดีอกดีใจเมื่อได้เห็นเพื่อนที่อยู่ในคฤหาสน์ด้วยกันมาเป็นเพื่อน ส่วนชอว์นและแคร์ล่าที่เคยได้ยินเรื่องหญิงสาวผู้นี้มาแล้วก็อมยิ้มออกมา
             แซนดี้หรืออเล็กซานดร้าเดินเข้ามาหาริกะด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เธอสวมเสื้อเชิ้ร์ตสีฟ้าน้ำทะเลกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม พร้อมกับสะพายถุงผ้าขนาดเล็กเอาไว้ที่บ่า พร้อมทั้งยังมีหญิงสาวอีกคนที่มีผมสีฟ้าเดินมาข้างหลัง ทีแรกริกะนั้นก็ยังคงสงสัยว่านั่นคือใคร แต่เมื่อใกล้เข้ามาจึงนึกออกมา
             “สวัสดีค่ะ..เจ๊ไอโอน่า” ริกะโบกมือทักทายหญิงสาวผมฟ้าที่กำลังก้าวเข้ามาหา เธอโบกมือรับคำทักทาย ในวันนี้เธอสวมเสื้อกล้ามบางสีดำตรงกลางปรากฏภาพหัวกระโหลก พร้อมกับกางเกงยีนขาสั้นเปิดต้นขาขาวที่มีกล้ามเนื้อยู่บ้างหากสังเกต เมื่อไอโอน่าเดินมาถึงที่ที่ลาอ้อน ริกะ และแซนดี้กำลังยืนอยู่ เธอก็หยิบแว่นกันแดดสีดำที่แนบไว้กับชายเสื้อกล้ามขึ้นมาสวม
              ริกะมองไปที่ทิศทางเดิมก็พบกับชายอีกคนหนึ่งมีผมสีดำยาวประบ่า เขาใส่ชุดแจ็กเก็ตสีน้ำตาลพร้อมกับกางเกงขายาวสีเทา อีกทั้งยังใส่หมวกแก๊ปสีดำมียี่ห้อประดับอยู่ด้านหน้า เขาเดินมาอย่างช้า มือล้วงกระเป๋าเอาไว้ผสมกับใบหน้าที่ค่อนข้างหล่อ ทำให้มีสาวๆมองมาเป็นจำนวนไม่น้อย
              “นั่นใครน่ะ..” ริกะหันไปถามลาอ้อน แม้ตัวของชายคนนั้นจะอยู่ไกลจากริกะพอสมควร แต่เกิดมาหูดีเกินไป หน้าจึงทิ่มลงพื้นทันที ก่อนที่เขาจะยันร่างขึ้นมาอีกครั้งแล้วรีบย่างก้าวไปจ้องเขม็งใส่ลาอ้อน
              “นี่..นายไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับชั้นให้พวกเธอฟังบ้างเลยใช่มั้ย” ชายหนุ่มผมสีชานมจ้องเขม็งใส่ลาอ้อนด้วยดวงตาสีฟ้าอมเขียว          
               “ก็ประมาณนั้นแหละ..เอดจ์ ชั้นลืมบอกไปน่ะ” ลาอ้อนตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย “ไม่เป็นไรหรอกน่า”
               “ถ้าชั้นลืมให้นายเข้าบ้านบ้างก็คงจะไม่เป็นไรใช่มั้ย” คิ้วของเอดจ์กระตุกถี่รัว
               “ใจเย็นๆ ก่อนเพื่อน..อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไป” ลาอ้อนรีบไปเกลี่ยกล่อมเอดจ์ทันที แต่ดูทีท่าของเพื่อนชายของเขาจะยังไม่ยอมรับ เชิดหน้าหนีลาอ้อนอยู่ตลอด เพื่อนสาวทั้งหลายต่างพากันหัวเราะกับคู่นี้ไประยะหนึ่ง
               “งั้นแยกทางกันตรงนี้เลยละกัน..ลาก่อน ริกะ เดี๋ยวเจอกันใหม่นะ” ชอว์นโบกมือลาเพื่อนสาว แล้วเธอกับแคร์ล่าก็เดินออกนอกรั้วโรงเรียนไป
               “ลาอ้อน..แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ” ริกะหันถามแฟนหนุ่มผมทองที่ตอนนี้ลดฮู้ดลง พร้อมกับถอดหน้ากากอนามัยออก
               “ถ้ามากันแค่สองคนก็ต้องภัตตาคารหรือร้านอาหารหรูๆล่ะนะ..” ริกะมองลาอ้อนที่กำลังพูดอยู่ด้วยหางตา พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยที่มุมปาก
               ‘ที่พาเป็นกลุ่มนี่คือไม่อยากเสียตังค์พาชั้นไปภัตตาคารสินะ..ตาขี้งกเอ้ย!!’ ริกะคิดในใจ
               “แต่ถ้ามาเยอะๆ ก็ต้องไปเดินห้างไงล่ะ” ลาอ้อนออกความเห็น ซึ่งริกะก็รู้สึกเห็นด้วยกับชายหนุ่ม
               “ดีเลย..ชั้นอยากเดินห้างกับเพื่อนมานานแล้ว” แซนดี้แสดงท่าทางดีใจ
               “ก็ดี..ชั้นจะได้ไปซื้อเจเนอรัลโคไดนะคุมะซะที” ไอโอน่าพูดหน้านิ่ง แต่แก้มของเธอกลับเริ่มแดง ทุกคนหันมองบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
               “งั้นก็รีบไปกันดีกว่า..เดี๋ยวแดดจะลงซะก่อน” เอดจ์เอ่ยนำ ก่อนจะเดินออกนอกรั้วโรงเรียนไปแล้วก้าวเดินไปตามทางด้านซ้าย
               “นายรู้เหรอว่าห้างที่เราจะไปกันอยู่ที่ไหน” ลาอ้อนตะโกนบอกเอดจ์ที่เดินไปอีกทิศนึง เขาหันลีหันขวาง แล้วจึงรีบวิ่งตามพวกลาอ้อนไป
               จากโรงเรียนจนถึงห้างที่ใกล้ที่สุดนั้นก็กินระยะทางไปหลายร้อยเมตร แตเมื่อเกิดการสนทนากัน เส้นทางนี้ก็ไม่ยาวอย่างที่คิด ไม่นานหญิงชายกลุ่มนี้ก็ได้มาถึงจุดหมายซึ่งมันไม่ใช่ห้างแต่อย่างใด แต่กลับเป็นศุนย์การค้าชื่อดัง ที่มีผู้คนเดินสัญจรไปมาไม่ขาดสาย
               “นี่..ลาอ้อน นายสับสนความหมายของห้างกับศูนย์การค้าหรือเปล่าเนี่ย” ริกะถามด้วยสีหน้าสงสัย
               “ชั้นไม่สนหรอก..อะไรที่มันเป็นที่ขายของแล้วมีร้านอาหารและแอร์ด้วย ชั้นเรียกว่า ‘ห้าง’ หมดแหละ” ลาอ้อนตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินเข้าไปในศูนย์การค้าแห่งนี้ทันที ก่อนที่พวกริกะจะตามไป
               “หัวหน้าครับ..ตอนนี้พวกมันเข้าไปที่ศูนย์การค้าแล้วครับ” เสียงของชายผู้หนึ่งในชุดคลุมปิดบังร่างกายสนทนาผ่านเครื่องสื่อสารไร้สาย โดยเขานั้นนั่งอยู่บริเวณที่ลับตาคน
               “ดี..ติดตามมันไปอย่าให้ละสายตา” คู่สนทนากล่าวสั่งการ “แต่อย่าให้มันรู้ตัว..แล้วรายงานอย่างต่อเนื่องด้วย”
               “ครับ..หัวหน้า” สิ้นสุดการสนทนา ชายผู้นี้จึงถอดชุดคลุมออก ทำให้เห็นภายในซึ่งเป็นเสื้อโปโลสีเขียวและกางเกงขายาวสีเนื้อ เขาใส่แว่นสีดำกันแดดปิดบังดวงตา ก่อนจะเดินตามเป้าหมายของเขาไป
               ภายนอกศูนย์การค้านั้นดูไม่ค่อยใหญ่โตมากนัก หากดูจากเพียงมุมของทางด้านหน้าทางเข้าเพียงด้านเดียว แต่หากลองมองในหลายๆมุมจะพบได้ว่าศูนย์การค้าแห่งนี้ใหญ่โตมาก พื้นที่ทั้งหมดยังไม่รวมพื้นที่นั่งเล่น สนมเด็กเล่นและที่จอดรถขนาดใหญ่ที่เป็นส่วนเสริมเข้ามาก็กินเนื้อที่ไปเกือบสิบไร่ ภายในนั้นก็ใหญ่พอๆกับภายนอก ร้านอาหารหลากหลายสาขาเปิดอยู่ในบริเวณต่างๆมากมาย รวมทั้งร้านขนมและย่านขายของ อีกทั้งยังมีการแจกของรางวัลและกิจกรรมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่อีกมากมาย นั่นทำให้ผู้คนเลือกเข้ามาในที่แห่งนี้มากมายจนสามารถเกิดการพลัดหลงกันเกิดขึ้นได้โดยง่ายๆ ลาอ้อนเลยนัดกับทุกคนว่าเมื่อซื้อของกันเสร็จจะมารอกันหน้าทางเข้าศูนย์การค้า ก่อนจะพากันแยกย้ายกันไปเป็นสองกลุ่ม ริกะนั้นจะไปกับเพื่อนสาวอีกสองคนนั่นคือ ไอโอน่าและแซนดี้หรืออเล็กซานดร้า ส่วนลาอ้อนจะไปกับเอดจ์ ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทางตามกลุ่มของตน
               “ริกะ..เธอคิดหรือยังว่าจะซื้ออะไร” แซนดี้หันมาคุยกับริกะ ในขณะที่กำลังเดินหาสิ่งที่อยากได้
               “ไม่อ่ะ..ยังไม่ได้คิดเลย” ริกะส่ายหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “ถึงคิดอะไรออกของพวกนั้นชั้นก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ เพราะมีสมุดเล่มนี้ แค่ชั้นวาดแล้วใส่รายละเอียดลงไป ก็ได้ของที่ต้องการแล้ว”
               “เป็นอะไรที่สะดวกดีนะ..” แซนดี้หันมายิ้มให้เพื่อนสาวที่กำลังมองไปข้างหน้า
               “แล้วเธอจะซื้ออะไรล่ะ..แซนดี้จัง” ริกะหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
               “Play Station 4 กับเกม Dark Souls 3 แล้วก็...” แซนดี้ตอบมาก่อนจะเว้นระยะช่วงหนึ่งเพื่อหยิบบางอย่างออกมาจากถุงผ้าที่สะพาย ซึ่งนั่นก็คือเครื่องเล่น Play Station Portable หรือเครื่องเล่นเกมขนาดพกพา
               “เอาเจ้าหนูนี่มาลงเกมอีกสี่ห้าเกม” แซนดี้พูดแล้วยิ้มกว้าง “เห็นอย่างนี้..ชั้นก็เป็นเกมเมอร์นะจ๊ะ”
               “จ๊า..แม่สาวติดเกม” ริกะแซวเพื่อนสาว ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่แปลกไป
               “เจ๊หายไปไหนแล้ว..” ริกะถามแซนดี้ที่พึ่งรู้ตัวว่าลูกสาวพลทหารได้หายตัวไป
               “อย่าบอกว่าเจ๊ถูกจับไปกระทำชำเราหรือเปล่าเนี่ย..ไม่นะเจ๊ไอโอน่า” ริกะปิดหน้าแล้วบิดร่างกายไปซ้ายทีขวาที จนเพื่อนสาวต้องถอนหายใจ
               “ไม่มีใครกล้าทำเจ๊เค้าหรอก..ริกะ” แซนดี้พูดขึ้นแล้วเว้นช่วงครู่หนึ่ง จึงอธิบายต่อ “ถ้าไปทำล่ะก็ ไม่อยู่ในสภาพน่วมก็น่าจะไหม้เกรียมหรือแบนไปเลย”
                “กรณีนี้ยกเว้นคุณเจฟกับคุณโทบี้..สองคนนี้ทึกเกินคน” ริกะทำท่าจะเอ่ยบางอย่างออกมา ก็ถูกเพื่อนสาวแย่งไปเสียก่อน “และถึงจะทำได้เตี่ยนอร์ทสตาร์ก็ต้องไล่ฆ่าคนทำแน่นอน ดีไม่ดีได้เห็นหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ไม่ก็ฮาโดเคนเหมือนในเกมนักสู้ข้างถนน”
               “แล้วอย่านี้จะหาเจ๊เจอได้ยังไงกันล่ะ” ริกะพูดจบ เสียงแหลมเล็กแปลกประหลาดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในบริเวณใกล้เคียง เธอจึงหันซ้ายหันขวาหาต้นตอแล้วจึงไปได้ยินบทสนทนาของเพื่อนสาว
               “พวกเธอรู้ใช่มั้ยว่าเจ๊ไอโอน่าไปทางไหน” อเล็กซานดร้าคุยกับเส้นผมที่อยู่บริเวณหลังของเธอซึ่งตอนนี้เรืองแสงสีสว่างขึ้นในขณะที่เกิดเสียงเล็กแหลมประหลาดอีกครั้ง
               “งั้นช่วยนำทางชั้นกับเพื่อนไปหน่อยนะ” แซนดี้พูดจบ เธอก็สะบัดเรือนผมที่ยาวจนถึงกลางหลังมาพาดบ่า ก่อนจะใช้ที่ห่วงผ้ารวบผมเป็นกระจุกเดียวกัน เมื่อเสร็จก็เรียกริกะซึ่งเธอพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินตามเพื่อนสาวไป
               เดินไปได้ไม่นานก็มาถึงร้านขายตุ๊กตาซึ่งนั่นทำให้สองสาวหันหน้ามามองกันอย่างสงสัย เพราะนิสัยและท่าทางที่ดูแข็งกร้าวของไอโอน่าไม่น่าจะชอบตุ๊กตา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยภาพที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจว่า..
               ...สิ่งที่พวกเธอคิดนั้นมันผิดถนัด...
               “ล๊าลา..ลัลลา” ไอโอน่าที่ตอนนี้ถูกตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบรายล้อมเอาไว้ เดินเล่นอย่างมีความสุข โดยเรือนผมสีฟ้าของเธอถูกเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน สองสาวที่เห็นปิดปากขำเล็กน้อย แล้วแซนดี้จึงหยิบสมาร์ทโฟนมาถ่ายคลิปของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนทั้งสองจะเดินไปสะกิดไอโอน่าที่กำลังกระโดดโลดเต้นราวกับยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่มีความต้องการเป็นเจ้าหญิงที่อยู่บนปราสาทหลังใหญ่โต เพื่อรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมารับเธอไป เมื่อไอโอน่าหันมาจึงพบกับสองสาวตัวแสบที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ไอโอน่าในคราบเจ้าหญิงตัวน้อยต้องหยุดชะงักไปในทันที สีผมของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเทาลมควัน
               “เอามานี่นะ..ซานดร้า เอานั่นมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้น้าาา!” ไอโอน่าพยายามจะแย่งสมาร์ทโฟนจากมือของสาวผมดำ แต่ก็ถูกริกะนั้นขัดขวางไว้ โดยทั้งคู่ยังคงยิ้มอย่างชั่วร้าย แซนดี้กดเซฟวิดีโอนั้นเอาไว้ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้แบล็คเมล์หญิงสาวได้อย่างสมบูรณ์
               “นั่นมันยิ่งกว่าถ่ายตอนชั้นเปลือยอีกนะ..ลบเลยนะแซนดร้า!” ไอโอน่าเริ่มเสียงสั่น ตอนนี้ท่าทางที่เคยแข็งกร้าวกับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและอ่อนแอแทน “อย่าส่งให้ใครเด็ดขาดนะ..โดยเฉพาะพ่อ”
               นางมารร้ายทั้งสองได้ยินดังนั้นจึงฉีกยิ้มดั่งมารร้าย ก่อนแซนดร้าจะกดบางอย่างในโทรศัพท์ ส่วนริกะก็ผลักร่างของสาวรุ่นพี่ให้ล้มลงในสภาพเหมือนนางเอกในละคร ไม่นานแซนดร้าก็โชว์บางอย่างให้หญิงสาวผ็น่าสงสารได้เห็นคลิปวิดีโอที่หญิงสาวไม่อยากให้ใครได้เห็นกำลังจะอยู่ในหน้าแชทของพ่อเธอ หากนางปีศาจร้ายอเล็กแซนดร้ากด ‘ส่ง’
               “พวกเธอต้องการอะไรจากชั้นกันแน่ ฮือ..ฮือ” ไอโอน่าในคราบเด็กสาวขี้งอแงตัวน้อยร้องไห้ออกมา ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากมากเลยทีเดียว
               “เธอจะต้องทำตามที่เราสั่งจนกว่าเราจะลบวิดีโอนี้ออกจากโทรศัพท์” หญิงสาวทั้งสองยังคงแสดงในบทของนางมารร้ายต่อไป ในขณะที่ไอโอน่ากำลังจะพยักหน้าขึ้นลงเพื่อตอบรับข้อเสนอ โทรศัพท์ในมือของอเล็กซานดร้าก็อันตรธานหายไปก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ แล้วจึงถูกมือที่กำอยู่เขกใส่หัว ริกะที่กำลังจะหันไปดูผู้กระทำก็ถูกเขกด้วยเช่นกัน
               “โอ๊ย!” นางมารสาวส่งเสียงเจ็บปวดออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหันไปหาต้นตอซึ่งเมื่อสังเกตเห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร
               “พ่อ!!!” อเล็กซานดร้าตะโกนอย่างตกใจ เมื่อเห็นบุรุษในเสื้อกันหนาวสีดำปรากฏขึ้นมาด้านหลัง พร้อมกับคว้าโทรศัพท์และทำโทษเด็กขี้แกล้งทั้งสอง “เอาโทรศัพท์หนูคืนมานะ”
               อเล็กซานดร้าพยายามจะคว้าโทรศัพท์ของตนกลับมาแต่ก็ถูกลอสต์ใช้มือทั้งสองจับเอาไว้ โดยโทรศัพท์นั้นยังคงลอยอยู่บนอากาศเนื่องด้วยพลังของเรียลลิตี้เบนเดอร์ของเขา อเล็กซานดร้าจึงส่งสัญญาณให้ริกะที่อยู่ด้านหลังของพ่อเธอคว้าโทรศัพท์มา ริกะใช้มือทั้งสองคว้าโทรศัพท์เอาไว้ได้ แต่แรงที่ยึดโทรศัพท์ไว้กลางอากาศกลับเหนียวแน่นเกินไปจนแรงผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งไม่สามารถคว้ามาได้ เพื่อนสาวจึงใช้พลังควบคุมเส้นผมใช้แทนมือ คว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นมา ส่วนไอโอน่าที่ยังคงนั่งอยู่ ลุกขึ้นมาแล้วเข้าตะลุมบอนใส่คนทั้งสามจนสุดท้ายทุกคนก็หยุดเมื่อมีเสียงบางอย่างดังออกมา
               “ข้อความถูกส่งแล้วค่ะ” ทั้งสามมองด้วยใบหน้านิ่งเรียบไปที่ไอโอน่า        
               “........” ในตอนนี้ผมของไอโอน่าก็กลับมาเป็นสีขาวดังเดิม เช่นเดียวกับดวงตาอันขาวโพลน เนื่องจากหมดสติเมื่อได้รู้ว่าความลับถูกส่งไปหาพ่อของเธอเรียบร้อยแล้ว “โดนพ่อฆ่าแน่ๆ..โดนพ่อฆ่าแน่ๆ ชีวิตชั้นจบแล้ว ชีวิตชั้น..หมดสิ้นแล้ว”
               ไอโอน่าแสดงท่าทีหมดอาลัยตายอยาก ซึ่งในขณะที่สองสาวกำลังดูอาการของไอโอน่าอยู่นั้น ก็เกิดเสียงฝีเท้าคล้ายกับคนวิ่งดังขึ้นถี่รัวก่อนจะค่อยๆเบาลง อเล็กซานดร้าเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงหันไปในทิศทางนั้น
               “พ่อจะหนีไปไหน!!!” หญิงสาวตะโกนออกมา ในขณะที่ลอสต์กำลังวิ่งหนีไป ในชั่ววินาทีนั้นชายไร้ร่างหันกลับมาแล้วยกหัวแม่มือขึ้นก่อนที่ร่างจะอันตรธานหายไปเพราะการเทเลพอร์ต หญิงสาวผมดำส่ายหน้าไปมา แล้วจึงพาริกะและร่างไร้สติของไอโอน่าไปตามจุดหมายที่ตั้งไว้
         เวลาผ่านไปกว่าห้าชั่วโมง สองสาวกับร่างไร้สติอีกหนึ่งยืนรอที่จุดนัดพบ เพื่อรอคอยชายหนุ่มทั้งสองที่ยังคงไม่กลับมา ริกะเท้าเอวยืนรอด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนแซนดร้าพาร่างของไอโอน่ามานั่งข้างๆเธอที่ม้านั่งบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับหยิบเครื่องเล่นเกมขนาดพกพาขึ้นมาเล่นอย่างเมามัน ข้าวของที่พวกเธอซื้อนั้นทางริกะจะเป็นคนจัดการดูแลให้เอง ที่เหลือนั้นก็แค่รอเวลาเท่านั้น
          “เฮ้! ริกะ..” เสียงของชายหนุ่มคนนึงดังขึ้น หญิงสาวในชุดนักเรียนมัธยมหันไปตามทิศทางเสียงจึงได้พบกับชายหนุ่มที่พึ่งรู้จักกันในวันนี้ ซึ่งไม่มีสิ่งของใดๆติดตัวมาแม้แต่น้อย ยกเว้นผ้ากันเปื้อน
          “กว่าพวกเธอจะมากันนะ..” ริกะพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักไป “แล้วลาอ้อนล่ะ..”
           “ห่างกันแปปเดียว..ก็เป็นห่วง น่ารักจังนะคู่นี้” เอดจ์แสดงท่าทางล้อเลียน สีหน้าของริกะจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอาย
           “ไม่ใช่ย่ะ..” ริกะตะโกนตอบกลับ แล้วก้มหน้าลง “ก็แค่นิดเดียว”
           “ฮ่าฮ่าฮ่า..หยอกเล้นหรอกน่า เจ้าลาอ้อนน่ะอยู่ข้างหลังโน้น” เอดจ์ตอบกลับ แล้วจึงหันมาชี้ไปทางด้านหลัง ริกะมองตามไปจึงได้เห็นเบ้หน้าเข้มกำลังแบกของที่พวกเขาซื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ชายหนุ่มเดินมาอย่างยากลำบาก ใช้เวลาพอสมควรจึงได้มาถึงจุดที่พวกเพื่อนกำลังยืนอยู่
           “พอใจหรือยังล่ะ..” ลาอ้อน แม็กซิมัสเอ่ยวาจาออกมาสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปทางประตูหน้าศูนย์การค้า ทั้งหมดจึงตามเขาไป ยกเว้นไอโอน่าที่ยังคงไร้สติ แซนดร้าจึงรีบมาพาตัวเธอตามไป
                ดวงอาทิตย์น้นพึ่งลับขอบฟ้าได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ท้องฟ้านั้นกลับมืดจนยากจะมองทาง แสงไฟข้างถนนเท่านั้นที่สาดส่องลงมาให้ผู้เดินสัญจรได้มองเห็น ในถนนสายนี้มีผู้คนอยู่ไม่มากนัก ทำให้ทางสัญจรในตอนฟ้าไร้แสงนั้นไม่มีใครเดินไปมาเลย แต่แล้วเสียงฝีเท้าก็เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุย กลุ่มคนจำนวนห้าคนเดินผ่านทางถนนสายนี้มาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เสียงพูดคุยและใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็ถูกหยุดลงด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
                “หยุด! อย่าขยับ” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากทางกด้านหน้า กระบอกปืนถูกจ่อไปในทิศทางที่พวกของริกะกำลังยืนอยู่ “มามอบตัว..แต่โดยดีไม่งั้นชั้นยิง”
                “แกคิดว่าแกคนเดียวจะทำอะไรเราได้เหรอ” ลาอ้อนหัวเราะเยาะเย้ย แต่ท่าทางของชายเบื้องหน้ากลับต่างออกไปจากี่ชายหนุ่มคิดเอาไว้
                “ฮ่าฮ่าฮ่า..นี่แกโง่หรือแกโคตรโง่น่ะ ใครมันจะบ้ามาสู้กับพวกเหนือมนุษย์อย่างพวกแกตัวคนเดียวได้ล่ะ” ชายเบื้องหน้าหัวเราะถากถาง “ยุทธการณ์ปิดล้อม”
                เมื่อชายผู้นี้เอ่ยวาจาดั่งคำสั่งอันเด็ดขาด ผู้คุมหลายพันนายก็เข้ามาประจำที่ปิดล้อมทันที ก่อนจะมีผู้คุมคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ชายวัยกลางคนที่ดูจะเป็นหัวหน้า
                “ผู้คุมจำนวน 1,257 นายติดอาวุธประจำที่แล้วครับ” ผู้คุมคนนั้นรายงานแก่หัวหน้าด้วยท่ายืนตรง
“อาวุธของทุกนายเป็นอาวุธประเภท Anti-Realitybender และ Anti-Power ครับ” ผู้คุมนายนั้นมองไปที่กลุ่มศัตรูของตน แล้วจึงพูดออกมา
                “จากสถานการณ์ในตอนนี้เราสามารถจัดการคนทั้งห้ะ..อ่ะ” ผู้คุมคนนั้นหยุดชะงัก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
                “หัวหน้าผู้คุมจอน!” ผู้คุมคนนั้นตะโกนเสียงดัง ทำให้หัวหน้าของตนต้องหันไปมองทันที
                “มีเรื่องอะไรอีก..” จอนพูดออกมา
                “เราเตรียมพร้อมสู้กับคนทั้งสี่ แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลของผู้หญิงผมสีขาวก็ตาม..แต่เรายังไม่พร้อมที่จะสู้กับผู้ชายคนนั้น” ผู้คุมคนนั้นชี้ไปที่เอดจ์ด้วยท่าทางหวาดกลัว ทำให้ทหารทุกนายรวมถึงเพื่อนทั้งสามต้องหันไปทางเอดจ์ทันที โดยเจ้าตัวนั้นแค่จับปีกหมวกให้ปิดลง แล้วยิ้มที่มุมปาก
                “นี่คือข้อมูลของชายคนนั้นครับ” ผู้คุมคนนั้นยื่นแผ่นหน้าจอพลังงานไปให้ผู้คุมจอน เมื่ออ่านไปที่ชื่อ หัวหน้ผู้คุมก็ต้องเบิกตากว้าง
                “พอสทัล เอดจ์ ตัวโคลนของอาชญากรที่อันตรายที่สุดน่ะเหรอ” จอนอุทานออกมา
                “โธ่! นึกว่าจะจำไม่ได้แล้วซะอีก..” เอดจ์พูดสั้นๆ
               “ทุกคนถอยไป” เอดจ์สั่งให้เพื่อนทั้งสี่ของตนถอยหลังกลับไป สามในสี่ทำตามยกเว้นลาอ้อน เอดจ์ยิ้มที่มุมปาก
               “ถ้าแกไม่โดนยิงสักนัดนี่คงไม่เข็ดซินะ” เอดจ์พูด
               “ก็ประมาณนั้นแหละ..” ลาอ้อนตอบสั้น เอดจ์ยิ้มเต็มปากแล้วจึงกดปุ่มที่ด้านหลังหมวก ทำให้หมวกนั้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นหน้ากากโลหะคล้ายกับหน้ากากอ็อกเหล็ก แต่กลับดูไฮเท็คกว่าหลายขุม ชายหนุ่มถอดแจ็กเก็ตออก ทำให้ปลายโค้ตสีน้ำตาลยาวร่วงหล่นลงมาเกือบถึงพื้น ภายในโค้ตเป็นเกราะกันกระสุนสีดำบาง
               “แต่งตัวเสร็จยังล่ะ” ลาอ้อนถาม ในขณะที่นาฬิกาและห่วงที่ข้อมือทั้งสองของเพื่อนตนเปลี่ยนเป็นถุงมือไฮเทค เอดจ์รวบรวมก้อนพลังงานสีฟ้าไปที่ถุงมือทั้งสอง ก่อนที่ก้อนพลังงานนั้นจะเปลี่ยนเป็นมีด Machete ขึ้นมาสองเล่ม
               “นั่นมันอาวุธประจำตัวของพอสตัล ดู้ดนี่” ผู้คุมนายหนึ่งตะโกนออกมาดังลั่น
               “พยากรณ์อากาศในคืนนี้อาจมีห่าฝนเลือดกระจายอยู่ตามถนน” เอดจ์หันมาพูดกับสาวๆด้านหลัง “กรุณาพกร่มหรือสร้างม่านพลังกันไว้ด้วย”
               “ยิงมัน!” จอนสั่งการ ทำให้ทหารทุกนายที่มีปืนกับกระสุนอาบสาร Anti-Realitybender กราดยิงใส่ลาอ้อนทันที ส่วนทหารนายอื่นก็หยิบปืนกลหนักกราดใส่เอดจ์เล่นเดียวกัน ที่เหลือก็ใช้ปืนพกยิงใส่สาวๆทั้งสาม แต่ริกะใช้พลังของสมุดโน้ตไร้ขอบเขตสร้างม่านพลังไว้ได้ก่อน
               ลาอ้อนวิ่งซิกแซ็กหลบเลี่ยงกระสุนอย่างรวดเร็วด้วยการเสริมความเร็วให้แก่ทุกส่วนของร่ากาย ทางด้านเอดจ์ที่ถูกกราดยิงกลับไม่หลบเหลี่ยง แต่ใช้วิธีฟันกระสุนทั้งหมดที่พุ่งมาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์จนเมื่อแมกกาซีนของกระสุนปืนหมด ชายหนุ่มก็สลายดาบทั้งสองเป็นละอองสีฟ้า แล้วรวบรวมละอองนั้นกลับมาอีกครั้ง แต่เปลี่ยนรูปร่างเป็นปืนกลหนักในรูปแบบที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยติดตั้งอยู่ด้วย เมื่อถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ ชายหนุ่มจึงเอาคืนเหล่าผู้คุมพวกนั้นด้วยการกราดยิงใส่โดยกระสุนทุกนั้นไม่พลาดเลยแม้แต่น้อย ทำให้เหล่าผู้คุมหลายร้อยนายตายอย่างรวดเร็ว แต่ก็เอาคืนได้ไม่นาน กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่หน้าของเอดจ์ แต่หน้ากากของเขาแข็งแกร่งจนกระสุนนั้นทะลุเข้าไปไม่ได้จึงรอดตัวไป เอดจ์หันไปมองทิศทางที่กระสุนถูกยิงมาก็พบว่ามาจากกระบอกปืนของผู้คุมจอน
               “สนใจจะเล่นกับชั้นแล้วเหรอท่านหัวหน้า” เอดจ์แสดงท่าทางเยาะเย้ย แต่จอนกลับยิ้มออกมา
               “ผู้คุมทุกนายเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลาอ้อน แม็กซิมัสและเพื่อนของมัน” จอนสั่งการ
               “ส่วนแก..ชั้นจะเป็นคนศุ้กับแกเอง” จอนเก็บปืนลง แล้วหยิบมืดเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งท่าโจมตี “หลังจากที่ชั้นแพ้ไอ้ปากฉีกกับไอ้ขวานคู่..ชั้นก็ฝึกตัวเองอย่างหนักเพื่อมาต่อกรกับพวกพ้องของมัน รวมถึงแกด้วย”
               “เออๆ..มาสู้กันเลยดีกว่า ไม่ต้องมาเสียเวลาโน้นนี่นั่น” เอดจ์เอ่ยวาจาเสร็จสิ้น จึงสร้างมีด Machete ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับสร้างขึ้นมาเพียงเล่มเดียว “งั้นมาเริ่มกันเลย”
               ทันทีที่ชายหนุ่มลั่นวาจาไป ทั้งสองก็พุ่งเข้าหากัน มีดสองรูปแบบพุ่งเข้ามาห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง โดยการฟันของเอดจ์นั้นกลับถูกผู้คุมจอนรับไว้ได้ทั้งหมด แต่เมื่อถึงคราวที่เขาพุ่งเข้ามา เอดจ์กลับรับไม่ได้มากเพราะแรงที่โจมตีเข้ามานั้นมากเกินกว่าที่เอดจ์จะรับไว้ เขาจึงใช้วิธีการหลบหลีกซะโดยส่วนใหญ่ แต่นั่นก็ทำได้ไม่นานนัก เอดจ์ก็พลาดท่าถูกฟันที่กลางอก แต่เสื้อกันกระสุนที่ใส่เอาไว้ ทำให้เขาไม่บาดเจ็บจากการฟัน เอดจ์จึงใช้วิธีใหม่ด้วยการสร้างเคียวยมทูตขึ้นมาแทนที่มีด แล้วใช้ฟาดฟันจากระยะไกล แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดประสงค์แท้จริง เอดจ์ใช้เคียวเกี่ยวมีดของจอนแล้วกระโดดข้ามร่างของเขาไปด้วยการจับไปที่ไหล่ เมื่อไปอยู่ข้างหลังได้จอนก็ใช้เท้าถีบร่างของเอดจ์กระเด็นออกไป ..โดยที่ไม่รู้เลยว่าแผงระเบิดเวลาถูกติดตั้งไว้ที่กลางอกและหัวไหล่เรียบร้อยแล้ว
               “ตู้มมม!!!” แรงระเบิดมหาศาลทำให้ผู้คุมใกล้เคียงกระเด็นไปอยู่ที่พื้นที่ใกล้เคียง ลาอ้อนที่เห็นแรงระเบิดก็สร้างม่านพลังปกป้องตัวเองไว้เช่นเดียวกับพวกริกะที่สร้างไว้ก่อนแล้ว แต่เอดจ์นั้นสร้างเกราะป้องกันไม่ได้จึงถูกแรงระเบิดไปด้วย
               ควันไฟจากระเบิดหนาจนไม่เห็นสิ่งภายใน แต่ไม่นานมันก็จางลงทำให้เห็นสภาพของผู้คุมจอนที่เห็นสมองภายในกระโหลกได้อย่างชัดเจน ร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดท้องเหลือเพียงครึ่งซีก เลือดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง
               “อั่ก!” ผู้คุมจอนกระอักเลือดในสภาพที่ควรจะตายได้แล้ว เขาเอื้อมมือไปหยิบเข็มฉีดยาหลอดหนึ่งขึ้นมาฉีดที่ลำคอส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อเขาดึงเข็มออก ร่างกายทั้งหมดก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาด
               “นี่! แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าว่ะเนี่ย” ลาอ้อนที่กำจัดผู้คุมทั้งหมดได้แล้ว หันมาอุทานอย่างตกใจ เช่นเดียวกับหญิงสาวทั้งสองปิดปากเอาไว้
               “ฮึๆๆ ต้องขอบคุณเซรุ่มนี้เลยที่สามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ชั่วพริบตา แถมยังทำให้ชั้นแข็งแกร่งขึ้นอีกต่างหาก” ผู้คุมจอนยิ้มกว้าง แต่ก็มีความสุขได้ไม่นาน กระสุนปืนลูกซองก็ถูกยิงใส่เท้าทั้งสองจนอยู่ในสภาพขาดหวิ่น จอนล้มลงทันที “อะไรอีกว่ะเนี่ย!”
               “อย่าหันหลังให้ศัตรูซี่...” เอดจ์ที่ตอนนี้ถือปืนลูกซองเอ่ยขึ้น ร่างกายที่โดนระเบิดทำให้แขนข้างหนึ่งมีเลือดไหลเต็มทั้งแขน เสื้อโค้ตยาวนั้นขาดเป็นเศษ
               เอดจ์เปลี่ยนจากปืนลูกซองกลายเป็นไม้เบสบอลเหล็กแล้วหวดใส่ศีรษะของจอนอย่างแรงจนเขาสิ้นสติไป
               “เฮือก!” เสียงตื่นของหญิงสาวนางหนึ่งดังออกมา “นี่ชั้นพลาดอะไรไปมั้ย”
               “ทั้งหมดนั่นแหละ” ทั้งหมดหันไปตะโกนใส่เธอ เธอจึงยิ้มแห้งตอบกลับ
               ไม่นานนักทุกคนก็กลับมาที่คฤหาสน์ของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าได้อย่างสวัสดิภาพ โดยเอดจ์และไอโอน่าต่างแยกทางกลับไปที่บ้านของตนแทน
               “ไม่ยอมชวนกันบ้างเลยนะค่ะ..” เลโอน่ายืนเท้าเอวโดยมีเจฟและเจนนั่งอยู่บนโซฟาใกล้เคียง
               “ไม่ชวนไปนั่นแหละดีแล้ว..จะได้ไม่เป็นภาระให้กับลูกหลาน” ลาอ้อนเดินไปแล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากของเลโอน่า แต่ก่อนจะได้ดีดก็ถูกเลโอน่าใส่ท่ายูโดเสียก่อน “อั้ก!!”
               “นี่ใครสอนเธอฟ่ะ! เจ็บชิบ” ลาอ้อนจับบริเวณที่กระทบพื้น “บอกมาเลยเฟ้ย! พ่อจะไปกระทืบถึงที่เลยคอยดู”
               “..ชั้นเอง” ลาอ้อนหันไปพบทิศทางเสียงก็หยุดชะงักไปทันที
               “ที่จะกระทืบนี่..ผมยกเว้นเจ๊นะครับ” ลาอ้อนรีบเปลี่ยนรูปแบบการสนทนาทันที
               “ใครเจ๊!!!” เจนตะโกนใส่ด้วยใบหน้าที่เริ่มไม่สบอารมณ์
               “ขอโทษก๊าบบบ!!!” ลาอ้อนรีบประกบมือแล้วชูขึ้นสูง
               “เฮ้ย! เลิกเล่นกันได้แล้ว” เสียงของเจ้าเก่าดังขึ้นมา “วันนี้ชั้นนัดประชุมกันแล้วว่าจะมาวางแผนสำหรับภารกิจที่จะถึงนี้”
               ทุกคนต่างลดเสียงลงอย่างกระทันหัน ตามคำขอ ..หรือคำสั่งหว่า ของลอสต์ที่วาร์ปมา วันนี้นั้นกลับมาแปลก ลอสต์พูดด้วยเสียงจริงจัง แต่เมื่อทุกคนมองขึ้นไปที่ใบหน้าของชายปริศนาในฮู้ดก็ต้องแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายใส่ เพราะบนใบหน้าที่ควรจะว่างเปล่า กลับเป็นหน้ากากของอาแปะแก่ๆใส่แว่นสามมิติพร้อมกับมีน้ำมูกและไหลออกมาจากทางปากและจมูก
               “เหมือนจะจริงจังนะ..” ลูว์กุมขมับแล้วส่ายหน้าไปมา ในขณะที่เบน แซลลี่ และสมายต่างหัวเราะกันใหญ่
               “ตรูข้านี่หมดศรัทธาเลย” สเลนเดอร์แมนในร่างของออฟเฟนเดอร์แมนพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย พร้อมกับปากที่แสดงท่าทีบึ้งตึงบนใบหน้าที่ว่างเปล่า
               “พร้อมกันแล้วสินะ..งั้นเริ่มกันเลยละกัน” ลอสต์พูดโดยไม่สนใจผู้รับฟัง
               “ในแผนส่วนใหญ่จะต้องการฝ่ายบุกเพื่อรับมือกลับสามขุนพลเหล่านั้น ก็จะมีหน่วยที่ 1 ที่ทำหน้าที่บุกโจมตีใส่ฐานของพวกนั้นนั่นก็ประกอบไปด้วย เจฟ เดอะ คิลเลอร์, เจน เดอะ คิลเลอร์, ทิกกิ โทบี้, คล็อกเวิร์ก, เบน ดราวน์, สมายล์, ลาฟฟิ้ง แจ็ก, ลาอ้อน แม็กซิมัส, มิลโร่, ฮีโร่บราย และบุชเชอร์ชาย”
               “หน่วยที่สองจะเป็นหน่วยเปิดทางให้กับหน่วยที่ 1 และเป็นหน่วยที่สร้างทางหลบหนีให้ซึ่งมีแซลลี่, อายเลส แจ็ก, นิน่า เดอะ คิลเลอร์, โฮมมิไซเดิล ลูว์, มาสกี้, ฮู้ดดี้ และเพื่อนทหารของมิติที่สองของชั้น”
               “ส่วนหน่วยที่สามคือหน่วยป้องกันระวังภัยในคฤหาสน์และวางแผนอยู่ห่างๆ ซึ่งมีสเลนเดอร์แมน, เลโอน่า แม็กซิมัส, มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า, ซัลโก้ และอลิส แมดเนส วันเดอร์แลนด์”
               “แต่ละหน่วยจะมีหัวหน้าประจำหน่วย เพราะครั้งนี้ชั้นคงจะไปคุมไม่ได้ เพราะติดธุระบางอย่างอยู่ ดังนั้นชั้นเลยได้แต่งตั้งให้มีหัวหน้าคอยบังคับการณ์แต่ละหน่วย”
               “หน่วยที่ 1 หัวหน้าคือฮีโร่บราย มีหน้าที่คอยคุมทีมและปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยที่ 3 อย่าให้ใครไปนอกลู่นอกทางเด็ดขาด”
               “ข้าทราบแล้วและจะไม่ทำให้ผิดหวัง” ฮีโร่บรายพูดเสียงเข้ม โดยในทีมของตนนั้นไม่มีใครขัดแม้แต่น้อย
               “หน่วยที่ 2...” ลอสต์พูดต่อ “หัวหน้าคืออายเลส แจ็ก มีหน้าที่คุมทีมของตนเองอย่าให้นอกลู่นอกทาง และทำตามคำสั่งของหน่วยที่ 3 หากเกิดเรื่องฉุกเฉินใดๆให้ถอยกลับมาทันที อย่าเข้าไปสู้เองเด็ดขาด”
               “หน่วยที่ 3 หัวหน้าคือมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า ทำหน้าที่คอยควบคุมและออกคำสั่งทั้งสองทีม” หัวหน้าของหน่วยที่สามนั้นถือเป็นเอกฉันท์ทันที เพราะชายผิวสีฟ้ามักทำงานประเภทนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
               “ถือว่าจบล่ะนะ งั้นอีกสองอาทิตย์จะเริ่มแผนการนี้ล่ะนะ..ชั้นไปก่อนล่ะ” ลอสต์พูดสิ้นสุดก็อันตรธานหายไปทันที
               “สั่งมาฉอดๆ เสร็จก็หายตัวไปเหมือนอย่างกับพวกเราถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ว่าต้องเชื่อมันยังไงยังงั้นเลย” เจฟบ่น
               “ก็ว่างั้น” โทบี้พูดเสร็จก็ล้มตัวลงนั่งบนโซฟา
               “ที่นายโทรจิตมาหาชั้นเมื่อกี้หมายความว่ายังไงกันน่ะ..ลอสต์” อายเลส แจ็คเอ่ยพึมพำบางอย่างคนเดียว ทำให้นิน่าแฟนสาวต้องเข้ามาแสดงท่าทางสงสัย
               “แจ็กเป็นอะไรเหรอ” นิน่าเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
               “ป่าวๆ ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่ต้องกังวลหรอก” แจ็กพูดแล้วลูบหัวของนิน่า เธอจึงยิ้มหวานใส่แล้วเดินออกไป
 
               ‘การสูญเสียจะนำมาซึ่งการได้รับ หากเป็นสิ่งที่จำเป็น เจ้าจงยอมรับมันและหาพรรคพวกกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วงชิงสิ่งที่สูญเสียกลับมา พาผู้มีอิทธิพลออกมาจากเงามืด ก่อนที่จะเกิดมหาสงครามและโศกนาฏกรรมขึ้น’
 
               อายเลส แจ็กนึกย้อนถึงคำของลอสต์ที่ให้มา ก่อนที่จะเริ่มไม่ใส่ใจแล้วล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบขนมขึ้นมากิน แต่กลับพบกับกระดาษบางอย่างอยู่ภายใน เขาหยิบขึ้นมาแล้วพบว่ามันมีตัวอักษรถูกเขียนไว้
               ‘ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปิดบัง..หากได้สูญเสียไปแล้วจึงจะสามารถผู้เป็นใหญ่ให้รับทราบได้ แต่จนกว่าจะเกิดเรื่องนั้นขึ้น เจ้าจะต้องปิดบังเรื่องนี้จากทุกคน รวมถึงคนที่เจ้าไว้ใจที่สุดด้วย’ จาก ลอสต์
               ป.ล. ‘เปิดไปดูภาพหน้าหลัง’
               ชายหนุ่มทำตามที่ลอสต์ได้บอกไว้ ก็พบกับรูปสามรูปที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
               ‘ลอสต์ นายต้องการจะบอกอะไรชั้นกันแน่’

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา