I'm sorry! ขอโทษครับ สามีผมโหด

8.3

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.30 น.

  36 chapter
  30 วิจารณ์
  50.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ขอโทษครับ 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 7

 

 

 

ฟาง

 

            “ไอ้ตี๋อย่า!” ผมแหกปากลั่นเอาตัวเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ มือจับไม้ที่ไอ้ตี๋กำลังฟาดพี่พัดแน่น หลุดไปหน้าหล่อๆของผัวในอนาคตผมคงได้พังแน่

 

                เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ครับ ผมสลบไปแล้วตื่นมาอีกทีเห็นไอ้ตี๋กับพี่พัดกำลังทะเลาะกันอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ มันทิ้งผมไว้ในรถเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่งให้ลมโชยเข้ามา อาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นไอ้ตี๋หน้าฉุนคว้าไม้ใกล้มือขึ้น

 

                ไม่คิดเหี้ยอะไรแล้วครับ วิ่งหน้าตั้งยิ่งกว่าแชมป์โลก

 

                “ปากดีนะมึง! อยากแดกตีนกูก็ไม่บอก” ใบหน้าตี๋เรียบตึงดันตัวฟางให้ออกห่าง ตาจ้องมองพัดพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ทุกเมื่อ

 

                “ฟางหลบครับ พี่ไม่อยากให้เราเจ็บตัวเพราะคนถ่อยๆ” ยิ่งพัดพูดยิ่งเพิ่มความโมโหทวีคูณเข้าไปอีก ผมไม่ได้สนใจจะฟังเสียงใคร สายตามองหน้าไอ้ตี๋ใจอยากจะหยุดมันให้ได้

 

                “ตี๋หยุด กูบอกให้หยุด” ผมเอ่ยคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา

 

                “มึงอย่ามาห้ามดิวะ มึงก็เห็นว่ามันกวนตีนกูก่อน” ตี๋โต้กลับไม่ยอมแพ้

 

                “ใจเย็นๆไม่เป็นรึไง! กูบอกให้หยุด!!”

 

                ขอบคุณที่ไม่ฟังกูเลย

 

            ผมรวบรวมแรงทั้งหมดผลักมันให้ถอยหลังออกไป กิ่งไม้ขนาดหนาเหมาะมือฟาดโดนหน้ามันเฉี่ยวแก้มได้แผลถลอก ใจผมกระตุกวูบกับสายตาที่ทอดมองมาคล้ายคนผิดหวัง

 

                “กูไม่ได้ตั้งใจ” เสียงแผ่วที่เอ่ยออกมาล้วนมาจากใจ ผมแค่อยากให้มันหยุดแต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้

 

                “มึงตั้งใจ…มึงปกป้องมัน”

 

                “ปล่อยฟางไป ถ้ามึงยังนึกถึงฟางอยู่ก็ควรต้องปล่อย” พัดเอ่ยแทรก เพียงแค่วันนี้ที่ได้เห็นท่าทีอันกร้าวร้าวของตี๋ก็ไม่อยากพาลคิดว่าในอนาคตฟางจะต้องเจอกับอะไร

 

                “ไม่ว่ากูจะคิดยังไง กูก็ไม่มีวันปล่อยมันไป” เสียงเข้มเน้นย้ำความต้องการ

 

                “ทำไมมึงต้องยื้อวะ!”

 

                “มันเรื่องของกูกับมัน คนนอกอย่างมึงอย่าเสือก”

 

                พัดหน้าตึงข่มอารมณ์ให้ใจเย็นและใช้สติให้มากที่สุด ตี๋ปาไม้ทิ้งกระชากข้อมือขาวของฟางดึงเข้าหาตัว ผมไหลไปตามแรงดึงตกอยู่มนอ้อมกอดของตี๋ พี่พัดมาฉุดมือผมไว้อีกข้าง

 

                “ส่งฟางมาให้กู”

 

                “ของที่กูยังกินไม่อิ่ม ใครก็อย่ามาแย่ง รอกูอิ่มเมื่อไหร่จะเอาไปแบ่งกับใครก็แล้วแต่มึง” ถ้อยคำโหดร้ายสาดออกมาทำร้ายจิตใจที่หลุดลอยของผมกลับมา

 

                เคยกินของที่มันเคลือบยาพิษไหม ยิ่งกินเข้าไปมากยิ่งทำร้ายร่างกายคนกินช้าๆ

 

                ผลั๊วะ!

 

                ผมปล่อยหมัดต่อยหน้าไอ้หนุ่มหน้าตี๋ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ คว้ามือพี่พัดเดินหันหลังออกมาไม่แยแสว่ามันจะรู้สึกยังไง เพราะมันเองก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเลยสักนิด

 

                คนที่มันแคร์คงมีเพียงคนเดียว คือพี่ดิน

 

                “ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้สุด มึงอาจจะหนีได้แต่มันไม่จบ” ผมชะงักเท้ายืนฟังมันพูดนิ่ง พี่พัดกระตุกมือผมให้ก้าวต่อ

 

                “ถ้าฟางกลับไปหามัน พี่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องฟางอีก เอาไงครับ” พัดพูดเสียงธรรมดาไม่ได้ต้องการจะประชด แต่พูดเพื่อให้ฟางเลือกสักที ใจที่ลังเลและสายตาที่กลอกไปมาคล้ายสับสน

 

                “ไปเถอะครับ ช่วยไปส่งฟางที่บ้านที” ผมกุมมือพี่พัดให้เดินไปด้วยกัน ใจปวดหนึบแต่ละก้าวหนักอึ้งยากจะเดินต่อ

 

…………………………………………………………

 

                ผมกลับเข้ามานอนในบ้านยกมือไหว้พ่อกับแม่ที่นั่งคุยกันที่ห้องรับแขก แม่ถามว่าทำไมกลับไว ผมบ่ายเบี่ยงว่างานเสร็จแล้ว พี่พัดแยกตัวไปหาพี่ฟินที่มาถึงก่อนผมได้ไม่นาน เสียงเฮฮาของบรรดาเพื่อนดังขึ้นทักทายเจ้าของบ้าน สองทุ่มสิบนาทีเป็นเวลาที่เรานัดดูดาวกันคืนนี้

 

                “เป็นอะไรวะ วันนี้ผีสิงมึงเหรอฟาง” เพทายหยอกผมให้หายเศร้า ไม่ใช่แค่มันหรอกที่พยายามชวนผมคุย เพื่อนอีกสามคนก็ทำเช่นเดียวกัน

 

                “สิงห่าอะไร บ้านกูไม่มีผี” ผมด่ามันฝืนยิ้มให้มันสบายใจขึ้น

 

                “แน่ใจ? เมื่อกี้กูเข้าห้องน้ำชั้นล่างมา ได้ยินเสียงแปลกๆดังด้วยนะเว้ย” มันหลอก ผมรู้ทันเหอะ

 

                “เสียงมึงตดอะดิ ไปเล่นไกลๆนะหนู ทีนี่มีแต่ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

 

                “กวนตีน มึงเลิกทำหน้าจะตายสักทีเหอะ พวกกูเป็นห่วง”

 

                “ครับเพื่อน โอเค ฮิ้ววว กูฟางคนเดิมกลับมาแล้วพวก ไงอินางแตง วันนี้ขนอะไรมาบ้านกู” ผมทำเสียงร่าเริงมุ่งไปดูห่อขนมที่หน้าตาแปลกไม่พบเห็นทั่วไป

 

                “มึงไม่รู้จักทองม้วนเหรอคะอิฟาง แม่กูทำมาให้ลองชิมกัน เอ้าๆคนละสามชิ้นพอนะพวกมึง”

 

                “มึงขนมาตั้งเยอะให้กูแค่เนี้ย?” ติ้วถือทองม้วนจำนวนน้อยนิดขึ้นชู

 

                “ที่เหลือของกูเว้ย แดกไปแค่นั้นพอมันเปลือง” เพื่อนพากันโห่ปาเศษขนมใส่แตง เรื่องงกไม่มีใครเกิน ผมส่ายหัวน้อยๆเดินไปหยิบผ้านวมนุ่มมาปูนอนชั้นดาดฟ้าที่ไม่มียุงมารบกวน

 

                “มึงว่าเราจะได้มานอนดูดาวด้วยกันจนถึงตอนไหน เรียนจบก็ต้องแยกย้ายกันไปแล้ว” ออมดึงเข้าสู่โหมดจริงจัง

 

                ตอนนี้เรานอนเรียงกันห้าคน ผมนอนหนุนท้องไอ้เพทายเพราะแม่งแย่งหมอนผมไป ติ้วมันเอามือรองหัวหนุนแทนหมอนที่วางไว้ข้างตัวที่ไม่เสือกใช้ แตงกับออมนอนติดกันโดยมีหมอนคนละใบ

 

                บ้านผมไม่ได้ขาดแคลนหมอนนะเว้ย

 

                “มึงจะคิดมากทำไม พอถึงช่วงเวลาทำงานเราก็นัดเจอกันดิวะ” แตงตอบกลับ

 

                “กูจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแข่งกับคุณนาย มึงมาอุดหนุนกูด้วยนะ” ผมพูดติดตลก มันพากันขำตบหัวผมคนละที

 

                “ลวกเส้นไอ้สุกก่อนไอ้สัส ถุย ไหนว่าจะไปเป็นทหารไงไอ้ฟาง รับใช้ชาติอะไรของมึงน่ะ” ไอ้ติ้วขุดเรื่องในวัยเด็กขึ้นมา ผมแค่สิบกว่าปีก็ฝันไปเรื่อยแหละครับ

 

                “มึงก็เหมือนกัน ไหนว่าจะไปเมืองนอกหาสาวฝรั่งสวยๆมาเป็นเมียไง” ผมย้อนกลับ อยากจะพูดต่อว่า ไงล่ะมึงเมียมึงฝรั่งสมใจเลยไหม พี่ดินคนสวยมึงเด็ดกว่าฝรั่งอีก

 

                “ยังจะจำได้อีก กูลืมไปแล้วนะ”

 

                “ฮ่าๆๆๆ พูดก็พูด กูนึกออกพอดี มึงจำตอนที่อิแตงเข้าปีหนึ่งใหม่ๆได้ป่ะ หน้าแม่งอย่างเถื่อน” เพทายมันพูดขึ้น เจอฝ่ามือแตงตบเข้าเต็มหน้าแดงเป็นรอยนิ้ว

 

                “กูสวยขึ้นแล้วค่ะ กลายพันธุ์ได้เว้ย มึงจะรื้อฟื้นให้กูอายทำไม”

 

                “แล้วออมล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร” เพทายมันถามออม

 

                “ออมเหรอ ออมอยากผัวรวยๆจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำงาน” โอ้แม่เจ้า ความคิดเธอช่างแตกต่าง

 

                “มึงจะบ้าเหรอ เรียนมาทำห่าอะไรอย่างนี้” แตงสวนกลับไม่จริงจัง

 

                “กูคิดจริงค่ะ บ้านกูไม่ได้รวยนะ ทุกวันนี้ก็ต้องเอาตัวเข้าแลกกับเงินเพื่อเลี้ยงครอบครัว ได้ทั้งเงินทั้งเสียว”

 

                “ออม…กูขอได้ไหมวะ มึงไม่กลัวโรครึไง ถ้าพลาดขึ้นมาชีวิตมึงจบเลยนะ เรื่องเงินกูจะช่วยมึงก็ไม่เอา” ติ้วเอ่ยเสียงจริงจัง ผมเหล่มองหน้าออมที่ก้มมองพื้น

 

                “อะไรกูทำแล้วช่วยครอบครัวได้กูก็จะทำ มันอาจจะใช่ที่ทำงานแล้วได้เงิน แต่มันใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ นี่แค่คืนเดียวกูได้เท่าเงินเดือนทั้งเดือนเลยนะ”

 

                “แล้วผลเสียที่ได้มึงไม่คิดบ้างวะ ไหนจะโรค ไหนจะคำดูถูกของชาวบ้านที่ว่ามึงอีกล่ะ เชื่อกูนะออม มาทำงานบ้านกูก็ได้ แม่กูทำคนเดียวไม่ไหวหรอก เงินมันน้อยแต่ก็ไม่มีผลเสียอะไร” ผมอยากจะช่วยเพื่อนคนนี้มาก ชีวิตภายนอกมันโคตรจะหรูหรา แต่ความจริงแล้วมันสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดเงินเท่านั้น

 

                “อืม ไว้จะคิดดูอีกที”

 

                “มาทำร้านเสื้อผ้ากับเพื่อนกูไหมล่ะ เงินดีงานง่าย คนรู้จักกันทั้งนั้น” แตงเสนอ เจ้าตัวก็เป็นหุ้นส่วนในร้านอยู่ด้วย

 

                “รักพวกมึงว่ะ ขอบคุณที่เกิดมาเป็นเพื่อนกู” เราโผกอดออมปลอบใจมันเมื่อเห็นน้ำตามันคลอจะร้องไห้

 

                ผมยกมือขึ้นคว้าดาวดวงเล็กที่กำลังจะตก ของบางอย่างก็เหมาะจะอยู่บนฟ้าให้เชยชม ต่อให้พยายามจะคว้ามันมาสักแค่ไหนก็ได้แค่ความพยายามที่ไม่มีทางเป็นจริง ดาวอาจจะสวยเมื่ออยู่ไกลสายตา แต่เมื่อเข้าไปใกล้มากมันอาจจะร้อนจนขยาดไม่มีวันลืม

 

……………………………………………………………………………

 

ตี๋

 

            ผมแวะเข้ามาห้องไอ้เต้ยเอาชีทเรียนมาให้มัน เต้ยเห็นหน้าพี่รหัสตัวเองเลือดซิบตาตั้งลนลานดึงเข้าห้อง หากล่องพยาบาลที่ติดห้องเอาไว้เพื่อทำแผล

 

                “พี่ไปหาเรื่องใครมาวะ” มือทำปากถาม ผมเหยียดปากร้องรู้สึกแสบที่ข้างแก้ม

 

                “หมาขี้เสือก”

 

                “แกล้งยอมเขารึเปล่า ปกติพี่ไม่ให้ใครมาทำรอยง่ายๆนี่” เต้ยยังตั้งข้อสงสัย

 

                “มาไม่ทันตั้งตัวมันก็ต้องมีพลาดกันบ้างดิวะ”

 

                “แล้วไอ้ขี้เสือกนั่นมันเป็นยังไงบ้างล่ะ ไม่ใช่พี่ซัดตายห่าแล้วนะ”

 

                “ไม่ มันไม่มีแม้รอยขีดข่วน โอ๊ย! แสบๆไอ้เต้ย มึงมือเบาหน่อยดิวะ” ผมร้องเสียงหลงหันหน้าหลบสำลีที่ชุบยาจนท่วม

 

                “ก็เต้ยตกใจ เป็นไปได้ไงวะ พี่ปล่อย?”

 

                “ไม่อยากปล่อย แต่มีคนเข้ามาช่วยไอ้ขี้เสือกให้รอด” ก่อนจะพากันหนีไป หึ รักกันดีนะพวกมึง

 

                “ขยันหาเรื่องนะพี่กู เอ้า เสร็จแล้วครับ” เต้ยวางสำลีลงทิ้งขยะใบเล็ก

 

                ผมยื่นหน้าไปทางกระจกส่องสำรวจแผลบนใบหน้าที่จางๆไม่เห็นเด่นชัด เตือนมันแล้วว่าหนีได้แต่ไม่จบ จะเลวก็ขอเลวให้สุด นิ้วเรียวเคาะขอบโต๊ะใช้ความคิด

 

                “เต้ย มึงรู้จักพวกไอ้ฟางใช่ไหม” ผมหันไปถามไอ้เต้ยที่เดินกลับเข้ามาในห้อง

 

                “ใช่ ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานหรอก พี่ถามทำไมวะ”

 

                “เปล่า เดือนหน้ามีค่ายอาสา พวกมึงต้องลงกันด้วยนะเว้ย คราวที่แล้วก็เสือกไม่ไป” มือหนาผลักหัวน้องรหัสเอ่ยเสียงแกมบังคับ เจ็ดวันหกคืนมันมีอะไรให้ทำได้เยอะแยะ หึ ถ้าไอ้เด็กเปรตมันไปก็สนุกล่ะงานนี้

 

                “ไปอยู่แล้วและพี่ แล้วถามถึงมันทำไม จะให้ชวน?”

 

                “เออ เห็นน้องผู้หญิงเขาถามไอ้ดินตอนนั้นไม่รู้ได้ลงชื่อรึยัง มึงก็ไปชวนๆมากันให้ได้”

 

                “โห คำสั่งชัดๆ งั้นเต้ยโทรเลยดีกว่าเผื่อมันไม่ไปกันพี่จะได้ไม่เล่นเต้ย เปิดลำโพงเลยนะ” เต้ยสบตาถามความคิดผม ผมพยักหน้าให้มันเปิด ไม่นานปลายสายก็กดรับ แหม โทรหาไอ้ฟางคนแรกซะด้วย

 

                (มีไรวะ)

 

                “มึงอยู่ไหนวะเสียงโคตรดังเลย” เต้ยวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะเท้าคางถาม ปลายสายโต้กลับมาพร้อมเสียงรอบข้างที่ดังจอแจ

 

                (ข้างนอกๆ มาเดินเล่นกับรุ่นพี่ มึงมีไรอะ)

 

                “เปล่า กูจะมาชวนไปค่ายด้วยกัน สนุกดีนะมึง น้ำตกด้วย” ผมยิ้มพอใจที่เต้ยมันพูดโน้มน้าวจนมันยอมไป จนไอ้ฟางถามถึงผมขึ้นมา

 

                (พี่มึงไปด้วยเปล่า)

 

                “พี่ตี๋ไปเปล่า” เต้ยมันถามผมเสียงเบา ผมกระซิบตอบกลับไป

 

                “มึงบอกมันไปว่ากูไม่ได้ไปกับพวกมึง”

 

                “เอ้า พี่ไม่ไปเหรอวะ”

 

                “ไปไอ้สัส แต่กูไปรถส่วนตัว มึงก็ไม่ได้โกหกนี่ กูไม่ได้ไปกับพวกมึงจริงๆ”

 

                “พี่แม่งโคตรเลย เออๆ” ด่ากู เดี๋ยวตบหัวแบะ “เปล่าวะ ไม่ได้ไปกับเรา” พูดตอบคนในสาย

 

                (อืม งั้นกูไป ต้นข้าวไปด้วยกูก็ไปด้วย) เต้ยจ้องหน้าจอตัวเองเขม็งเหมือนเห็นโทรศัพท์เป็นหน้าฟาง

 

                “อืม มันไป มึงไปใช่ไหมตกลง แล้วคนอื่นล่ะ”

 

                (ลงชื่อไปให้หมดนั่นแหละ เออๆแค่นี้ก่อนนะ….พี่พัดไปด้วยกันเปล่า) เสียงฟางถามพัดก่อนสายจะตัดไป

 

                ชิบ จะเป็นมารกูไปถึงไหน

 

                “เรียบร้อย ขอค่าจ้างด้วยครับ” เต้ยยิ้มแปล้แบมือตรงหน้าตี๋

 

                “เอาตีนกูไปแดกก่อนไหม แล้วมึงอยู่ยังไงวะผ้าไม่ซัก” ห้องมันโคตรรก ผมมองผ่านเลยไปเห็นตะกร้าผ้าที่อัดแน่นและกองกระดาษที่เกลื่อนเต็มพื้น

 

                “รอคนมาทำอยู่ พี่กลับเลยป่ะ ถ้ายังลงไปเลี้ยงข้าวหน่อยดิ”

 

                “มึงนะมึง เออ จะแดกอะไรล่ะกูเลี้ยงเอง ขอไม่ไกลนะขี้เกียจขับรถ”

 

                “ครับผม” เต้ยเก็บของที่เกลื่อนเข้าที่คว้าโทรศัพท์กับกุญแจห้องใส่กระเป๋ากางเกง ขาอ่อนที่ตัดกับสีผิวส่วนที่โดนแดดโผล่พ้นกางเกงขาสั้นออกมา เสื้อตัวเล็กพอดีสัดส่วนรักกล้ามอกเห็นเป็นมัดน่าหลงใหล

 

                ผมยิ้มกระหยิ่มคิดแผนการรับมือกับไอ้เด็กเปรตไปพลางๆ สงสัยต้องใช้ไอ้เต้ยนี่แหละเป็นตัวช่วยกีดกันไอ้พัดออกไป กูจะทำยังไงกับมึงวะฟาง กล้าหนีกูสุดท้ายก็ต้องเจอกูอยู่ดี หึ

 

                ชาตินี้ยังไงมึงก็หนีกูไม่รอดหรอก ตราบใดที่กูยังหายใจอยู่ก็อย่าฝัน

 

 

               

 TBC.

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา