ตัวผมกับโลกต่างมิติทีไม่ได้อยากจะไปเลยสักนิด

-

เขียนโดย nightmare91

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.21 น.

  7 chapter
  1 วิจารณ์
  8,320 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 17.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) โลกใบใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“บ้าเอ๊ยย ที่นี่มันที่ไหนกันแน่ฟะเนี้ย ?”

 

หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมา  ทิวทัศน์รอบๆตัวของชินก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  จากทะเลก้อนเมฆที่มองไปได้จนสุดสายตา  ก็กลับกลายมาเป็นทุ้งหญ้าสีเขียวขจีแทนที่ สายลมอ่อนๆค่อยๆพัดผ่านมาพร้อมกับกลิ่นของใบไม้ใบหญ้าซึ่งพุ่งเข้ามาสัมผัสเข้ากับใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบา

หลังจากที่ชินถูกเทพธิดาใช้อักษรเวทย์มนต์วาร์ปมายืนจังก้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ 

 

 

บรรยากาศรอบๆตัวของชินนั้น ค่อนข้างดูเป็นชนบทเป็นอ

ย่างมาก  ถนนที่อยู่ใกล้ๆตัวของเขานั่นก็เป็นเพียงแค่ถนนที่เกิดจากการที่รถม้าได้แล่นผ่านเป็นจำนวนมากครั้งจนหญ้าไม่อาจจะขึ้นมาได้อีกและเกิดเป็นแนวทางก็เท่านั้น

 

 

ที่นี่คือ ต่างโลกอย่างงั้นเหรอ ? ชินพึมพำกับตัวเอง

 

ชินคิดสะระตะขณะที่นึกถึงคำพูดของเทพธิดาทีพูดกับตัวเขาก่อนหน้านี้  พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามที่มีกลุ่มก้อนเมฆรูปร่างต่างๆกำลังร่องลอยไปตามแรงลม

เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมๆกับรูปร่างของเมฆที่แปลเปลี่ยนไป

ชินก็ต้องทำใจยอมรับได้ว่าที่นี่น่ะมันไม่ใช่โลกใบเดียวกับที่ตนเคยอาศัยอยู่อีกต่อไปแล้ว

 

แต่ถึงแม้ทีโลกแห่งนี้มันจะเป็นต่างโลกก็จริง

แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างจากโลกเก่าที่ชินเคยอยู่หรือรู้จักนัก

เพราะอย่างน้อยๆ ที่โลกใบนี้ก็ยังมีท้องฟ้า  สายลม  แสงแดด  ชินคิดเช่นนั้น

 

 

“เฮ้ออ ไม่ได้อยากจะมาสักนิดเลยแหะ ไอ้โลกต่างมิติแบบนี้เนี่ย  แล้วตูจะหาวิธีกลับไปโลกเดิมได้รึเปล่าฟะนั่น ?”

 

ชินพึมพำพร้อมทั้งคิดหาวิธีที่จะทำให้ตนกลับไปยังโลกเก่าที่ตนได้จากมาได้และขณะที่ใช้หัวคิดไปพลางๆ ชินก็นึกถึง นิยายไลท์โนเวล ที่เคยยืม เพือนที่ทำงานด้วยกันขึ้นมาพอดี  เพราะว่าหากลองคิดถึงสถานการณ์ที่ตัวเองพบตอนนี้มันอาจจะไม่ได้แตกต่างจากเรื่องราวในนิยายเท่าไหร่นัก

“จริงสิ โลกนี้อาจจะเป็นโลกเสมือนก็ได้ ถ้าเป็นโลกแบบนั้นล่ะก็มันต้องมีระบบ Log out เพื่อออกจากเกมส์อย่างแน่นอน”

ถึงแม้ว่ามันจะดูเพ้อฝันเพียงใด  แต่ความเป็นไปได้มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นศูนย์ไปซะเลยทีเดียว

มันคุ้มค่าเกินพอที่จะลองเสี่ยงดู   .. เอาเป็นว่าลองทำดูก็แล้วกัน  ชินคิด

เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็ตั้งสมาธิและเตรียมท่าทาง ซึ่งดูแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับพวก “จูนิเบียว” (โรคป่วย ม.2) นัก

ชินนำมือซ้ายขึ้นกางนิ้วปิดหน้าตัวเองและและสะบัดมือขวาของตัวเองออกไปทางด้านข้างของลำตัว

เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็ตั้งสมาธิและเตรียมท่าทาง ซึ่งดูแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับพวก “จูนิเบียว” (โรคป่วย ม.2) นัก

ชินนำมือซ้ายขึ้นกางนิ้วปิดหน้าตัวเองและและสะบัดมือขวาของตัวเองออกไปทางด้านข้างของลำตัว

“Main menu open  !!”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หรือว่าท่านี้มันจะใช้ไม่ได้  ไม่เป็นไรๆ  ชายหนุ่มพยายามหลอกตัวเองไปเรื่อย

ถ้าอย่างงั้นลองเปลี่ยนท่าดู เอาใหม่..อีกครั้งนึง

เขาชูแขนทั้ง 2 ข้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของชายชาตรีขึ้นฟ้า พร้อมยกขาขวาขึ้นเหนือพื้น

ก่อนที่จะแหกปาก ดังลั่นอีกครั้งว่า

“Main menu open  !!”

………………………………. (นิ่งสนิท)

หึ... หึ ฮ่าๆๆๆๆๆ  รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในชินมันได้ขาดสะบั้นไปแล้ว

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

“Main menu open  !!”

เขายังคงตะโกนประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้าที่ยังคงไม่ยอมแพ้ทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้

 

“อะไรกันฟะเนี่ย  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซักอย่างเลยนี่หว่า”

ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มี  อะไรเกิดขึ้น จะมีก็แต่เสียงลมพัดเบาๆที่เหมือนมันต้องการจะบอกว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด

ชินนำมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง แทบจะทันทีแล้ว นั่งคู้ตัวไปกับพื้นด้วยความอาย

“อ๊า น่าอายน่าอายเกินไปแล้ว..นี่ตูทำบ้าอะไรลงไปฟะเนี่ยเฮ้ย”

นี่อาจจะเป็นผลกระทบจากการถูกส่งมายังต่างโลกอย่างกะทันหันก็เป็นได้ ถึงทำให้สมองของเขามันเพี้ยนๆไป จริงๆนะ ถ้าเป็นชินตามปกติแล้วละก็ เขาคงไม่มีทางทำเรื่องน่าอายแบบนี้หรอก 

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

 “ฟุ่ววว”

หลังจากที่สงบจิตสงบใจลงได้ในระดับนึงแล้ว  ในที่สุดตัวผมก็เริ่มที่จะทำใจยอมรับสถานการณ์ตรงหน้าขึ้นมาได้เล็กน้อย

ก็เอาเป็นว่า.... ก่อนอื่นที่ผมจำเป็นที่จะต้องเริ่มคิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในโลกใหม่แห่งนี้ซะก่อน...

เอาเป็นว่าขอลองตรวจสภาพร่างกายของตนเองซะก่อนก็แล้วกัน

ผมใช้มือลูบๆ คำๆ ที่ใบหน้า แขน ขา และ ลำตัวของตัวเองจนทั่วทั้งร่าง 

 

เอ๊ะ !? ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บเลยอย่างงั้นเหรอ?

เป็นไปได้ยังไงกัน ?

ดูเหมือนว่าร่างกายของผมจะยังเป็นปกติดีเหมือนเก่า ไม่สิๆ อาจจะดีกว่า เดิมด้วยซ้ำ  เพราะทั้งๆที่ร่างกายของผมเพิ่งจะ ถูกรถบรรทุก ชนเข้าไปจังๆ จนปลิวไปในอากาศ ราวกับเศษใบไม้ถูกลมพายุพัด  แต่ร่างกายกลับไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้กระทั้งรอยขีดข่วนบนร่างกายเลยแม้แต่น้อย

ผมทำหน้าประหลาดใจ ยืนครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะได้คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

 

ยัยเทพธิดานั้น รักษา ร่างกายให้อย่างงั้นเหรอ ? ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเพราะถ้าจำไม่ผิด เธอพูดว่า จะส่งมาทั้งๆ แบบนี้ก็ไม่ได้ด้วย และจะให้คิดไปในทางอื่นๆก็คงเป็นไปไม่ได้ด้วยนั่นแหละ

 

แต่เกี่ยวกับเรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างมันเถอะ แค่ร่างกายมันไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้ว

ถึงแม้ตัวผมจะมีความคิดแบบนี้ก็ตาม แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกขอบคุณเทพธิดาอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยๆน่ะนะ

 

หลังจากที่ใช้มือสัมผัส ตรวจดูร่างกาย อย่างละเอียดเมื่อสักครู่ ก็ทำให้ รู้ว่า ตัวผม มีของ ที่พกติด ตัวเอาไว้จากโลกก่อนครบทุกอย่าง

-ดาบสั้น

-มีดพก

-มือถือที่หน้าจอแหลกละเอียดไปแล้ว

-นาฬิกาข้อมือ

รวมทั้งสิ่งของจิปาถะ อีกนิดหน่อย ส่วนชุดที่ใส่อยู่ก็เป็นชุด คลุมสีดำ และเสื้อยืดสีขาว ที่อยู่ ด้านใน กับร้องเท้า หนังคู่เดิมๆที่ใส่อยู่ประจำ

แม้ตัวผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยจนแอบหวั่นวิตกขึ้นมาในใจว่าจะทำยังไงกับสถานการเช่นนี้ดี

แต่หากยังพอมีของจำเป็นๆติดตัวมาบ้าง ผมคิดว่า ตัวผมน่าจะพอหาวิธีเอาตัวรอดได้บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

“เอาละ..”

หลังพูดออกมาเพิ่มพลังใจให้ตัวเองแล้ว  ผมก็ลองขยับแขน ขา อีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า มันไม่ได้รับบาดเจ็บและยังสามารถใช้งานได้จริง

ซึ่งพอทดสอบสภาพร่างกายของตัวเองจนมั่นใจแล้ว ผมก็ตัดสินใจเดินไปยัง เส้นทางที่ดูแล้ว น่าจะเป็นถนน ที่อยู่ห่างจากต้นไม้ที่ผมยืนอยู่ไปสักหน่อย

ก็หากถ้าเดินไปยังถนนแล้วละก็ อาจจะเจอคนที่ผ่านไปมาบ้างก็ได้ หรืออย่างน้อยๆก็น่าจะพบป้ายบอกทาง  และเมิ่อตัดสินใจได้แบบนั่นแล้ว ก็เลยออกเดินไปจากใต้ต้นไม้ที่ตัวเองยืนอยู่

เมื่อเดินออกจากจุดที่ถูกวาร์ปมาสักครู่มาจนถึงถนนที่มองเห็นจากใต้ต้นไม้นั้น

 

“ชิบละ ” ดูเหมือนว่า ผมจะเจอปัญหาเข้าซะแล้ว

เพราะไม่รู้ว่าทางไหนเป็นทางไหน ก็เลยไม่รู้ว่าทางเข้าไปยังตัวเมืองที่อยู่ใกล้ๆ นั้นมันต้องเดินเลี้ยวไปทางซ้ายรึว่าทางขวากันแน่  แถมไอ้ตรงบริเวณที่ผมยืนอยู่มันก็ดันไม่มีป้ายบอกทางอยู่เลยด้วยเนี่ยสิ

ลองรอถามคนที่ผ่านทางไปมาก็แล้วกัน...

จนเวลาล่วงเลยไปสัก 15 นาทีเห็นจะได้

เพราะความร้อนจากดวงอาทิตย์ ที่สาดส่องมาจากฝากฟ้า  ก็เลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะเลิกรอ..

คงต้องคิดเอาเองซะแล้วสินะ

 

เอิ่ม ... แล้วตูควรจะไปทางไหนดีละเนี้ย ?

 

 พอคิดไปมากๆเข้าก็เลย ยืนทำหน้าลำบากใจอยู่กลางถนนซะแล้ว

และตอนที่กำลังเค้นความคิดออกมาจาก สมองอันน้อยนิดของตัวเอง

ผมก็มองเห็นเงาบางอย่างกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้ จากที่ไกลๆ

รอดแล้วเฟ้ยตัวข้า..

ขณะที่ดีใจ เท้าก็ก้าวออกไปทางเงาที่ว่า เขากำลังเดินมาจาก ถนนทาง ขวามือของผม

 

“นี่ คุณครับพอดีว่าผมอยากจะถามทางหน่อย"

 

ชินตะโกนออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

พอเจ้าของเงานั้นได้ยินเสียงของชินเข้าจากที่ไกลๆ

เงานั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย และเปลี่ยนจากที่ค่อยๆ เดินอยู่ กลายมาเป็นวิ่งแทน

 

เอ๊ะ ทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย มันแปลกๆยังไงไม่รู้สิ

 

ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าหาคนๆนั้นอย่างเชื่องช้า

ทว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งเข้าหาผมด้วยความเร็ว

พอระยะห่างระหว่างผมและคนๆนั้นสั้นลงเรื่อยๆ ผมก็เริ่มที่จะมองเห็นใบหน้าของเจ้าของเงาที่ผมพูดถึงชัดเจนมากยิ่งขึ้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของผมค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆจน...

 

 

“ชิบหายแล้วว้อยยยยย !!”

ผมอุทานออกมาอย่างรนราน

 

ก็นะ..

ไอ้เงาที่ผมคิดว่าเป็นมนุษย์อยู่ตั้งนาน สองนาน มันไม่ใช่ มนุษย์ แต่เป็น มอนเตอร์นะสิ แถมมันกำลังวิ่งหน้าตั้ง มาหาผมด้วยวะ

ซวยจริงๆแน่คราวนี้

ลิซาร์ดแมน ใช่ไหมนั้น มนุษย์กิ้งก่า ตัวเป็นๆ แถมสูงราวๆ 2 เมตรเลยละ

ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ก็เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ จะทำยังไงดีละเนี้ย ?

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา