The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  32.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) 07-ผบ.โค่นอสูร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
07-ผบ.โค่นอสูร
 
      อสูรกระทิงแบร์ริกจอมเหี้ยมโหด เป็นอีกหนึ่งสัตว์ในตำนาน ด้วยลักษณะขนสีน้ำเงินปกคลุมไปทั่วร่าง แต่ส่วนอกถึงท้องปกคลุมไปด้วยขนสีขาว ส่วนหัวนั้นมีเขาดำวาวงอกเงยออกมากว้างยาวและดวงตาสีมืดที่ไม่มีตาขาว พวกมันยืนสองขาถือดาบเล่มโตด้วยกล้ามเนื้ออันกำยำ สามารถวิ่งได้เร็วแต่ก็เชื่องช้าในเวลาใช้อาวุธ มันถูกจัดว่าเป็นอสูรที่โหดร้ายที่สุดในแถบป่าน้ำแข็งซานเซียทางตอนเหนือของจักรวรรดิลามิเรสในปัจจุบัน อสูรกระทิงแบร์ริกมักชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม บ่อยครั้งพวกมันต้องปะทะกับอสูรโคเฮมเมลเพื่อแย่งชิงอาณาเขต พวกมันไม่มีสมองแต่มีสัญชาตญาณ ก่อนสูญพันธุ์ไปด้วยเงื้อมมือมนุษย์กลุ่มหนึ่งในอดีตเมื่อ826ปีที่แล้ว
 
      ----+++---+++----
 
"หน่วยที่7และ15 ล่อมันจากด้ายซ้ายจากนั้นหน่วยที่1,6,30และ9 เข้าโจมตีจากทางด้านหลัง"ผบ.ซายะออกคำสั่งวางกลยุทธหลังประเมินศัตรู
 
"รับทราบครับ/ค่ะ"
 
       กลยุทธดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทว่าศัตรูกลับไม่รู้สึกบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จากการโจมตีด้วยห่าธนูทั้งหลาย และด้วยความกลัวว่าทหารม้าจะถึงคราวเคราะห์จากห่าธนูซายะจึงออกคำสั่ง
 
"เอมิลี่ เธอสั่งถอยไปก่อนทางนี้ให้พวกเราจัดการเอง"ซายะเร่งเร้า
 
"รับทราบค่ะ"
แทบจะยังไม่สิ้นเสียงของซายะ เอมิลี่ก็รับทราบทันที
 
"รอดแล้วสินะเรา"เสียงพึมพำทหารม้าในหน่วยเอมิลี่แอบยิ้มในใจหลังมีคำสั่งให้ถอยจากซายะ
 
"ทุกคนถอย!!"
 
          แต่ถึงกระนั้น แม้จะมีคำสั่งถอยใช่ว่าจะถอยเข้าเมือง เพียงแต่ถอยออกมาเพื่อเป็นกำลังสนับสนุนเท่านั้น และยังเป็นผลดีต่อฝูงบินของซายะด้วยในการสู้กับอสูรกระทิงแบร์ริก
 
"ผ่านไปหลายระลอกแล้วยังทำอะไรมันไม่ได้เลยครับผบ.ซายะ เอาไงดีครับ"หน.หน่วยคนหนึ่งกล่าว หลังมั่นใจไม่มีทีท่าว่าจะชนะ
 
"ทุกคนทั้งหมดแปรกระบวนทัพพายุ!!"ซายะตะเบงเสียงลั่นกลางเวหา
 
      เมื่อทุกหน่วยรับคำสั่ง แสนยานุภาพแห่งกองบินพิฆาตก็เริ่มแสดงศักยภาพโดยเร็ว ด้วยการบินเหินขึ้นลงเป็นเกลียววนรอบอสูรกระทิงแบร์ริกราวกับจะสร้างพายุ ซึ่งมันได้ผลระดับหนึ่ง อสูรกระทิงแบร์ริกเริ่มสับสนกับเป้าหมาย จำนวนฝูงบินนับพันเป็นฝ่ายคุมเชิง ภาพอันตระการตานี้ถูกถ่ายทอดไปยังเหล่าผบ.และทหารทั้งหลายที่ลุ้นกันจนตัวโก่ง
 
"เริ่มทำการยิงไล่ระดับและรักษาระยะห่าง!!!"คำสั่งของซายะตะโกนมาจากกลางค่อนเหนือของกระบวนทัพพายุ
 
    ไม่มีเสียงตอบรับคำสั่งแต่อย่างใด แต่การกระทำนั้นบ่งบอกได้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบแล้ว ฝูงธนูชุดแรกถูกยิงมาจากด้านซ้ายของมันบริเวณช่วงขาเป็นระลอกและไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยการวนไปรอบๆตัวจนถึงส่วนหัวของมันและไต่ระดับลงมาอีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและผลที่ได้คือ..
 
"ขาข้างขวาของมันทรุดลงแล้วครับผบ.ซายะ"หน.หน่วยคนเดิมกล่าวอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
     
       ขณะฝูงบินพิฆาตกำลังโรมรันศัตรูอยู่นั้น กองทัพอัศวินเริ่มเร่งฝีเท้ากรีฑาทัพเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอยู่จากห่างจากเมืองป้อมไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว กระบวนทัพของพวกอัศวินถูกจัดแต่งมาอย่างดี มีทั้งทหารม้าหุ้มเกราะในแนวหน้า พลธนูบางส่วน ทหารราบในแนวกลางถึงหลัง รวมทั้งอสูรกระทิงแบร์ริกอีก5ตัวคอยคุ้มกันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอัศวิน
      ไอปีศาจสีดำทมิฬจากทัพอัศวินล่องลอยพุพล่านไปมาตามแรงลมโยก ดวงตาสีเพลิง อาวุธที่หนักหน่วงกำลังก้าวเท้าย่างอย่างไม่ลดละความเร็ว เพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง กองทัพอันเกรียงไกรและภาพอันน่าสะพรึงนี้ถึงกับทำให้ผบ.ซายะเหงื่อตกได้เลยทีเดียว
 
"ห้ะ!!!"ผบ.ซายะอุทานเสร็จก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
 
"พราวด์เธอกับไปรายงานทางนั้นที กองทัพอัศวินเข้ามาใกล้มากเกินไปแล้ว"
 
"รับทราบค่ะ"
        ทางด้านผบ.ซิกม่าที่ติดตามเหตุการณ์อยู่แล้วบวกกับได้รับรายงานอีก จึงมั่นใจได้ว่าพวกมันต้องบุกที่นี่แน่
        ดังนั้น เขาจึงไม่รอช้ารีบเปิดแนวรบนอกประตูเมืองอย่างเร่งด่วน โดยการส่งทหารม้าอีก1พันนาย ทหารราบ5พันนายและกองบินประจัญบาน5ร้อยนาย อย่างไรก็ตามแผนของผบ.ซิกม่ายังเป็นการหยั่งเชิง ไม่ใช่การเปิดศึกเต็มอัตรา
 
"ไม่ไหวหรอกครับพวกมันเข้ามาใกล้มากเกินไป สั่งถอยเถอะครับ"หน.หน่วยที่9เดเรลรับรู้ได้ถึงอันตรายหากยังสู้ต่อ
 
"ทั้งหมดถอย!! ไปรวมกันก่อน"ซายะก็เช่นกันที่คิดแบบเรเดล การเอาชนะอสูรกระทิงแบร์ริกคงเป็นเรื่องยากในตอนนี้ อีกทั้งทัพอัศวินเริ่มใกล้มาเรื่อยๆ
 
      การประจันหน้าระหว่างกองทัพอัศวินด้านมืดกับทหารเมืองป้องปราการเซลสิอุส สังเวียนเลือดกำลังจะระอุขึ้นอีกไม่กี่อึดใจ !!
 
        ในช่วงนี้ หัวใจของฝ่ายทหารเมืองป้อมเต้นถี่รัวราวกับว่าจะระเบิดออกมา เหงื่อกาฬไหลซิ่กอาบท่วมร่าง สายตาล่อกแล่กและอีกหลายอาการ ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจากความกลัวกับสิ่งที่ตนไม่เคยประสบ แต่กลับกันกับฝ่ายกองทัพอัศวินที่มีแต่ความบ้าคลั่งและเยือกเย็นพร้อมจะทำลายทุกสิ่งให้พินาศ
 
"พวกนายไหวนะ"เสียงหนึ่งดังขึ้นในแนวหน้าและอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น.."ผมจะขยี้มันให้เละเลยครับ!!"กำลังใจเริ่มมาเป็นพักๆหลังการกล่าวขวัญให้กันและกัน
 
      ทางด้านผบ.ซิกม่า
"ดูจากท่าทีแล้วพวกมันคงไม่ได้มาเจรจาแน่ๆ"
"ไปตามผู้อธิฐานมาสร้างบาเรียเดี๋ยวนี้"หลังจากตระหนักอยู่ครู่หนึ่งผบ.มาดเข้มรับรู้ได้การมาถึงของสงครามครั้งใหญ่ หลังประเมินกำลังของอีกฝ่าย
 
        บนยอดสุดของหอคอยวอเตร่าผู้อธิฐานทั้ง7กำลังทำพิธีอธิฐานต่อมหาคริสตัลวอเตร่าเพื่อสร้างบาเรีย ไม่นานนักมหาคริสตัลวอเตร่าเริ่มเปล่งแสงสีฟ้าประกายน้ำเงินระยิบระยับดุจดั่งวารีในมหาสมุทร แสงเริ่มสว่างขึ้น สว่างขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดลำแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ จากนั้นจึงแตกออกไปคนละทาง โดยพุ่งลงไปยังทั่วบริเวณอาณาเขตเมืองป้อมกระทบกับพื้นดินและเกิดเป็นบาเรียสีฟ้าทรงโดมขนาดมโหฬาร ครอบคลุมทุกพื้นที่รวมทั้งนอกกำแพงด้วยบางส่วน แสงฟ้าอ่อนจากมหาสมุทรและผิวหน้าของบาเรียที่กระเพื่อมพริ้วไหวราวกับเมืองป้อมคือเมืองบาดาลมันช่างงดงามยิ่ง ความศักดิ์สิทธิ์ของบาเรียวอเตร่าคือสามารถป้องกันได้ทุกอย่างทั้งปืนใหญ่ อาวุธที่สร้างจากเวทมนต์หรือเวทมนต์ที่ใช้โจมตีและการโจมตีทางอากาศ ทั้งหมดนี้ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น เว้นแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถเดินเข้าออกได้อย่างปกติ
 
"อ๊าา.. อุ่นใจขึ้นเยอะเลยแฮะ"คุณหมอภาคสนามซายูริแอบปลื้มสุดๆหลังผู้อธิฐานสร้างบาเรียโดยเธอยังยืนอยู่ใกล้ๆกับผบ.ซิกม่า
 
"ทุกเหล่าทัพจงฟัง พวกเราจะรบต้านทานอย่างสุดกำลัง หากเราสูญเสียป้อมนี้ไปเมืองหลวงจะต้องได้รับอันตรายแน่"
 
"ประจัญบาน!!!"
ผบ.ซิกม่าชักดาบข้างลำตัวออกแล้วชูขึ้นไปข้างหน้า เพื่อแสดงสัญญาณในการเคลื่อนพล แม้จะมีบาเรียวอเตร่าคอยคุ้มกันและชัยภูมิอันเหนือกว่า ทว่าข้าศึกมีจำนวนมากเกินไปกับการรับมือ ทั้งประตูเมืองด้านตะวันออกที่สลายไปก็เป็นจุดล่อแหลม ทั้งประชาชนที่ยังอพยพกันอยู่ มันคือช่วงเวลาคาบลูกคาบดอกสำหรับผบ.ซิกม่า เขาจึงคิดไม่ตกกับสถานการณ์นี้
 
    ทั้งสองฝ่ายเริ่มประจันหน้ากัน
 
"ตื้ม.. ตื้ม.. ตื้ม.."เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นหลายนัดหลายชุดเรียงกันเป็นแนวยาว หลังกองทัพอัศวินเข้าสู่วิถีปืนใหญ่และยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ พลปืนใหญ่ของผบ.ฟาเวลยังคงทำหน้าที่ได้เฉียบขาดไม่พลาดแม้แต่นัดเดียว อัศวินที่ถูกเกร็ดกระสุนปืนใหญ่ก็พลอยล้มหายตายเป็นเบือ เว้นแต่อสูรกระทิงแบร์ริกกระสุนปืนใหญ่ไม่สามารถจบชีวิตมันได้ เพียงแต่ทำให้มันลุกนั่งลุกยืนเท่านั้น
       ฝีเท้ากระทืบพื้นของอาชานำพาให้เข้าหากันอย่างรวดเร็ว ทหารม้าแนวหน้าทั้งสองฝ่ายเริ่มประหัดประหารกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ต่างคนต่างมุ่งสังหารกัน เลือดจากศพต่างสาดเปื้อนหน้าเปื้อนร่างกัน เสียงอึกทึกของธรณีซึ่งเกิดจากการหลั่งไหลของเหล่านักรบยังคงดังกึกก้อง เสียงร้องโหยหวนยังคงดังครวญครางต่อไป แต่.. ไร้ซึ่งเสียงร้องขอความเมตตา 
    อย่างไรก็ตามช่วงแรกของการทำศึกนั้นเป็นไปอย่างคู่คี่สูสีไม่มีฝ่ายใดเพลี้ยงพล้ำ
 
"ผบ.ซิกม่าครับศัตรูมีราวๆสามเท่าของกองกำลังทั้งหมดของเราครับ จะทุ่มกำลังที่เหลือเลยไหมครับ"ผบ.เดวิสพยายามเสนอแผนที่คิดว่าดีที่สุดออกมา หลังรับรายงานจากทหารนายหนึ่งจากฝ่ายกลยุทธ
 
"ยัง ยังหรอกตอนนี้ฝ่ายเรากำลังได้เปรียบจากชัยภูมิ ทั้งปืนใหญ่ที่ระดมยิงและการโจมตีทางอากาศของฝูงบิน"ใบหน้าอันเข้มขรึมและสุขุมกวาดสายตาไปรอบๆในสนามรบพลางชี้นิ้วไปมาให้ผบ.เดวิสดู
     
    การโจมตีทางอากาศมีผลต่อความได้เปรียบเป็นอย่างมาก ฝนห่าลูกธนูตกมาจากฟากฟ้าอย่างคณานับ ได้สร้างความวิบัติแก่กองทัพอัศวินอย่างมหาศาล โดยเลือกโจมตีทำลายในช่วงกลางของกระบวนทัพ ซึ่งแน่นอนนว่าวิธีนี้จะส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อกองทัพอัศวินที่แนวหน้า เมื่อแนวปะทะกองทัพอัศวินขาดกำลังเสริมและต้องรบอย่างโดดเดี่ยว อีกทั้งแนวหลังช่วงท้ายขบวนทัพยังถูกตรึงโดยฝูงบินพิฆาต การเอาชนะเหนือกองทัพอัศวินคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ทว่า.. โชคไม่เข้าข้างฝ่ายเมืองป้อม
 
     จากรุ่งอรุณจนถึงตอนนี้ ผ่านไปราวชั่วโมงกว่า ดวงตะวันยังคงนิ่งอยู่กับที่ แสงที่เคยทอประกายเจิดจ้ากลับกลายเป็นสีหม่นและเริ่มหรี่ลงเรื่อยจนกลายเป็นสีเลือด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสเปิดโล่งเริ่มมีมวลเมฆสีครึ้มเข้าปกคลุม ทีละส่วนๆ
 
"ไง ซายะ"
 
"อ่า ถ้าไม่ได้แผนของเรอิสพวกเราคงแย่"
 
"นั่นสินะ"บทสนทนาสั้นๆของผบ.ทั้งสอง ระหว่างซายะกับเชอร์ชิลสามารถเรียกความฮึกเฮิม ของเหล่าฝูงบินได้เป็นอย่างดีกับชัยชนะที่ใกล้จะได้รับ
 
"ผบ.เชอร์ชิลจะเอาไงกับพวกอสูรกระทิงแบร์ริกดีครับ"หน.หน่วยในกองบินของเชอร์ชิลกล่าวถึงอุปสรรคอันใหญ่โตที่อยู่ข้างหน้า
 
"เอาไงดีซายะ"สายตาของเชอร์ชิลจดจ้องอุปสรรคนั้น เริ่มหาหนทางจัดการมันร่วมกับซายะซึ่งกำลังคว้าดาบจากด้านหลัง เพียงเท่านี้ทำให้เชอร์ชิลรู้แล้วว่าซายะจะจัดการมันยังไง
       ดาบเล่มใหญ่สีเงินเงาวาวใช้การจับแบบ2มือของซายะและเชอร์ชิลได้ถูกชักออกมาสะท้อนแสงอาทิตย์ที่เลือนลาง ท่ามกลางสายของหน.หน่วยและผบ.ทั้งหลาย ต่างเฝ้ามองด้วยความลุ้นระทึกกับการฆ่าอสูรกระทิงแบร์ริกด้วยดาบกลางเวหาประหนึ่งราวกับว่าทั้งสองคือแสงแห่งความหวัง
       ไม่ช้าทั้งสองจึงใช้การบินของเจ้าเวหาเข้าโจมตี โดยการบินโฉบเฉี่ยวและสร้างบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งตามลำตัว แขนขาและศีรษะถูกกระหน่ำยับเยิน แต่อสูรกระทิงแบร์ริกยังคงยืนตระหง่านคงความแข็งแกร่ง ไม่มีทีท่าว่าจะทรุดลงเนื่องจากบาดแผลยังไม่ลึกพอถึงจุดสำคัญ กระนั้นความพยายามทั้งสองหาได้ลดลง ยังคงโหมกระหน่ำโจมตีอย่างหนักหน่วง ด้วยความเชื่องช้าในการใช้อาวุธของอสูรกระทิงแบร์ริก ความได้เปรียบจึงเกิดขึ้นกับทั้งสอง
        และแล้วความพยายามของทั้งสองก็เป็นผล ขาข้างหนึ่งของมันถูกเฉือนที่ข้อพับช่วงเข่าและอีกข้างก็เช่นกัน ทำให้มันถึงกับใช้มือค้ำผืนดินจากการฟันอย่างเด็ดขาดของซายะ และเนื่องด้วยถูกเล่นงานเพียงฝ่ายเดียวของอสูรกระทิงแบร์ริก ในที่สุดจุดตายก็ปรากฏ
 
"ย๊าาาาาา..."เสียงตะโกนอย่างสะใจของผบ.เชอร์ชิลพุ่งหาเป้าหมายด้วยความเร็วเสียง พร้อมกับการฟันอย่างทารุณกรรม ตัดหลอดลมอสูรกระทิงจอมเหี้ยมโหดขาดออกจากกันในพริบตา !!
     อสูรกระทิงแบร์ริกตัวหนึ่งถูงสังหารและทันทีที่มันล้มลง
 
"เฮ......!!!!!"
มันคือเสียงลั่นดังอันกึกก้องของเหล่าทหารฝ่ายเมืองป้อมปราการเซลสิอุส พวกเขาโห่ร้องและตะโกนอย่างสะใจ หลังอสูรกระทิงแบร์ริกถูกผบ.ซายะและผบ.เชอร์ชิลพิชิต ขวัญและกำลังใจของทหารทุกนายจึงทวีคูณขึ้น
 
"กำจัดไปหนึ่งเหลืออีกห้าและหนึ่งในนั้นมีตัวที่บาดเจ็บ"เชอร์ชิลยิ้มนิดๆพูดพร้อมยกนิ้วโป้งหันมาทางซายะ
"งั้นเริ่มจากตัวนั้นเลยละกัน"ซายะหันไปหาเป้าหมายที่กำลังบาดเจ็บ
        แต่ในขณะทั้งสองจะเข้าสังหารตัวที่บาดเจ็บ จู่ๆมีเจ้าเวหาตัวหนึ่งบินทะยานมาปาดหน้าด้วยความเร็วสูง ทั้งสองถึงกับชะงักไปชั่วครู่ ได้แต่มองเจ้าเวหาและเจ้าของมันเหินผ่านไป
 
         มัจจุราชแห่งห้วงนภาปรากฏตัวขึ้น เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถสังหารอสูรกระทิงแบร์ริกที่บาดเจ็บได้ และไม่เพียงแค่นั้นเขายังโจมตีอสูรกระทิงแบร์ริกตัวที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย
 
"ตายไปอีกหนึ่งเหลืออีกสี่ตัว การโจมตีแบบนั้น.. นั่นมัน ห๊ะ!!หรือว่าจะเป็น...."ผบ.เชอร์ชิลตกตะลึงในความสามารถดั่งพรสวรรค์และคาดไม่ถึงว่าคนๆนั้นจะเป็นเพื่อนของตน
 
"เรอิส!!"ซายะเปล่งอุทานด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
      
        การโจมตีระดับตำนานด้วยพายุคมกริบ การร่ายรำกลางนภา การต่อตัวในอากาศระหว่างเขากับเจ้าเวหาเพื่อสังหารเหยื่อ ทั้งหมดนี้ล้วนคือกลยุทธในทักษะที่ช่ำชองดั่งสวรรค์ประทาน อสูรกระทิงแบร์ริกตนนั้นยังไม่ทันรับรู้ว่าอันตรายจะมาถึงตัว ก็ได้สิ้นชีพไปโดยพลัน
 
             ตายไปอีกหนึ่งเหลือสาม..
 
   ชัยชนะอันหอมหวานเข้ามาใกล้ฝ่ายเมืองป้อมทุกที ทว่าสภาพอากาศในตอนนี้ เริ่มมีการเริ่มการเปลี่ยนแปลงไปมาก ก้อนเมฆสีครื้มค่อนดำเข้าปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าอย่างมิทันรับรู้ ดวงอาทิตย์มิอาจสาดแสงลงมายังพื้นล่าง แสงสว่างถูกบดบัง ความหนาวเหน็บปานทวีปน้ำแข็งอุบัติขึ้นและม่านหมอกระลอกลมที่เกรี้ยวกราด...
 
        ...ทำให้การโจมตีของมัจจุราชแห่งห้วงนภายุติลงด้วยทัศนวิสัยย่ำแย่...
 
"ชิ.. จะให้เล่นแบบนี้หรอ!!"ใบหน้าไร้อารมณ์ตำนานตระกูลไนท์รู้สึกเพลียกับสภาพแวดล้อมห่วยแตก
     
 
    สภาพอากาศแวดล้อมเยี่ยงนี้ ทำให้กองทัพอัศวินสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกมันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น จนทำให้ฝ่ายเมืองป้อมมีปัญหาในการรบ รวมทั้งฝูงบินที่ตรึงทัพหลังท้ายขบวนทัพของพวกมันเริ่มจะตั้งตัวติด
 
"ในนามของข้าพเจ้าแฟมิเลีย ไลแคนขอพระแม่เอวาโปรดรักษาเอมิลี่ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"หลังสถานการณ์แปรเปลี่ยน ในห้วงคำนึงของผบ.แฟมิเลียคิดถึงแต่เพียงน้องสาว ด้วยท่าทางเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางสังเวียนเลือด
 
ผบ.ซิกม่าที่ยันร่างยืนตรง มีสีหน้าวิตกเริ่มเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามหลังทรุดไปเล็กน้อย ได้ออกคำสั่งกับกำลังรบที่เหลือทุกเหล่าทัพอีกกว่าสองหมื่นนาย
 
"ทั้งหมดเคลื่อนพล!!"
     แม้แต่ผบ.ทุกเหล่าทัพยังถูกส่งออกไปฟาดฟันกับศัตรู ด้วยชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยงได้ เหลือเพียงแต่ผบ.ซิกม่ากับผบ.เดวิสเท่านั้นและทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างอาลัย
 
"รองค์ถ้าฉันตายในตอนนี้นายจะเป็นคนต่อไปที่ทำหน้าที่ต่อจากฉัน ฉันไว้ใจนายนะ"ผบ.ซิกม่าพูดพร้อมกับตบไหล่ของรองค์เบาๆ โดยที่เดวิส รองค์ยังยืนอึ้งและคาดไม่ถึงกับคำพูดของผู้ที่เป็นที่เคารพ
 
"ถึงเวลาของฉันแล้วล่ะ"ซิกม่าผู้มาดเข้มหันมองหน้ารองค์ด้วยความปิติ
 
"ไม่นะครับ!!"
 
      สิ้นเสียงผบ.เดวิส ไม่ช้าผบ.ซิกม่าก็วิ่งไปที่ขอบกำแพงและดิ่งลงไป...
 ทันใดนั้นรองค์ก็วิ่งตามมาห้าม แต่ทว่า..มันสายเกินไปแล้ว!!
 
"ม่ายยยยยย!!!!"เสียงสะอึกสะอื้นที่รองค์แหกออกมาทำให้ข้าศึกถึงกับผวา
 
    การรบในแนวหน้านอกบาเรียโรมรันกันอย่างสุดขีดเลือดพุ่ง ยุทธวิธีที่วางไว้ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ฝนห่าธนูที่เคยสังหารพวกมันแทบจะไร้ผล ด้วยอากาศที่หนาวเหน็บเหมือนถูกแช่แข็งปีกของเจ้าเวหาอ่อนล้าลงไป ฝูงบินหลายนายต้องลงจอดและมาร่วมสู้ศึกบนภาคพื้นดินแทน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผบ.กองบินซายะ,เชอร์ชิล และมัจจุราชแห่งห้วงนภา
 
    การต้านทานของฝ่ายเมืองป้อมเริ่มลดประสิทธิภาพลงไป ทำให้กองทัพอัศวินเริ่มผลักดันทหารเมืองป้อมเข้าใกล้บาเรียมากขึ้นเรื่อยๆ
       ขวัญและกำลังของเหล่าเริ่มอ่อนล้าลงไปทุกที
 
'ฮึ่ย!!ในเวลาแบบนี้ไอ้พวกคาสึยะไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันนะ!!'เสียงบ่นพึมพัมในใจของผบ.อับโซรอนกำลังแค้นแ ละกล่าวถึงพวกไม่ได้ความแต่มีความสามารถสูง ขณะยังอยู่แนวหน้าต้านทานศึก
 
 
    
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา