แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  30.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ไปเที่ยวกันไหม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 17 ไปเที่ยวกันไหม
 
อาการเศร้าของก้องภพเริ่มทวีเพิ่มขึ้นทุกวันจนทำให้คุณเกรียงภพและคุณสุภาพรอดเป็นห่วงไม่ได้ จากที่เคยเป็นชายหนุ่มที่อัธยาศัยดีตอนนี้กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบจนหน้าใจหาย
“มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าหมู่นี้ดูเครียดๆนะ” คุณสุภาพรเข้ามาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและห่วงใย
“เปล่าครับผมไม่ได้เครียดอะไร”
“ไม่เครียดแล้วทำไมต้องทำหน้าอมทุกข์ด้วยละ” คุณเกรียงภพถามคนทำหน้าอมทุกข์
เมื่อไม่สามรถบอกความจริงที่อยู่ในใจได้ก็ตอบอย่างอื่นแทน “อาทิตย์หน้าจะมีงานรับเสด็จครับผมก็เลยเครียดว่าจะทำออกมาดีหรือเปล่าเพราะไม่เคยทำมาก่อน” แม้จะเป็นข้ออ้างแต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเชื่อสนิทใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกคนเราก็มีผิดพลาดกันได้” คุณเกรียงภพปลอบใจ
“พ่อครับเสร็จจากงานรับเสด็จผมขอลงไปสามจังหวัดนะครับ” ประโยคนี้ทำให้ผู้ฟังแปลกใจไม่น้อย
“เมื่อก่อนพ่อถามเป็นร้อยรอบว่าอยากไปไหมแต่ปฏิเสธตลอดมาวันนี้ทำไมถึงอยากไปละ”
“วันนั้นกับวันนี้มันไม่เหมือนกันแล้วหน้าที่ของผมคือปกป้องชาติไม่ใช่เหรอครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความเศร้า นายทหารรุ่นใหญ่พยักหน้ารับ
“ได้สิอีกห้าเดือนกองสองจะหมดประจำการลูกก็ไปพร้อมกับกองสามได้เลย” ใจอยากจะห้ามแต่เมื่อเป็นหน้าที่รั่วของชาติอย่างพวกเขาก็ต้องปฏิบัติ
“แม่ว่าหลังงานรับเสด็จลาพักร้อนแล้วพวกเราไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ยจะได้คลายเครียดด้วย”
“ตั้งแต่ทำงานพวกเราไม่ค่อยได้เที่ยวด้วยกันเลยนะ” คุณเกรียงภพเสริมพร้อมมองปฏิกิริยาของลูกชาย
อยู่ที่นี้ก็รังจะทำให้คิดถึงแต่เรื่องเดิมๆอยากลืมไปให้หมดสักทีไปที่ใหม่ๆคงจะทำให้รู้สึกดีขึ้น “ตกลงครับ” คุณเกรียงภพและคุณสุภาพรแอบลอบยิ้มให้กัน
ทางด้านของบ้านวัฒธนเวชก็สอบถามความเห็นกับสมาชิกในครอบครัวเรื่องที่จะไปพักผ่อนกันที่กระบี่ทุกคนต่างสนอกสนกอสนใจกับคำชักชวนไม่น้อยแต่มีเพียงแต่ไอรินทร์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือชวนเท่าไหร่หว่านล้อมเท่าไหร่ก็ไม่ยอมสักที
“นะๆไปด้วยกันนะตั้งแต่รินทร์กลับมายังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย” พีรพัฒน์อ้อนวอนถึงที่สุดยังไงทริปนี้เธอต้องไปด้วย ไอรินทร์มองหน้าพี่ชายอย่างเหนื่อยใจเธอเคยสาบานว่าจะไม่ย่างกรายเข้าจังหวัดนี้อีกเด็ดขาดเพราะตอนเด็กๆเธอเคยไปเล่นน้ำทะเลที่นั้นและเกิดจมน้ำจนกลัวน้ำทะเลจนขึ้นหัวมาจนถึงทุกวันนี้
“ยังไงก็ไม่ค่ะ” ไอรินทร์เดินหลบพี่ชายไปอีกทางพีรพัฒน์เหนื่อยใจกับน้องสาวผู้กลัวน้ำทะเลจนขึ้นหัวเหลือเกินจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหาคุณวรรณวิภา
“ไปเถอะลูกแม่อยากไปเที่ยวกับลูกมากเลย” เห็นสายตาของร้องของผู้เป็นแม่เธอจึงยอมใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะแต่ให้สาไปด้วยนะคะ” คุณวรรณวิภายอมรับข้อเสนอของลูกสาวแต่โดยดี พีรพัฒน์แอบลอบชูนิ้วโป้งให้กับคุณวรรณวิภาแทนพูดว่าเยี่ยม
 
รถตู้โตโยต้าสีเทาพาผู้โดยสารครอบครัววัฒธนเวชมายังสระมรกตภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สระมรกตเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
สระน้ำอุ่นสีเขียวอมฟ้าโอบล้อมด้วยป่าไม้สีเขียวครึ้มทำให้ผู้มาเยียนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งจาการเดินเท้าเข้ามาระยะทางกว่าแปดร้อยเมตร ไอรินทร์ยืดอกขึ้นเพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์สองเท้าเดินย่ำลงบริเวณพื้นหินขรุขระที่มีน้ำจากสระมรกตเอ่อล้นออกมาความอุ่นของน้ำทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าขึ้นมาเล็กน้อย สองเท้ายังคงเดินอยู่บนพื้นหินที่มีน้ำขึ้นมาถึงแค่ข้อเท้าเดินชมบรรยากาศเพลินๆพร้อมทั้งถ่ายรูปวิวสวยๆไม่ได้ดูทางก็ชนเข้ากับใครบางคน
“ขอโทษค่ะ!/ขอโทษครับ!” คนที่เธอเดินชนคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
“คุณไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่ครับ” หนุ่มต่างชาติส่งยิ้มให้และเดินออกไปอีกทาง
ไอรินทร์มองตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไปจบลับสายตาและเดินชมทัศนียภาพต่อไปเรื่อยๆเห็นภาพคนเล่นน้ำแล้วอยากจะลงไปเล่นน้ำบ้าง
“ขอโทษคะ! ขอทางหน่อยคะ!” เสียงวัยรุ่นสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่บริเวณที่ไอรินทร์กำลังยืนอยู่แต่มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังวิ่งมาทางเธอและหญิงสาวคนนั้นก็เซลื้นไถลมาทางเธอ
ตู้มมม!
“ช่วยด้วยคะมีคนจมน้ำ ช่วยด้วยคะมีคนจมน้ำ” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนกกับภาพหญิงสาวที่ตกลงในสระ
คนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างไอรินทร์พยายามตีขาพาตัวเองเข้าหาฝั่งแต่ทำเท่าไหร่ก็เหมือนพาตัวเองลอยออกห่างจากฝั่งเรื่อยๆร่างที่กำลังตะเกียกตะกายผุดศีรษะขึ้นลงเพื่อรับอากาศหายใจ น้ำอุ่นๆไหลเข้าปากออกซิเจนที่ใช้หายใจกำลังจะหมดลงเรี่ยวแรงที่ใช้ตะเกียกตะกายค่อยๆหมดลงจนร่างของเธอจมลงก้นสระดวงตาสองคู่ปิดลงพร้อมกับภาพเลือนลางของใครบางคนตรงหน้า...
 
ร่างของไอรินทร์จมลงสู่ก้นสระทันใดนั้นก็มีใครบางคนดำน้ำเข้ามาประคองร่างของเธอพาขึ้นสู่ผิวน้ำ
‘ใครเรียกฉัน...นี้ฉัน...ตายแล้วเหรอ’
“รินทร์ รินทร์ได้ยินพี่มั้ยฟื้นสิ” ชายหนุ่มพยายามเรียกสติเธอให้กลับมาพร้อมทั้งช่วยผายปอดหลายครั้งแต่เธอก็ยังไม่ได้สติ
“แค่กๆๆ” เสียงไอทำให้คนช่วยชีวิตรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ดวงตาปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อตนเองรู้สึกตัว
“ไง...เล่นน้ำสนุกมั้ย” คำพูดเล่นทำให้คนเพิ่งฟื้นเผยยิ้มออกมาบางๆ อยากจะจับเธอมาตีก้นเสียให้เข็ดจริงๆรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นยังไปเดินขอบสระอีก
“พี่ก้อง” น้ำเสียงแหบพร่าเรียกชื่อผู้ช่วยชีวิตก่อนจะค่อยๆยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เธอตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นก้องภพยิ้มกว้างและหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเธอพูด
 “ลุกขึ้นไหวมั้ย” ไอรินทร์พยักหน้าแล้วพาตัวเองลุกขึ้นยืนพอยืนได้
“โอ๊ย!!” ไอรินทร์หน้านิ่วเพราะอาการบาดเจ็บที่เท้า
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เท้าเป็นตะคริว” หญฺงสาวหน้านิ่วพร้อมกับจับเท้าที่ปวดตุบๆ
มือใหญ่ค่อยๆ นวดคลึงบริเวณเท้าที่กล้าเนื้อเกาะตัวกันเป็นก้อนให้คลายตัวออก ความนุ่มนวลที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นผิดปกติที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน เคยอยู่ใกล้ปีเตอร์เป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาและฐานะที่จัดว่าเพอร์เฟคแต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยมันคืออะไรกัน
“ดีขึ้นมั้ย” ไอรินทร์พยักหน้าแต่พอจะลุกขึ้นเดินกลับหน้ามืดเสียดื้อๆ โชคดีที่ก้องภพรับร่างของเธอทันไม่อย่างนั้นคงก้นจ้ำเบ้าแน่
“ปล่อยเถอะค่ะรินทร์เดินไหว” ชายหนุ่มปล่อยให้เธอเดินเองแต่หญิงสาวก็เซจะล้ม
“นั้นไงไหนว่าไหว” ไอรินทร์ทำท่าจะอ้าปากพูดแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน  “ถ้าพูดอีกเดี๋ยวโยนลงสระอีกรอบแล้วจะไม่ลงไปช่วยด้วย” ก้องภพกำชับเสียงแข็งทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนยอมสงบปากสงบคำโดยดี
รถกระบะสีขาวกลางเก่ากลางใหม่แล่นบนทางดินสีแดง ไอรินทร์หันไปมองคนช่วยชีวิตตนที่นั่งข้างๆสายตาของเขามองตรงไปตาทางข้างหน้าเพียงอย่างเดียวใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ก้องภพชายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆเห็นเธอนั่งตัวสั่นเทาเพราะความหนาวและตัวยังเปียกปากสีชมพูซีดสั่นระริกทำให้เขาสงสารเธอจับใจ
“หนาวมากมั้ย”
“ไม่ค่ะ” ชายหนุ่มรู้ว่าเธอโกหกเพราะเธอตัวสั่นมากขึ้นกว่าเก่าอยากจะกอดเธอเพื่อคลายหนาวแต่ตัวเขาก็เปียกพอๆกันแต่ต่อจะให้ตัวไม่เปียกมันก็ไม่ควรอยู่ดีและความเงียบก็เข้าปกคลุมในรถ
“โกรธอะไรหรือเปล่าทำไมไม่พูดเลย” คนตัวหนาวสั่นพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
“เปล่า” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบและหันหน้าออกนอกหน้าต่างแทนการมองหน้าคู่สนทนา
“ถ้าเปล่าทำไมไม่คุยกับรินทร์เหมือนเมื่อก่อนละ” ชายหนุ่มทำท่าจะอ้าปากพูด
“ถึงแล้วครับ” คนขับรถพูดตัดเสียก่อน
ก้องภพและไอรินทร์ลงมาจาดรถพร้อมกันโดยที่ชายหนุ่มก็คอยประคองหญิงสาวด้วยเพราะเท้าของเธอมีปัญหา
“ไปทำอะไรมาทำไมถึงตัวเปียกทั้งคู่” คุณสุภาพรร้องถามเมื่อเห็นหนุ่มสาวสองคนอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปียกปอนพอๆกัน
“หนีไปเล่นน้ำด้วยกันอีกแล้ว” พีรพัฒน์จ้องมองคนตัวเปียกสองคนอย่างขบขัน
“เปล่านะรินทร์ตกน้ำพี่ก้องก็เลยมาช่วย”
“ปะ ปะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเดี๋ยวจะไม่สบายทั้งคู่” คุณวรรณวิภาพูด
“ดีใจจังเลยที่มาเจอกันที่นี้”  คุณสุภาพรพูดแล้เหลือบมองไปทางชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว
“ภาก็ดีใจเหมือนกันแล้วจะเที่ยวที่ไหนต่อค่ะ” คุณวรรณวิภาถาม
“ไปเที่ยวไร่เลย์ต่อครับ” คุณเกรียงภพตอบพร้อมกับหันไปมองลูกชาย
“พวกเราก็จะไปไร่เลย์เหมือนกันครับ” พีรพัฒน์พูดแล้วไม่ลืมที่จะหันไปมองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่กันคนละที่ ทุกๆ คนในที่นั้นส่งยิ้มให้กันยกเว้นเพียงก้องภพและไอรินทร์เท่านั้นที่ต่างคนก็ไม่มองหน้ากันเลย
“ดีจังถ้าอย่างนั้นพวกเรานั่งรถคันเดียวกันดีมั้ยครับไปกันหลายๆ คนสนุกดี” คุณวิชัยเชื้อเชิญสมาชิกบ้านเปรมสุดา
“น่าสนุกเนอะแกเนอะ” ญาณิศากระแทกไหล่เพื่อนสาวเบาๆที่ กำลังยืนทำหน้าทึ่ง ‘การเที่ยวที่แสนสนุกกำลังเริ่มขึ้นแล้วสินะ’ ญาณิศาคิดในใจอย่างสนุกสนานและเดินไปขึ้นรถตู้พร้อมกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา